เวลานี้เอง ภายในห้องรับรองที่อยู่อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อเห็นตู้เสี่ยวเยวี่ยผลักประตูเดินเข้ามา ฉู่เฉินก็คร้านที่จะมองเธอสักแวบหนึ่งยัยนี่ทำตัวเรียกร้องมากเกินไปแล้วจริง ๆ ครั้งที่แล้วตอนอยู่ที่บ้านตระกูลหลิ่ว เธอก็ร้องอย่างมีความสุขตั้งหลายครั้งถึงแม้ว่าจะมีวิชาลับบำเพ็ญคู่ แต่ฉู่เฉินก็ไม่ได้ยอมรับใครก็ได้ คนอย่างตู้เสี่ยวเยวี่ย ต่อให้ส่งมาฟรี ๆ ฉู่เฉินก็คร้านจะสนใจ“คุณฉู่คะ คุณนั่งอยู่ที่นี่คนเดียวไม่เบื่อเหรอคะ?” ตู้เสี่ยวเยวี่ยพูดพลางเดินเข้ามานั่งลงตรงที่วางแขนของโซฟาข้าง ๆ ฉู่เฉิน หน้าอกอวบใหญ่โคลงเคลงไปมาตรงหน้าฉู่เฉินในความคิดของเธอ ไม่มีผู้ชายหน้าไหนต้านทานการยั่วยวนอย่างกล้าหาญแบบนี้ของเธอได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างฉู่เฉิน ที่ยังลงมือได้แม้กระทั่งหลิ่วชิงเหอกับลูกสาว แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของฉู่เฉินกลับนิ่งเฉยอย่างยิ่งต่อให้หน้าอกอวบอิ่มคู่นั้นของเธอแทบจะแนบชิดใบหน้าของฉู่เฉินแล้ว ฉู่เฉินก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย เขายังคงดื่มน้ำชาอย่างไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดเดียว ถึงขนาดที่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอสักแวบหนึ่ง “คุณฉู่คะ คุณอย่าเข้าใจผิดไปนะคะ ฉันแค่อยากให้
โครม! ฉู่เฉินใช้หมัดเหล็กอิงภูผาต่อยหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดคนนั้นจนกระเด็นออกไปทันที“พรวด!” หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดคนนั้นยังไม่ทันได้แม้แต่จะส่งเสียงร้องโอดครวญ เขาก็สิ้นลมหายใจไปทันที ฉู่เฉินเร่งฝีเท้าไปข้างหน้า ภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจก็มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของหลี่โย่วถัง เวลานี้กู้รั่วเสวี่ยตาพร่ามัวแล้ว ส่งเสียงหอบหายใจอย่างเย้ายวนออกมาเป็นระยะตอนนี้การควบคุมสติของเธอมาถึงจุดชายขอบที่จะพังทลายแล้ว หากฉู่เฉินมาช้าอีกแค่นาทีเดียว ละครโศกนาฏกรรมอาจจะทำการแสดงแล้วปัง! ขณะที่หลี่โย่วถังเดินเข้าไปหากู้รั่วเสวี่ยพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย เสียงดังสนั่นเลือนลั่นก็ดังเข้ามา จากนั้นประตูห้องทำงานของหลี่โย่วถังก็บินเข้ามาหาหลี่โย่วถัง“เฮ้ย? ใครน่ะ!” หลี่โย่วถังตกใจจนหดคอ ประตูห้องที่ทำจากไม้แท้หนักหลายสิบกิโลกรัมบานนั้นพุ่งเฉียดศีรษะเขาออกไปข้างนอกหน้าต่างหลี่โย่วถังตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างตรงนั้นเลยจริง ๆ เขาเกือบจะปัสสาวะราดกางเกงแล้ว ถ้าเกิดโดนเข้าละก็ ต่อให้ไม่ตายก็คงหนังลอกเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าคนที่พุ่งเข้ามาในห้องทำงานคือฉู่เฉิน หลี่โย่วถังก็อดโกรธจัดไม่ได้ เข
เลขาตัวน้อยเห็นฉู่เฉินที่ทำสีหน้าดุดันเดินตรงไปหาหลี่โย่วถัง เธอก็ตกใจกลัวจนหันหน้าวิ่งหนีไป เธอวิ่งหนีพลางล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาหัวหน้าครอบครัวรุ่นสองของตระกูลหลี่ หรือก็คือหลี่เจี้ยนกั๋วผู้เป็นพ่อของหลี่โย่วถังนั่นเองฉู่เฉินเพียงแต่เบนศีรษะเล็กน้อย กวาดตามองแผ่นหลังของเลขาตัวน้อยคนนั้น คร้านจะสนใจเธอ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปใกล้หลี่โย่วถังก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาบีบคอของหลี่โย่วถังไว้ “โครม!” หลี่โย่วถังถูกฉู่เฉินบีบคอจนลอยขึ้นจากพื้นทันใดนั้นเอง ความรู้สึกหายใจไม่ออกถาโถมเข้ามาหลี่โย่วถังหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวม่วง มือเท้าดิ้นรนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ การดิ้นรนขัดขืนทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่เฉิน“ปะ...ปล่อยนะ...”หลี่โย่วถังดิ้นรนอีกหลายครั้งก่อนจะเลิกล้มการขัดขืนโดยสิ้นเชิง เพราะว่ายิ่งเขาดิ้นรนขัดขืนหนักขึ้น ความรู้สึกหายใจลำบากก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น มือใหญ่ของฉู่เฉินเหมือนกับคีมเหล็ก บีบจนเขาใกล้จะหายใจไม่ออกแล้ว“ปัง!” วินาทีต่อมา ฉู่เฉินพลันคลายมือออก ในชั่วพริบตาที่ร่างของหลี่โย่วถังจะร่วงลงถึงพื้น ฉู่เฉินก็คว้าเส้นผมของเขาไว้แล้วจับกระแทกลงไปกั
แต่คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินจะเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐาน “นะ...นายเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานเหรอ? ไอ้หนู ต่อให้นายอยู่ระดับสร้างรากฐานแล้วยังไง? สำนักอวี้ซือของฉันก็มีผู้อาวุโสระดับสร้างรากฐานอยู่สามคน!”“ถ้าเกิดนายกล้าแตะต้องฉันแม้เพียงเส้นผม สำนักอวี้ซือของฉันจะสู้กับนายให้ตายไปข้างหนึ่งแน่นอน!”เวลานี้อาจารย์จื่อหยางก็ตื่นตระหนกนิดหน่อยเช่นกันถึงอย่างไรเขาเป็นเพียงคนที่อยู่ระดับฝึกปราณขั้นแปดตัวเล็ก ๆ เท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับสร้างรากฐาน เขาย่อมต้องตายอย่างแน่นอนตอนนี้ทำได้เพียงอ้างสำนักของตัวเองมากดดันฉู่เฉินเท่านั้น โชคดีที่ฉู่เฉินรู้ถึงการมีอยู่ของสำนักอวี้ซือ เช่นนั้นน่าจะทราบดีว่าสำนักอวี้ซือก็มียอดฝีมือระดับสร้างรากฐานคอยรักษาการณ์อยู่สามคนหนึ่งต่อสาม ต่อให้ฉู่เฉินแข็งแกร่งอีกแค่ไหนก็ต้องตายสถานเดียว ตราบใดที่ฉู่เฉินไม่อยากตาย ก็ทำได้เพียงปล่อยเขาให้รอดไปได้ครบสามสิบสอง“ขอบอกข่าวร้ายอย่างยิ่งให้คุณฟังสักเรื่อง ต่อให้ไม่ฆ่าคุณ ผมก็มีความแค้นกับสำนักอวี้ซือของพวกคุณอยู่ดี”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน ค่อย ๆ ชักกระบี่อ่อนออกมาจากเอวแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว
“ไอ้หนู นายยังกล้าใช้ความรุนแรงขัดขืนอีกเหรอ?”ชายวัยกลางคนที่โดนเลือดสาดเต็มตัวถือโอกาสล้วงเอกสารรับรองออกมาโบกต่อหน้าฉู่เฉิน ชี้ไปที่คำว่าแก๊งมังกรด้านบนพลางกล่าวว่า “นายกล้าทำร้ายใครสักคน นายก็จะเป็นศัตรูกับทั้งประเทศ!”“ไม่ใช่แค่วงการต่อสู้เท่านั้น ยังมีวงการบำเพ็ญเพียรอีกด้วย ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ฆ่านายได้!”เมื่อคำพูดนี้ออกมา กู้รั่วเสวี่ยก็รีบดึงแขนของฉู่เฉินไว้แล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน อย่าวู่วามเด็ดขาดนะคะ พวกเขาเป็นคนของแก๊งมังกร!” “เรื่องนี้จะต้องได้รับการคลี่คลายแน่นอนค่ะ ตระกูลกู้ของพวกเราก็จะไม่นิ่งดูดายเหมือนกัน พี่อย่า...”กู้รั่วเสวี่ยตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดไปหมดแล้ว ขอเพียงฉู่เฉินฟันกระบี่ออกไป สมาชิกแก๊งมังกรสี่คนตรงหน้านี้ไม่พอให้เขาฆ่าเลยแต่ถ้าเป็นแบบนั้น ฉู่เฉินก็จะก่อหายนะครั้งใหญ่ขึ้นมาแล้วจริง ๆ นับตั้งแต่ก่อตั้งแก๊งมังกร ไม่ว่าจะเป็นวงการต่อสู้หรือว่าวงการบำเพ็ญเพียรล้วนยอมรับการปกครองของแก๊งมังกรโดยปริยาย แม้ว่าจะเป็นสำนักบำเพ็ญเพียรที่ยอดเยี่ยมอีกแค่ไหนก็ต้องให้ความเคารพต่อแก๊งมังกรไม่ว่าอย่างไรกู้รั่วเสวี่ยก็ไม่อยากให้ฉู่เฉินก่อปัญหาใหญ่โตแบบนี้เพร
สมาชิกแก๊งมังกรหลายคนถึงขนาดไม่มองฉู่เฉินอีกเลย ก่อนจะหันกายเดินออกจากห้องสอบสวน ฉู่เฉินลองขยับมือและเท้าหลังจากที่พวกเขาเดินจากไป แต่ว่าตอนนี้เองฉู่เฉินถึงค่อยพบว่าเก้าอี้สอบสวนของแก๊งมังกรเมืองหมอตูเป็นเก้าอี้ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษทั้งนั้นเลย นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อนักสู้และผู้บำเพ็ญเพียรโดยเฉพาะ ยิ่งเขาขยับมือและเท้า ตัวล็อกบนเก้าอี้ก็จะล็อกแน่นขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ห่วงเหล็กยังถูกเคลือบด้วยวัสดุพิเศษหนึ่งชั้น ต่อให้เป็นฉู่เฉินก็ไม่สามารถฝืนหักมันได้เลย ซี้ด!ฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้ามองใต้เท้าแวบหนึ่งแม้ว่าเก้าอี้ตัวนี้จะไม่ได้ยึดไว้อย่างแน่นหนามาก แต่ว่าตราบใดที่ฉู่เฉินไม่สามารถสลัดหลุดออกจากพันธนาการของเก้าอี้ตัวนี้ได้ ต่อให้เขาดึงเก้าอี้ทั้งตัวออกมาจากพื้นซีเมนต์ก็ไม่มีประโยชน์.....เวลานี้เอง ด้านนอกห้องสอบสวน ชายวัยกลางคนที่พาฉู่เฉินกลับมาเมื่อครู่นี้เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าพลางเอ่ยว่า “หัวหน้าเสิ่นครับ ไอ้หมอนี่รับมือไม่ง่ายเลย”“เมื่อกี้ตอนที่พวกเราเพิ่งเข้าไปในห้องก็เห็นกับตาว่าเขาเอากระบี่ฟันอาจารย์จื่อหยาง คุณชายหลี่ก็บาดเจ็บไม่น้อยด้ว
อีกทางด้านหนึ่ง ทันทีที่กู้รั่วเสวี่ยออกจากตึกเถิงหลง เธอก็โทรศัพท์หานายท่านใหญ่กู้ทันที หลังจากที่เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองหมอตูออกมาตามความเป็นจริง กู้รั่วเสวี่ยถึงค่อยเอ่ยด้วยความร้อนใจว่า “คุณปู่คะ ฉู่เฉินถูกคนของแก๊งมังกรพาตัวไปเพราะช่วยหนูไว้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยเขาออกมาให้ได้นะคะ”ปลายสายโทรศัพท์มีเสียงถอนหายใจของชายชราดังเข้ามาก่อนจะเอ่ยว่า “ถ้าเกิดอยู่ที่เมืองหลวง ทุกอย่างคงจัดการได้ง่าย แต่ว่าเมืองหมอตูเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลหลี่ อยากช่วยเหลือคนไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น”“แต่ในเมื่อเขาทำเพื่อช่วยเหลือตระกูลกู้ของพวกเรา ปู่จะยอมเสียหน้าแก่ ๆ นี้ลองขอร้องหลาย ๆ คนดูละกัน”นายท่านใหญ่กู้กล่าวจบก็วางสายโทรศัพท์ หลังจากวางสายโทรศัพท์ กู้รั่วเสวี่ยโทรศัพท์ติดต่อกันอีกหลายสาย เดิมทีอยากจะขอความช่วยเหลือจากพวกเพื่อน ๆ ทางฝั่งเมืองหมอตู แต่เมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่าล่วงเกินตระกูลหลี่ พวกเขาก็วางสายโทรศัพท์ทันทีเกือบทุกคนเลย ตระกูลหลี่! นั่นเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ของเมืองหมอตูเลยนะอย่าว่าแต่คนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเขาเลย ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่บางตระกูลในเมืองหลวงก็ไม่ห
“โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่กู้ ทำให้ผมต้องมองใหม่แล้วจริง ๆ” เมื่อได้ยินคำพูดที่แฝงไปด้วยการทิ่มแทงของหลี่เจี้ยนกั๋ว นายท่านใหญ่กู้ก็เอ่ยขอโทษติดต่อกันว่า “ประธานหลี่ ความจริงเรื่องนี้เกิดจากความเข้าใจผิดทั้งนั้น ขอเพียงประธานหลี่ให้ทางแก๊งมังกรของเมืองหมอตูปล่อยตัวคนได้ ตระกูลกู้ของผมยินดี...” “ปล่อยตัวคน? ฮ่า ๆๆ!”จิตสังหารพลุ่งพล่านในดวงตาสองข้างของหลี่เจี้ยนกั๋ว ก่อนที่เขาจะกัดฟันกล่าวว่า “กู้ฉางเหอ ตาแก่ใกล้ลงโลงอย่างคุณให้คนมาทำร้ายลูกชายผมจนใช้การไม่ได้ คุณแม่งยังจะให้ผมปล่อยตัวคนอีกเหรอ?!” “ตระกูลกู้ของพวกคุณรอจัดงานศพให้ไอ้เด็กนั่นเถอะ!” “อีกอย่าง หลานสาวของคุณก็อย่าหวังว่าจะรอดออกจากเมืองหมอตูไปได้เลย!”หลังจากที่ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว หลี่เจี้ยนกั๋วก็วางสายโทรศัพท์ทันทีแล้วตะโกนไปทางด้านนอกประตูว่า “ใครก็ได้มานี่!”“ครับ!” ชายสวมชุดดำปราดเปรียวที่ดูเฉลียวฉลาดมากความสามารถผลักประตูเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “คุณหลี่!” “ให้เวลาพวกนายแค่หนึ่งชั่วโมง จับตัวยัยเด็กแซ่กู้คนนั้นไปที่วิลล่าอวิ๋นเชวี่ย!” หลี่เจี้ยนกั๋วกัดฟันตวาดอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้
เพียะ!เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ตู้หรงเฉิงถูกฉู่เฉินตบจนล้มคว่ำลงกับพื้น หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรงจนหัวโนห้อเลือดขนาดเท่าลูกซาลาเปาทันที!ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เดิมนั้น ขณะนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งอายุวัฒนะในภาพวาด“แม่งเอ๊ย คนชั้นต่ำอย่างแกร่วมมือกับเขาใช่ไหม! ยังไม่ไสหัวไปอีก!”ตู้หรงเฉิงกุมศีรษะตรงที่ปูดโนขึ้นมา กัดฟันจ้องมองผู้หญิงเจ้ามารยา และพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลตู้ กลับถูกทำให้เสียหน้า ความแค้นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องชำระ!เพียงข้างกายเขาไม่มียอดฝีมืออยู่ จึงทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลยดังคำกล่าวที่ว่าคนฉลาดจะไม่ดันทุรังในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ตู้หรงเฉิงจึงตัดสินใจและคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตุบ“ท่านผู้อาวุโส เป็นความผิดของผมที่ตาไร้แววมารบกวนการพักผ่อนของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะจะไม่ถือโทษ และโปรดยกโทษให้ผมสักครั้งด้วยเถอะครับ”ตู้หรงเฉิงสมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลผู้บำเพ็ญพรต เข้าใจความหมายของคำสี่คำอย่างประนีประนอมอย่างถ่องแท้ ก่อนจะก้มศีรษะโขกพื้นเสียงดังปั่กๆ ๆโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มชายหนุ่ม
ปัง!สิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นทันที จิกผมเขาและกระแทกกับโต๊ะน้ำชาอย่างแรง!เมื่อเกิดเสียงดังปังขึ้น โต๊ะน้ำชากระจกในโซนพักผ่อนก็ถูกตู้หรงเฉิงกระแทกจนแตกละเอียด“ตระกูลตู้เก่งมากเลยงั้นเหรอ? ใครให้คุณกล้าเข้ามาถึงก็โวยวายเสียงดัง?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็จิกผมของตู้หรงเฉิงแล้วดึงเขาขึ้นมาจากพื้น ในขณะนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของตู้หรงเฉิงเต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบเลือดเขาตกตะลึงไปทั้งคน ไม่ว่าจะมองยังไง ฉู่เฉินก็ไม่ดูเหมือนคนที่จะใช้กำลังเมื่อมีเรื่องขัดแย้งยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้เขาได้แสดงตัวแล้วว่าเขาคือคุณชายของตระกูลตู้ฉู่เฉินกล้าลงมือกับเขาได้ยังไง?“แค่ตระกูลผู้บำเพ็ญพรตเล็กๆ ก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วงั้นเหรอ? ยังกล้าเข้ามายุ่งกับชู้รักของผมอีก คุณรู้สึกว่าชีวิตยาวนานไปหรือว่าอยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม? ”ทันทีที่คำเหล่านี้กล่าวออกมา สีหน้าของหลิงเสวี่ยก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีเธอได้กลายเป็นชู้รักของฉู่เฉินได้ยังไง?เมื่อคืนเธอโดนบังคับไม่ใช่เหรอ?“แก…แกกล้า…”พลั่ก!ไม่รอให้ตู้หรงเฉิงกล่าวจบ ฉู่เฉินก็ได้จิกผมของเขาแล้วตีเข่าใส่ร่างของตู้หรงเฉิงหงายหลังอย่างแรง ถู
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ