ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง เขาก็ผละตัวออกมาจากกู้รั่วเสวี่ยกู้รั่วเสวี่ยสัมผัสได้ว่าข้างกายของเธอว่างเปล่า เธอจึงขมวดคิ้วถามขึ้นมาว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?”ฉู่เฉินส่งเสียงพึมพำในลำคอ พร้อมทั้งเล่าเรื่องที่เจียงอิ่งพาคนมาปิดซินฉู่ฟาร์มาติคอลให้เธอฟังอีกครั้ง“อะไรนะคะ? ปิดล้อมเหรอคะ?”กู้รั่วเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว หลังจากนั้นเธอก็ยื่นมือเข้าไปรั้งฉู่เฉินแล้วเอ่ยว่า “พี่อย่าหุนหันไปนะคะ ตอนนี้กิจการเดียวที่ซินฉู่ฟาร์มาติคอลมีก็คือยาบำรุงปราณนะคะ”“พี่เคยยื่นเรื่องขอใบอนุญาตจำหน่ายแล้วหรือยังคะ?ยาใหม่ทุกตัวต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการขึ้นทะเบียนและจำหน่ายอย่างเคร่งครัด ขั้นแรกต้องมีรายงานการทดลองทางการแพทย์ และใบอนุญาตจำหน่ายสองสิ่งนี้ขาดไม่ได้แม้ว่าใบอนุญาตจะมีโจวเทียนเฟิ่งจัดการให้แล้ว แต่ในมือของฉู่เฉินไม่มีรายงานการทดลองทางการแพทย์นี่เป็นจุดที่ฉู่เฉินจะโดนเล่นงาน“ใบอนุญาตอะไรก็ช่างมัน ใครหน้าไหนที่กล้ามาปิดบริษัทของผม คนคนนั้นก็โชคร้ายอย่างแรงแล้วล่ะ!”พูดจบฉู่เฉินก็สวมเสื้อผ้า รีบออกไปจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ เขารีบขับรถมุ่งตรงไปยังอาคารทำงานของซินฉู่ฟาร์มาติคอลกู้รั่ว
การที่จะรับมือกับผู้หญิงสวยที่ดูถูกผู้อื่นเช่นนี้ เราต้องทำลายจิตวิญญาณของเธอให้สิ้นซากไม่อย่างนั้นไม่อย่างนั้นเธอก็คงชูคอไม่เลิกใช่ไหมล่ะ?แม้ว่าฉู่เฉินจะชอบมุมนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะระงับความเย่อหยิ่งของเธอจนหมดสิ้น เราต้องไม่ปล่อยให้เธอคิดชูคอไปมากกว่านี้เจียงอิ่งชี้ไปที่ป้ายชื่อของเธอซึ่งอยู่บนหน้าอกซึ่งเกือบจะเป็นมุมเก้าสิบองศา และพูดว่า “อ่านไม่ออกเหรอ? ฝ่ายบริหารการตลาดแพทย์สภาเจียงจง!”ฉู่เฉินก้าวเดินไปข้างหน้า มองไปที่ป้ายบนหน้าอกของเธอมันแน่นมาก!เธอเอาผ้าปิดตัวเธอไว้แน่นเกินไป จนกระทั่งมองไม่เห็นแม้แต่ร่องอกของเธอเลย“มองอะไร!”เจียงอิ่งก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายตาของฉู่เฉินได้ทันที“เจียงอิ่ง ชื่อเพราะดีนะครับ”ฉู่เฉินยิ้มอย่างใจเย็น ยกศีรษะขึ้นช้าๆ และมองตรงเข้าไปในดวงตาของเจียงอิ่งแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตาม หากจะสั่งปิดบริษัทของผม ก็คงไม่ใช่คุณที่จะออกคำสั่งใช่ไหมครับ?”“ถ้าผมจำไม่ผิด หากไม่มีหมายสั่งปิดมาจากกรมตำรวจ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ปิดบริษัทผม”ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อยกขึ้น ยิ้มอย่างยโส “ฉันเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว”หลังจากนั้นเจียงอิ่งก็นำมือที่อยู่ไพล่หลังอ
กายาหงส์หยกเหมันต์ถือเป็นลักษณะร่างกายชั้นสูงติดสามสิบอันดับแรก นอกจากนี้ ผู้หญิงคนใดก็ตามที่มีลักษณะร่างกายอย่างนี้ ภายนอกจะดูเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็ง ภายในร้อนแรงดุจภูเขาไฟฉู่เฉินท่องจำส่วนที่สำคัญที่สุดของคัมภีร์ที่ได้รับสืบทอดมาจากมังกรเฒ่าได้อย่างขึ้นใจแต่แรกแล้ว ซึ่งส่วนสำคัญที่ว่านั้นก็คือรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะร่างกายรูปแบบต่างๆ นั่นเองไม่รู้ว่ามังกรเฒ่ามีสัมพันธ์กับผู้หญิงไปมากมายขนาดไหนแล้ว ถึงได้รู้เรื่องลักษณะร่างกายทั้งภายในและภายนอกรูปแบบต่างๆ อย่างละเอียดขนาดนี้“เมื่อกี้คุณว่าไงนะ!”สีหน้าของเจียงอิ่งเคร่งขรึมขึ้นมาทันที“ผมบอกว่าถุงใต้ตา ไม่ได้สบถคำหยาบ”ฉู่เฉินกลอกตาใส่เจียงอิ่ง สาวเดินเข้าไปในห้องประชุม จากนั้นก็ตรงไปนั่งตำแหน่งสูงสุดที่อยู่ปลายโต๊ะเจียงอิ่งเอือมระอาฉู่เฉินคนนี้ใช้แค่คำว่า ‘เหลือทน’ มาบรรยายก็ยังไม่พอตั้งแต่เจอกันจนถึงตอนนี้ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ฉู่เฉินเอาความมั่นใจมาจากไหน เขาไม่แตกตื่นลนลานไม่พอ ยังพูดจาท้าทายซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เหอะ!”เจียงอิ่งแค่นเสียง รอถึงตอนที่ตรวจสอบและสั่งปิดบริษัทของนายก่อนเถอะ จะคอยดูว่ายังอวดดีแบบนี้ได้อยู่อีกร
เจียงอิ่งลุกขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือเรียวขาวไปทางเจียงเหวินป๋อเจียงเหวินป๋อเองก็ไม่นึกว่าวันนี้คนที่รับผิดชอบคดีจะเป็นสาวงามน้ำแข็งพันปีผู้ขึ้นชื่อแห่งสภาแพทย์ ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา รีบดึงสติและจับมือของเจียงอิ่งอย่างกระตือรือร้นจนกระทั่งผ่านไปสามวินาที เจียงอิ่งขมวดคิ้วบอกว่า “อธิบดีเจียง คุณบีบมือแรงจนฉันเจ็บแล้วนะคะ”“อ้อ… โธ่เอ๋ย ดูผมสิ เสียมารยาทแล้วๆ”เจียงเหวินป๋อปล่อยมือเล็กนิ่มที่เย็นเฉียบของเจียงอิ่งอย่างอาลัยอาวรณ์ พลางกลืนน้ำลาย ก่อนจะหันไปมองฉู่เฉินที่นั่งตำแหน่งสูงสุดเวลานี้ ฉู่เฉินกำลังจ้องเจียงเหวินป๋อด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยครั้นสบสายตากัน เจียงเหวินป๋อนัยน์ตาหดเล็กลง ใบหน้าสูงวัยกระตุกเล็กน้อยแม่งเอ๊ย เมืองเจียงจงจะแคบเกินไปแล้วมั้ง?ทำไมเจอไอ้ตัวซวยนี่อีกแล้ว!เจียงเหวินป๋อฝืนฉีกยิ้มให้ฉู่เฉิน “โอ้ นี่คุณฉู่ไม่ใช่เหรอ? นะ…นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?”พอเห็นเจียงเหวินป๋อก้มหัวลดตัวทันทีที่เห็นฉู่เฉิน แววตาของเจียงอิ่งฉายแววสงสัยนี่มันอะไรกัน?เจียงเหวินป๋อรู้จักฉู่เฉินด้วยเหรอ หนำซ้ำยังดูเหมือนกลัวเขามากอย่างนั้นแหละ?“ไม่มีอะไร เจ้าหน้าที่เจียงไม่ค่อยถูก
แต่พริบตาต่อมา สีหน้าของเจียงอิ่งก็กลับมาเป็นปกติ เธอจ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา “ประธานฉู่ ไม่ต้องมาประกาศแวดวงเพื่อนของคุณให้ฉันรู้จักหรอกนะคะ”“แม้ฟางอวี่เจิ้งจะมาเอง ฉันก็จะทำตามเดิมไม่เปลี่ยน”ด้วยเส้นสายของครอบครัวสามีเธอ ฟางอวี่เจิ้งคนเดียวยังพอเอาชนะได้อยู่เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่ผู้มีพระคุณไหว้วานมา แม้ต้องใช้เส้นสายจากครอบครัวสามี เจียงอิ่งก็ต้องจัดการฉู่เฉินให้ได้ไม่อย่างนั้น เธอจะอธิบายกับผู้มีพระคุณยังไงล่ะ?นึกมาถึงตรงนี้ เจียงอิ่งควงโทรศัพท์เล่น เหมือนกำลังรอให้ฉู่เฉินโทรหาฟางอวี่เจิ้ง จากนั้นเธอก็จะโจมตีเขาแรงๆ ทำให้เขาสิ้นหวัง“แหม วางมาดได้เนียนมาก”ฉู่เฉินยกนิ้วโป้งให้เจียงอิ่ง“คุณฉู่ พูดอะไรของคุณ คนอื่นเขาไม่จำเป็นต้องวางมาดหรอกนะ”จ้าวเจวียนพูดจบ ใบหน้าเล็กๆ ของจ้าวอิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาดุจน้ำแข็งทันที เธอตวัดสายตามองจ้าวเจวียนยัยคนนี้ชาติก่อนเป็นช่างก่อปูนรึไงนะ?ถึงได้วิ่งมาพูดแทรกอุดรูโหว่อยู่ตรงนี้?ในตอนนี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นก้มหน้ามองหน้าจอ ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง “พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา โทรศัพท์จากฟางอวี่เจิ้ง ถ้าไงคุณ
ฟางอวี่เจิ้งหัวเราะหยัน ก่อนเอ่ยว่า “เจียงอิ่ง สามีของคุณมีเส้นสายกับผู้ว่าการเฉียวก็จริง แต่ปัญหาก็คือ ผู้เฒ่าในบ้านของผู้ว่าการเฉียวป่วยหนักอยู่”“ผมรายงานผู้ว่าการเฉียวไปแล้ว ว่าได้หาหมอมีชื่อคนหนึ่งให้เขา และหมอชื่อดังคนนี้ก็คือฉู่เฉิน”อะไรนะ?เจียงอิ่งได้ยินก็ตะลึงงันฉู่เฉินมีวิชาแพทย์ด้วยเหรอ?เจียงอิ่งยังไม่ทันได้สติ ฟางอวี่เจิ้งก็แค่นหัวเราะและเอ่ยต่อว่า “ความสามารถด้านการแพทย์ของหมอเทวดาฉู่ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่เป็นพยานได้”“ท่านผู้อาวุโสจิ่วฮว่าหยาง ยังมีหมอเทวดาซุนแห่งเมืองเจียงจงของเรา รวมถึงศาสตราจารย์เฝิง ศาสตราจารย์จาง และศาสตราจารย์หลินแห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์ระดับมณฑล ต่างก็ชื่นชมความสามารถด้านการแพทย์ของหมอเทวดาฉู่ไม่ขาดปาก”“ลองคิดดูสิ ถ้าหมอเทวดาฉู่รักษาผู้เฒ่าในบ้านของผู้ว่าการเฉียวหายได้จริง คุณจะมีจุดจบยังไง?”“อีกอย่าง เรื่องที่สามีของคุณจะเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าเลขาฯ ผู้ว่าการ รวมถึงโครงการซ่อมแซมสะพานเมืองที่ครอบครัวสามีของคุณตั้งความหวังไว้ ถ้าหากต้องพลาดโอกาสทั้งหมดนั้นไปเพราะการกระทำของคุณ ไม่รู้ว่าตำแหน่งของคุณในบ้านสามีจะเป็นยังไง…”“ผมพูดแค่นี้ล
“คุณฉู่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ก่อนหน้านี้อาจมีบางเรื่องที่ฉันเข้าใจไม่หมด คุณว่าเอาอย่างนี้ดีไหมคะ กลับไปกับฉันก่อน ฉันจะตรวจสอบ… ตรวจสอบให้ชัดเจน”เจียงอิ่งพยายามควบคุมน้ำเสียงและความเร็วในการพูดให้ดูเรียบนิ่ง ไม่ลนลานแต่อย่างไรเธอก็เป็นเพียงหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วยังขาดประสบการณ์อีกมาก สุดท้ายก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความกระสับกระส่ายอยู่ดีแต่แค่เพียงน้อยนิด ก็ยังมากพอให้ฉู่เฉินสังเกตเห็นได้“ได้ครับ”ฉู่เฉินค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก่อนจะโบกมือให้เจียงเหวินป๋อกับจ้าวเจวียน “อธิบดีเจียง คาดว่าที่นี่คงไม่มีธุระให้ทั้งสองท่านจัดการแล้ว เชิญกลับเถอะครับ”พูดจบ เขาก็เดินตามเจียงอิ่งออกไปพอเห็นว่าฉู่เฉินจะไปแล้ว เจียงเหวินป๋อก็รีบเดินตามไป“คุณฉู่ รอเดี๋ยวครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษากับคุณหน่อย”เจียงเหวินป๋อดึงฉู่เฉินไปด้านหนึ่ง ก่อนจะกระซิบเบาๆ ว่า “คุณฉู่ คุณว่าหนังสือให้อภัยของผม…”ที่จริงตอนนี้เขาถูกสั่งพักงานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติงานเท่านั้น แต่หากปล่อยไว้นาน ด้านหนึ่งเรื่องนี้จะส่งผลเสียต่อตำแหน่งของเขาในกรมอย่างใหญ่หลวงในอีกด้าน หากมีคนหมายจะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของ
เข้าขากันดีจนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผัวเมียกันสุดท้าย จ้าวเจวียนมีสีหน้าพึงพอใจ จากนั้นฉู่เฉินก็เดินออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับเจียงอิ่งอย่างให้ความร่วมมือ ทิ้งเจียงเหวินป๋อให้ยืนอยู่กับความรู้สึกอันสับสนวุ่นวายอยู่เพียงลำพัง……มาถึงหน้าประตู ฉู่เฉินกำชับกวนเหล่ยอีกสองสามคำ ก่อนจะออกไปกับเจียงอิ่งพอขึ้นรถ เจียงอิ่งขับรถพลางถามด้วยความสงสัยว่า “ประธานฉู่ใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอคะ? แค่เลขาคนหนึ่งก็ให้เงินเดือนถึงสามแสนอย่างนี้?”“คุณคิดว่าเธอควรได้เท่าไรล่ะ?” ฉู่เฉินถามเจียงอิ่งเงียบคำตอบของฉู่เฉินทำเอาเจียงอิ่งจิตใจสับสนว้าวุ่นฟังยังไงก็รู้สึกมีความหมายแฝงเหมือนฉู่เฉินกำลังซื้อประเวณี แต่เธอกลับไม่มีหลักฐานที่จริงฉู่เฉินไม่ได้ทำเพื่อตัวจ้าวเจวียน แต่ฉู่เฉินจะไม่ปล่อยให้กวนเหล่ยครอบครองเขาแต่เพียงผู้เดียวเด็ดขาด อย่างน้อยก็ต้องทำอย่างนี้ในบริษัทหากไม่มีคนมาคานอำนาจกับกวนเหล่ย ไม่นานต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่นอนโจวน่ามีความสามารถในด้านนี้จริง แต่ยังไงเธอก็ยังเด็กเกินไป วิธีคิดยังห่างชั้นกับจ้าวเจวียนอีกไกลถ้าหากจ้าวเจวียนสามารถคานอำนาจกับกวนเหล่ยในบริษัทได้ ฉู่เฉินก็คงวางใ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก