กระบี่แหลมคมออกจากฝัก ปราณกระบี่ราวกับสายรุ้ง!ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อแม้แต่เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเยว่เอ๋อร์จะลงมือสังหารฉู่เฉินถึงแม้ว่าเฉินเยว่เอ๋อร์จะเป็นเพียงรองขุนพลของซ่งหนิงซวง แต่รองขุนพลของขุนพลใหญ่จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?ลมปราณของผู้แข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานชั้นสาม แผ่ออกมาผ่านคมกระบี่ ตรงไปที่จุดตายของฉู่เฉิน“คุณฉู่...”“น้องฉู่...”ปฏิกิริยาของพวกเฉียวเทียนฉี่กับฟางอวี่เจิ้งทำให้ซ่งหนิงซวงขมวดคิ้วขึ้นมาเธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าฉู่เฉินจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ในเจียงจง ทุกคนรวมไปถึงผู้ว่าการยืนอยู่ฝั่งฉู่เฉินอย่างเห็นได้ชัดเวลานี้เธอนึกเสียใจภายหลังนิดหน่อยแล้วถ้าเกิดเฉินเยว่เอ๋อร์สังหารฉู่เฉินในกระบี่เดียว เช่นนั้นไม่ใช่แค่โลหิตโอสถศักดิ์สิทธิ์กำลังจะหมดไปเฉย ๆ เท่านั้น พวกเฉียวเทียนฉี่จะต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งแน่นอนถ้าเกิดรายงานไปถึงเมืองหลงจิงก็จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอถึงขนาดที่จะส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติในการเข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งขุนพลเทพพิทักษ์ชาติของเธอด้วยหลิ่วชิงเหอที่นั่งอยู่ทางด้านข้างก็ตกใจ
เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินค่อย ๆ วางถ้วยชาลง ฟึบ!จากนั้นก็เห็นน้ำชาในถ้วยชาก่อตัวเป็นน้ำวน ต่อมาหยดน้ำที่สาดกระเซ็นออกมาหนึ่งหยดพลันพุ่งไปหาเฉินเยว่เอ๋อร์ราวกับลูกกระสุนผัวะ!เฉินเยว่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้สติกลับมา น้ำชาหยดนั้นก็กระแทกหมวกของเธอจนกระเด็นออกไปทันที หยดน้ำทะลวงหิน ใบไม้สังหารคนนี่คือสัญลักษณ์ของระดับสร้างรากฐานชั้นห้าแม้แต่นัยน์ตางดงามของซ่งหนิงซวงก็แข็งทื่อไปในพริบตาฉู่เฉินเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นห้าเหรอเนี่ย?“ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?”ฉู่เฉินมองเฉินเยว่เอ๋อร์ที่ตกใจกลัวจนดวงหน้าสวยขาวซีดเล็กน้อย หลั่งเหงื่อเย็น ๆ ราวกับสายฝนตอนนี้เธอไม่สงสัยคำพูดของฉู่เฉินแม้แต่น้อยแล้ว เมื่อกี้ขอเพียงเธอกล้าชักปืนออกมา ฉู่เฉินย่อมมีวิธีการมากกว่าร้อยแบบที่จะสังหารเธอให้ตายดวงตางดงามของซ่งหนิงซวงหรี่ลงเล็กน้อย มองฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยว่า “ฉู่เฉิน คุณทำให้คนรู้สึกประหลาดใจมากจริง ๆ แต่คุณต้องเข้าใจว่าสิ่งที่คุณต่อต้านด้วยในตอนนี้ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นกองทัพของประเทศจีน”“ยาพวกนี้ ทางกองทัพ...”ไม่รอให้ซ่งหนิงซวงพูดจบ ฉู่เฉินก็แค่นเสียงเย็นแล้วโบกมือเอ่ยตัดบทว่
เมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวก็พากันมองไปทางหน้าประตูจากนั้นก็เห็นเพียงถานเฟยนำเซียวเฟิงและสมาชิกแก๊งมังกรอีกแปดคนเดินเข้ามาในโถงจัดเลี้ยงอย่างองอาจผึ่งผาย“ถานเฟย?”ซ่งหนิงซวงกำหมัด กัดฟันแน่นก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดกับฉู่เฉินว่า “นี่ก็คือที่พึ่งของคุณในการท้าทายฉันเหรอ?”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ผมไม่เคยพึ่งพาใครทั้งนั้น ผมเป็นที่พึ่งของตัวผมเอง”บ้า!แม่งบ้าเกินไปแล้ว!ซ่งหนิงซวงรู้สึกแค่ว่าในหน้าอกเหมือนซ่อนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุเอาไว้ หน้าอกอวบอิ่มกระเพื่อมติดต่อกัน“ขุนพลเทียนเฟิ่ง ผมหวังว่าคุณใจเย็นลงได้นะครับ”ถานเฟยก้าวมาข้างหน้า ขวางอยู่ระหว่างซ่งหนิงซวงกับฉู่เฉิน ก่อนจะมองซ่งหนิงซวงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในขุนพลทั้งแปด ผมหวังว่าคุณจะสำรวมตัวเองด้วยนะครับ”“ยาโลหิตวิญญาณคืออะไร คุณรู้ดีแก่ใจตัวเอง คุณฉู่ปฏิเสธคุณก็สมเหตุสมผลแล้ว” เมื่อคำพูดนี้ออกมาก็เหมือนกับมีไฟลุกโชนอยู่ภายในดวงตางดงามของซ่งหนิงซวงถึงแม้ถานเฟยจะไม่ได้พูดชัดเจน แต่คำพูดของเขายืนยันคำพูดของฉู่เฉินทางอ้อม นี่ไม่เท่ากับบอกว่าเธอเกิดอารมณ์ตัณหาจนควบคุมไม่ไหวแล
นี่ก็คือสาเหตุสำคัญว่าทำไมแก๊งมังกรถึงได้โดดเดี่ยวไร้พันธมิตรมานานขนาดนี้ถ้าพูดให้ละเอียด ซ่งหนิงซวงก็เป็นคนของโลกแห่งการหยั่งรู้เช่นกันไม่ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในขุนพลใหญ่ทั้งแปด หรือว่าเป็นขุนพลเทพพิทักษ์ชาติก็เปลี่ยนแปลงภูมิหลังไม่ได้ว่าเธอเป็นศิษย์ของวังจื่อเซียวเมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งหนิงซวงพลันมองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนจะขมวดคิ้วกล่าวว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน คุณคงไม่ได้คิดจะบอกว่าคุณฉู่คนนี้ก็จะเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วยหรอกใช่ไหม?” ถานเฟยหันตัวไปมองฉู่เฉินแวบหนึ่ง เมื่อเห็นฝ่ายหลังพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ถานเฟยถึงค่อยเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “พูดตามตรง คุณฉู่เป็นคนแรกที่ให้แหล่งกบดานของสำนักว่านเซี๋ยกับแก๊งมังกรก่อนครับ” “ดังนั้น ปฏิบัติการในครั้งนี้ย่อมต้องมีคุณฉู่อย่างแน่นอน ทำไมครับ? ท่านขุนพลมีความเห็นอะไรเหรอครับ?”ซ่งหนิงซวงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชา “ไม่มีความเห็นอะไรค่ะ เพียงแต่ว่าเมื่อกี้คุณฉู่คนนี้พูดเอาไว้ไม่ใช่เหรอ? ตัวเขาก็คือที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้น ปฏิบัติการในครั้งนี้น่าจะไม่ต้องให้ฉันไปลงมือทำอะไรเกินความจำเป็นแล้วสินะ”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทั่วทั้งงา
โฮ่วเจี้ยนอิงถลึงตาใส่เซียวเสวี่ยอิ๋งแล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “ครั้งนี้เป็นปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพวกเรากับแก๊งมังกร แม้แต่แก๊งมังกรก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณฉู่ คุณยังมีอะไรไม่ยอมอีก!”“จำไว้ว่านี่คือคำสั่ง ผมไม่ได้ขอความเห็นจากคุณ!”โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบก็เอ่ยกับถานเฟยอีกครั้งว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน ถ้าเกิดสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง หรือว่าต้องการกำลังเสริม สามารถโทรหาผมได้ทุกเมื่อ ศูนย์บัญชาการกองทหารรักษาการณ์เจียงจงเตรียมพร้อมรบแล้ว สามารถไปเป็นกำลังเสริมที่ภูเขาเฮยเฟิงได้ตลอดเวลาครับ” ถานเฟยพยักหน้ากล่าวว่า “ขอบคุณผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วที่ให้ความร่วมมือครับ” พอกล่าวจบก็โบกมือให้แก๊งมังกรพลางพูดว่า “ขึ้นรถ” สมาชิกแก๊งมังกรที่ติดอาวุธพรั่งพร้อมหลายสิบคนพากันเข้าไปนั่งในรถตำรวจ เซียวเสวี่ยอิ๋งก็กระโดดขึ้นรถทหารอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “ทั้งหมดออกเดินทางได้!”รถทหารหลายสิบคันและรถตำรวจสิบกว่าคันแล่นไปทางภูเขาเฮยเฟิงอย่างยิ่งใหญ่ จนกระทั่งขบวนรถจากไปแล้ว ถานเฟยถึงค่อยผายมือเชื้อเชิญฉู่เฉินพลางกล่าวว่า “คุณฉู่ พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะครับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเข้าไป
“ฉู่เฉินคนนั้นค่อนข้างน่าสนใจอยู่ อยากให้เขายอมจำนนก็ต้องทำความเข้าใจเขาก่อน การทำความเข้าใจที่ฉันพูดถึงก็คือทำความเข้าใจในทุก ๆ ด้าน เข้าใจหรือเปล่า?”ซ่งหนิงซวงพูดพลางโยนยามทิ้งไปทันที ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถออฟโรดสีดำ เฉินเยว่เอ๋อร์อึ้งไปพักใหญ่ถึงค่อยเข้าใจความหมายของซ่งหนิงซวงมีเพียงรู้จุดอ่อนของฉู่เฉินถึงจะสามารถใช้กลยุทธ์ที่คาดไม่ถึง จู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว มอบ “เซอร์ไพรส์” ใหญ่ให้เข เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเยว่เอ๋อร์ก็รีบเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง “คุณไปเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเถอะ ฉันจะขับรถเอง”ซ่งหนิงซวงกล่าวจบก็ไล่เฉินเยว่เอ๋อร์ไปยังที่นั่งข้างคนขับทันที จากนั้นก็เหยียบคันเร่งไปยังเส้นทางลัด แล่นตรงไปยังภูเขาเฮยเฟิง .....เวลานี้เอง ภูเขาเฮยเฟิงที่อยู่ห่างจากเจียงจงไม่ถึงร้อยลี้ ภายในห้องโถงใหญ่ทำจากไม้ที่สร้างขึ้นได้ไม่นาน มีชายชราผมสีเงินสวมชุดคลุมดำกำลังนั่งตัวตรงข้างกายเขายังมีชายสวมชุดคลุมดำสี่คนที่ทั่วทั้งใบหน้าถูกหมวกบดบังไว้ ทำให้มองเห็นหน้าตาไม่ชัด ชายชราผมสีเงินคนนั้นก็คือโจวว่านหลี่เจ้าสำนักรุ่นที่สามของสำนักว่านเซี๋ยมีฉายาเลวร้ายในโลกแห่งการหยั่งรู้ว่าจ
ภายใต้ม่านราตรี ทั่วทั้งภูเขาเฮยเฟิงพลันเกิดม่านหมอกสีเขียวภายใต้แสงจันทร์อันเย็นเยียบ ภูเขาเฮยเฟิงดูมืดมนน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาบนผืนแผ่นดินใหญ่ หมอกสีเขียวที่สังเกตเห็นไม่ง่ายค่อย ๆ ผุดออกมาจากใต้ดิน ต้นไม้รอบด้านแห้งเหี่ยวในพริบตาไม่นานนัก ขบวนรถของพวกฉู่เฉินก็ทยอยกันจอดอยู่ใต้ตีนภูเขาเฮยเฟิง ฉู่เฉินกับพวกถานเฟยพากันกระโดดลงจากรถออฟโรด แล้วเดินไปหาพวกเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่ไม่ไกล“ข้ามสันเขาลูกนี้ไปก็คือภูเขาเฮยเฟิง ฉันคิดว่าพวกเรามากันเยอะขนาดนี้ เคลื่อนไหวมากก็จะไม่สะดวก ไม่สู้แบ่งกำลังออกเป็นสามทาง โจมตีขนาบข้างภูเขาเฮยเฟิงดีกว่าค่ะ” เซียวเสวี่ยอิ๋งกางแผนที่ทางทหารออก แล้วพูดพลางชี้ไปยังจุดสีแดงที่ทำเครื่องหมายไว้ตรงกลางเรียบร้อยแล้ว“แบ่งกำลัง?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณคิดว่านี่เป็นแค่การปราบโจรจริง ๆ หรือไง?”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็กวาดตามองสมาชิกแก๊งมังกรหลายสิบคนกับทหารชั้นยอดจากกองทหารรักษาการณ์หลายร้อยคนที่อยู่รอบ ๆ แล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “ผมยอมรับว่าคนที่พวกคุณพามาเป็นคนชั้นยอดในหมู่คนชั้นยอด แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเพียร พวกเขาไม่ต่างอะไรกับคนธรร
เธอเองก็เคยเข้าร่วมสงครามมาหลายครั้ง และสร้างผลงานมากมาย มีความจำเป็นอะไรต้องเชื่อฟังฉู่เฉินด้วย?โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงบนเวทีประลองในวันนั้นที่โดนฉู่เฉินเอาเปรียบยกใหญ่ เซียวเสวี่ยอิ๋งก็บันดาลโทสะขึ้นมา“ผู้นำเซียว คุณอยากใช้ชีวิตคนหลายร้อยคนที่อยู่ด้านหลังคุณมาซื้อการยอมของคุณเหรอ? ถ้าเกิดคุณดื้อรั้นมาก ตอนนี้ผมจะใช้ฐานะหัวหน้าใหญ่ของแก๊งมังกรถอดถอนอำนาจบัญชาการของคุณ” “คุณ ไปได้แล้ว” ถานเฟยพูดจบก็หันหน้าไปทางฉู่เฉิน ไม่แม้แต่จะมองเซียวเสวี่ยอิ๋งอีกสักแวบหนึ่งนี่...เซียวเสวี่ยอิ๋งตัวแข็งทื่อเธอไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าถานเฟยกับเซียวเฟิงจะยืนอยู่ข้างฉู่เฉิน“ทุกคนตามผมมา ห้ามเดินแยกเด็ดขาด ไอพิฆาตด้านหน้าน่ากลัวมาก ๆ ถ้าไม่ระวังนิดเดียวจะมีอันตรายถึงชีวิตได้” ฉู่เฉินพูดจบก็วาดยันต์ผนึกวิญญาณขนาดยักษ์กลางอากาศ ครอบคลุมรัศมีร้อยเมตร“ทุกคนตามไป”เซียวเฟิงโบกมือให้ทุกคนในแก๊งมังกรตามหลังฉู่เฉิน เดินไปทางภูเขาเฮยเฟิง“ฮึ!”เซียวเสวี่ยอิ๋งโมโหจนกระทืบเท้า ผู้ช่วยหานหลิงก็มองฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูแคลนเช่นกันแล้วเอ่ยว่า “ทำตัวหยิ่งอะไรกัน ก็แค่คนหลอกลวงเท่านั้นเอง พวกเราไม่ต้องต
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า