ตึง!หลิ่วชิงเหอพึ่งเดินเข้ามาในห้องทำงาน ฉู่เฉินก็ปิดประตูห้อง“แก...”เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินกำลังเดินมาทางตัวเอง หลิ่วชิงเหอก็ย่อตัวลงด้วยสัญชาตญาณทำไงได้ ท่าทางของเธอดูคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะอีกทั้งผ่านการวันเวลามานับครั้งไม่ถ้วน เธอก็รู้จักรสนิยมของฉู่เฉินเป็นอย่างดี แม้ว่าเธอจะยอมรับฉู่เฉินแล้ว กระทั่งที่ว่าให้เขาเป็นที่พึ่งพิงของพวกเธอสองแม่ลูก เธอไม่มีอะไรจะต้องต่อต้านแล้วถ้าจะให้ยอมรับอย่างจำใจ สู้เธอเลือกสนุกเองดีกว่า“เธอจะทำอะไร?”ฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วชิงเหอจู่ๆ ก็นั่งยองลงต่อหน้าและกำลังยื่นมือมาปลดเข็มขัดของเขา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้ว พร้อมทั้งแย่งเข็มเข็ดมา แล้วใส่เข้าไปอีกครั้ง“พึ่บ!”ฉู่เฉินนำซองจดหมายโยนลงบนโต๊ะทำงาน พูดกับหลิ่วชิงเหอว่า “รถในรูปเธอน่าจะรู้จักใช่ไหม?”หลิ่วชิงเหอลุกขึ้นมาอย่างงงๆ แล้วเดินมายังข้างหน้าโต๊ะทำงาน หยิบซองจดหมายขึ้นมาเมื่อเธอเห็นรูปภาพที่ถูกเทออกมาจากข้างใน ม่านตาของเธอก็หดลง สีหน้าของเธอซีดลงทันที เงยหน้ามองฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจ “รูปพวกนี้แกไปได้มาจากไหน?”ในรูปเป็นรถตู้สีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ในที่รกร้างกลางป่า ประตูรถเปิดกว้า
“แต่ว่าตั้งแต่วันนั้น พวกเขาก็หายตัวไปในกลีบเมฆ ไม่พบเจออีกเลย”นี่มัน...หลิ่วชิงเหอถูกฉู่เฉินจี้ถามจนพูดตะกุกตะกักเธออยากจะบอกจริงๆ ว่าพ่อมแม่ของฉู่เฉินไม่ได้ไปเมืองเอกของมณฑลเพียงเพราะคำพูดของเธอ แต่เป็นคำพูดของคนอื่นเพียงแต่ว่าคำพูดพวกนี้ เธอไม่กล้าพูดออกไปเพียงแค่พูดชื่อของคนนั้นออกไป ทุกสิ่งที่เธอมีอยู่ตอนนี้ หรือแม้แต่สิ่งที่ฉู่เฉินกำลังมีอยู่ตอนนี้อาจจะหายไปในพริบตา“ฉู่เฉิน ถ้าแกอยากจะรู้ว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น งั้นแกก็ไปสืบเอาเอง ถ้าแกหาเบาะแสอะไรไม่เจอ แม้ว่าฉันจะบอกทุกอย่างกับแกไป แล้วแกจะทำอะไรพวกเขาได้?”หลิ่วชิงเหอพูดปลอบและพยายามเกลี้ยกล่อมฉู่เฉินกระตุกคิ้ว หรี่ตาจ้องมองไปที่หลิ่วชิงเหอแล้วพูดขึ้นมาว่า “เรื่องในตอนนั้นฉันต้องสืบเองแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าให้ฉันรู้ล่ะว่าเธอมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่”เมื่อเผชิญกับสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความอาฆาตของฉู่เฉิน หลิ่วชิงเหอก็กลัวจนเซถอยไปหลายก้าว“ฉู่เฉิน ฉันบอกไปแล้วนะว่าฉันสามารถสาบานกับฟ้าดินเลยก็ได้ ฉันไม่มีส่วนรู้เห็นจริงๆ เรื่องในตอนนั้นมันซับซ้อนกว่าที่แกคิดไว้มาก ฉั
หลูเจิ้นหยวนพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหานายท่านใหญ่เฉียวโทรศัพท์ก็ดังอยู่สิบกว่าครั้งก็ไม่มีท่าทีว่านายท่านใหญ่เฉียวจะรับ หลูเจิ้นหยวนจึงเริ่มร้อนใจมองดูชะตาของตระกูลหลูโดนตัดขาดไปแบบนี้ แม้ว่าจะแค่วินาทีเดียวเขาก็ทนรอไม่ได้หรอกเมื่อคิดได้ หลูเจิ้นหยวนก็วางโทรศัพท์ในมือลงและพูดกับหลูไคหมิงว่า “ไคหมิง ไปเตรียมของขวัญติดไม้ติดมือแล้วตามฉันมา”เมื่อเห็นว่าหลูเจิ้นหยวนถึงกับออกนอกหน้าเอง หลูไคหมิงก็กลับมามีความมั่นใจเล็กน้อยถึงแม้เฉียวเทียนฉี่จะฟังคำสั่งของฉู่เฉิน แต่นั่นก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของนายท่านใหญ่เฉียว ขอเพียงแค่นายท่านใหญ่เฉียวช่วยพูดให้ โครงการต่างๆ ในเจียงจงไม่นานก็จะกลับมาอยู่ในมือของตระกูลหลูอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นจะจัดการฉู่เฉินก็ยังไม่สายเมื่อคิดถึงตรงนี้ หลูไคหมิงก็ให้เจียงถิงไปเตรียมของขวัญจำนวนหนึ่ง แล้วตามไปกับหลูเจิ้นหยวนแล้วรีบไปยังคฤหาสน์ตระกูลเฉียวในตอนนั้นเอง ในหลังสวนดอกไม้ของคฤหาสน์ตระกูลเฉียว เฉียวเทียนฉี่กำลังรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับนายท่านใหญ่เฉียวฟัง“แกหมายความว่า แกยกเลิกโครงการทั้งหมดของตระกูลหลู และยังไล่หลูไคซานออกอีกงั
“คงจะไม่ยอมให้เจ้าเด็กเมื่อวานซืนที่แซ่ฉู่นั่น มาขี่หัวตระกูลหลูของผม...”นายท่านใหญ่เฉียวได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา “ท่านหลู ท่านพูดแบบนี้มันจะเกินไปหน่อยนะครับ”“อีกอย่าง ท่านคิดว่าตระกูลเฉียวกลายเป็นที่พึ่งพาของคุณฉู่งั้นเหรอครับ?”หืม?หลูเจิ้นหยวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา หรือว่าฉู่เฉินยังมีที่พึ่งอื่นอีกเหรอ?“ท่านหลูเรื่องบางเรื่อง ผมต้องขอเตือนคุณไว้ก่อนว่าให้อดทนไว้บ้าง สถานการณ์คลี่คลาย ถอยมาหนึ่งก้าว แล้วท่านจะพบกับทะเลที่กว้างใหญ่”เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านเฉียวก็หยุดชะงักไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฉู่เฉินพึ่งช่วยชีวิตท่านหัวหน้ามา ถ้าฉู่เฉินนำเรื่องนี้ไปบอกให้ท่านหัวหน้าฟัง ท่านว่ายังจะมีอยู่ตระกูลหลูอยู่ในเจียงจงอยู่อีกไหม?”ซี้ดๆ!หลูเจิ้นหยวนเมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของเขาก็ซีดทันทีเพราะความตกใจ!ท่านหลงเป็นคนเที่ยงตรง ถ้ารู้เรื่องนี้เข้า บรรพบุรุษของตระกูลหลูคงถูกขุดออกมาจากหลุมศพแน่ๆ“อีกอย่างตามที่ผมรู้มา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของคุณฉู่ไม่ได้มีเพียงแต่ท่านหัวหน้าเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินที่พึ่งกลับมาจากห้องทำงานของซินฉู่ฟาร์มาติคอล เฉียวเทียนฉี่ก็โทรมาหาเขา“ผู้ว่าการเฉียว คุณงานเยอะขนาดนี้มีเวลาโทรหาผมได้ยังไงครับเนี่ย?”ฉู่เฉินรับสาย พูดแล้วหัวเราะเบาๆ“โอ๊ย น้องฉู่ก็พูดเกินไป ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณฉู่นะสิครับ? หวังว่าน้องฉู่จะให้ความร่วมมือ”เฉียวเทียนฉี่ที่อยู่ปลายสาย น้ำเสียงดูเป็นมิตรเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขาเป็นเพื่อนกับฉู่เฉินมาตั้งนานแล้ว“หา? ผู้ว่าการเฉียวมีเพื่อนป่วยอีกแล้วเหรอครับ?”ฉู่เฉินถามขึ้นมาด้วยความกังวลใจ“ไม่ครับๆๆ ถ้าจะให้อธิบายก็คือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตระกูลหลู ก่อนหน้านี้ตระกูลหลูรับโครงการพัฒนาไปตั้งหลายเมือง แต่เมื่อผมลองตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว หลูไคหมิงคนคนนี้มีปัญหาจริงๆ ครับ”“คนแบบนี้ไม่คู่ควรที่จะไว้ใจให้ทำงานต่อ แต่ว่าในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมเพื่อมาทำแทนตระกูลหลูได้ น้องฉู่พอจะมีคนที่คิดว่าเหมาะสมไหม?”เมื่อคำพูดนี้ออกไป ฉู่เฉินก็งงไปสักพักโครงการต่างๆ ในหลายๆ เมืองอาจจะมีคนจำนวนไม่ร้อยที่กำลังจับจ้องอยู่ เฉียวเทียนฉี่ไม่สามารถตามหาที่เหมาะสมได้ นี่ถือว่าเป็นโชคดีชัดๆฉู่เฉินลังเลอยู่สักพักห
ที่จริงเธอเอาเรื่องดื่มมาเป็นแค่ข้ออ้าง วันนี้เธอมาเพื่อฉู่เฉินในเมื่อสามสิบร้อนแรงเหมือนหมาป่า สี่สิบดุเดือดดั่งเสือ ห้าสิบแค่นั่งก็ได้กินดินแล้ว“คุณฉู่ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ฉันคิดถึงคุณจะตายอยู่แล้ว”ระหว่างที่พูด หลี่จิงจิงยื่นมือเข้าไปกอดเอวของฉู่เฉินไว้ ร่างกายของเธอแทบจะแนบชิดกับฉู่เฉินอยู่แล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟางอวี่เจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก หลังจากนั้นก็ยกชาขึ้นมาแล้วกลืนลงไปอึกใหญ่ฉู่เฉินดมกลิ่นหอมที่โชยมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกผ่อนคลาย ปัญหาทั้งหมดในตอนบ่ายก็มลายหายไปในพริบตา“น้องฉู่ รีบมานั่งก่อนเร็ว” ฟางอวี่เจิ้งเรียกให้ฉู่เฉินนั่งลง พร้อมทั้งเรียกพนักงานให้มาเสิร์ฟอาหารฉู่เฉินพึ่งนั่งลง หลังจากนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสจากมือเล็กๆ ที่ยื่นมาจากใต้โต๊ะขณะเดียวกัน เท้าเล็กที่เปลือยเปล่าข้างหนึ่งก็หนีบขาของฉู่เฉินไว้แน่นฉู่เฉินกระแอมเบาๆ หันหน้าไปมองทางหลี่จิงจิง เธอใบหน้าแดงระเรื่อ กัดริมฝีปาก สายตาหลุบต่ำ เห็นได้ชัดว่าเธอจับจ้องไปที่ใต้โต๊ะแม้ว่าจะห่างจากกันมากกว่าหนึ่งนิ้ว ฉู่เฉินก็สามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่หนักหน่วงของหลี่จิงจิง รวมทั้งร่างกายที่ร้อนร
ยังไม่ทันที่ฉู่เฉินจะตั้งตัวได้ ร่างอ่อนนุ่มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ก็พุ่งเข้ามาหาเขาทันที พร้อมกับเสียงดังปังของประตูที่ถูกปิดลงริมฝีปากที่ร้อนชื้นของหลี่จิงจิงประกบริมฝีปากของฉู่เฉินพร้อมด้วยเสียงหายใจหอบเธอรีบร้อนมากจนแทบจะทนรอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว“ไอ้คนร้ายกาจ มายั่วยวนฉันแล้วก็ไม่สนใจกันเลยสักนิด...”หลี่จิงจิงหอบหายใจแรงและเริ่มเปลื้องผ้าฉู่เฉิน……เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงในชั่วพริบตา แต่ฉู่เฉินยังไม่กลับมาเลย ส่วนหลี่จิงจิงก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ฟางอวี่เจิ้งขมวดคิ้วแน่นหญิงสาววัยกลางคนข้างๆ อาจจะเพราะดื่มน้ำผลไม้และเบียร์มากเกินไป ใบหน้าของเธอเริ่มแดงขึ้น“ประธานฟางคะ... ฉัน... ฉันทนไม่ไหวแล้ว ต้องไปห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลย”ฟางอวี่เจิ้งขยับปากเล็กน้อยแล้วโบกมือบอกว่า “ไปเถอะๆ แต่ห้ามใช้ห้องชั้นนี้นะ ไปใช้ชั้นถัดไปดีกว่า”“เอ๋?”หญิงสาววัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าหลายครั้งแล้ววิ่งออกจากห้องไปเดินมาจนถึงปากบันไดแล้ว เธอก็หันหลังกลับมาอีกครั้งถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อกี้ฟางอวี่เจิ้งพูดกำชับ เธอคงจะไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่ยิ่งฟางอวี่เจิ้งพูดแบบนั้น ยิ่งทำให้เธออยากรู้ใ
หลี่จิงจิงไม่คิดว่าฉู่เฉินจะพูดง่ายขนาดนี้ พอรู้สึกตื่นเต้น เธอก็กอดฉู่เฉินไว้แน่นเหมือนกับปลาหมึกยักษ์……อีกด้านหนึ่ง หญิงวัยกลางคนกลับเข้ามาในห้องด้วยใจที่กังวล หลังจากลังเลอยู่นานจึงพูดกับฟางอวี่เจิ้งอย่างระมัดระวังว่า “ประ...ประธานฟางคะ ผู้อำนวยการหลี่กับฉู่...”ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ฟางอวี่เจิ้งก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สิ่งที่เธอควรจะรู้ เธอสามารถรู้ได้ แต่สิ่งที่ไม่ควรรู้ ก็ควรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”“ถ้าหากมีข่าวลือหลุดออกไป ฉันว่าเธอคงจะทำงานเป็นตัวแทนการแพทย์ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”คำพูดแค่ประโยคเดียว ทำให้หญิงวัยกลางคนตกใจจนรีบเงียบปากทันทีเธอเป็นแค่ตัวแทนการแพทย์ให้กับโรงงานผลิตยาแห่งหนึ่ง ครั้งนี้เธอมาหาฟางอวี่เจิ้งโดยเฉพาะ เพื่อหวังจะให้ยาที่โรงงานของเธอผลิตส่งเข้าโรงพยาบาลประชาชนพอดีว่าฟางอวี่เจิ้งเองก็อยากเชิญฉู่เฉินมาทานข้าวอยู่แล้ว จึงพาเธอมาด้วยแต่ผู้หญิงคนนี้หวงเนื้อหวงตัวเกินไป เมื่อกี้ฟางอวี่เจิ้งแค่สัมผัสหลังมือของเธอ เธอก็รีบชักมือกลับราวกับว่าทำอะไรผิดหากฟางอวี่เจิ้งรู้แต่แรกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมถวายกายให้เช่นนี้ เขาคงไม่พาเธอมาที่นี่หาเหาใส
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า