เมื่อถึงวัยของถานหลิง ยามเผชิญสถานการณ์อย่างนี้เธอไม่ได้กลัวอะไรแต่แรกอยู่แล้ว เธอกังวลก็แต่ว่าจะถูกจ้าวเจวียนเห็นเข้าอย่างเดียวอย่างไรเสียในฐานะภรรยาของจางปิน เธอมักปรากฏตัวในงานเลี้ยงต่างๆ และเป็นแขกรับเชิญประจำของข่าวช่วงเช้าและข่าวช่วงเย็นของเจียงจงคนเจียงจงที่รู้จักจางปินอาจมีไม่มาก แต่ถานหลิงกลับเป็นบุคคลสาธารณะอย่างแท้จริงถ้าเกิดจ้าวเจวียนจำเธอได้ งั้นเธอก็ต้องถูกอีกฝ่ายกำจุดอ่อน และข่มขู่ไปอย่างไม่มีวันจบสิ้นน่ะสิ?แต่ยิ่งแตกตื่น ก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่ายถานหลิงตั้งใจจะขยับไปที่มุมโต๊ะหนึ่งก้าว แต่พอโต๊ะแกว่ง เธอไม่ระวังเพียงพริบตา หัวก็ไปโขกเข้าที่มุมโต๊ะปึง!“โอ๊ย!”ถานหลิงหลุดร้องออกไปโดยสัญชาตญาณ ทำเอาจ้าวเจวียนที่อยู่ในภวังค์ลืมตัวสะดุ้งตกใจ ร่างกายสะดุดกึก หมายจะลุกขึ้นท่ามกลางความลนลานฉู่เฉินขมวดคิ้วมองถานหลิงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะแวบหนึ่ง ซ่อนน่ะซ่อนไม่มิดอยู่แล้ว เขาจึงตัดสินใจดึงถานหลิงขึ้นมาจากใต้โต๊ะพอได้ยินว่ามีเสียงฝีเท้าของบุคคลที่สามอยู่ในห้องนี้ด้วย จ้าวเจวียนแตกตื่นไปทันที!เธอทำกับฉู่เฉินในห้องสอบสวนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คนแปลกหน้ามานั่งดูด
แต่เพิ่งจะกลับถึงห้องทำงานของตัวเองไม่ถึงห้านาที ข้างบนก็เริ่มมีเสียงความเคลื่อนไหวอีกแล้วกวนเหล่ยจิตใจสับสนลังเล“ประธานฉู่คงไม่ได้ชอบแต่สาวใหญ่หรอกนะ?”กวนเหล่ยแหงนหน้ามองเพดาน ห้องทำงานชั้นบนกำลังทำการแสดงครั้งใหญ่แห่งยุคอยู่ ราวกับสั่นกระดิ่งเตือนเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าตำแหน่งของตัวเองกำลังสั่นคลอนในเวลานี้เอง สายจากแฟนหนุ่มขี้ประจบของกวนเหล่ยก็ดังขึ้นกวนเหล่ยตกใจจนเกือบทำมือถือหลุดจากมือ เธอรับสายด้วยความลนลาน มือเผลอกดไปโดนลำโพง เสียงอึกทึกครึกโครมจากชั้นบนจึงถูกดูดเข้าไปในโทรศัพท์ทั้งหมด“เหล่ยเหล่ย เสียงอะไรน่ะ?”กวนเหล่ยตกใจจนหน้าซีดหนึ่งวันก่อนหน้านั้น เธอเพิ่งบอกแฟนหนุ่มขี้ประจบของเธอว่าประธานของบริษัทนี้เป็นสาวสวย ให้เขาวางใจได้แต่ว่า…ภายใต้สถานการณ์คับขัน กวนเหล่ยพูดกับแฟนหนุ่มที่อยู่ปลายสายว่า “หา…เปล่า บริษัทของเรากำลังจัดกิจกรรมฝึกร้องเพลงอยู่ อีกไม่กี่วันต้องเข้าร่วมการแสดงของแวดวงการแพทย์ของเมืองเจียงจง ฉันกำลังยุ่งอยู่ วางก่อนนะ”กวนเหล่ยวางสายอย่างลุกลี้ลุกลน ก่อนจะกวาดตามองนาฬิกาบนผนัง เธอถึงขั้นอึ้งงันไปทันที“หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ทำไม…ทำไมถึกขนาดน
พรืด!จ้าวเจวียนที่อยู่ข้างๆ อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะหันไปพูดกับถานหลิงว่า “มีอะไรน่าโมโหกันล่ะคะ เมื่อวานในห้องสอบสวน ฉันก็เป็นเหมือนกัน”“พวกเราก็อายุปูนนี้แล้ว จะแสร้งทำตัวใสซื่อไปทำไม มีผู้ชายรูปร่างกำยำสมส่วนอยู่ข้างตัวสักคน ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เมื่อกี้คุณก็ฟินมากไม่ใช่เหรอ?”ถานหลิงหมดคำจะพูด นี่มันคนละเรื่องกันแล้วไหม?ภายใต้ความจนใจ เธอทำได้เพียงยินยอมอย่างจำใจยังไงจางไห่หยางก็ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เพื่อลูกชาย ยังไงเธอก็ต้องทน“ได้ ฉันรับปากคุณทุกอย่าง แต่คุณต้องรีบไปช่วยลูกชายของฉันให้เร็วที่สุด ขาของเขาเริ่มติดเชื้อแล้ว แผลบวมจนน่ากลัว แม้แต่หมอเองก็หมดหนทาง”ถานหลิงใส่เสื้อผ้า พร้อมกับพูดอย่างกังวลกระโปรงตัวนั้นถูกฉู่เฉินกระชากจนขาด เห็นได้ชัดว่าใส่ไม่ได้แล้วโชคดีที่ท้ายรถเธอมีเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนใส่หลายตัว ใส่กระโปรงที่ขาดเป็นรูตัวนี้ลงไปจนถึงข้างล่างคงไม่มีปัญหาอะไร“ตกลง!”ฉู่เฉินยิ้มตาหยีจ้าวเจวียนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ยอม รีบพลิกตัวขึ้นไปนั่งบนตัวฉู่เฉิน ก่อนจะเขย่าทรวงอกอันเอิบอิ่ม ทำปากจู๋แล้วพูด
เนื่องจากบาดแผลติดเชื้อ เวลานี้จางไห่หยางกำลังไข้ขึ้นสูง ใบหน้าบวมแดง บาดแผลที่ขาบวมจนเหมือนซาลาเปา ทำให้เฝือกที่เพิ่งใส่ปริออก! “ฮึ!” จางปินกัดฟันกรอดจ้องมองฉู่เฉินแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะคุณ ลูกชายของผมจะเป็นแบบนี้เหรอ! เดิมทีอีกห้าวัน เขาก็จะจัดงานแต่งแล้ว แต่เขาเป็นแบบนี้ คุณจะให้ตระกูลจางของเราเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!” งานแต่ง?! ฉู่เฉินได้ยินสองคำนี้ ปลายคิ้วพลันกระตุกขึ้นมาสองที จางไห่หยางเห็นเซี่ยฉีฉีเป็นอะไร?ทางนี้จัดเตรียมงานแต่งกับคนอื่น ทางนั้นยังอยากครอบครองเซี่ยฉีฉีไว้ไม่ยอมปล่อย?ไอ้สารเลวนี่! “ลูกชายของคุณโดนซ้อมเพราะอะไร คุณน่าจะรู้ดีแก่ใจ ทำไม คนตระกูลจางของพวกคุณเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นตามใจชอบได้เหรอ?”“โชคดีที่เซี่ยฉีฉีเป็นคนใสซื่อ ไม่ได้โดนลูกชายของคุณทำให้แปดเปื้อน ไม่อย่างนั้นจะมีคดีฆาตกรรมเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า?”ฉู่เฉินจ้องมองจางปินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ“แล้วจะทำ...”เพียะ!ถานหลิงรีบเดินเข้ามา ตบหน้าตัดบทจางปินไปหนึ่งฉาด ก่อนจะมองจางปินอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เก็บการกระทำของคุณได้แล้ว ตอนนี้ช่วยลูกสำคัญที่สุดนะ!” “ขอ
ขณะที่ความคิดแล่นวาบ ถานหลิงแสร้งทำเป็นใจเย็นกลอกตาใส่จางปินแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เมื่อคืนคุณไม่อยู่บ้านฉันอยากอีกแล้วก็เลยจัดการเอง มีอะไรน่าตกใจ!” “หลีกไปนะ! ฉันจะดูว่าลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้างแล้ว!”ถานหลิงผลักจางปินแล้วรีบเดินไปที่หน้าเตียงผู้ป่วย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนมาถึงคอแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าข้ออ้างนี้จะหลอกจางปินได้หรือเปล่า จางปินได้ยินคำกล่าวก็ไม่ได้คิดมาก ถึงอย่างไรถานหลิงก็อยู่ในวัยสามสิบสี่สิบ อารมณ์คึกคักมีความต้องการที่ไม่ธรรมดา ใช้ของเล่นไฟฟ้าเป็นบางครั้งบางคราวก็เข้าใจได้ จางปินที่ไม่สมหวังก็อารมณ์เสียมาก เขานั่งลงบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง สองตาจ้องเขม็งไปที่สะโพกงอนของถานหลิง เหมือนกับมีไฟกำลังลุกโชนอยู่ในใจ .....ฉู่เฉินเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ได้รับสายจากหลินซือหย่า “คุณฉู่ ตอนนี้คุณว่างไหมคะ?” เสียงของหลินชือหย่าดูขัดเขินนิดหน่อย เมื่อคิดถึงฉากที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเจียงเมื่อคืน ตอนนี้ดวงหน้าของเธอยังคงร้อนผ่าวเล็กน้อยแม้เธอจะเข้าใจดีว่าฉู่เฉินทำแบบนั้นต่อหน้าเจียงรั่วเหยียนก็เพื่อรักษาโรคทางใจของเธอ แต่มันทำให้หลินชือหย่ารู้สึกกระดากใจมากอยู
“อุบัติเหตุดีนี่!” หลินชือหย่ากัดฟันแน่น จ้องมองหลินฟางเจิ้งอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “อาจะอธิบายเรื่องหนอนกู่กลืนวิญญาณยังไง!”ซี้ด!หลินฟางเจิ้งอดตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ทั่วตัว นัยน์ตาสองข้างมองไปทางหลินชือหย่าด้วยความไม่อยากจะเชื่อถูกเธอจับได้แล้วเหรอ?เป็นไปไม่ได้!หลินฟางเจิ้งปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว นอกจากเหมียวเจียงแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องการมีอยู่ของหนอนกู่กลืนวิญญาณเลยหลินชือหย่าไม่เคยก้าวเท้าเข้าไปเหมียวเจียงเลย เธอจะรู้ว่ามีหนอนกู่กลืนวิญญาณได้อย่างไร? ไม่ถูกสิ!ต้องมีคนบอกเธอแน่ ๆ! พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่หลินฟางเจิ้งมองไปทางหลินชือหย่าแฝงไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง! ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้หลินชือหย่ายังมีประโยชน์ หลินฟางเจิ้งคงลงมือกำจัดภัยแอบแฝงนี้ไปนานแล้ว!หลินฟางเจิ้งฝืนข่มกลั้นความคิดพยายามฆ่าคนปิดปากไว้ในใจ ก่อนจะแสร้งทำเป็นพูดว่า “เสียวหย่า หนอนกู่กลืนวิญญาณอะไร อย่าไปฟังคนนอกพูดส่งเดช นั่นเป็นของที่มีแค่ในหนังเท่านั้นแหละ” “ช่วงนี้อารองร้อนใจนิดหน่อย แต่หลานต้องเข้าใจความลำบากของอารองด้วย พ่อแม่ของหลานทิ้งปัญหาเละเทะใหญ่ขนาดนี้ให้อา อาจะเบิกตามองหลินซื
“สวัสดีครับ” เสียงของฉู่เฉินเย็นชา ทักทายหลินเจิ้งฟางอย่างไร้อารมณ์แล้วก็นั่งลงตรงมุมโซฟา“ชือหย่า แจ้งคนใช้ให้รีบยกอาหารมาเถอะ ได้เวลาแล้ว”หลินฟางเจิ้งรีบสั่งหลินชือหย่าเพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัด ไม่นานนัก โต๊ะอาหารก็จัดเสร็จเรียบร้อย คนรับใช้หลายคนเข็นรถเข็นอาหารที่ทำจากเงิน ก่อนจะวางจานอาหารต่าง ๆ ไว้บนโต๊ะกลม“คุณฉู่ คุณนั่งรอสักครู่ก่อนนะครับ ผมจะไปหยิบไวน์ดี ๆ จากในห้องเก็บไวน์ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาทานอาหารที่บ้าน ไม่ว่ายังไงก็ต้องดื่มสักแก้ว” หลินฟางเจิ้งกล่าวจบก็ไม่รอให้ฉู่เฉินตอบกลับ รีบเดินออกไปนอกประตูขณะที่เดินผ่านข้างกายหลินชือหย่า เขาจงใจถลึงตาใส่เธอทีหนึ่งแล้วค่อยเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หลินชือหย่ามองแผ่นหลังของหลินฟางเจิ้งที่เดินไปทางห้องเก็บไวน์ จากนั้นถึงค่อยรีบเดินมาใกล้ฉู่เฉินแล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉู่เฉิน อีกเดี๋ยวถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ต้องสนใจฉันเด็ดขาด เข้าใจไหม?” “ถ้าเกิดฉันเจอเรื่องไม่คาดคิดอะไร จำไว้ว่าล้างแค้นให้ฉันด้วยนะคะ!”หลินชือหย่าพูดพลางเบนหน้าเล็กหน้า มองไปทางหลินฟางเจิ้งฉู่เฉินขมวดคิ้ว เอานิ้วชี้ไปทางด้านบนแล้วยิ้มให้หลินชือหย่าด
เมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลินชือหย่าดื่มไวน์แดงกันแล้ว หลินฟางเจิ้งถึงค่อยวางแก้วไวน์ลงด้วยความโล่งใจ เขาลุกขึ้นมาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มร้าย“เชิญตามสบายครับ”ฉู่เฉินสังเกตหลินฟางเจิ้งอย่างเย็นชา เอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบไอ้แก่สารเลวนี่ ขนาดหลานสาวแท้ ๆ ของตัวเองก็ยังหลอกลวงได้หลินฟางเจิ้งพยักหน้าให้ฉู่เฉินแล้วหันไปพูดกับหลินชือหย่าว่า “เสียวหย่า ห้ามละเลยการต้อนรับคุณฉู่เด็ดขาด เดี๋ยวไม่นานอาก็กลับมาแล้ว”ขณะที่พูด มือของหลินฟางเจิ้งกดลงบนไหล่ละมุนของหลินชือหย่า แม้แต่ลมหายใจก็หนักหน่วงขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด จากมุมมองของเขาสามารถมองเห็นหน้าอกใหญ่สะบึ้มขาวเนียนของหลินชือหย่าได้พอดี เพลิงราคะแทบจะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลังจากที่กำชับง่าย ๆ อีกหลายประโยค หลินฟางเจิ้งก็รีบร้อนวิ่งออกไปจากห้อง เขากลับมานั่งในรถ เปิดภาพกล้องวงจรปิด สองตาจับจ้องไปที่ทั้งสองคนในห้องโถง“แม่งเอ๊ย ให้คนแซ่ฉู่ได้กำไรแล้ว ให้ฉันเอาของเหลือต่อจากนายหน่อยละกัน” หลังจากที่ควบคุมอารมณ์กระสับกระส่ายแล้ว หลินฟางเจิ้งค่อย ๆ สตาร์ทรถ สุดท้ายก็จอดรถในป่าละเมาะใกล้ ๆ.....และอีกทางด้านหนึ่ง หล
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่