เอ่ยจบ ฮว่าจิ่วหยางก็เดินมาหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยอย่างขอโทษขอโพยว่า “คุณฉู่ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ เป็นความสะเพร่าของเราเอง ที่ปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาอยู่ในทีมผู้คุมการแข่งได้ ผมจะสั่งให้ไล่เขาออกเดี๋ยวนี้”อะไรนะ?ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตะลึงงันนี่มันอะไรกัน?เพื่อขอโทษฉู่เฉิน แม้แต่ผู้คุมการแข่งยังต้องถูกไล่ออก?ข่งลิ่งเจี๋ยหน้าซีด หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว!แค่ตำแหน่งผู้คุมการแข่ง สำหรับเขาไม่ได้สลักสำคัญอะไรก็จริงแต่การถูกฮว่าจิ่วหยางจงใจไล่ออกอย่างนี้ เขาไม่ได้เสียโอกาสในการเป็นผู้คุมการแข่งขันเท่านั้น แต่สิ่งที่รอเขาอยู่ คือการถูกแบนในแวดวงการแพทย์ของเจ็ดมณฑลใต้ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข่งลิ่งเจี๋ยตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตัก ยืดอกและพูดกับฮว่าจิ่วหยางว่า “อาวุโสฮว่า ถึงผมจะเคารพคุณมาก แต่ว่า…”“คนที่ไม่มีแม้แต่ใบปริญญาด้านการแพทย์ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าความสามารถด้านการแพทย์เป็นยังไง”“ปล่อยให้คนแบบนี้เข้าร่วมการแข่งขัน ไม่เท่ากับเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาหรอกหรือ”ฮว่าจิ่วหยางได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ “ทำไม นี่คุณกำลังตั้งข้อกังขาว่าผมไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ?”สายตาของฮว่า
กู้รั่วเสวี่ยสัมผัสได้ถึงสายตาที่ราวกับจะฆ่าคนจากผู้คนรอบด้านที่ถูกส่งมายังฉู่เฉิน เธอเริ่มอดกังวลแทนฉู่เฉินไม่ได้ “ฉู่เฉิน พี่ยังไม่ต้องพูดอย่างมั่นใจขนาดนี้ก็ได้มั้ง ดูเหมือนทางนั้นจะมีแต่ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลหลายแห่งรักษาไม่หายนะ”ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ กู้รั่วเสวี่ยสังเกตเห็นโซนที่พักที่อยู่ข้างทางเข้าแต่แรกแล้ว ที่นั่นมีแต่ผู้ป่วยที่สีหน้าย่ำแย่ ร่างกายทรุดโทรมทั้งนั้นฉู่เฉินตบไหล่กลมมนของกู้รั่วเสวี่ยเบาๆ เป็นเชิงบอกเธอว่าไม่ต้องห่วงข่งลิ่งเจี๋ยหันไปพูดกับฮว่าจิ่วหยางอย่างย่ามใจว่า “อาวุโสฮว่า คุณได้ยินแล้วใช่ไหมครับ เขาเป็นคนพูดเองกับปาก”ฮว่าจิ่วหยางเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรมากแต่ที่ต่างจากคนอื่นก็คือ เขาเคยเห็นฝีมือด้านการแพทย์ของฉู่เฉินมากับตาตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพียงแต่มองข่งลิ่งเจี๋ยด้วยสายตาเย็นชา“ฉู่เฉิน อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย ใช่ว่าแค่แกขยับปากก็จะทำได้ ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมา แกต้องโขกหัวขอโทษผู้ป่วย ครอบครัวของผู้ป่วย รวมถึงทุกคนในเหตุการณ์ด้วย!”“นอกจากนี้ แกต้องถอนตัวออกจากวงการแพทย์ด้วย กล้ารึเปล่า?”ฉู่เฉินยิ
ชายวัยกลางคนแยกเขี้ยวยิงฟันพลางนั่งลงตรงข้ามโต๊ะแพทย์ภายใต้การประคองของชายชุดดำร่างกำยำสองคน “ปรมาจารย์ฉู่ ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ร่างกายของผมเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว และพอตกกลางคืน หน้าอกก็เจ็บจนแทบจะขาดใจ ตอนนี้ขนาดดื่มน้ำ ท้องก็เหมือนมีคลื่นโหมซัดปั่นป่วนไปหมดเลยครับ” “บอกคุณตามตรง ผมไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว หมอบอกว่าโรคของผมไม่มีทางรักษาแล้ว คุณช่วยตรวจให้ผมทีครับว่าผมยังมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหน?” ข่งลิ่งเจี๋ยกอดอก ยิ้มหยันพลางมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง เขาไม่รู้จักคนอื่น แต่ว่าชายวัยกลางคนที่ชื่อจางหลงตรงหน้านี้เป็นคนโหดเหี้ยมจริง ๆในเจียงจง มีคำกล่าวไว้ว่ามังกรหาญปะทะหงส์สวรรค์ในเจียงจงมังกรหาญที่ว่าก็คือจางหลงที่อยู่ตรงหน้า ส่วนหงส์สวรรค์ย่อมเป็นโจวเทียนเฟิ่ง แม้ว่าทั้งสองคนคุมวงการใต้ดินของเจียงจงคนละครึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าความสามารถของจางหลงเหนือกว่าโจวเทียนเฟิ่งขั้นหนึ่งก่อนหน้านี้มีหัวหน้าอาจารย์แพทย์สี่ห้าคนจากโรงพยาบาลใหญ่ ๆ เกิดอุบัติเหตุรถชนไปตาม ๆ กันเพราะว่ารักษาอาการป่วยของจางหลงไม่ได้ ถึงขนาดที่ยังมีคนหนึ่งถูกรถบรรทุกชนจนตกลงไปในแม่น้ำทั้งครอบครัวสามคนต
เชี่ยเอ๊ย! ข่งลิ่งเจี๋ยที่กำลังเตรียมตัวซ้ำเติมก็มองอย่างเซ่อซ่า ไอ้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้แม่งโชคดีเป็นบ้าจริง ๆ แค่เตะเข้าที่หน้าอกทีเดียว กลับรักษาโรคของจางหลงให้หายได้แล้วเนี่ยนะ?! เวรเอ๊ย!ชั่วขณะหนึ่ง ข่งลิ่งเจี๋ยรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก! ฮว่าจิ่วหยางปาดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก สังเกตจางหลงอย่างละเอียด จางหลงในตอนนี้ยืดตัวตรง ดวงตาสองข้างส่องประกาย ไม่มีอาการป่วยเลย เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนราวกับเป็นคนละคนซี้ด! ยังมีวิธีการรักษาแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย? วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริง ๆ! สายตานับร้อยที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อไม่ใช่เพราะว่าคนเหล่านี้คิดว่าวิชาแพทย์ของฉู่เฉินดีมากเพียงใด แต่เป็นเพราะโชคดีเกินไปแล้วคิดไม่ถึงว่าแบบนี้ก็ได้ด้วย มีโชคดีแบบนี้ไม่ไปซื้อลอตเตอรี่ก็น่าเสียดายแย่เลย“จางหลง จำไว้ให้ดีนะครับ ภายในสิบวันนี้ห้ามโมโห ไม่งั้นต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยไม่ได้แล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอย่างเฉยชา “ครับ ๆๆ ผมรับรองว่าเดือนนี้จะไม่โมโหใครทั้งนั้น ขอบคุณหมอเทวดาฉู่มาก ๆ ครับ วันหน้าผมจะแวะไปขอบคุณด้วยตัวเอง” จางหลงพูดจบก็พาลูกน
เมื่อคำพูดนี้ออกมา แฟนคลับมากมายของหลินรั่วเวยที่อยู่ในที่นี้ก็สงบใจไม่ได้ทันที ฉู่เฉินกล้าแช่งนางฟ้าของพวกเขาเหรอ?“แกสิเป็นมะเร็ง พวกแกเป็นมะเร็งเต้านมกันทั้งครอบครัว!”“แกพูดเหลวไหล! รั่วเวยหน้าแดงเปล่งปลั่งขนาดนี้จะเป็นมะเร็งได้ยังไง!” “ไอ้คนโกหก! แกก็เป็นแค่คนโกหก!”แต่หลินรั่วเวยกลับตะลึงงัน เงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเธอเพิ่งตรวจพบโรคมะเร็งเต้านมเมื่อสามเดือนก่อนจริง ๆ ตามที่หมอพูดมา ถ้าเกิดทำการผ่าตัดเอาออก บางทีอาจจะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ปัญหาคือเธออายุยังน้อย แถมยังเป็นบุคคลสาธารณะ ทำการผ่าตัดแบบนี้ก็เท่ากับทำลายอาชีพการงานของเธอหลายเดือนมานี้ เธอแทบจะตะลอนไปตามโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ แต่ผลที่ออกมาคือต้องทำการผ่าตัดเอาออกทั้งนั้นเลยเธอเองก็ตั้งใจว่าจะลองดูสักตั้งถึงได้สมัครมาเป็นอาสาสมัคร คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินวินิจฉัยโรคของเธอได้โดยที่ไม่ได้จับชีพจรด้วยซ้ำ “หมอเทวดาฉู่ ถ้าอย่างนั้นโรคของฉันยังรักษาได้ไหมคะ? ฉันหมายถึงว่าฉันทำการผ่าตัดไม่ได้จริง ๆ”ฉู่เฉินมองหลินรั่วเวยที่มีแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชาว่า “แ
อย่าว่าแต่หลินรั่วเวยรับไม่ได้เลย แม้แต่แฟนคลับที่อยู่รอบ ๆ หลินรั่วเวยต่างก็ด่าทอฉู่เฉินอย่างรุนแรง “คนแซ่ฉู่ นายแม่งอย่าหาข้ออ้างเลย เห็นคุณหลินหน้าตาสวยเลยอยากฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอชัด ๆ!” “ฉันก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์หลงจิง ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ายังมีวิธีการรักษาแบบนี้ด้วย ฉันว่านายมันก็แค่คนลามกเท่านั้น!”“คุณหลิน คุณอย่าไปเชื่อเขาเด็ดขาด เขาก็แค่คนหลอกลวง!”ข่งลิ่งเจี๋ยที่อยู่ทางด้านข้างเอ่ยพลางยิ้มหยันว่า “ฉู่เฉิน ฉันว่านายแม่งต้องการผู้หญิงจนฟั่นเฟือนไปแล้วสินะ? ถ้าเกิดลูบคลำหน้าอกก็รักษาโรคมะเร็งเต้านมได้ งั้นยังต้องการโรงพยาบาลอีกทำไม!” “ใครแม่งนวดไม่เป็น?” แม้แต่กู้รั่วเสวี่ยก็มองฉู่เฉินด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ถ้าบอกว่าฉู่เฉินพูดแบบนี้เพื่อเอาเปรียบ ตีให้ตายเธอก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดฉู่เฉินเป็นนักวิจัยพัฒนายาบำรุงปราณ อาศัยแค่สถานะนี้ ขอเพียงฉู่เฉินต้องการ เขากวักมือก็มีผู้หญิงมากมายจนดันออกไปไม่ไหวแต่ว่านวดหน้าอกก็สามารถรักษาโรคมะเร็งเต้านมให้หายได้จริงเหรอ? ฮว่าจิ่วหยางที่อยู่ทางด้านข้างก็มีขีดดำขึ้นเต็มศีรษะเขาทำงานด้านการแพทย์มานานกว่าห้าสิบปี นี่เป็น
หลินรั่วเวยได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจจนสะดุ้ง! “งะ...งั้นผู้อาวุโสมีวิธีไหมคะ?” ฮว่าจิ่วหยางส่ายหน้าด้วยความจนปัญญาแล้วพูดว่า “คุณหลิน บางทีคนที่สามารถช่วยชีวิตคุณได้ในตอนนี้ มีเพียง...มีเพียงคุณฉู่คนเดียวเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้ออกมา สายตาเกือบทั้งหมดในงานต่างจับจ้องไปบนตัวของฉู่เฉิน หลินรั่วเวยชักแขนขาวเนียนดุจหิมะกลับมา เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากแล้วมองไปทางฉู่เฉิน เธอยังคงลังเลอยู่ อย่างไรก็ตาม คำพูดของฮว่าจิ่วหยางกลับทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นผ่านไปสักพัก หลินรั่วเวยถึงค่อยลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดเผือดแล้วพูดว่า “ก็ได้ค่ะ งะ...งั้นฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง แต่ว่า...” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินรั่วเวยพลันเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ถ้าเกิดคุณกล้าหลอกฉัน ที่ปรึกษาทางกฎหมายของฉันไม่ได้ไร้ความสามารถหรอกนะ!” ในฐานะที่เป็นเน็ตไอดอลระดับท็อป หลินรั่วเวยย่อมมีทีมกฎหมายอยู่ข้างกาย แค่ฟ้องร้องก็สามารถทำให้ฉู่เฉินหมดตัวได้!“ถ้าเกิดรักษาไม่หาย ผมให้คุณจัดการลงโทษได้ตามใจชอบเลย”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มมั่นใจล้อเล่นน่า แค่โรคมะเร็งเต้านมเล็กน้อยจะนับเป็นอะไรได้ ถึงแม้วิชาที่มังกรเฒ่าถ่ายทอดไม่อ
ถึงแม้ตอนนี้ฉู่เฉินไม่มีความคิดอื่นจริง ๆ เขาแค่ต้องการรักษาหลินรั่วเวยให้หายดีเท่านั้น อย่างไรก็ตามในห้องโถงกว้างที่มีผู้คนมากมาย วิธีการรักษาเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสมจริง ๆ เขาต้องคำนึงถึงชื่อเสียงและความรู้สึกของหลินรั่วเวยด้วยผู้อาวุโสฮว่าพยักหน้าเล็กน้อย เอามือชี้ไปยังประตูบานเล็กด้านหลังโซนพักผ่อนแล้วพลางพูดว่า “คุณฉู่ ทางนั้นมีห้องพักผ่อน ผมจะให้คนจัดห้องว่างให้คุณเดี๋ยวนี้ครับ”ฮว่าจิ่วหยางพูดจบก็รีบเดินเข้าไป เวลานี้ผู้คนที่มุงดูรอบ ๆ แทบอยากจะถลกหนังของฉู่เฉินทั้งเป็นแล้ว ถ้าอยู่ที่นี่พวกเขายังดูฉู่เฉินได้ ไม่ให้เขาฉวยโอกาสลวนลามหลินรั่วเวย แต่ถ้าไปที่ห้องกั้นเล็ก ๆ คนแซ่ฉู่คงไม่ได้ทำตามอำเภอใจหรอกเหรอ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย ต่อให้เป็นพวกทายาทเศรษฐีที่มีสาวสวยรายล้อมก็ทนยั่วยวนอย่างรุนแรงขนาดนี้ไม่ไหวเช่นกันเมื่อเห็นผู้อาวุโสฮว่าไล่พวกคนในห้องพักผ่อนออกมาแล้วกวักมือเรียกฉู่เฉินกับหลินรั่วเวย แฟนคลับชายหนึ่งในนั้นก็ควบคุมอารมณ์ร้อนในใจไม่ไหวอีกต่อไป เขาก้าวออกมาขวางหน้าหลินรั่วเวยกับฉู่เฉินไว้แล้วพูดว่า “เพื่อนนักเรียนเสี่ยวหลิน คุณเชื่อเขาไม่ได้นะ!” “ชายโสด
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่