ยาบำรุงปราณเป็นยาที่ถูกบันทึกในวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ เป็นแค่ยาลูกกลอนระดับต้นชนิดหนึ่งเท่านั้นเมื่อระดับพลังของฉู่เฉินยกระดับขึ้น ตอนนี้เขาสามารถหลอมยาฟื้นฟูวิญญาณระดับที่สูงยิ่งกว่าได้แล้วอีกหน่อยถ้าเขาจะเผยแพร่ยาฟื้นฟูวิญญาณ ก็คงจะขาดกำลังของสำนักเฟิ่งไปไม่ได้ ดังนั้นส่วนแบ่งยาบำรุงปราณให้เยอะหน่อยนั่นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลโจวเทียนเฟิ่งเอาแต่คิดว่าเธอแก่กว่าฉู่เฉินหลายปีแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะเกินกว่าคำว่ามิตรภาพไปแล้ว แต่อย่างมากเธอก็เป็นได้แค่หนึ่งในคนรักที่มากมายของฉู่เฉินอีกทั้งยังเป็นแบบคนรักที่เขาไม่ให้ความสำคัญที่สุดอีกด้วยกลับคาดไม่ถึงว่าตัวเธอจะมีความสำคัญในใจฉู่เฉินเช่นนี้เหมือนที่โบราณเขาบอกไว้ว่า ในโลกของผู้ใหญ่ หากนำเวลาและเงินทองมอบให้ผู้อื่น แสดงว่านั่นคือรักที่แท้จริงฉู่เฉินถึงขั้นแบ่งปันความมั่งคั่งนี้ให้เธอ นั่นก็แสดงว่าตำแหน่งของเธอในใจของฉู่เฉินดูจะสูงกว่าที่เธอจินตนาการไว้ซะอีกเมื่อคิดได้ดังนั้น บนหน้าของโจวเทียนเฟิ่งก็ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่น่าปีติหลังจากนำเงินหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าล้านโอนเข้าบัญชีฉู่เฉินแล้ว โจวเทียนเฟิ่งก็แบ่งให้จง
“บอกมา ยาลูกกลอนนี่แกซื้อมาจากที่ไหน!”สีหน้าของสวี่หมิงเทาเคร่งขรึม จ้องมองสวี่เทียนหลายด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ผม... ผมซื้อมาจากจงอาหู่ครับ”สวี่เทียนหลายไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นท่าทีของพ่อเขาที่เหมือนจะใช้กฎครอบครัวลงโทษเขา ทำเอาเขากลัวจนหัวหด รีบก้มหัวลงไป“จงอาหู่เหรอ? ไร้สาระน่า!”สวี่หมิงเทาตบโต๊ะดังปัง พูดขึ้นมาด้วยความโมโหว่า “มันเป็นแค่คนขับรถ จะเอายาลูกกลอนมาจากไหนกัน! หากยังไม่พูดความจริงอีกละก็ ลองดูว่าฉันจะตบแกให้ตายยังไง!”“พ่อครับ ที่ผมพูดคือความจริงทั้งหมด จงอาหู่บอกว่าเป็นโจวเทียนเฟิ่งที่เชิญแพทย์แผนจีนอาวุโสมอบยานี้ให้เขา ผม... ผมถามแล้วว่าแพทย์แผนจีนอาวุโสนั่นเป็นใคร แต่เขาไม่ยอมบอกครับ”“ยา... ยาพวกนี้ ผมแย่งมาด้วยราคาสูง... ถึงจะแย่งมาได้ครับ”สวี่เทียนหลายพูดด้วยท่าทางกล้ำกลืนหา?แพทย์แผนจีนอาวุโสงั้นเหรอ?ดวงตาของสวี่หมิงเทากลอกไปมาหลายที ส่ายหัวเล็กน้อยแม้ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีนที่เก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถหลอมยาลูกกลอนที่ผลลัพธ์ดีขนาดนี้ได้ ไม่แน่คนที่เธอเชิญมาจะเป็น...นักหลอมยาเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ จู่ๆ สวี่หมิงเท
ไม่เพียงแค่ตระกูลสวี่ที่สถานการณ์เป็นแบบนี้ ตระกูลอื่นสถานการณ์ก็ไม่แตกต่างกันบ่ายวันนั้น สวี่เทียนหลาย หลี่ฮุยและคนอื่นๆ โทรหาจงอาหู่ติดต่อกันสองสามครั้งหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน จงอาหู่อาจจะนัดประชุมเพื่อบอกความจริงกับคนอื่นๆ ตามความเป็นจริงว่าฉู่เฉินให้ยาบำรุงปราณเขามามากกว่าหนึ่งพันเม็ดแต่เมื่อหวนนึกถึงภาพในห้องนั้น จงอาหู่เปลี่ยนความคิดทันทีสีหน้ากล้ำกลืนพูดขึ้นมาว่า “โอ๊ย ยาบำรุงปราณในมือผมก็ไม่เยอะนะ ตอนกลางวันที่ทานข้าวก็ได้แบ่งให้ทุกคนไปหมดแล้ว หากต้องการสั่งเพิ่มอีก อย่างนั้นต้องไปขอร้องแพทย์แผนจีนอาวุโสคนนั้นแล้วล่ะครับ”“เรื่องที่จะขอร้องคนอื่นน่ะ...”สวี่เทียนหลายเมื่อได้ยินดังนั้นก็เข้าใจได้เลยทันที จึงโอนเงินเข้าบัญชีให้จงอาหู่ห้าร้อยล้าน“พี่หู่ ผมเชื่อใจพี่ที่สุด ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรต้องให้ผมห้าสิบเม็ดขึ้นไปนะครับ”สวี่เทียนหลายคำนวณเงินที่เหลืออยู่ในบัญชี คำนวณไว้ที่สามล้านชิ้น หากซื้อห้าสิบชิ้น ราคาเพียงเจ็ดร้อยห้าสิบล้าน และยังสามารถทำกำไรมหาศาลได้ถึงสองร้อยห้าสิบล้านเมื่อมองย้อนกลับไปที่ยาบำรุงปราณที่เหลืออีกยี่สิบเม็ด เขาเก็บไว้สองสามเม็ดเพื่อตัวเอง แ
ที่จริงแล้วฉู่เฉินให้จงอาหู่ทำแบบนี้ตอนนี้ยาบำรุงปราณได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และก็ถึงเวลาที่จะใช้ไพ่เด็ดแล้วอีกทั้งความต้องการที่มหาศาลเช่นนี้ ก็ไม่อาจจะพึ่งแค่จงอาหู่คนเดียวได้ ต้องหาองค์กรที่เชื่อถือได้มาร่วมมือกันส่วนจงอาหู่แค่ต้องรับผิดชอบจัดจ่ายสินค้าให้องค์กรพวกนั้นก็พอเมื่อได้ยินดังนี้ ประธานเฉินที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวางสายโทรศัพท์พร้อมกับถอนหายใจ......ในตอนนั้นเอง คฤหาสน์ที่สามารถมองเห็นแม่น้ำในมือของหลี่ฮุยได้ถือยาบำรุงปราณไว้เม็ดหนึ่ง ยิ้มมุมปากเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาหลิ่วหรูเยียนเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่มาจีบหลิ่วหรูเยียนเช่นกันเพียงแต่ว่าหลี่ฮุยขึ้นชื่อเรื่องงามแต่รูป ในแวดวงชั้นสูงของเจียงจงมีใครไม่รู้บ้างว่าเขาเป็นคนสำส่อนบ้าง?ดังนั้นแม้ว่าเขาจะตามจีบหลิ่วหรูเยียนมาหนึ่งปีเต็มๆ แม้แต่รอยยิ้มหลิ่วหรูเยียนก็ยังไม่เคยมอบให้เขาแต่ครั้งนี้เขามีความมั่นใจว่าหลิ่วหรูเยียนจะยอมพลีกายให้เขาอย่างแน่นอนเพราะว่าอย่างไรสองแม่ลูกตระกูลหลิ่วก็มีฉู่ซื่อกรุ๊ป บริษัทนี้ก็ทำเกี่ยวกับธุรกิจวงการแพทย์เช่นกันช่วงนี้ยาบำรุงปราณเป็นที่นิยมไ
เมื่อได้ยินที่หลี่ฮุยพูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็ประหลาดใจเป็นอย่างมากหากผลลัพธ์ของยาบำรุงปราณอะไรนี่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น อย่างนั้นก็น่าจะโด่งดังไปทั่วประเทศแล้วไม่ใช่เหรอ?ในวงการแพทย์ใครที่จะไม่อยากคิดค้นยาที่ทั้งสามารถรักษาคนได้ ทั้งสามารถรักษาความอ่อนวัยไว้ได้บ้าง?แต่ปัญหาคือไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความต้องการที่ซับซ้อนเช่นนี้สำเร็จได้ แม้แต่การรักษาโรคและการช่วยชีวิตก็ยากพอ ๆ กับการปีนขึ้นไปบนฟ้า“คุณชายหลี่ คุณคงไม่ได้หลอกฉันใช่ไหมคะ ก็อีแค่ยาบำรุงปราณเม็ดเล็กๆ นี่ จะมีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้ยังไงคะ?”หลิ่วหรูเยียนจงใจพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแสหลี่ฮุยจะฟังไม่ได้ออกได้อย่างไร ก็ในเมื่อเห็นได้ชัดว่าหลิ่วหรูเยียนกำลังใช้วิธีการยั่วยุเขาอยู่?“หรูเยียน คุณไม่จำเป็นต้องมาใช้วิธียั่วยุกับผมหรอก ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณสามารถใช้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์แสดงมันออกมา และผมตั้งใจก็ลงทุนสิบห้าล้านเพื่อซื้อยานี้ ดังนั้นผมจะส่งให้คุณทางไปรษณีย์นะครับ”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็ลองดูเองแล้วกันว่าจริงหรือปลอม”เมื่อได้ยินประโยคนั้น หลิ่วหรูเยียนก็ซึ้งใจกับหลี่ฮุยไม่น้อย
“แช่ออนเซ็นเหรอ? ถุย! แค่คิดก็น่าสะอิดสะเอียนแล้ว!”หลังจากที่เพิ่งวางสายไป หลิ่วหรูเยียนก็ก่นด่าที่โทรศัพท์อย่างหนัก หลังจากนั้นก็ขยับตัวลงจากเตียง ล้างหน้าล้างตาและแต่งตัวอย่างง่ายๆในตอนนี้เอง ก็มีเสียงออดดังเข้ามาหลิ่วหรูเยียนรีบเดินลงไปข้างล่าง เปิดประตูห้อง รับกล่องที่ห่อมาอย่างมิดชิดมาจากมือของพนักงานส่งของเปิดด้านนอกของพัสดุออก หยิบยาเม็ดเล็กๆ สีดำที่ใหญ่กว่าเม็ดถั่วเหลืองสามเท่าออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยม“นี่คือยาบำรุงปราณเหรอ?”หลิ่วหรูเยียนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นำยาลูกกลอนเข้ามาใกล้จมูกแล้วดม ตามที่คาดไว้ กลิ่นหอมของยาหอมฟุ้งและสดชื่นเพียงแต่ว่ายาเม็ดเล็กๆ เม็ดเดียวแบบนี้ จะมีผลลัพธ์ที่น่าทึ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?“หรูเยียน ในมือลูกถืออะไรไว้อยู่?”หลิ่วชิงเหอเพิ่งกลับมาจากบริษัท เมื่อเห็นว่าในมือของหลิ่วหรูเยียนถือยาเม็ดสีดำไว้ในมือเม็ดหนึ่ง ถึงถามขึ้นมาด้วยความไม่สบายใจ“ยาบำรุงปราณค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดเรื่องที่หลี่ฮุยกล่าวมาให้ฟังตามความจริงอีกครั้ง พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วนำรูปของหลี่เฟิ่งหรูยื่นให้หลิ่วชิงเหอ“ยาบำรุงปราณนี่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ? รู้ไ
หลิ่วชิงเหอขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นมา “หรูเยียน อย่าลืมนะ จงอาหู่เป็นคนของสำนักเฟิ่ง ทุกเรื่องต้องมีขอบเขต อย่าทำเกินไป เพราะว่าสำนักเฟิ่งไม่ใช่คนที่เราจะไปยุ่งด้วยได้”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “วางใจเถอะค่ะ หนูรู้ว่าต้องทำอย่างไร”พูดเสร็จ หลิ่วหรูเยียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหลี่ก่านอีกด้านหนึ่ง หลี่ก่านที่กำลังดื่มและพูดคุยอยู่ในห้องเทียนจื่อเบอร์หนึ่งที่หยู่เซียงจวีกับจินเจิ้นหลง และเจ้าใหญ่นายโตในแวดวงอสังหาริมทรัพย์หลี่ก่านรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจที่จู่ๆ ก็ได้รับสายจากหลิ่วหรูเยียนพูดตามตรง เขาน้ำลายไหลกับหลิ่วหรูเยียนมานานแล้วน่าเสียดายที่เธอเป็นถึงผู้จัดการคนสวยแห่งฉู่ซื่อกรุ๊ป ฐานะหลายพันล้านแต่หลี่ก่านจะไม่ค่อยมีชื่อเสียง กลับเป็นแค่เจ้าสำนักแห่งสำนักมวยเท่านั้นเอง แม้ว่าใจจะคิดไม่ซื่อ แต่ก็ไม่มีความกล้านั้นมากพอโดยที่ผ่านมาเขาทำได้แค่มองหลิ่วหรูเยียนจากไกลๆ ไม่กล้าแม้แต่จะล้ำเส้นไปแต่กลับคิดไม่ถึงว่า วันนี้หลิ่วหรูเยียนจะเป็นฝ่ายติดต่อเขามาเอง สิ่งนี้ทำให้เขามีความสุขมาก“อาจารย์ครับ ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ข้างนอกก่อนนะครับ อีกเดี๋ยวก็กลับมาแล้วครับ”หลี่ก
เหล่าเจ้าใหญ่นายโตวงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่บริเวณข้างๆ ต่างพากันถกเถียงระหว่างที่ฟังคนอื่นถกเถียงกันอยู่นั้น เกาหงเจี้ยนพูดและหัวเราะอย่างผยองว่า “โกหก โกหกทั้งนั้น”“เอ๋? ดูจากที่ประธานเกาพูด อาจจะมีช่องทางแบบนั้นก็ได้?”หลายๆ คนต่างพาสายตาจับจ้องไปที่เกาหงเจี้ยนที่จริงแล้วสาเหตุที่เกาหงเจี้ยนนำยาบำรุงปราณออกมาก็ ก็เพียงแต่ต้องการโอ้อวดต่อหน้าสาธารณชนแค่นั้นเองเมื่อเห็นว่าความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดโดยยาบำรุงปราณในมือของเขาจริงๆ เขาก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจและกล่าวว่า “อันที่จริงแล้วยาบำรุงปราณนี่มาจากมือของจงอาหู่”“ที่อยู่ในมือผมไม่กี่เม็ดนี่ ก็เป็นเสี่ยวตงซื้อมาจากจงอาหู่”“หากท่านทั้งหลายสนใจ ผมสามารถพิจารณาแบ่งจากในมือของผมให้ได้ไม่กี่เม็ดนะ แต่ว่าราคานั้น...”เขายังพูดไม่จบ ชายวัยกลางคนที่มีหัวอ้วนและมีหูใหญ่อยู่ข้างๆ เขายื่นมือตบแล้วพูดว่า “ยี่สิบห้าล้าน!”เฮ้ย!จินเจิ้นหลงได้ยินที่ฝ่ายตรงข้ามพูดราคาไป เขารู้สึกกระตุกที่หัวใจ ตะเกียบที่ถูกถืออยู่ในมือก็แทบจะถือไม่แน่น หล่นลงบนพื้นยาบำรุงปราณเม็ดเล็กๆ เม็ดเดียวราคาตั้งยี่สิบห้าล้านเชียวเหรอ?!เช่นนั้นเขาผิดพลาดอะไรไปก
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก