โดยเฉพาะชุดซีทรูแขนสั้นนั้นที่พลิ้วตามการเคลื่อนไหวของเธอ ให้ความรู้สึกวับ ๆ แวม ๆ ยั่วยวนมากจริงๆ“นี่มันเรื่องเข้าใจผิดนะครับ คุณหนูเกาก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธออยากจะขอความช่วยเหลือจากผม”ฉู่เฉินพูดไปด้วย ใช้หลังมือสัมผัสที่ขาที่เนียนนุ่มและสวยของกู้รั่วเสวี่ยไปด้วย พอไม่มีถุงน่องซีทรูสีดำแล้ว ความรู้สึกไม่เหมือนกันจริงๆช่วงนี้ผิวของกู้รั่วเสวี่ยดีขึ้นเรื่อยๆ น่าจะเป็นเพราะร่างของเขามีประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงผิว“หึ ใครจะไปรู้ว่าช่วยไปช่วยมาอาจจะไปช่วยบนเตียงก็ได้!”ระหว่างที่พูด กู้รั่วเสวี่ยก็ปัดมือใหญ่ของฉู่เฉินออกไป หลังจากนั้นเธอก็สตาร์ตรถมุ่งหน้าไปยังเจียงจง“มีเหตุผล ฮวงจุ้ยบนเตียงดีถึงจะต่อได้เรื่อย ๆ ยังไงละครับ”ฉู่เฉินยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วพูดขึ้นมา“อะไรนะคะ?”กู้รั่วเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่มันเป็นการเตรียมตัวขึ้นเตียงดีๆ นี่เอง“หึ! ช่วยนักใช่ไหม!”ระหว่างที่พูด กู้รั่วเสวี่ยก็จอดรถที่ข้างทางทางด่วน หลังจากนั้นก็พลิกตัวขึ้นคร่อมบนร่างฉู่เฉินจากนั้นกู้รั่วเสวี่ยก็ร้อนแรงไม่หยุดหย่อน ทำเอาฉู่เฉินนั่งตัวตรงโดยอัตโนมัติ เขาหัวเราะอย่างเขินอาย “ลูกสาวตระกูลมหาเศ
“ไม่ต้องกลัวนะ มีผมอยู่นี่ทั้งคน เดี๋ยวคุณคอยอยู่ในรถไว้ อย่าหนีไปไหนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”พูดจบฉู่เฉินก็หยิบกางเกงตัวใหญ่ขึ้นมาใส่ ก่อนจะเปิดประตูรถและกระโดดลงไปเขามองปี้คุนที่ใบหน้าอึมครึม และมองไปยังหลี่ว์เจิ้งหยางที่ดูเหมือนจะหน้าแดงผิดปกติ เจ้าหมอนี่น่าจะไปกินอะไรที่ไม่ควรกินมา ดูจากสีหน้าแล้วอีกไม่นานคงมีต้นไม้สักต้นต้องโชคร้ายอีกแล้ว“อะไรกัน ยังไม่พอใจกับเข็มฝนลูกแพร์ที่เจอครั้งที่แล้วเหรอ?”ขณะพูดฉู่เฉินมองไปรอบๆ และชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ในระยะไกล ก่อนจะหันไปพูดกับหลี่ว์เจิ้งหยาง “ความสุขของคุณอยู่ตรงนั้น”“ความสุขบ้าอะไร!”หลี่ว์เจิ้งหยางกัดฟันกรอด ก่อนจะดึงกระบี่ยาวออกจากหลังเสียงดังเคร้งแต่ปี้คุนเคยบอกเขาว่าฉู่เฉินตอนนี้เป็นยอดฝีมือในระยะสร้างรากฐานขั้นหนึ่งแล้ว หลี่ว์เจิ้งหยางก็ไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะทุ่มพลังทั้งหมดออกไปดังนั้นเขาจึงแค่ถือกระบี่ยาวไว้ในมือและเดินวนรอบๆ ฉู่เฉินไม่กล้าเข้าไปโจมตีฉู่เฉินมองเขาด้วยสายตาดูถูก ก่อนจะหันไปมองปี้คุน และขมวดคิ้วถามว่า “ตระกูลหลี่จากเมืองหมอตูส่งคุณมาใช่ไหม?”ปี้คุนส่งเสียงหึอย่างเย็นชา ก่อนจะยืนไขว้มือไว้ด
เมื่อสิ้นเสียงคำพูด สีหน้าของปี้คุนเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ก่อนจะสะบัดฝ่ามือออกไปหนึ่งครั้ง ทันทีที่ลมบนฝ่ามือของเขาถูกผลักออกไป พื้นที่รอบๆ ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง“โครม!”วินาทีถัดมา สองฝ่ามือปะทะกัน เกิดคลื่นพลังสีขาวที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แผ่กระจายออกไปในอากาศอย่างรุนแรงทว่า สิ่งที่ปี้คุนจินตนาการไว้ว่าร่างของชายร่างซูบผอมถูกกระแทกจนกระเด็นไปไกลกลับไม่เกิดขึ้น ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกว่าฝ่ามือของตัวเองเหมือนตบลงบนภูเขาหิน แข็งจนถูกแรงสะท้อนทำให้เซถอยไปหลายก้าว ซี้ดๆ !ปี้คุนถึงกับหน้าถอดสีด้วยความตกตะลึง! “ฟู่!”แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวได้ ฝ่ามือผอมแห้งที่ดำคล้ำก็ตบลงมาอีกครั้งเมื่อเห็นดังนั้น ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาพร้อมไขว้มือไว้ด้านหลัง เดินก้าวเข้าหาหลี่ว์เจิ้งหยางทีละก้าว“หืม?”ในตอนนี้หลี่เจิ้งหยางเองก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ดูเหมือนว่าปี้คุนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายผอมแห้งคนนั้นเลยสักนิด กลับเป็นฝ่ายที่ถูกกดดันเสียเอง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เพียะ!ยังไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรออก ฝ่ามือของฉู่เฉินก็ฟาดเข้ามาเสียแล้
“พอแค่นี้เหรอ”ฉู่เฉินแสยะยิ้ม ย่อตัวลงมา มองปี้คุนที่มีเลือดเต็มตัวอย่างพิจารณาแล้วพูดว่า “ผมจำได้ว่าเมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ผมชอบท่าทางหัวแข็งดื้อรั้นของคุณนะ” ปี้คุนรู้สึกข่มขื่นใจ ถ้ารู้แต่แรกแล้วว่าฉู่เฉินยังมีไม้เด็ดที่สุดยอดขนาดนี้อยู่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่ถ่อสังขารมาส่งตัวเองให้ถึงที่ตายหรอก“ผมถามคุณว่าตอนนี้คนของสำนักว่านเซี๋ยซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?” สีหน้าของฉู่เฉินพลันเย็นชาขึ้นมา จ้องมองปี้คุนด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยจิตสังหารเขาไม่มีวันลืมภาพถ่ายพวกนั้นที่ถานเฟยให้เขาดูบนเฮลิคอปเตอร์ฉู่เฉินปล่อยหลี่ว์เจิ้งหยาง เป็นเพราะว่าฉู่เฉินขี้เกียจจะสนใจตัวตลกแบบนั้น มันเหมือนเขาบดขยี้ตัวเรือด ไม่มีความหมายเลยแม้แต่น้อยแต่ปี้คุนไม่ใช่แบบนั้น!ในเมื่อหลี่ว์เจิ้งหยางเรียกเจ้าสำนักปี้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นได้อย่างยิ่งว่าปี้คุนก็คือเจ้าสำนักว่านเซี๋ยถึงอย่างไรเขาน่าจะรู้ที่ซ่อนตัวพวกคนของสำนักว่านเซี๋ยที่เหลืออยู่เป็นอย่างดี“พี่ฉู่ ผมไม่รู้จริง ๆ นับตั้งแต่ที่โดนคนของแก๊งมังกรจับตามองครั้งก่อนก็แทบจะกวาดล้างสำนักว่านเซี๋ย พวกเราก็หนีไปกันค
“เปล่าครับ หัวหน้าใหญ่ถานดูเอาเองเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวจบก็ถ่ายรูปส่งให้ถานเฟยชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่ถานเฟยก็อึ้งเซ่อซ่าไปแล้วศีรษะที่อยู่บนพื้นยังกินไม่เสร็จนั้น เขามองแวบเดียวก็จำได้ว่าเป็นปี้คุน เพียงแต่ว่าปี้คุนในตอนนี้ดูน่าเวทนาเล็กน้อย ทั่วทั้งร่างเหลือเพียงเศษเนื้อไม่กี่ชิ้นเท่านั้น “โอเคครับ ขอบคุณคุณฉู่นะครับ ถ้าเกิดกวาดล้างสำนักว่านเซี๋ยแล้ว ผมจะรายงานกับทางเบื้องบนขอความดีความชอบให้คุณฉู่แน่นอนครับ” ถานเฟยกล่าวจบก็วางสายโทรศัพท์ ฉู่เฉินกวาดตามองผีดิบเลือดคลั่งที่ยังคงกินอาหารอยู่ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งในรถดวงหน้าเล็กของกู้รั่วเสวี่ยซีดเผือด เอาเสื้อปิดหน้าอกไว้ มองฉู่เฉินพลางกล่าวว่า “มะ...ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ?” ฉู่เฉินฉีกยิ้มกล่าวว่า “ไม่มีอะไรแล้ว น้องชายกินข้าวน่ะ พวกเราเองก็อย่าอยู่ว่าง ๆ เลย”“หา?” กู้รั่วเสวี่ยยังไม่ทันมองไปนอกหน้าต่างรถ ก็ถูกฉู่เฉินกดไว้ใต้ร่าง.....เมื่อฉู่เฉินกลับถึงบ้านเก่าของตระกูลฉู่ ก็เป็นเวลาเช้าวันถัดมาแล้วกู้รั่วเสวี่ยประคองร่างกายที่เหนื่อยล้าส่งฉู่เฉินที่หน้าประตูบ้านเก่าของตระกูลฉู่ ก่อนจะกลับไปพักผ่อนเหมือนกับหนีไปเธอ
“นี่พอไหวอยู่”ดวงหน้าเล็กของอวี้ลู่ยิ้มแย้มด้วยความดีใจ ก่อนจะผลักแขนของฉู่เฉินที่ขวางอยู่ตรงหน้าอกออก แล้วหยิบกระดาษปากกาขึ้นมาเขียนสูตรยาก่อนยื่นให้กับฉู่เฉิน “นี่คือสูตรโอสถสุคนธ์ มีเฉพาะในเหยา...เอ่อสำนักศักดิ์สิทธิ์ของเรา”“ไม่เพียงสามารถขจัดกลิ่นคาวเลือดบนตัวเขา ยังสามารถเปิดสติปัญญาเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณ ถ้ากินไปนาน ๆ ก็ได้ผลดีอย่างน่าทึ่งด้วย”โอ้โห!อวี้ลู่ยังคงเป็นโฉมงามหนึ่งยิ้มล่มบ้านเมืองจริง ๆฉู่เฉินมองจนเคลิ้มไปเล็กน้อย แทบจะอดไม่ไหว อวี้ลู่ยิ้มอย่างงดงาม ทำให้ชูเฉินมองจนเคลิ้ม เกือบจะเผลอจับเธอให้โผเข้าใส่อ้อมอก “เจ้ามองอะไรน่ะ?”วินาทีต่อมา อวี้ลู่เองก็สังเกตเห็นสายตาที่ดูผิดปกติของฉู่เฉินแล้วเช่นกัน เธอจึงรีบใช้แขนบังหน้าอกขาวเนียนไว้แล้วมองฉู่เฉินอย่างระแวดระวัง “ไม่มีอะไรครับ ตอนเช้าอากาศเย็น ผมกลัวพี่จะเป็นหวัด”ฉู่เฉินยิ้มเจ้าเล่ห์พลางหอมแก้มของอวี้ลู่ทีหนึ่ง“เจ้าทำอะไร!”อวี้ลู่ลุกพรวดขึ้นมา ดวงตางามเปล่งประกายความเย็นชา!“พี่จะดุขนาดนี้ทำไม? นี่เป็นธรรมเนียมสากลไม่รู้เหรอ?”ฉู่เฉินพูดพลางค้นโทรศัพท์มือถือหาคลิปวิดีโอออกมาหลายอันแล้วพูดว่า “ไม่เ
“ฉันก็เลยรีบสิ่งออกมาโทรหาคุณ แต่ว่า...แต่ว่าโดนลูกน้องคนหนึ่งของเขาได้ยินเข้าก็เลยแย่งโทรศัพท์ของฉันไป ถะ...แถมยังคิดจะลวนลามฉันด้วย...”อะไรนะ?!ฉู่เฉินหรี่ตาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “คนที่พยายามลวนลามพี่เมื่อกี้อยู่ที่ไหนครับ?”“แล้วคุณชายใหญ่อู่อะไรนั่นอยู่ที่ไหนครับ?” ต้าหลิงจื่อรีบพูดว่า “อยู่ในห้องประชุมชั้นสิบสาม คุณตามฉันค่ะ” ต้าหลิงจื่อพูดพลางรีบจับมือฉู่เฉินไว้ ก่อนจะวิ่งไปทางชั้นสิบสามเพิ่งจะเลี้ยวผ่านมุมบันไดก็มีเสียงทะเลาะวิวาทดังมาจากทางห้องประชุม “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว ผมแนะนำว่าทางที่ดีคุณควรรู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์หน่อยนะครับ เงินก้อนนี้ธนาคารของเราสามารถเร่งทวงได้ และก็ชะลอได้ แต่เท่าที่ผมรู้มา สถานการณ์ของฉู่ซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ เกรงว่าเวลานี้ของปีหน้าก็คงเอาเงินสองพันห้าร้อยล้านออกมาไม่ได้แล้วละมั้ง?”“อันที่จริงข้อเสนอของผมก็ไม่ได้เกินไปเลยสักนิด ขอเพียงคุณนอนกับผมแค่คืนเดียว แล้วให้ประธานหลิ่วอยู่เป็นเพื่อนพ่อของผมให้ดี เงินบริษัทพวกคุณแค่นี้จะถือเป็นอะไรได้ ให้พวกคุณก็ไม่เป็นไร”“หนึ่งเดือนได้สองพันห้าร้อยล้าน ร่างกายของคุณมีค่ามากเลยนะ” หลังจากเสียงพ
“ฉู่เฉิน แกพูดเหลวไหลอะไร!” หลิ่วหรูเยียนด่าอย่างเกรี้ยวกราดด้วยสีหน้าตื่นตระหนกหลิ่วชิงเหอรีบเข้ามาหาฉู่เฉิน ก่อนจะผลักฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน ฉันขอร้องละ อย่าทำให้เรื่องยุ่งมากกว่านี้อีกได้หรือเปล่า?”ฉู่เฉินผลักมือของหลิ่วชิงเหอออกแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “พูดอีกยังไง ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็เป็นธุรกิจที่พ่อแม่ของฉันทิ้งไว้ให้ ใครอนุญาตให้พวกเธอมาค้าประเวณีที่นี่?” “อีกอย่าง เมื่อกี้ใครมันต่ำช้าลวนลามพี่หลิงหลิง ลุกออกมาซะ!” เมื่อคำพูดนี้ออกมา ชายหนุ่มที่สวมชุดสูทสีดำก็จัดคอเสื้อ มองไปทางฉู่เฉินด้วยใบหน้ายิ้มหยันแล้วพูดว่า “ไอ้หนู ใครมันทำพลาดอะไรเข้า ถึงทำให้นายโผล่มาได้!” “รู้ไหมว่าคุณชายอย่างฉันคือใคร? กล้าร้องตะโกนเสียงดังต่อหน้าฉันเรอะ!”ดวงตาของฉู่เฉินหดลงเล็กน้อย มองชายหนุ่มอย่างพิจารณา ยังไม่ทันที่ฉู่เฉินจะก้าวไปข้างหน้า หลิวชิงเหอก็รีบดึงฉู่เฉินไว้ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า “ฉู่เฉิน แกห้ามวู่วามเด็ดขาด!”“เขาคืออู่จวิ้นเจี๋ย คุณชายใหญ่จากตระกูลธนาคารอู่ พวกเราล่วงเกินตระกูลอู่ไม่ได้เด็ดขาดนะ!”ตระกูลอู่?ฉู่เฉินเลิกคิ้ว ในความทรงจำมีแซ่อู่แบบนี้ในเจียงจงจริง
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก