นี่มัน…ฟางอวี่เจิ้งยิ้มแห้งๆ เขาวางเทียบยาของฉู่เฉินลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างอาลัยอาวรณ์ และเหลือบมองเจียงอิ่งที่กำลังเม้มปาก ใบหน้าแดงก่ำไปทั้งดวงแวบหนึ่ง“คือว่า… เทียบยานี้ซับซ้อนเกินไป ถ้าอย่างไรทั้งสองพูดคุยกันให้ละเอียดก่อนดีไหม? ผม…”ฉู่เฉินกลอกตาใส่ฟางอวี่เจิ้ง “คุณจะยอมยกกระดูกให้งั้นเหรอ?”“เปล่านะครับ เปล่าๆ”ฟางอวี่เจิ้งรีบโบกมือ กระดูกมังกรของเขายังต้องเก็บไว้ผลิตเจ้าสามอยู่ จะยอมยกให้ง่ายๆ ได้ยังไงพริบตาต่อมา ฟางอวี่เจิ้งรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรู้งาน ได้ยินเสียงประตูห้องทำงานปิดดังปัง เจียงอิ่งสะดุ้ง!มือเล็กๆ ยกขึ้นกุมคอเสื้อโดยสัญชาตญาณ เธอมองหน้าฉู่เฉินอย่างแตกตื่น“จะเปิดเทียบยาหรือไม่ ก็แล้วแต่”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจียงอิ่งเม้มปาก ก่อนจะทำสีหน้าเด็ดเดี่ยว และเชิดหน้าเล็กๆ นั่นขึ้นเล็กน้อย “ก็ได้ค่ะ แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”“ว่ามา”ฉู่เฉินเองก็เป็นคนตรงไปตรงมา ทุกการตอบแทนย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้ว“ฉัน… ฉันหวังว่าหากคุณฉู่มีโอกาสได้พบท่านผู้ว่าการเฉียว ช่วยพูดชมสามีฉันหน่อย อีกอย่าง… โครงการซ่อมแซมสะ
ชีวิตคนเรามักมีเรื่องที่ไม่สมหวังอยู่เสมอ“ก็ได้ งั้นผมจะไม่บังคับคุณก็แล้วกัน”ฉู่เฉินกล่าว เขาเก็บมือถือ สาวเท้าไปที่โต๊ะทำงานเจียงอิ่งเห็นฉู่เฉินเดินมาหาตัวเอง ก็รีบหันหลังกลับไป ยกขาข้างหนึ่งพาดขึ้นบนโต๊ะ กัดเม้มริมฝีปากแน่นๆ เหมือนเตรียมตัวจะรับศึกหนักอย่างไรอย่างนั้นจะโทษเธอก็ไม่ได้ ใครใช้ให้ของฉู่เฉินใหญ่เกินไปล่ะพอนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เธอก็เกร็งไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น ประเด็นคือไม่รู้ว่าไซส์จะพอดีกับรูหรือไม่ จะเจ็บมากรึเปล่านะ?“อึก…”พอฉู่เฉินมาถึง เจียงอิ่งโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ถึงจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังส่งเสียงครางออกจากลำคออย่างควบคุมไม่ได้ฉู่เฉินเองก็อดตะลึงไม่ได้เหมือนกันรังนกเย็น!แม่งเอ๊ย ฉู่เฉินสะท้านไปทั้งตัว เขาเก็บสมบัติล้ำค่าได้แล้วสิความเย็นที่แผ่กระจายออกมานั่น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อสงครามเริ่มต้น ในห้องมีเพียงเสียงดังเป็นจังหวะระรัว แต่กลับไม่มีเสียงร้องใดๆ แม้แต่น้อยเส้นผมดำสลวยของเจียงอิ่งกระเพื่อมไหวไปตามจังหวะการสั่นของร่างกาย สยายปรกหน้าผากจนยุ่งเหยิงเชี่ยฟางอวี่เจิ้งที่เดินกลับไปกลับมาอย
เมื่อการแก้แค้นอันดุเด็ดเผ็ดมันของเจียงอิ่งเริ่มขึ้น ฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงความเย็นที่ไหลสู่ร่างกาย ขณะเดียวกัน พลังวิญญาณที่จุดตันเถียนก็กำลังเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง จนแทบมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉู่เฉินถึงจุดสุดยอดในพริบตานับตั้งแต่ที่เขาก้าวข้ามสู่การฝึกปราณขั้นเจ็ด นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่เต็มเปี่ยมขนาดนี้ ถึงขั้นที่เขารู้สึกว่าจุดชี่ไห่กับจุดตันเถียนของเขาแทบจะระเบิดออกมาแล้วหากมีแต่รับเข้าไม่ได้ถ่ายออกแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอนฉู่เฉินสะท้านไปทั้งตัว พลังวิญญาณที่แทบล้นทะลักออกมา ระบายออกมาในรูปแบบของเหลวซี้ด!ฉู่เฉินรู้สึกราวกับโลกทั้งใบหมุนคว้าง อาจเพราะฝึกปราณเข้มข้นเกินไป หรืออาจเพราะพลังวิญญาณมากเกินไป สภาพเขาตอนนี้เหมือนคนเมา เดินเซกลับไปนั่งที่โซฟาเจียงอิ่งยืนประคองตัวเองอยู่กับโต๊ะทำงาน เธอหอบหายใจอย่างหนักหน่วง บอกตามตรง วันนี้เธอเหนื่อยจนหมดแรงแล้วหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ปวดหลังปวดเอว สะโพกก็แทบกระตุกอยู่แล้วเหงื่อหอมไหลลู่ลงมาตามเส้นผมของเธอ หยดลงบนโต๊ะทำงานของฟางอวี่เจิ้ง ผสมปนเปกับน้ำกลั่
หลังจากที่เขาเดินวนอยู่บนทางเดินอีกรอบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดห้องทำงานก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ ฟางอวี่เจิ้งถอนหายใจ ไม่รู้ว่าโต๊ะทำงานตัวใหม่ของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างโต๊ะตัวนั้นทำมาจากไม้จันทน์เชียวนะ แล้วเขาก็เป็นคนควักเงินเองด้วย ตั้งเก้าหมื่นกว่าบาท……“คุณแยกห้องนอนกับสามีมานานแค่ไหนแล้ว?”ฉู่เฉินม้วนปอยผมของเจียงอิ่งเล่น พลางยิ้มถามไอ้แซ่หลูนั่นเป็นตัวอย่างชั้นดีของคนหวงก้างจริงๆ ผิวส้มตากแห้งชั้นดีขนาดนี้ ปล่อยไว้ให้แห้งเฉาอย่างนี้ มันน่าด่าจริงๆ!“ทำไมคุณถึงได้รู้ไปหมดทุกอย่าง?”เจียงอิ่งขมวดคิ้ว จ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อนี่เป็นความลับสุดยอดของเธอ เธอไม่เคยบอกให้ใครรู้ แม้แต่น้องชายของเธอก็ยังไม่รู้“คับ!”ฉู่เฉินเป็นคนพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความมาเสมอ“คุณ!”เจียงอิ่งเอากำปั้นทุบเอวของเขาแรงๆ พูดอ้อมๆ หน่อยไม่ได้เลยเหรอ?“ผมคิดว่านี่เป็นการประเมินผู้หญิงที่สั้นและตรงที่สุดแล้วนะ”คำพูดนี้กลับออกมาจากใจฉู่เฉินจริงๆแค่คำเดียวสั้นๆ ก็เอาชนะคำพูดได้มากมายหมื่นล้านคำแล้ว ทำไมต้องพูดอะไรให้มากความด้วยล่ะ?“เชอะ”เจียงอิ่งจ้องพิจารณาฉู่เฉิน หยักยิ้มมุ
“ข้อ...เข่าเสื่อม?”ฉู่เฉินลูบคลำเรียวขาเนียนนุ่มงดงามของเจียงอิ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ เธออายุน้อยแค่นี้จะมีโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร?“ลูบขาคนอื่นแล้วยังหาเหตุผลดูดี ดูท่าทางคุณจะไม่ใช่หมอจริง ๆ”เจียงอิ่งกล่าวพลางปรับเปลี่ยนมุมของร่างกาย ยืดเรียวขาที่ยาวงดงามออกมาพาดไว้บนตักของฉู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเด็ก ๆ รักสวยรักงามมากเกินไป หน้าหนาวเลยยังสวมกระโปรงสั้นกับถุงน่อง หนาวจนจะแข็งอยู่แล้ว”“หลังจากนี้ไม่สวมก็ไม่เป็นไรแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยด้วยความมั่นใจมาก “ได้คืบจะเอาศอก แค่สูตรยาเมื่อกี้ของคุณ รักษาได้ทุกโรคเลยหรือไง?” ดวงหน้าเล็กของเจียงอิ่งแดงระเรื่อ ยื่นริมฝีปากเล็กพลางเอ่ย“ก็เกือบ ๆ ถ้าไม่เชื่อพรุ่งนี้คุณก็จะรู้เอง รับรองว่าคุณจะตัวเบาเหมือนนกนางแอ่น เดินขึ้นตึกสูง กระโดดข้ามตึกได้เหมือนเดินบนพื้นราบเลย”อันที่จริงคำพูดนี้เป็นความจริง เนื่องจากเจียงอิ่งมีคุณสมบัติร่างกายพิเศษ การบำเพ็ญคู่ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อฉู่เฉินมาก แต่ยังมีประโยชน์ต่อเธอค่อนข้างมากด้วยเช่นกันทว่าน่าเสียดายที่เธอไม่ใช่ผู้บำเพ็ญพรตไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงสัมผัสได้ถึงค
ถ้าอย่างนั้นเมื่อกี้เธอเพิ่งถูกฟางอวี่เจิ้งกับฉู่เฉินรวมหัวกันหลอกฟันไปหนึ่งครั้งเลยไม่ใช่หรือไง?ไม่สิ!สองครั้งเลยต่างหาก!นี่มันไร้มนุษยธรรมเกิดไปแล้วหรือเปล่า? กลางวันแสก ๆ ท้องฟ้าสว่างไสว พวกคุณรวมหัวกันหลอกฟันแบบนี้เหมาะสมแล้วเหรอ?“อ้อ...จริงสิ”ฟางอวี่เจิ้งตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่ง เกือบจะลืมเรื่องสำคัญไปเลย โชคดีที่ฉู่เฉินเอ่ยเตือน เขาถึงค่อยเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “เป็นนายท่านใหญ่เฉียวเฉิงโส่วในตระกูลของพวกเรา”“ได้ยินว่าสมัยก่อนนายท่านใหญ่เป็นวีรบุรุษสงครามในกองทัพ แต่ได้ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ ซึ่งอาการหนักขึ้นไปตามอายุ ตอนนี้...”พอกล่าวถึงตรงนี้ ฟางอวี้เจิงพลันเปลี่ยนเรื่องว่า “เฉียวเฉิงโส่วเคยหาหมอชื่อดังนับไม่ถ้วน ขนาดบุคคลอย่างฮว่าจิ่วหยางก็เคยเชิญมา แต่ว่าทุกคนต่างจนปัญญากับโรคของนายท่านใหญ่” “หลายวันก่อนโชคดีได้ทานข้าวร่วมกับเฉียวเฉิงโส่ว เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ ผมก็รับปากไปอย่างลวก ๆ แต่ว่ายังไม่เจอคนที่เหมาะสมมาโดยตลอด” “เมื่อวานวิชาแพทย์ของน้องฉู่ทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริง ๆ ดังนั้นพวกคำพูดที่พูดไว้ในข้อความเลยไม่ได้พูดกับ...หัวหน้าแผนกเจียง แต่ว่าผมมีความตั้งใจนี
“คุณคิดอะไรน่ะ? ฉันจะลงไปก่อน แล้วคุณค่อยลงไปทีหลัง อย่าให้พี่สะใภ้ของฉันเห็นเข้าละ”เจียงอิ่งดูลนลานเล็กน้อย ราวกับเด็กน้อยที่แอบขโมยกินปาท่องโก๋เป็นครั้งแรก เหมือนกับกลัวว่าเดินอยู่บนถนนแล้วจะมีคนรู้ว่าตัวเองขโมยปาท่องโก๋“ผมก็มีธุระเหมือนกัน ไปด้วยกันจะกลัวอะไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นชู้กับเธอกันหมดนะ” ฉู่เฉินโอบเอวบางของเจียงอิ่งอย่างเหิมเกริม แล้วเดินไปที่หน้าบันไดโดยไม่ฟังคำอธิบาย“คุณจะไปทำอะไร?”เจียงอิ่งพูดพลางดิ้นหนีออกมาจากในอ้อมแขนของฉู่เฉิน เธอกลัวมากจริง ๆ มีคนไป ๆ มา ๆ ทั่วทั้งอาคาร ถ้าเกิดถูกคนอื่นเห็นเข้า เธอคงแย่แน่ ๆ“คิดบัญชี!” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งหลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอแม่ลูกคู่นี้ ทำไมถึงไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตานะ?เดิมทีช่วงนี้ฉู่เฉินไม่มีความคิดจะไปเก็บดอกเบี้ยแล้ว ปรากฏว่าหลิ่วหรูเยียนรนหาเรื่องให้ได้ เช่นนั้นก็โทษเขาไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรฉู่เฉินก็เป็นคนหนุ่มที่รักษาคำพูด ครั้งก่อนเคยบอกไปแล้วว่าจะให้เธอได้เห็นกับตาถึงฉากใหญ่ที่เขาจัดการหลิ่วชิงเหอ แต่ช่วงนี้เขายุ่งเกินไป ไม่มีเวลาทำตามสัญญามาตลอดวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันครบพอดีเลย
หญิงสาววัยแรกแย้มได้ยินว่าฉู่เฉินเป็นคนตรวจโรคให้นายท่านใหญ่เฉียว สีหน้าที่สงบนิ่งพลันแย้มรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะยื่นมือเรียวสวยให้ฉู่เฉิน “สวัสดีครับ”ฉู่เฉินจับมือเธออย่างใจกว้างมาก “หมอเทวดาฉู่คะ ท่านนี้คือพี่สะใภ้ของฉัน เจียงถิง เป็นพิธีกรสถานีโทรทัศน์เจียงจงของพวกเรา”ฉู่เฉินพยักหน้าหนัก ๆ แล้วกล่าวว่า “พวกคุณแซ่เดียวกันเหรอ?” หืม?หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็อึ้งกับคำถามของฉู่เฉิน แซ่เดียวกัน?ฉู่เฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนวิธีถามว่า “ผมหมายถึงแซ่เจียงกันทั้งนั้นเลย บังเอิญมากเลยนะครับ”“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแซ่เจียงที่มาจากคำว่าแม่น้ำค่ะ” เจียงถิงรีบอธิบาย “อ้อ หมายถึงตัวเจียงที่มีน้ำมากมาย” ฉู่เฉินเอ่ยยืนยันอีกครั้ง“แค่ก!” เจียงอิ่งกระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดกับเจียงถิงที่กำลังตกตะลึงว่า “คุณฉู่คนนี้พูดจาตลกมากเสมอ คุณอย่าคิดมากเลยนะ” เจียงถิงพยักหน้าเล็กน้อย ยังนึกว่าตัวเองถูกฉู่เฉินมองออกแล้ว คำถามนี้มันมหัศจรรย์เกินไป ที่สำคัญคือฉู่เฉินรู้ได้อย่างไรว่าเป็นปัญหาเรื่องน้ำ?“ได้ งั้นพวกคุณคุยกันก่อนเถอะ ผมยังมีธุระ ถ้ามีวาสนาค่อยพบกันใหม่” ฉู่เฉินก
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่