ปราญติญาขับมาแวะรับพรชนกที่บ้านจากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ แต่ขับรถออกมาได้ไม่นานก็รู้สึกง่วงจึงแวะที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อซื้อกาแฟ
ระหว่างรอกาแฟหญิงสาวก็เห็นศุภโชคเดินเข้ามาในร้านเธอมองไปทางด้านหลังของเขาเพื่อจะดูว่าภาณุวิชญ์จะมาด้วยหรือเปล่าเพราะเมื่อคืนพวกเขาก็กลับพร้อมกัน แล้วเธอก็ยิ้มออกเมื่อไม่เห็นใครเดินตาม
“มากินกาแฟเหรอป่าน”
“อือ โชคล่ะ”
“แวะมากินกาแฟก่อนกลับกรุงเทพน่ะ ป่านก็จะกลับเหมือนกันใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ”
“แล้วขับรถกลับคนเดียวเหรอ”
“เปล่า ป่านมากับบุ๋มนะตอนนี้ไปซื้อขนมอยู่นั่นไงล่ะมาแล้ว”
“สวัสดีโชค จะกลับกรุงเทพเหมือนกันใช่ไหมล่ะ” พรชนกรู้เพราะเมื่อกี้เขาเจอกับเขตแดนและภาณุวิชญ์ในร้านสะดวกซื้อ
“อือ นี่พวกเราทำงานอยู่ที่กรุงเทพกันหมดทุกคนเลยใช่มั๊ย”
“บุ๋มกับป่านทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกันแล้วโชคกับเพื่อนอีกสองคนล่ะ”
“ผมเป็นวิศวกรคุมงานอยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาลที่ป่านกับบุ๋มทำงานอยู่นั่นแหละส่วนไอ้ณุก็ทำที่เดียวกับผมจะมีก็แต่ไอ้เขตนั่นแหละที่ทำไกลออกไปหน่อยแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่เอาไว้วันหลังเรานัดกินข้าวกันดีไหม”
“ได้สิ ป่านขอตัวก่อนนะเพราะบ่ายนี้ต้องกลับไปทำงาน”
“เดินทางปลอดภัยนะทั้งสองเลย”
“ขอบใจจ้ะ โชคก็เหมือนกันนะ” พรชนกพูดจบก็เดินตามปราญติญาออกมาหน้าร้านและสวนกับภาณุวิชญ์และเขตแดนที่เดินเข้ามาพอดี
“จะกลับกันแล้วเหรอ” เขตแดนทักทายเพื่อนทั้งสองคน
“บุ๋มกำลังจะกลับแล้ว”
“โชคดีนะ” เขตแดนบอกกับเพื่อนส่วนภาณุวิชญ์ไม่ได้พูดอะไรเขาแค่ยิ้มให้กับสองสาวก่อนจะเดินตามเพื่อนเข้ามาในร้าน
“เมื่อคืนป่านหายออกไปกับณุค่อนข้างนานแต่พอเจอกันทำไมทำเหมือนไม่สนิทกันล่ะ” พรชนกถามเมื่อขึ้นมานั่งบนรถแล้ว
“ก็ไม่ได้สนิทกันนี่ก็อย่างที่บอกบุ๋มนั่นแหละ เขาถามเรื่องแผลที่หัวน่ะเห็นว่ากังวลว่าจะเป็นแผลเป็นป่านก็บอกเขาไปแล้วว่าแผลนิดเดียวแค่นั้นเดี๋ยวผมมันก็ปิด”
“แต่บุ๋มรู้สึกว่าณุเขาสนใจป่านนะ”
“เขาจะมาสนใจอะไรปานล่ะ บุ๋มจำไม่ได้เหรอว่าแต่ก่อนเพื่อนกลุ่มนี้เคยเรียกป่านว่ายัยอ้วนนะ”
“แต่ตอนนี้ป่านก็ไม่เหมือนเดิมแล้วนี่ เผลอๆ ทั้งสามคนนั้นอาจจะกำลังสนใจป่านอยู่ก็ได้”
“อย่าเลยเราเป็นเพื่อนกันป่านไม่อยากคบเพื่อนหรอกนะเพราะถ้าเลิกกันแล้วจะเสียเพื่อน”
“นี่ยังไม่ทันได้คบกับใครก็คิดถึงวันที่จะเลิกแล้วเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหนล่ะ ส่วนใหญ่ก็เจ้าชู้กันทั้งนั้น บุ๋มดูเพื่อนเราแต่ละคนสิหน้าตาก็ใช่จะขี้เหร่ก็คงจะมีผู้หญิงอยู่ในสต๊อกเพียบป่านไม่อยากเป็นตัวสำรองของใคร”
“รู้สึกว่าตอนนี้ป่านกำลังปิดกั้นตัวเองมากๆ เลยนะ”
“บุ๋มก็น่าจะรู้ว่ามันเพราะอะไร” ปราญติญาเล่าให้พรชนกฟังแค่ว่าคืนนั้นออกไปฉลองวันเกิดกับรัฐภูมิและเห็นชายหนุ่มเอาอะไรบางอย่างใส่แก้วพอเห็นเธอก็ขอตัวกลับ
เธอไม่กล้าเล่าให้เพื่อนฟังว่าเธอดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นและสุดท้ายเรื่องมันก็ไปจบบนเตียงของเพื่อนร่วมชั้นเรียน
ถ้าหากพรชนกรู้ก็คงจะโกรธและอาจจะไปเอาเรื่องภาณุวิชญ์และเรื่องราวมันจะใหญ่โตขึ้น เธอไม่อยากรับผลกระทบนั้นจึงเลือกที่จะปิดเป็นความลับต่อไป
“เท่าที่บุ๋มรู้มาทั้งสามคนที่เราเจอเมื่อกี้ยังไม่มีใครมีแฟนเลยนะ”
“ก็แน่ล่ะสิกะล่อนแบบนั้นผู้หญิงที่ไหนเขาจะมาเป็นแฟน”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะป่านผู้ชายกะล่อนถ้าเขาเจอผู้หญิงที่เขาชอบจริงๆ เขาก็พร้อมจะหยุดทุกอย่าง”
“โธ่...บุ๋มมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว ผู้ชายน่ะร้ายจะตายบุ๋มนับว่าเป็นคนที่โชคดีมากที่มีแฟนนิสัยดีอย่างพี่อรรถแต่ป่านคงไม่โชคดี” ปราญติญาหมายถึงอรรถวิทย์พนักงานห้อง lab ซึ่งเป็นแฟนของพรชนก
“พี่อรรถเป็นผู้ชายที่นิสัยดีจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะดีแตกวันไหน เราเพิ่งคบกันได้แค่ปีเดียวเอง จำรุ้งได้ไหมที่คบกับแฟนตั้งแต่สมัยม.4 เรียนจบแต่งงานสุดท้ายก็หย่าเพราะผู้ชายมาดีแตกทีหลัง”
“พี่อรรถคงไม่เป็นแบบนั้นหรอก พี่เขาดูนิสัยดีจะตายไม่มีทีท่าเจ้าชู้เลย”
“อาจจะยังไม่ออกลายก็ได้บุ๋มก็เลยยังไม่คิดจะพาเขามาเจอพ่อกับแม่”
“แล้วพี่เขาไม่บ่นแย่เหรอคบกันมาตั้งปีแล้ว”
“ก็มีบ่นบ้างแต่พี่อรรถงานยุ่งบุ๋มก็งานยุ่งเราก็เลยคุยกันว่าจะคบกันแบบนี้เรื่อยๆ”
“บุ๋มไม่คิดว่าตัวเองจะเสียเปรียบเหรอ ขอโทษนะที่ป่านต้องถามออกมาตรงๆ”
“ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองเสียเปรียบที่ยอมเป็นของเขาทั้งที่ยังไม่ได้คุยกันจริงจังถึงเรื่องอนาคต แต่ผู้ชายกับผู้หญิงถ้าอยู่ใกล้กันเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นได้เราสองคนรักกันและต่างก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่อีกอย่างก็เรียนจบและทำงานมีเงินเดือนแล้ว บุ๋มก็แค่ระวังไม่ให้ตัวเองท้องก่อนแต่งก็แค่นั้นแหละ เพราะถ้าพยาบาลอย่างเราท้องคงน่าอายมากๆ”
“นั่นสิเรียนมาทางนี้ คลุกคลีอยู่กับวงการแพทย์แต่ปล่อยให้ตัวเองท้องป่านก็คงให้อภัยบุ๋มไม่ได้จริงๆ”
“ป่านไม่คิดว่าบุ๋มใจง่ายใช่ไหมที่ไปนอนกับพี่อรรถแบบนั้น”
“ไม่หรอกบุ๋มกับพี่อรรถรักกันและคุยกันเข้าใจแค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว ก็อย่างที่บุ๋มบอกไงผู้ชายกับผู้หญิงเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ บุ๋มไม่ได้ไปแย่งพี่อรรถมาจากใครแล้วพี่อรรถก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่นทุกอย่างมันก็ลงตัว”
“ใช่บุ๋มก็คิดยังอย่างนั้นตอนนี้เราสองคนกำลังเก็บเงินและรอเวลาที่พร้อมก่อนจะคุยเรื่องแต่งงาน แล้วป่านคิดว่าจะอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
“ตอนนี้ป่านยังไม่คิดถึงเรื่องนั้นเลย ยังเข็ดกับความรักอยู่นะต่อไปจะคบใครคงต้องดูดี แต่ครั้งนี้ยอมรับเลยว่าป่านพลาดมากๆขนาดบุ๋มเตือนแล้วป่านยังไม่ฟัง”
“แต่เลิกมาได้แบบนี้ก็โชคดีแล้วแหละ”
“ป่านก็คิดยังงั้นเข็ดแล้วกับผู้ชายในแอพหาคู่”
“แอพหาคู่มันไม่ผิดหรอกมันผิดที่ตัวผู้ชายต่างหาก ดูอย่างยัยกวางกับสามีสิเจอกันในแอพหาคู่ตอนนี้ชีวิตก็มีความสุขดีย้ายไปเป็นคุณนายอยู่ที่อเมริกานุ่น มาคราวนี้ก็บริจาคเงินให้โรงเรียนเป็นแสนเลยนะ”
“แม่บอกว่าห้องของเราบริจาคเงินให้โรงเรียนเยอะมากๆน่าจะมาจากเงินของกวางใช่ไหม”
“ของกวางแค่แสนเดียวแต่มีอีกคนหนึ่งที่บริจาคมากถึงสองแสนเลยนะ”
“เพื่อนเรารวยและใจดีมากเลยนะ ใครเหรอบุ๋มที่บริจาคเยอะขนาดนั้น”
“ก็นายณุกับครอบครัวเขาไงล่ะ”
“โอ้โห เห็นหน้าตาเจ้าชู้ท่าทางกะล่อนแบบนั้นก็จิตใจดีเหมือนกันนะ”
“ใช่ภาพลักษณ์เขาอาจจะมองเป็นคนเจ้าชู้แต่นิสัยจริงๆ ก็ใช้ได้ ถ้าได้เป็นแฟนกับป่านก็คงจะดี”
“ป่านก็เพิ่งบอกไปว่ายังไม่อยากมีแฟนแล้วจู่ๆ จะมาจับคู่ให้ป่านกับณุได้ยังไง ป่านไม่เอาเพื่อนมาเป็นแฟนหรอก”
“แต่ถ้าเกิดเพื่อนอยากจะเป็นแฟนป่านขึ้นมาล่ะ ไม่ลองเปิดใจหน่อยเหรอ”
“นี่แอบไปคุยอะไรกับณุมาหรือเปล่าถึงได้เชียร์กันจัง”
“เปล่าหรอกก็แค่สังเกตว่าเขามีท่าทางสนใจป่านเอามากๆ ถ้าเขาเข้ามาจีบป่านก็ลองคุยกับเขาหน่อย อย่างน้อยก็เห็นแก่ความเป็นเพื่อน”
“ก็เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนนี่ไงป่านเลยยังคุยกับเขาอยู่ แต่ถ้าจะให้คบเป็นแฟนก็คงต้องคิดหนักเพราะดูท่าทางจะเจ้าชู้มากและป่านก็เหนื่อยกับความรัก”
“เอาน่าอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติ คนเป็นเนื้อคู่กันแล้ว ยังไงสุดท้ายก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันนั่นแหละต่อให้จากกันไปนานแค่ไหนก็ตาม”
ปราญติญาขับรถมาส่งพรชนกที่หน้าโรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงเวลาที่แฟนของเธอเลิกงานพอดี“บุ๋มดีใจกับป่านด้วยนะ”“ขอบใจจ้ะ ป่านก็ต้องขอบคุณบุ๋มมากถ้าบุ๋มไม่บอกให้ณุตามป่านไปที่สมุยป่านก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง”“ป่านโชคดีมากๆ นะที่ณุเข้ามาช่วยไว้”“ใช่ป่านโชคดีมากทั้งเขาช่วยป่านไว้ทั้งคืนนั้นที่ป่านโดนยาปลุกเซ็กซ์และครั้งที่โดนผู้ชายเมาเข้ามาทำร้าย ถ้าไม่ได้ณุเข้ามาป่านคงแย่”“เพราะแบบนี้ป่านถึงยอมใจอ่อนแล้วยกโทษให้เขา”“มันก็มีส่วนอยู่นะแต่ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ป่านห่างจากณุป่านก็ไม่เคยลืมเขาได้เลย บุ๋มว่ามันเร็วไปไหม”“ไม่หรอกนะป่านกับณุไม่ใช่เพิ่งรู้จักกันสักหน่อย ทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วเพียงแต่ว่าแยกย้ายกันไปและกลับมาเจอกันอีกครั้ง บุ๋มบอกแล้วว่าคนเป็นเนื้อคู่กันยังไงวันหนึ่งก็ต้องกลับมาเจอกันอยู่ดี บุ๋มใจด้วยมากๆ บุ๋มไปก่อนนะ”เมื่อพรชนกลงจากรถไปแล้วปราญติญาก็ขับรถกลับมาที่คอนโดมิเนียมของภาณุวิชญ์อีกครั้งเมื่อมาถึงชายหนุ่มก็อาบน้ำสวมชุดนอนรออยู่แล้ว “วันนี้เป็นยังไงบ้างปวดแผลหรือเปล่า”“ไม่ปวดเลย ผมนอนทั้งวันจนจะปวดหลังแล้ว”“อดทนหน่อยนะยิ่งพักผ่อนเยอ
ปราญติญาและพรชนกนั่งคุยกันต่อไม่นานก็มีอุบัติเหตุเข้ามาที่ห้องฉุกเฉินเสียก่อนทั้งสองคนจึงรีบวิ่งออกมาทำงานซึ่งกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ถึงเวลาลงเวรเช้าพอดี“บุ๋มอยากไปเยี่ยมณุมั้ย”“จะดีเหรอ”“ดีสิณุต้องดีใจมากๆ ที่บุ๋มไปเยี่ยม”“จะไม่เป็นการรบกวนมากเกินไปใช่ไหม”“ไม่หรอกน่าเดี๋ยวป่านขอโทรถามณุก่อนว่าอยากจะกินอะไรเราจะได้ซื้อไปกินที่นั่น ว่าแต่บุ๋มจะไปกับป่านได้หรือเปล่าล่ะ”“ได้สิวันนี้พี่อรรถลงเวรสองทุ่มบุ๋มมีเวลาให้ป่านเยอะเลย ไปเยี่ยมณุหน่อยก็ดีเหมือนกัน”ปราญติญาโทรศัพท์ไปหาภาณุวิชญ์และบอกว่าจะชวนพรชนกมาทานอาหารเย็นด้วยชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะพรชนกก็คือเพื่อนของเขาและถ้าไม่มีเธอเขากับปราญติญาก็คงยังไม่เข้าใจหญิงสาวแวะซื้ออาหารที่ร้านด้านหน้าโรงพยาบาลก่อนจะขับรถพาพรชนกไปยังคอนโดมิเนียมของภาณุวิชญ์“เป็นยังไงบ้างเจ็บหนักเลยใช่ไหม” พรชนกทักทายภาณุวิชญ์ที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก“ก็นิดหน่อยนะแต่เจ็บครั้งนี้มันคุ้มมากๆ เลยนะ” เขาพูดแล้วมองหน้าปราญติญาแล้วยิ้ม“บุ๋มดีใจด้วยนะที่ป่านกับณุเข้าใจกันตกลงคบกินจริงใช่ไหม”“ผมต้องขอบคุณบุ๋มมากๆ ถ้าบุ๋มไม่ช่วยผมกลับป่านก็คงไม่เข้าใจกันเร็วแ
“ป่านทำไมถึงนอนห่างผมขนาดนั้นล่ะ ขยับเข้ามาใกล้ๆ ได้ไหม นอนห่างแบบนั้นแล้วผมจะกอดได้ยังไง”“ณุลืมอะไรไปหรือเปล่าณุมีแผลอยู่นะ ป่านกลัวจะดิ้นไปโดนแผลจริงๆ แล้วป่านน่าจะออกไปนอนอีกห้องหนึ่งหรือไม่ก็นอนที่ห้องรับแขกด้วยซ้ำ”“ไม่ได้นะ ป่านต้องนอนกับผมถ้าเกิดผมเป็นอะไรขึ้นมาตอนกลางคืนแล้วใครจะช่วยผมล่ะ”“ณุไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วนอนตอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เอาหมอนข้างกั้นไว้แบบนี้ดีแล้วเกิดป่านดิ้นไปโดนแผลขึ้นมามันจะแย่เอานะ”“ทำไมไม่เห็นใจกันเลยนะ ไม่ได้นอนด้วยกันตั้งเดือนกว่าแล้วนะแล้วจะมานอนห่างกันแบบนี้ได้ยังไง”“ณุอย่างอแงเป็นเด็กสิตัวเองเจ็บอยู่นะ”“ก็อยากนอนกอด”“ถ้าณุยังงอแงพูดไม่รู้เรื่องป่านจะออกไปนอนที่ห้องรับแขกแล้วนะ”“ถ้างั้นขอจับมือได้ไหมนิดเดียวนะ”“ได้สิ” ปราญติญาตอบตกลงและให้ภาณุวิชญ์จับมือไว้จนกระทั่งชายหนุ่มหลับสนิทเธอแกะมือเขาออกแล้วห่มผ้าให้เขาจากนั้นก็กลับมานอนอีกฝั่งของเตียงปราญติญาตื่นนอนตั้งแต่เช้าเธอลงไปซื้อแซนด์วิชกับขนมปังมาให้ภาณุวิชญ์ทานเป็นอาหารเช้า ส่วนอาหารกลางวันจะให้เขาสั่งขึ้นมาทานเองเพราะเธอทำกับข้าวไม่เป็นหญิงสาวให้เขาทานยาก่อนอาหารและทาน
“ผมขอโทษนะป่านที่ทำให้การมาเที่ยวสมุยของคุณต้องอุดอู้อยู่แต่ในโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรหรอกอย่างน้อยป่านก็ได้เที่ยวก่อนหน้าที่ณุจะมาแล้ว ว่าแต่ณุเถอะไหวแน่นะที่จะต้องออกโรงพยาบาลวันนี้”“ไหวสิผมไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียวหรอกนะ ป่านกลับกรุงเทพผมก็จะกลับด้วย หมอก็บอกแล้วว่าแผลของผมไม่ได้เป็นอะไรมากกลับไปรักษาตัวที่บ้านหรือโรงพยาบาลที่กรุงเทพก็ได้”“แล้วณุจะเอายังไงต่อจะไปนอนโรงพยาบาลไหมป่านจะได้ให้คุณหมอที่นี่เขาประสานงานให้”“ผมว่าไม่ดีกว่าตอนนี้ผมก็ดีขึ้นมากๆ แล้ว”“แต่ณุต้องกินยาแก้อักเสบให้ตรงเวลาและครบตามที่คุณหมอสั่งให้เข้าใจไหม”วันนี้เธอต้องกลับกรุงเทพตามกำหนดเดิมและภาณุวิชญ์ก็ไม่ยอมอยู่โรงพยาบาลต่อ เมื่อปรึกษาคุณหมอแล้วท่านก็อนุญาตให้เขาออกจากโรงพยาบาลได้แต่ต้องระวังเรื่องแผลและทานยาให้ครบคุณหมอให้ประวัติการรักษาไปด้วยเพราะเขาต้องไปให้หมอที่กรุงเทพตัดไหมให้ตอนนี้เธอเก็บของใช้ของตัวเองลงกระเป๋าเสร็จแล้วส่วนกระเป๋าเดินทางของภาณุวิชญ์ทางรีสอร์ทก็เอามาให้ตั้งแต่วันที่พาตำรวจมาสอบปากคำโรงพยาบาล เรื่องคดีเธอก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและทางรีสอร์ทจัดการเพราะถึงเวลาแล้วที่หญิงสาวจะต้องบิน
ปราญติญาระบายความรู้สึกของตัวเองออกมาโดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าภาณุวิชญ์นั้นรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เธอกลับมาจากห้องน้ำ ภาณุวิชญ์รู้สึกดีมากที่ได้ยินคำพูดของหญิงสาว เขาเองก็รู้สึกไม่ได้ต่างจากปราญติญาเลยระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือนนั้นทำให้เขารู้ใจตัวเองมากขึ้น เขาไม่สามารถลืมเรื่องราวระหว่างตนเองกับหญิงสาวได้เลย เขาตั้งใจไว้ว่าจะตามมาขอโทษเธออย่าจริงจังและขอโอกาสกับปราญติญาอีกครั้ง เขาจะบอกความรู้สึกที่มีกับเธอทั้งหมดเพราะกลัวว่าจะเสียเธอไปภาณุวิชญ์มาถึงสมุยในเย็นวันศุกร์หลังจากเช็กอินที่รีสอร์ทเดียวกับปราญติญาแล้วก็ไปหาเธอที่บ้านพักซึ่งรู้มาจากพรชนกว่าหญิงสาวพักอยู่ที่บ้านหลังไหนเมื่อไปถึงก็ยืนเคาะประตูอยู่นานแต่ทั้งบ้านก็เงียบสนิทชายหนุ่มจึงเดินไปหาเธอบริเวรชายหาดเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะไปเดินเล่นเขาเดินไปเรื่อยๆ จนเห็นเธอเดินอยู่ที่ชายหาด แต่ก็ไม่ได้ตามเธอในระยะใกล้เพราะกลัวจะรบกวนเวลาของหญิงสาว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าการที่เขาทิ้งระยะห่างจากเธอมากนั้นมันจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ถ้าหากปราญติญาเป็นอะไรไปเขาคงรู้สึกผิดและให้อภัยตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน“คุณจะหลับแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ น
เพราะมัวแต่ตกใจปราญติญาจึงไม่ทันได้สังเกตว่าผู้ชายที่เข้ามาช่วยเธอนั้นคือใคร แต่พอพาเขาขึ้นมาบนรถพยาบาลและกำลังตรงไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดพยาบาลที่มาด้วยก็เริ่มซักประวัติชายหนุ่มเพราะกลัวว่าถ้าไปถึงที่โรงพยาบาลแล้วเขาจะหมดสติไปเสียก่อน“คนเจ็บชื่ออะไร อายุเท่าไหร่คะ เคยมารักษาที่นี่ไหม คุณมีบัตรประจำตัวหรือบัตรประกันติดตัวมาหรือเปล่า”“ผมชื่อภาณุวิชญ์อายุ 27 ปี บัตรประจำตัวบัตรประชาชนผมอยู่ในกระเป๋าครับ” เสียงที่ตอบนั้นฟังดูเบาแต่มันก็ทำให้ปราญติญารีบหันหน้าไปมองเธอตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าคนที่นอนเจ็บอยู่ตรงหน้าคือภาณุวิชญ์“ณุมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”ภาณุวิชญ์ยิ้มก่อนจะตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา“ผมมาหาป่าน” เขาตอบเบาๆ เพราะตอนนี้เริ่มเจ็บแผลมากขึ้นเรื่อยๆ“คุณรู้จักกับคนเจ็บเหรอคะ” พยาบาลที่นั่งมาถามขึ้น“ค่ะฉันรู้จักเขา”“ถ้ายังงั้นเดี๋ยวไปถึงโรงพยาบาลคุณช่วยทำประวัติคนไข้ให้ฉันด้วยนะคะ เราอาจจะต้องรีบพาเขาเข้าไปผ่าตัดด่วนเพราะตอนนี้เลือกเขาออกเยอะมาก”“ที่นี่มีคุณหมอประจำห้องผ่าตัดใช่ไหมคะ”“มีค่ะคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แต่คนไข้ค่อนข้างเสียเลือดมาก คุณเลือกกรุ๊ปอะไรคะพอจะจำได้ไหม” พยาบ