ฟางอวี่เจิ้งรีบวิ่งไปชำระเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ หลังจากออกมาพร้อมกับฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณฉู่ ผมไม่ได้พูดผิดใช่ไหม เสี่ยวหนานคนนั้นเยี่ยมมากเลยใช่หรือเปล่า?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองฟางอวี่เจิ้งแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ฟังจากความหมายของประธานฟาง คุณก็เคยเรียกเสี่ยวหนานด้วยเหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฟางอวี่เจิ้งก็รีบส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่นะครับ คุณฉู่ ผมสาบานต่อฟ้าเลยว่าไม่เคยเรียกเสี่ยวหนานมาก่อน” ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ แล้วตบไหล่ฟางอวี่เจิ้งก่อนจะพูดว่า “ประธานฟาง ทางที่ดีคราวหน้าอย่ามาที่นี่เลยนะครับ”ฉู่เฉินกล่าวจบก็เดินเข้าไปนั่งในรถโดยไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งเอ่ยปาก“คุณฉู่ เสี่ยวหนานคนนั้นทำเรื่องไม่ดีใช่หรือเปล่า ผมสามารถ...”ฉู่เฉินโบกมือเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ประธานฟาง จำคำพูดของผมไว้นะครับ อย่ามาเที่ยวที่นี่อีก ไม่งั้นจะเอาชีวิตไปทิ้ง” ฉู่เฉินพูดจบก็สตาร์ตรถ มุ่งหน้าไปทางบ้านเก่าของตระกูลฉู่เขาไม่เข้าใจจริง ๆ เสี่ยวหนานคนนั้นมีโอกาสแท้ ๆ แต่ทำไมไม่ลงมืออีกล่ะ?นอกจากนี้ ร้านนวดแผนไทยร้านนั้นจะต้องมีปัญหามากแน่ ๆพอคิดได้ดังนี้ ฉู่เฉินเหยียบเบรกฉับพลันก่อนจะกลับรถ แล้วขับไ
เมื่อฉู่เฉินกลับไปถึงบ้านเก่าของตระกูลฉู่ พวกอวี้ลู่กำลังนั่งปรึกษาเรื่องชุดเดรสรุ่นใหม่ด้วยกัน พอเห็นฉู่เฉินกลับมา ต้วนหลิงเวยก็รีบเข้าไปต้อนรับ“นายท่าน คุณกลับมาแล้ว”ฉู่เฉินแต่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินไปทางห้องลับอย่างรวดเร็วพอเห็นฉู่เฉินเพิ่งกลับมาก็ขังตัวเองไว้ในห้องลับ ต้วนหลิงเวยเลยมองไปทางสองสาวที่เหลืออย่างงุนงง“ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไร อย่าไปสนใจเขาเลย รีบมานี่สิ ชุดสีชมพูตัวนี้ดูเหมาะกับข้ามากกว่า”อวี้ลู่กวักมือเรียกต้วนหลิงเวย“อ้อ” ต้วนหลิงเวยตอบรับ แล้วมองไปทางห้องลับอย่างกังวลใจอยู่พักใหญ่ จากนั้นถึงค่อยเดินไปข้างโซฟาแล้วพูดคุยเรื่องเดรสรุ่นใหม่กับอวี้ลู่.....จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง ฉู่เฉินถึงค่อยเดินออกมาจากห้องลับด้วยใบหน้าอ่อนล้า มือของเขาถือขวดยาเล็ก ๆ ไว้หลายขวด ก่อนจะแบ่งให้อวี้ลู่และสองพี่น้องตระกูลต้วน“นี่คืออะไร?”อวี้ลู่รับขวดยาเล็ก ๆ เปิดฝาออกมาดม แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ยาสร้างกล้ามเนื้อ?”ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ยาสร้างกล้ามเนื้อ คนละสามเม็ด ถ้าเกิดเจออันตราย มันจะช่วยปกป้องชีวิตได้”อวี้ลู่ขมวดคิ้วขึ้น
หญิงวัยกลางคนตรงเคาน์เตอร์ในร้านนวดก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็สวมชุดชาวเหมียวเจียง เพียงแต่ใบหน้ากลับดูแก่ชราขึ้นมาก มองแวบแรก อย่างน้อยก็ต้องเป็นหญิงชราวัยหกสิบปีขึ้นไป“ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ เบื้องหลังของผู้ชายคนนี้ยังไม่ชัดเจน จะฆ่าโดยพลการไม่ได้”หญิงชราขมวดคิ้วมุ่น กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“ท่านยาย นี่ท่านยายหมายความว่ายังไง?”นัยน์ตางดงามของเสี่ยวหนานเคร่งขรึมขึ้นมา มองไปทางหญิงชราด้วยความงุนงงพลางเอ่ยถาม“สำนักบำเพ็ญเพียรที่สามารถทำลายหนอนกู่โลหิตสามศพได้จะต้องมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ยายสงสัยว่าข้อมูลจากสำนักอวี้ซือจะมีความผิดพลาด ถ้าเกิดหาเรื่องกับสำนักใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ เกรงว่าอาจจะนำภัยใหญ่หลวงมาสู่เหมียวเจียงของเราได้”“สงครามนองเลือดเมื่อร้อยปีก่อนนั้นจะเกิดขึ้นอีกครั้งไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเชื้อสายของชาวเหมียวเจียงเราก็คงหมดหวังที่จะฟื้นฟูกลับมาแล้วจริง ๆ”หญิงชราเอ่ยอย่างกังวลใจมาก การสังหารฉู่เฉินเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าเกิดหาเรื่องกับขุมกำลังที่ไม่ควรหาเรื่องขึ้นมา เช่นนั้นชาวเหมียวเจียงคงได้จบสิ้นแล้วจริง ๆ “ท่านยาย ยายหมายความว่าหมอนั่นเป็นคนของวังคุนหลุนเหรอ?”
เมื่อพระจันทร์สีขาวสดใสลอยขึ้นมาอีกครั้ง ทั่วทั้งรีสอร์ทบนภูเขาก็ไม่มีลมหายใจของสิ่งมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว.....เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ฉู่เฉินกำลังนอนหลับฝัน ลูบคลำความอ่อนนุ่มของต้วนหลิงเสวี่ย โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือพลันส่งเสียงริงโทนดังขึ้นมาอย่างถี่กระชั้นฉู่เฉินเห็นว่ากู้รั่วเสวี่ยเป็นคนโทรมา เขาถึงได้หาวพลางกดรับสาย“พี่ฉู่เฉิน ตื่นหรือยังคะ?”น้ำเสียงของกู้รั่วเสวี่ยที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ฟังดูร้อนรนเล็กน้อย“หาว...”ฉู่เฉินหาวพลางเอ่ยอย่างงัวเงียว่า “ต่อให้ยังไม่ตื่น ก็โดนคุณปลุกจนตื่นแล้ว พูดมาเถอะ มีอะไรเหรอครับ?”“เอ่อ...”กู้รั่วเสวี่ยใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งแล้วค่อยเอ่ยอย่างลำบากใจเล็กน้อยง่า “จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องของฉันหรอกค่ะ แต่ที่เมืองเอกของมณฑลเกิดคดีใหญ่ขึ้น เช้านี้คุณลุงหลูโทรมาหาฉัน ถามว่าใครเป็นคนช่วยตระกูลกู้แก้ปัญหาเรื่องประหลาดที่ไซต์ก่อสร้างในเมืองหมอตู”“ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก เลยเล่าเรื่องอสูรน้ำให้ฟัง คุณลุงหลูเลย...อยากเจอพี่ค่ะ”คุณลุงหลู?ฉู่เฉินเกาหัวพลางเอ่ยว่า “คุณลุงหลูอะไรนี่ต้องการอะไรเหรอ?”“อีกอย่าง คดีใหญ่ที่เมืองเอกของมณฑลเกี่ยวอะ
ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง หลังจากทานอาหารเช้าแบบง่าย ๆ นิดหน่อยแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังเมืองเอกของมณฑลกับกู้รั่วเสวี่ย“ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดคดีสังหารหมู่แบบนี้นะคะ ครั้งก่อนเป็นคนเก็บสมุนไพรสามคนที่ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร พวกเขาก็ตายอย่างอนาถในภูเขาด้วยเหมือนกัน”กู้รั่วเสวี่ยขับรถพลางยื่นเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องใส่มือของฉู่เฉินฉู่เฉินมองดูวันที่บนนั้น เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนพอดี หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับสำนักอวี้ซือ?ทว่าต่อมาฉู่เฉินก็ล้มเลิกความคิดนี้ออกไปทันที ถ้าเกิดสำนักอวี้ซือมีความสามารถในการเลี้ยงศพได้จริง ๆ เกรงว่าคงจะบุกมาหาถึงหน้าประตูนานแล้ว ยังต้องรอจนถึงวันนี้ด้วยเหรอ?อีกอย่าง คนเลี้ยงศพมักจะไม่ปล่อยให้มันทำร้ายคนตามใจชอบ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดกระแสสังคมมากเกินไป พอถึงตอนนั้นจะไม่สามารถเก็บกวาดได้“เป็นไงบ้างคะ เห็นเบาะแสอะไรบ้างไหม?”กู้รั่วเสวี่ยขับรถพลางเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ ฉู่เฉินส่ายหน้า ชี้ไปยังภาพถ่ายพวกนั้นบนอินเทอร์เน็ตแล้วเอ่ยว่า “ภาพมันเบลอเกินไป มองอะไรไม่ออกเลย แต่ผมยืนยันได้ว่าไม่ใช่อสูรน้ำ”อสูรน้ำกินแค่คนตาย นอกจากนี้บริเวณที่
ฉู่เฉินมองภาพสถานที่เกิดเหตุบนสไลด์ก่อนจะพูดกับหลูติ้งไห่ว่า “คุณลุงหัวหน้าหลู ไม่ทราบว่าทางคุณมีรูปที่มีความละเอียดสูงไหมครับ?”“มีครับ!”หลูติ้งไห่กวักมือเรียกเสี่ยวลู่แล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวลู่ รีบเอารูปความละเอียดสูงรูปนั้นของนายมาให้คุณฉู่ดูสิ”เสี่ยวลู่แค่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าหลู นี่ไม่เห็นจำเป็นเลยครับ อีกอย่างเขาไม่ได้เป็นสมาชิกทีมสืบสวนพิเศษของเรา การให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องดูข้อมูลตามใจชอบมันผิดระเบียบนะครับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เฉินก็อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ ดูท่าทางเขาเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่ต้อนรับเลยหลูติ้งไห่ยังไม่ทันเอ่ยปาก เซียวเฟิงที่อยู่ทางด้านข้างก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “โอ๊ย สมัยนี้ใครๆ ก็ปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ได้หรือไง? แถมยังปราบอสูรน้ำอีก ฮ่า ๆๆ...”“อุ๊ย ขำจะตายอยู่แล้วจริง ๆ บางคนเคยเห็นอสูรน้ำมาก่อนไหมว่าหน้าตาเป็นยังไง?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา แม้แต่ชายในชุดทหารคนนั้นก็เผยรอยยิ้มดูแคลนออกมา สีหน้าของหลูติ้งไห่ก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่ในพริบตา ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “ผู้บัญชาการเซียว จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะครับ การเข้าสู่วิถีเต๋าไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเริ่มก่อนหรือหล
“ฮึ!”เซียวเฟิงแค่นเสียงเย็นแล้วหันไปทางด้านข้างทันที ไม่แม้แต่จะมองฉู่เฉินสักแวบหนึ่ง“เสี่ยวฉู่ คุณ...อย่าถือสาเลยนะครับ เซียวเฟิงก็แค่พูดไม่คิด มาครับ รีบนั่งเถอะ”หลูติ้งไห่เว้นที่นั่งให้ฉู่เฉินด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนฉู่เฉินเอ่ยด้วยยิ้มบาง ๆ ว่า “ขอบคุณครับ หัวหน้าหลู ไม่เป็นไรหรอกครับ ใครให้วันนี้ผมออกจากบ้านโดยไม่ได้ดูปฏิทินโหราศาสตร์กันละ เพิ่งจะเข้ามาก็ทำให้หมากัดซะแล้ว แต่คุณวางใจได้ครับ ผมกัดหมาไม่ได้หรอก”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวเฟิงก็โกรธจนขาว ถลึงตาจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินอย่างเคียดแค้น คาดว่าหากไม่ใช่เพราะหลูติ้งไห่กับโจวอวี้หมิงอยู่ตรงนี้ เขาคงตบหน้าฉู่เฉินไปนานแล้วกล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลูติ้งไห่ก็กระตุกหลายทีเช่นกันอย่างไรก็ตาม ใครใช้ให้เซียวเฟิงหาเรื่องก่อนละ เขาก็ยากจะพูดอะไรมากเหมือนกัน ดังนั้นเลยพูดกับเสี่ยวลู่ว่า “ยังไม่รีบเอารูปมาให้คุณฉู่ดูอีก!”เสี่ยวลู่หยิบภาพถ่ายอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะโยนใส่เบื้องหน้าฉู่เฉินฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ไม่สนใจเขา แต่ก้มหน้ามองภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุตรงหน้า “หัวหน้าหลู ศพพวกนี้มีลักษณะเฉพาะร่วมกันอย่างหนึ่ง คือตรงข้อมือหรื
เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา หลูติ้งไห่ก็ดูหวั่นใจเล็กน้อยเช่นกัน ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่จับ? งะ...งั้นจะปล่อยให้มันทำร้ายคนต่อไปหรือไง?”“หัวหน้าหลู สามารถอพยพประชาชนรอบ ๆ ออกไปได้ อีกอย่างแจ้งเตือนชาวเมืองทั้งหมดผ่านทางสื่อว่า ห้ามไม่ให้อยู่ในพื้นที่เปลี่ยว ก็น่าจะไม่เกิดเรื่องแล้วครับ”ฉู่เฉินเอ่ยอย่างแน่ใจมากไม่ว่าสิบกว่าคนนั้นหรือว่าคนเก็บสมุนไพร ล้วนเป็นเพราะเข้าไปในภูเขา พูดอีกอย่างคือทุกคนที่เข้าไปในขอบเขตการเคลื่อนไหวของผีดิบตัวนั้นถึงจะเจอเหตุไม่คาดฝันเข้า“คุณแม่งพูดบ้าอะไรกัน?”เซียวเฟิงตบโต๊ะดังปัง แล้วเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา “ยังจะแจ้งทั้งเมืองผ่านสื่ออีก? คุณจะให้สื่อรายงานข่าวว่ายังไง? มีผีดิบโผล่ขึ้นรอบ ๆ เมืองเอกของมณฑล ดังนั้นขอให้ทุกคนอย่าออกจากบ้านเหรอ?” “แม่ง! ใครพาไอ้โง่แบบนี้เข้ามา!”ปัง!เซียวเฟิงเพิ่งจะพูดจบ หลูติ้งไห่ก็ตบโต๊ะอย่างรุนแรง กัดฟันกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเซียว! ผมหวังว่าคุณจะระวังคำพูดคำจาหน่อย! คุณฉู่คือคนที่ผมเชิญมา มีปัญหาอะไรหรือไง?”นี่...เซียวเฟิงหน้าซีด อ้ำอึ้งพักใหญ่แต่ไม่ได้พูดออกมาสักคำโจวอวี้หมิงถอนหายใจกล่าวว่า “ทุกคนเลิกเ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก