ในระหว่างที่ทุกคนฟันธงแล้วว่าฉู่เฉินจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนนั้น ฉู่เฉินกลับหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน และมองสำรวจคุณชายเซียวเหยาพร้อมกล่าวขึ้นว่า “คาดไม่ถึงว่าแกจะทะลวงขั้นในระหว่างการต่อสู้จนสำเร็จ?”แบบนี้ถือว่าอยู่นอกเหนือการคาดเดาของฉู่เฉิน คุณชายเซียวเหยาผู้นี้ช่างมีของจริง ๆ พอมีความสามารถอยู่บ้างคุณชายเซียวเหยาหัวเราะเยาะกล่าว “เป็นยังไงบ้าง คิดไม่ถึงสินะ นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะผู้มีความสามารถกับคนธรรมดาอย่างพวกแก”“ไอ้คนแซ่ฉู่เอ๊ย ยอมรับชะตากรรมเถอะ”พูดถึงตรงนี้แล้ว กลิ่นอายของคุณชายเซียวเหยาก็ระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ มีจิตสังหารอันท่วมท้นปรากฏขึ้นในดวงตา!หลังจากเลื่อนขั้นระดับสร้างรากฐานขั้นแปดสำเร็จ คุณชายเซียวเหยาก็รู้สึกเพียงว่าภายในร่างของเขาเหมือนจะมีพลังไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่พลังวิญญาณในจุดตันเถียนก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวไม่ว่าด้านวรยุทธ์และอาคมเต๋าก็สูงขึ้นหนึ่งระดับกว่าตัวเขาเมื่อก่อนหน้านี้แล้วความรู้สึกแบบนี้ทำให้ใจที่ว่างเปล่าของเขากลับมามีความมั่นใจขึ้นอีกครั้ง!ตามความคิดของเขานั้น อาศัยแค่พลังในตอนนี้ของเขาก็สามารถบดขยี้ฉู่เฉินได้อย่างแน่นอน
คุณชายเซียวเหยาในขณะนี้ จะยังมีความสง่างาผ่าเผยเหมือนต้นไม้หยกอีกได้ยังไง?ร่างกายเปื้อนไปด้วยเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิงปล่อยสยายบนบ่า คนทั้งคนราวกับปีศาจร้ายที่คลานขึ้นมาจากขุมนรกอย่างไรอย่างนั้นวินาทีต่อมา จู่ ๆ คุณชายเซียวเหยาก็คำรามขึ้นมากะทันหัน พลังวิญญาณรอบกายระเบิดอย่างบ้าคลั่งถึงขีดสุด!ต่อให้เสี่ยงอันตรายที่จุดตันเถียนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ เขาก็จะตายตกไปพร้อมกับฉู่เฉิน!คุณชายเซียวเหยาในเวลานี้สูญเสียสติปัญญาการรับรู้ไปทั้งหมดแล้ว พุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินราวกับกระทิงที่บ้าคลั่งตัวหนึ่ง“แย่แล้ว เขาจะตายไปพร้อมกับฉู่เฉิน!”ถานอวี้ซานยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว คิดจะไปผนึกพลังของคุณชายเซียวเหยาตอนนี้ก็สายไปแล้วเธอหวังเพียงว่าฉู่เฉินจะตายไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแล้วแผนการทั้งหมดที่จื่อเยว่วางไว้จะกลายเป็นศูนย์ทันที!ทว่าวินาทีต่อมา ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา คุณชายเซียวเหยาก็ระเบิดเสียงร้องโหยหวนรุนแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย…”ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ดอกบัวโลหิตสองดอกมาระเบิดที่เข่าทั้งสองข้างของคุณชายเซียวเหยาอย่างไร้สุ้มไร้เสียงคุณชายเซียวเหยาก็ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรงในเวลาเ
ในขณะนั้น ทั้งสนามราวกับจักจั่นในฤดูหนาวฉู่เฉินไม่เพียงเด็ดขาดและเฉียบคมเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้คำว่าโหดเหี้ยมมาบรรยายได้เลยแม้แต่ซ่งหนิงซวงและถานอวี้ซานล้วนถูกฉากตรงหน้าทำให้ตกตะลึงดูเหมือนว่าข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับฉู่เฉินก่อนหน้านี้จะผิดพลาดโดยสิ้นเชิง จำเป็นต้องประเมินฉู่เฉินคนนี้ใหม่ ไม่เช่นนั้นน่ากลัวว่าวังจื่อเซียวจะนำภัยมาสู่ตัวเองจริงๆ“ศิษย์พี่ คนคนนี้ดูเหมือนจะต่างจากที่หลิ่วชิงเหอเคยบอกไว้อย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่อัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ธรรมดาๆ เลย”ซ่งหนิงซวงกล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น ถานอวี้ซานก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “เราไปกันเถอะ”กล่าวจบ ซ่งหนิงซวงและถานอวี้ซานก็พากันเดินออกจากโรงยิมอย่างเงียบเชียบแต่เหล่ายอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ในสนาม กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน“ทุกท่าน พวกคุณคงไม่คิดว่าเหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากเจียงจงจะถูกรังแกได้ง่ายๆ หรอกนะ? แค่ตอนเข้าประตู ก็ใช้บัตรเชิญมากลั่นแกล้งเรา พอเข้าไปก็ยังให้พวกเราคุกเข่าทักทาย”“ถ้าไม่อยากตาย ก็คุกเข่าลงให้หมด”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนหยัดอย่างภาคภูมิอะไรนะ?!ผู
ขณะที่มองฉู่เฉินจากไปอย่างสง่างาม ภายในโรงยิมก็เกิดความโกลาหลขึ้น“เฮ้อ เกรงว่าในวงการต่อสู้อาจจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นอีกครั้งแล้ว”ฉินเหว่ยมองตามแผ่นหลังของฉู่เฉินด้วยสายตาแน่วแน่ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงชราแหบแห้งฉู่เฉินไม่ได้สังหารเพียงประธานใหญ่ของสมาคมศิลปะการต่อสู้สามมณฑลเท่านั้น ยังสังหารคุณชายเซียวเหยาและหลิงเฟิงทั้งสองต่อหน้าทุกคน เท่ากับเป็นการสร้างความบาดหมางที่แก้ไขไม่ได้กับสองสำนักในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้ว่าผู้คนในที่นั้นจะเงียบงัน แต่ภายในใจล้วนถูกปกคลุมไปด้วยชั้นความมืดมนอันหนาทึบหลังจากที่ฉู่เฉินและคนอื่นๆ จากไป การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ก็จบลงแบบลวกๆในเมื่อแม้แต่ประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้ก็เสียชีวิตไปแล้ว ใครจะยังมีใจลงสนามไปประลองกันอีก?……ไม่นานหลังจากที่ฉู่เฉินและคนอื่นๆ ออกจากเมืองปินเฉิง ลั่วเสี่ยวเทียนก็ถูกบรรดาทายาทตระกูลชาวยุทธ์ในท้องถิ่นเมืองปินเฉิงใช้เปลหามกลับไปที่ตระกูลลั่วเมื่อเห็นว่าบนเปลมีลั่วเสี่ยวเทียนที่ร่างกายย้อมไปด้วยเลือด ลั่วเทียนเต๋อก็อดไม่ได้ที่จะโกรธจัดและกล่าวว่า “ใครกล้าดีมาทำร้ายเทียนเอ๋อร์ของฉันจนเป็นแบบนี้!”ทันทีที
อะไรนะ?ลั่วเทียนเต๋อรีบขวางหลินเยว่หรูไว้แล้วกล่าวว่า “เยว่หรู คุณคงไม่ได้บ้าไปแล้วหรอกนะ? แม้แต่คุณชายเซียวเหยายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนคนนั้น คุณ…คุณยังจะไปหาเรื่องเขาอีกเหรอ?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลินเยว่หรูก็เท้าเอว ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งก่อนเอ่ยเสียงเย็น “คนแซ่ลั่ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน? ถ้าไม่มีตระกูลฝ่ายแม่ของฉัน พวกคุณตระกูลลั่วจะมีตำแหน่งอย่างทุกวันนี้ไหม?!”“คุณดูสิว่าลูกชายของฉันถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้แล้ว แล้วคุณล่ะ? มัวแต่หดหัวเหมือนเต่าอยู่ได้!”เหล่าคนรับใช้ของตระกูลลั่วได้ยินเช่นนี้ก็รีบออกจากโถงทันทีเมื่อใดที่คุณนายโมโห ก็จำเป็นต้องรักษาหน้าของผู้นำตระกูลไม่ใช่เหรอความจริงแล้วในนามของตระกูลลั่ว ลั่วเทียนเต๋อจะเป็นผู้ดูแล แต่ในความเป็นจริง ทุกเรื่องล้วนต้องได้รับการอนุมัติจากหลินเยว่หรู ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไรสุดท้ายแล้ว ตระกูลหลินก็มีอำนาจมากกว่าอย่างไรก็ตาม อิทธิพลของตระกูลหลินไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์และยิ่งไม่ใช่โลกธุรกิจ แต่กลับเป็นโลกแห่งการหยั่งรู้และภูเขาสือว่านตระกูลหลินในโลกแห่งการหยั่งรู้ เรียกได้ว่ามีสถานะไม่ด้อยไปกว่าสำนัก อีกทั้งสำนักใน
“ผู้นำตระกูลลั่ว โปรดอย่าเข้าใจผิด ผม... ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ แม้แต่อาจารย์ของผมยังพูดว่า คุณฉู่มีทักษะการแพทย์ระดับเทพ เหนือกว่าเขาไม่รู้กี่ระดับ!”“ตราบใดที่คุณฉู่ยอมลงมือ ลูกชายของคุณจะต้องกลับมามีชีวิตใหม่อย่างแน่นอนครับ นอกจากนี้ผมกับครอบครัว ตอนนี้กำลังขึ้นรถไฟไปเมืองหลงจิงแล้ว ผู้นำตระกูลลั่วไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาผมที่บ้านหรอกนะครับ!”กล่าวจบ ปี้เหวยก็ตัดสายทิ้งทันทีแม่งเอ๊ย!ไอ้เลวนี่หนีไปแล้วงั้นเหรอ?!เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณสายไม่ว่าง ลั่วเทียนเต๋อก็มีความคิดที่จะฆ่าคนขึ้นมา“พ่อคะ หนูก็เคยได้ยินมาว่าทักษะการแพทย์ของฉู่เฉินยอดเยี่ยมมาก หนูจำได้ว่ามีเพื่อนคนหนึ่งเคยพูดถึงคนคนนี้เหมือนกัน”ลั่วหัวเอ๋อร์ขมวดคิ้วเรียวงาม ครุ่นคิดอยู่นาน ทันใดนั้นสายตาก็สว่างวาบขึ้นและกล่าวว่า “ใช่แล้ว เป็นหลินชือหย่า”เมื่อนึกขึ้นได้ ลั่วหัวเอ๋อร์จึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหลินชือหย่าผ่านไปครู่ใหญ่ อีกฝั่งจึงมีเสียงของหลินชือหย่าตอบกลับ “หัวเอ๋อร์? เธอมีเวลาว่างด้วยเหรอ ไม่ใช่ว่ากำลังยุ่งกับการเตรียมงานแต่งหรอกเหรอ?”เมื่อครึ่งปีก่อน ลั่วหัวเอ๋อร์ได้หมั้นหมายกับคุณชายแห่งสำนักหนึ่งบน
ลั่วเทียนเต๋อตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะเร่งฝีเท้าวิ่งตามออกไปไปพลาง ตะโกนสั่งเสียงดังไปพลาง “เรียกรวมตัวบอดีการ์ดตระกูลลั่ว แล้วไปที่เจียงจงกับฉัน!”สิ้นเสียง บอดีการ์ดตระกูลลั่วนับสิบคนก็พุ่งขึ้นรถตู้ในทันทีรถตู้สีดำสิบกว่าคันมุ่งหน้าตรงสู่เจียงจงอย่างยิ่งใหญ่……ขณะเดียวกัน ฉู่เฉินก็เพิ่งส่งพ่อลูกตระกูลจินออกไป ก่อนจะพาเจ้าทึ่มมาที่ลานกว้างหลังภูเขาตอนนี้ฉู่เฉินทะลวงระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ดแล้ว และยังอยู่ห่างจากการทะลวงผ่านเพียงก้าวเดียว จึงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง“มา ครั้งนี้เรามาซ้อมกันให้เต็มที่ อย่าได้ออมมือ”ฉู่เฉินมองเจ้าทึ่มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“คุณไม่ใช่คู่มือของผม”ดวงตาของเจ้าทึ่มเป็นประกายไฟสีน้ำเงินวูบไหวสองครั้ง ก่อนจะกล่าวเสียงแหบพร่า“ต้องสู้ก่อนถึงจะรู้!”สิ้นเสียง ฉู่เฉินเหยียบพื้นด้วยท่วงท่าเจ็ดดาราแปดทิศ ทั่วร่างถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายพลังชีวิตที่ไม่มีวันหมดสิ้น พลังพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง“ไม่มีประโยชน์”เจ้าทึ่มส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยหมัดตรงพุ่งไปที่ฉู่เฉินอย่างหนักหน่วงตูม!ฉู่เฉินชกสวนกลับไปอย่างแรง แต่แค่หมัดเดียว กลิ่นอายรอบกายของฉู่
เจ้าทึ่มค่อยๆ หันศีรษะ หมุนคอไปได้ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบองศา จ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แม่งเอ๊ย!ฉู่เฉินรู้สึกแย่ไปหมด ไอ้หมอนี่มันวิปริตชัดๆ!แต่วินาทีต่อมา เพียงเห็นเจ้าทึ่มยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาขนานกับพื้นในทิศทางตรงข้ามและปัดป้องกระบี่ยาวของฉู่เฉินออกไปบ้าเอ๊ย!ไม่ใช่แค่หัวที่หมุนได้หนึ่งร้อยแปดสิบองศา แม้แต่แขนขาทั้งสี่ก็ดูเหมือนจะขยับได้อิสระ นี่มันชวนให้คนหมดคำพูดจริงๆแม่ง พี่ใหญ่นายเก่งรอบด้านจริงๆฉู่เฉินรีบชักกระบี่กลับ ในขณะเดียวกัน ร่างของเขาก็ถอยออกไปสิบกว่าก้าว แต่ยังไม่ทันที่ฉู่เฉินจะตั้งหลักได้ เจ้าทึ่มก็พุ่งมาตรงหน้าฉู่เฉินแล้ว“โฮก!”ในชั่วพริบตาที่เล็บคมกริบราวใบมีดของเจ้าทึ่มพุ่งเข้าใส่ฉู่เฉิน ฉู่เฉินก็เปลี่ยนดาบไปถือมือซ้าย และกลิ่นอายทั่วร่างก็ปะทุออกมาเสียงมังกรคำรามกึกก้องไปทั่วทั้งสี่ทิศ!เพียงเห็นฉู่เฉินซัดหมัดออกไป ราวกับมีชันหลงอยู่บนกำปั้น พุ่งเข้าไปที่กลางอกของเจ้าทึ่มตูม!เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น ร่างของเจ้าทึ่มก็ถูกซัดกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร หน้าอกถูกเจาะเป็นรูเลือดโปร่งแสงเจ้าทึ่มถึงกับตกตะลึงเขาเป็นผีดิบเลือดคลั่ง ร่างเนื้อโดย
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก