ยาเก้าตะวันไม่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้เป็นอันขาด อวี้ลู่ได้แต่สูดลมหายใจลึกอย่างจนปัญญา เรื่องสำคัญแบบนี้ เธอทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น เมื่อคิดเช่นนี้ อวี้ลู่ถึงค่อยจำใจเอ่ยว่า “ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” เดิมทีนึกว่าคราวนี้ฉู่เฉินคงจะพอใจแล้วสินะ แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อคำพูดนี้ออกมา ฉู่เฉินก็กลอกตาใส่เธอ ส่ายศีรษะจนเหมือนกลองป๋องแป๋ง เอ่ยติดต่อกันว่า “ไม่เหมาะ ๆ” “เช่นนั้นเจ้าต้องการอย่างไรกันแน่?” อวี้ลู่เดือดดาลแล้วจริง ๆ!นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ เห็นเธอไม่มีอารมณ์โกรธจริง ๆ หรือไง?“ผมหมายความถึงการแต่งตัวของพี่ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะออกจากบ้านตอนกลางคืนละก็ ใครเดินคู่กับพี่จะต้องซวยหนักมากแน่ พี่เข้าใจหรือเปล่า?”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนสั่งสอนเด็กเล็ก “ทำไมเล่า?”อวี้ลู่มองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ต่อให้อยู่ในดินแดนเซียน เธอก็แต่งตัวแบบนี้มาตลอด อีกทั้งร่างเซียนไม่กลัวความหนาวและความร้อน ทำไมถึงใส่ไม่ได้ล่ะ?หากพูดถึงเรื่องโป๊ หญิงสาวในโลกมนุษย์ยังแต่งตัวโป๊มากกว่าเธอเสียอีก นอกจากนี้ ส่วนสำคัญของเธอก็ปกปิดไว้มิดชิดทั้งหมด ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรเลย
อวี้ลู่หรี่ตา สังเกตฉู่เฉินอยู่พักใหญ่ จากนั้นค่อยยกชายกระโปรงขึ้นมาแล้วสวมถุงน่องเต็มตัวทันที ว้าว!ฉู่เฉินรู้สึกเหมือนหัวใจดวงเล็ก ๆ ของตัวเองติดตั้งเครื่องยนต์รถแทรกเตอร์ เต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดผู้หญิงคนนี้ควรมีอยู่แค่บนสวรรค์เท่านั้น จะมีสักกี่คนที่ได้เห็นบนโลกมนุษย์?พูดได้ว่า อวี้ลู่มีความงดงามที่เพริศพริ้งและแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ ไม่ใช่คนที่ผู้หญิงทั่วไปจะเทียบได้เลย ต่อให้เป็นกู้รั่วเสวี่ยกับหลิ่วหรูเยียนก็ไม่มีกลิ่นอายสูงส่งเหมือนบนตัวเธอเลยเป็นความสูงส่งโดยธรรมชาติอย่างยิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีกลิ่นเงินหรือการแต่งตัวให้ดูสง่างาม งดงาม!แค่คำเดียวเท่านั้นตึก ๆๆ...อวี้ลู่สวมชุดเดรสสีขาวตัวนั้นและสวมรองเท้าหนังเล็ก ๆ เดินไปเดินมาหลายก้าวอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน เอามือเล็ก ๆ สองข้างไพล่หลังแล้วกล่าวว่า “เป็นยังไงบ้าง?” “สมบูรณ์แบบ!” ฉู่เฉินพยักหน้าแรง ๆ ชมไม่หยุดปาก สิ่งสำคัญที่สุดคือชุดเดรสตัวนี้ยังเป็นรุ่นซีทรู เมื่อสวมอยู่ร่างของอวี้ลู่ เป็นการผสมผสานเสน่ห์เย้ายวนและความสง่างามสูงส่งสมบูรณ์แบบเข้าด้วยกันเสริมลุคใสบริสุทธิ์และลุคเย้ายวนใจอย่างเต็มที่ในคราว
“คุณมันแย่ที่สุด นอกจากปากแล้วก็คิดถึงอย่างอื่นไม่ได้เลยสักนิดเหรอ?” หลินชือหย่าเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอดฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยเข้าประเด็นทันที “อีกเดี๋ยวผมจะไปที่บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองเอกของมณฑล”“คุณจะมาเมืองเอก? เมื่อไหร่คะ?” หลินชือหย่ารีบเอ่ยถามอย่างรอไม่ไหวแล้ว “น่าจะอีกสองชั่วโมงให้หลังนะครับ”ฉู่เฉินเอ่ยปากกล่าวอย่างเฉยชา“ได้ งั้นฉันเตรียมตัว เจอกันที่หน้าประตูบริษัทประมูล ไม่เจอไม่กลับ”หลินชือหย่ากล่าวจบก็รีบวางสายโทรศัพท์อย่างเร็วไวจากนั้น ฉู่เฉินก็สตาร์ตรถ มุ่งตรงไปที่บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองเอกของมณฑล”“เจ้า...เมื่อกี้ทำไมถึงบอกกับนางว่า เจ้าคิดถึงปากของนาง?” อวี้ลู่ขมวดคิ้วมุ่น สุดท้ายยังคงถามข้อสงสัยในใจออกมาเธอไม่เข้าใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ พวกนี้จริง ๆ แม้ว่าคิดถึงคนคนหนึ่ง น่าจะคิดถึงทั้งหมดของเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมคิดถึงแค่ปากของเธอล่ะ?“ความลับของฟ้ามิอาจเปิดเผย ไว้รอให้จังหวะเหมาะสมแล้ว พี่ก็จะเข้าใจเอง”ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดด้วยท่าทางเหมือนคนที่มีความสามารถสูงส่ง“ฮึ ไม่อยากบอกก็ช่าง”อวี้ลู่กลอกตาใส่ฉู่เฉินแรง ๆ หลังจากที่ติดต่
ในบริษัทประมูลก็มีห้องทำงานประธานบริษัทของหลินชือหย่าด้วย ถึงอย่างไรตอนนี้เวลายังเหลืออยู่ ขึ้นไปพักผ่อนดีกว่ารออยู่ที่นี่ฉู่เฉินพยักหน้า กำลังคิดเดินขึ้นบันได ก็มีเสียงที่ย้อนแย้งสุดขีดดังมาจากด้านหลังว่า “โอ้ นี่คุณหนูใหญ่หลินไม่ใช่เหรอ?”“ได้ยินว่าช่วงนี้คุณเลี้ยงดูแมงดา? คงไม่ใช่เขาหรอกนะ?”ทันทีที่สิ้นเสียงพูด หลินชือหย่ากับฉู่เฉินพากันขมวดคิ้วแล้วมองไปทางด้านหลัง จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดสูทโอตกูตูร์ ใส่แว่นตากรอบทอง มือของเขาควงผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าแต่งตัวหรูหรา หน้าตาสะสวยมาก กำลังเดินมาทางนี้ “หลิวจิ่งหง?”หลินชือหย่ามองแวบเดียวก็จำชายหนุ่มตรงข้ามได้ เขาก็คือคุณชายใหญ่ตระกูลหลิวจากเมืองเอกของมณฑลส่วนผู้หญิงข้าง ๆ เขาก็คือเฉียนเจียวเจียว คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียนจากเมืองเอกของมณฑลปัจจุบันนี้ตระกูลเฉียนตกอับแล้ว มีเพียงเปลือกกลวง ๆ ที่ยืนหยัดอยู่ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเฉียนเจียวเจียวเกาะหลิวจิ่งหงได้ เกรงว่าตอนนี้ตระกูลเฉียนคงไม่มีอะไรกินแล้วเฉียนเจียวเจียวควงแขนของหลิวจิ่งหง มองหลินชือหย่าด้วยสีหน้ากระเง้ากระงอด เธอย่อมรู้ว่าหลิวจิ่งหงตามจีบหลินชือหย่าสองปี แต่ในสอง
“คุณวางใจได้ ชีวิตของผมยังอีกยาว แต่คุณนี่สิ อยู่รอดให้ถึงสิ้นปีได้ก็ถือว่าเป็นงานศพที่น่ายินดีแล้ว” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน ไม่เอาคำพูดของหลิวจิ่งหงมาใส่ใจเลย “นาย...”หลิวจิ่งหงโกรธจนหน้าม่วงแล้ว ตระกูลหลิวถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ชั้นนำอันดับหนึ่งในเมืองเอกของมณฑล แม้แต่ตระกูลหลินก็ต้องหลีกทางให้ตระกูลหลิวสามส่วนแค่แมงดาอย่างฉู่เฉิน ใครกันที่มอบความกล้าให้เขา ถึงได้กล้าพูดจาโอหังแบบนี้กับตน?“ไอ้หนู กล้าบอกชื่อแซ่ไหม?!”คราวนี้หลิวจิ่งหงโกรธแล้วจริง ๆ เขาไม่เพียงต้องการให้ฉู่เฉินตายคนเดียวเท่านั้น เขายังต้องการให้ทุกคนที่อยู่ข้างกายฉู่เฉินถูกฝังไปพร้อมกับฉู่เฉินด้วย! ตระกูลหลิวเงียบหายไปมาหลายปี เอาแต่มุ่งขยายอำนาจอิทธิพลในแวดวงการค้าตลอด ไม่ได้สำแดงพลังมานานมากแล้ว ถึงขนาดที่มีหลายคนลืมไปแล้วตระกูลหลิวในปีนั้นน่ากลัวระดับไหน! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็จะใช้ฉู่เฉินมาสร้างแสนยานุภาพ ให้ทุกตระกูลในเมืองเอกของมณฑลได้เห็นว่าตระกูลหลิวในปัจจุบันไม่ได้ด้อยไปกว่าปีนั้นเลยแม้แต่น้อย! “พ่อคุณชื่อฉู่เฉินไง”ฉู่เฉินหัวเราะอย่างเฉยชา“นาย!”หลิวจิ่งหงเดือดดาลฉู่เฉินเอ
แต่ความเสี่ยงยิ่งสูง ผลตอบแทนก็มักจะยิ่งมากกระบี่อ่อนที่เอวของเขาก็เป็นของที่ได้มาจากหลี่เต้าผิงในเมื่อตาเฒ่าแซ่หลู่นั้นอยู่ระดับฝึกปราณชั้นแปด เชื่อว่าของดี ๆ บนตัวเขาย่อมไม่น้อยไปกว่าหลี่เต้าผิงอย่างแน่นอน“ข้า?”อวี้ลู่ส่ายศีรษะกล่าวว่า “นั่นเป็นผลกรรมของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า”ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญตนในระดับที่ยิ่งสูง ยิ่งให้ความสำคัญกับผลกรรมบ่อยครั้งที่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจะชักนำไปสู่บ่วงกรรมอันไร้ที่สิ้นสุด นี่ก็คือสาเหตุสำคัญว่าทำไมอวี้ลู่ไม่ยอมโผล่หน้าในสังคม แม้ว่าจะเป็นกรรมในโลกมนุษย์ เธอก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวง่าย ๆยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะถึงช่วงเดือนดับสูงสุดแล้ว ช่วงเดือนดับสูงสุด พลังฝึกปรือของเธอจะค่อย ๆ อ่อนแอลงทุกวัน อีกสามเดือนให้หลัง เธอก็จะเป็นเหมือนผู้หญิงธรรมดา ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่เลย เวลานี้การหาเรื่องเป็นตัวเลือกที่ไม่ชาญฉลาดอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่คำพูดของเธอทำให้ฉู่เฉินขมวดคิ้ว ยัยนี่เลือดเย็นมากเลย“เจ้ามองข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เจ้ายังไม่เข้าใจความน่ากลัวของผลกรรม ภายภาคหน้าเจ้าก็จะเข้าใจ”อวี้ลู่เอามือสอ
“พี่ดูสิ พวกคนที่พี่ดูแคลนว่ามีอายุขัยแค่ไม่กี่สิบปี ถึงแม้ชีวิตของพวกเขาจะสั้นนัก แต่ว่าตลอดทั้งชีวิตที่แสนสั้นของพวกเขามีญาติสนิท มีคนรัก มีเพื่อน”“แต่พี่ล่ะ? มีอะไร?”ฉู่เฉินลุกขึ้นมา เอามือชี้ไปยังผู้คนที่เดินไปมาอย่างรีบเร่งบนท้องถนนข้างนอกหน้าต่าง นัยน์ตางดงามคู่นั้นของอวี้ลู่จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน เวลานี้ เธอรู้สึกไม่ดีแล้ว ทำไมดูเหมือนว่าฉู่เฉินถึงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับเทวะ ส่วนเธอกลับเป็นสหายน้อยที่ถูกสั่งสอนล่ะ?“วิถีแห่งฟ้ามีสิ่งที่ขาดจึงจะสมบูรณ์ เมื่อมหาธรรมวิถีใสสะอาดถึงที่สุด ฟ้าก็จะพังทลาย” ฉู่เฉินท่องคำพูดประโยคหนึ่งในมรดกของมังกรเฒ่าออกมาแต่ว่าเมื่อรวมสถานการณ์นี้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ฟังจากในหูของอวี้ลู่กลับมีความหมายที่ทำให้คนตื่นรู้ขึ้นมา “นะ...นี่เป็นไปได้ยังไง?” อวี้ลู่ถึงขนาดเริ่มสงสัยในตัวเองแล้ว หรือว่าก่อนหน้านี้เธอทำผิดไปทั้งหมด?หรือว่ากฎเกณฑ์ของเหยาฉือผิดพลาดไปแล้ว?เป็นไปไม่ได้!เหยาฉือเป็นสำนักเซียนที่อยู่มานานนับหมื่นปี สร้างผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดที่บรรลุมหาธรรมวิถีออกมามากแค่ไหน? ไม่มีทางผิดพลาดเป็นอันขาดแต่ว่า...คำพู
เขาเอามือข้างหนึ่งยันกำแพง บีบให้หลินชือหย่าไปอยู่ในมุมกำแพงแล้ว“หลินชือหย่า เธอแสร้งทำเป็นสาวบริสุทธิ์อะไร? ให้แมงดาคนนั้นทำได้ ก็มีความสุขเป็นเพื่อนคุณชายอย่างฉันหน่อยจะเป็นไรไป? อีกอย่าง ฉันควรบอกเธอตามตรงดีกว่า ไอ้แมงดานั่นอยู่ไม่พ้นคืนนี้หรอก”“ถ้าเกิดเธอรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็ทำตัวว่าง่ายหน่อย อย่าให้พอถึงตอนนั้นคุณชายอย่างฉันจะจัดการแม้แต่ตระกูลหลินของเธอด้วย”หลิวจิ่งหงกล่าวจบก็ยื่นมือจะไปสัมผัสหน้าอกใหญ่ ๆ ของหลินชือหย่าเวรเอ๊ย! สวนลูกท้อของฉันเป็นสิ่งที่ใครก็สัมผัสได้ทั้งนั้นเหรอ?ดวงตาของฉู่เฉินฉายแววเย็นชาทันที ร่างกายรวดเร็วราวกับสายฟ้า มือสกปรกของหลิวจิ่งหงยังไม่ทันตกลงไป ฉู่เฉินก็เท้าเตะไปที่ด้านหลังเอวของหลิวจิ่งหงโครม!ร่างของหลิวจิ่งหงเอนเอียง ลอยออกไปไกลสองเมตรกว่า ก่อนจะชนกับกำแพงอย่างหนักหน่วงนี่ยังไม่จบนะ เมื่อเขากำลังยันกำแพงกระเสือกกระสนลุกขึ้นมาก็พบว่ากางเกงของตัวเองเหมือนจะเปียกแฉะแล้ว!เมื่อก้มหน้ามอง...เขากำลังปลดปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง!นะ...นี่แม่งเกิดอะไรขึ้น? บอดี้การ์ดสองคนกำลังคิดจะลงมือกับฉู่เฉิน หลิวจิ่งหงก็รีบตวาดเสียงดังใส่ทั้งสอ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่