“แน่แล้วน้องสิบสี่ องค์ชายใหญ่แม้จะไม่ถือตัวแต่ก็มีฐานันดรสูงส่ง แต่ต่อไปหวังว่าจะยังคงรักษามิตรภาพนี่ไว้”“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนอยู่แล้วข้าไม่ลืมพวกท่านหรอก องค์ชายสามที่ให้ที่พักข้าแต่ก็ผลักไสข้าไปอยู่ในห้องรกร้างจนข้าต้องทำความสะอาดเอาเอง องค์ชายสี่ที่เมตตาไว้ชีวิตข้าทั้งๆ ที่ข้าไม่ผิด องค์ชายแปดที่ผลักไสข้าไปอยู่จวนองค์ชายสามทั้งๆ ที่เป็นความขัดแย้งของท่านกับองค์ชายสี่แต่กลับโยนข้าไปให้องค์ชายสาม องค์ชายเก้าที่มักจะหาของกินให้ข้าในยามดึกเพื่อที่ข้าจะได้อ้วนตายไปเสียที องค์ชายสิบผู้ซึ่งไม่เคยให้ความเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ องค์ชายสิบสามที่ไม่เคยพูดว่าชอบข้าแต่ก็แอบสอดแนมข้าเป็นประจำราวกับกลัวว่าข้าจะเผาจวนองค์ชายสาม และองค์ชายสิบสี่ที่คอยเออออกับข้าไปเสียทุกเรื่องจนข้าจะเสียคนอยู่แล้ว แต่โดยรวมแล้วข้าก็ชอบพวกท่านนะ”ทั้งหมดเจ็ดคนอมยิ้มไปกับคำกล่าวที่ล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้นจวนองค์ชายสี่“ชิงหยุนเนีย ท่านพี่พูดอะไรกับเจ้ารีบบอกข้ามา”“พระชายาเอก พี่สาว องค์ชายไม่ได้พูดอะไรกับข้าแค่บอกว่าให้ข้าดูแลหงลี่ดีๆ เพราะเขาวัยกำลังซน”“เจ้าได้รับเกียรติเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แน่ใจหรือว่าท่านพี่ไม่ได้พู
“ชิงหยุนได้ยินว่า พี่ชายต้ากงเหวินไม่นิยมหญิงงาม วางตัวราวกับนักพรตแต่ฝีมือด้านการรบและกลยุทธ์ในการรบของเขาแม้แต่ท่านลุงยังต้องยอมยกให้เขาเป็นอันดับหนึ่ง”“พี่สะใภ้ แล้วตงโกเหตุใดไม่ตามหาเขา”ชิงหยุนเนียถอนหายใจ“ท่านลุงในตอนนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ไม่ให้ใครตามหา เพราะคิดว่าพี่ชายต้ากงเหวินจะกลับมาด้วยตัวเองนี่ก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมกลับไป”องค์ชายสิบสามทำท่าครุ่นคิด“หรือว่าเขาไร้ความทรงจำ ข้าไม่เห็นเขามีท่าทีว่าเป็นแม่ทัพผู้องอาจตรงไหน อีกทั้งยังทำตัวราวกับเด็กหนุ่มที่พึ่งจะโตด้วยซ้ำไป”“พี่สี่คิดว่านั้นเป็นเพียงสิ่งที่เขาอยากให้เราเห็น ความจริงคนผู้นี้ยากแท้หยั่งถึงแม้แต่ข้าที่มองคนอย่างทะลุปรุโปร่ง ยังไม่สามารถมองคนผู้นี้ได้ เราต้องจับตามองเขาให้ดี ไม่อาจวางใจ”“อย่าบอกนะว่าพวกท่านพบพี่ใหญ่ต้ากงเหวิน”อิ๋นเจิ้งพยักหน้าช้าๆ ชิงหยุนเนียทำตาโตอ้าปากค้างด้วยความตื่นเต้น“เจ้ารู้ไหม ชิงหยุนเนียเขาคือเจ้าลูกหมาน้อยตกน้ำเก๊ามู่เฉินคนนั้น”องค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงอมยิ้มกับคำว่าเจ้าหมาน้อยตกน้ำ“อย่าบอกนะว่าพี่ชายต้ากงเหวินก็คือซงหมิงต้าจื่อ พวกท่านพลาดแล้วพี่ใหญ่ต้ากงเหวินเป็นผู้ท
“ก็แน่ล่ะสิ ห่วงทุกคนข้าน่ะห่วงทุกคนหากข้าไม่อยู่ในเมื่อเราผูกพันกันถึงอย่างนี้แล้วข้าย่อมห่วงทุกคน องค์ชายสามเรื่องที่ท่านทำยิ่งใหญ่ไม่น้อยแต่เรื่องที่คนอื่นทำก็คือเรื่องที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ฉะนั้นหากข้าไม่อยู่ พูดกับองค์ชายสี่ดีดี กับองค์ชายแปดท่านอยู่ห่างเขาหน่อยจึงดี ข้ารู้ว่าท่านรักพี่น้องแต่ก็ควรจะรักตัวเองให้มากกว่ารักคนอื่น เข้าใจใช่ไหม” อิ๋นจื่อกระชับอ้อมกอด“ไม่ให้เจ้าไปไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วันที่ข้าเข้าหอไม่ได้คุยกับเจ้าก่อนนอนข้าถึงกลับต้องไปนั่งเฝ้าหน้าห้องของเจ้า แล้วหากเจ้าไม่อยู่ ข้า…..จะทำอย่างไร”เก๊ามู่เฉินตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน คิดไปเองว่าเขาคงเข้าหอมีความสุขกับชายาหน้าตาน่ารักคนนั้นแต่เขากลับไปนั่งเฝ้าหน้าห้องของเก๊ามู่เฉินจนสว่างเลยหรือ เก๊ามู่เฉินยกแขนเล็กขึ้นกอดอิ๋นจื่อด้วยความรู้สึกหลากหลายรวมทั้งความรู้สึกอบอุ่นใจและขอบคุณคนในอ้อมกอดจวนองค์ชายแปดอิ๋นสือ“พี่สี่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับข้าชัดเจน ด้วยการแย่งชิงต้ากงเหวินกับข้า” องค์ชายแปดอิ๋นสือทำสีหน้าเคร่งเครียด“แต่จริงๆ จังหวะนั้นใครบ้างจะไม่อยากได้เขามาไว้ข้างกาย” องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อพูดไปตามที่คิด“พวกเจ้าค
“เจ้าสี่ กลับจวนไปเลยป่ะ”“อ้าวพี่สี่ ท่านไล่กันดื้อๆ แบบนี้เลยหรือ”“พวกท่านนั่นแหละกลับไปทั้งคู่เลย ถ้าไม่ช่วยข้าก็อย่ามากวนใจกันเลย”ต้ากงเหวินโบกมือไล่อย่างไม่ใส่ใจ“จะรีบไปไหนกันข้าพึ่งจะมาถึง”องค์ชายแปดอิ๋นสือเดินเข้ามามีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับเช่นทุกครา ต้ากงเหวินยกมือขึ้นกุมขมับ อิ๋นสือกล่าวอย่างนุ่มนวลหวังให้ต้ากงเหวินใจอ่อน“หากเป็นข้าเล่าเจ้าจะไล่ไหม”“ข้าไล่หมดไม่สนใคร ข้าตั้งใจเร่งรีบทำงานพวกท่านสามคนพี่น้องก็สามัคคีรวมตัวกันก่อกวนข้าหรือ”“แล้วถ้าเป็นข้าเล่าต้ากงเหวิน ไปดื่มกันพักผ่อนเสียบ้าง”องค์ชายสิบสี่อิ๋นถีที่ตามองค์ชายแปดมาด้วยโพล่หน้าเข้ามาทีหลัง ส่งยิ้มและเขย่ามือเหมือนตอนจับจอกสุราอย่างเคยให้ต้ากงเหวิน“อืม…ไปกันเถอะ ข้าเองก็อยากจะผ่อนคลาย พวกท่านจะไปด้วยกันไหม หอโอชารสมีที่ว่างมากมาย”“คงไม่เหมาะกระมัง หากเราเหล่าองค์ชายรวมตัวกันร่ำสุรา”“เช่นนั้นก็ตามใจ ข้าไปล่ะ”หอโอชารสองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงยกจอกสุราเทลงคอ“ฮ่าพี่สิบสามท่านก็มาหรือ” อิ๋นถีส่งเสียงมาก่อนตัวอิ๋นเสียงเงยหน้าขึ้นช้าๆ ยกจอกสุราตรงหน้าเป็นการเชื้อเชิญต้ากงเหวินเดินตรงมาทรุดกายตรงหน้าเทสุรลงจอกกระ
“ฝ่าบาทเพฮะ องค์ชายสามคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักไม่ยอมไปไหน”“คุกเข่าหรือ เจ้าสามที่ไม่ยุ่งเรื่องในราชสำนัก คุกเข่าเพื่อสิ่งใดกัน”คังซีเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างหยาดฝนโปรยปรายราวกับหลั่งน้ำตาให้ใครบางคนอิ๋นเสียงวางกระบี่ข้างกายลงบนแคร่ไม้ไผ่ กวาดตามองกระท่อมไม้ไผ่ที่เพียงแค่พอซุกกาย ยิ้มหยันให้กับโชคชะตาของตัวเอง ยกหูหลู (น้ำเต้าที่มีเชือกร้อยสะพายบ่าสำหรับเก็บน้ำดื่มหรือสุรา) ขึ้นมากระดกลงคอสุราเท่านั้นในยามนี้ที่คือมิตรแท้ช่วยให้ลืมเลือนเรื่องราวทุกข์ตรมอดทนรอจนกว่าพี่สี่จะช่วยให้เขาหลุดพ้นจากตรงนี้ อิ๋นเสียงรู้ดีว่าการเสียสละตัวเองในครั้งนี้จะทำให้อิ๋นเจิ้งตัดสินใจทำอะไรบางอย่างหลังจากที่รอมานาน พี่สี่ไม่มีทางทิ้งเขาแน่ กระดกสุราลงคออีกครั้ง แม้จะต้องตายที่นี่ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ขอแค่อิ๋นเจิ้งเป็นอิสระอยู่ข้างนอกนั้น คงมีสักวันที่เขาจะเห็นแสงตะวันที่ขอบฟ้าไกลโพ้นจวนองค์ชายแปดอิ๋นสือ“พี่แปด ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ทำแบบนี้เท่ากับส่งพี่สิบสามไปตาย”“น้องสิบสี่ สิ่งเดียวที่ข้าหวงก็คือต้ากงเหวินที่เอาแต่ไปยืนกางร่มกันฝนให้พี่สาม”“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ไม่ได้การแล้วข้าจะต้องรีบไปห้ามเขา
องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อวิ่งตาต้ากงเหวินไปติดๆ“รอข้าด้วย ต้ากงเหวินนั้นเจ้าร้องไห้ด้วยหรือ”“อย่ามายุ่ง”“ให้ข้าช่วยแบ่งเบา”“หากอยากจะช่วยข้าแบ่งเบาอะนะ ท่านมีความสามารถด้านช่างไหมเล่าไปช่วยข้าซ่อมของสิ่งนั้น ข้าจะได้รีบไปจากที่นี่เสียที”“เจ้าจะไปไหน เมื่อวานข้าพึ่งจะเห็นว่ามีเฉิงหยิงส่งม้าเร็วกลับไปยังตงโก บอกว่าพบตัวเจ้าแล้ว ปานนี้ม้าเร็วคงถึงแค่ครึ่งทาง เจ้าจะรีบไปไหนกัน”ต้ากงเหวินตะลึกตาค้าง“ทำไมข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน”“ก็แหงน่ะสิ เจ้ามัวแต่หมกอยู่ในห้องลับของพี่สาม ตอนนี้ข่าวเรื่องเจ้าเป็นองค์ชายใหญ่ของตงโกแพร่ไปทั่ววังหลวง ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ อาจจะรู้ไปถึงต่างแคว้นแล้วก็ได้”“กี่วันพวกองครักษ์ถึงจะมาที่นี่”“ไม่เกินสองดวงจันทร์เต็มดวงพวกเขาจะต้องมาถึงแน่”“ช้าไม่ได้แล้วต้ากงเหวินคว้าแขนองค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อออกแรงลากให้วิ่งตามเขาไปที่จวนองค์ชายสาม“ข้าจะต้องรีบซ่อมให้เสร็จ ท่านช่วยข้าข้าจะถือเป็นบุญคุณ เงินและทองของกำนัลจากฝ่าบาทข้ายินดียกให้ เราจะต้องซ่อมมันให้เสร็จภายในวันนี้ข้าจะได้ไปเสียที”“เจ้ายังไม่บอกข้าเลยว่าเจ้าจะไปไหน หากจะไปตงโกทำไมไม่ขี่ม้าไปเล่า”“อย่า
“หากจะโทษใครสักคนของให้โทษข้าเถิดข้าผิดเองผิดที่ไม่ห้ามใจตัวเอง ผิดที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน” ส่งเสียงเบาๆต้ากงเหวินกัดฟันจนเป็นสันนูน“ไปให้พ้น ไปให้พ้นทั้งสองคน อย่ามายุ่งกับข้า”ลุกขึ้นหันหลังเก็บแผ่นไม้ด้วยความทะนุถนอมไปแปะส่วนที่แตกออกมา เป็นภาพที่น่าสังเวชยิ่งนักองค์ชายสามอิ๋นจื่อก้มลงช่วยเก็บแผ่นไม้ที่แตกหัก“ข้าบอกให้ไปให้พ้นถ้าไม่ไป ข้าจะไปเอง”ต้ากงเหวินทิ้งเศษไม้ลุกขึ้นก้าวเดินจากไปทันทีอิ๋นจื่อได้แต่เพียงมองตามแผ่นหลังของต้ากงเหวินด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในใจแต่ไม่อาจวิ่งตามหรือรั้งเอาไว้ได้ต้ากงเหวินเดินราวกับหมดเรี่ยวแรง ดวงตาพร่ามัว“จบกัน ไม่มีโอกาสได้กลับบ้านแล้วนอกจากจะต้องไปที่ตงโกอะไรนั่น ฮืออออ” ดวงตาพร่ามัวแต่ไม่หยุดก้าวเดินจนกระทั่ง หยุดยืนนิ่งหน้าจวนองค์ชายแปดอิ๋นสือ“ใต้เท้า ท่านเป็นคนของจวนองค์ชายสามมีเรื่องใดกันจึงมาถึงนี้ยามดึกเช่นนี้”“ข้า ข้า” อึกอักไม่รู้จะตอบคำถามว่าอย่างไรร่างสูงของอิ๋นสือที่เอามือไพล่หลังหยุดมองใบหน้าโศกสลดของต้ากงเหวิน สีหน้าตื่นตระหนกไม่น้อย“อย่าเสียมารยาทองค์ชายตงโกต้ากงเหวินเป็นแขกของข้า” องครักษ์หน้าจวนประสานมือถอยห่างออกไปองค์ช
เช้าสดใสเสียงนกหูผีอิ้งอู่ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ต้ากงเหวินบิดขี้เกียจในที่นอน ลุกขึ้นเปิดประตูออกมาจากห้อง องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อที่พิงประตูอยู่เสียหลักหงายหลังล้มลงใส่ร่างบางของต้ากงเหวินแต่ยังดีที่คว้ากรอบประตูได้ทันจึงไม่ล้มใส่ต้ากงเหวินจนบาดเจ็บ“องค์ชายสิบท่านเมาจนกลับจวนไม่ไหวเลยหรือ เดี๋ยวสิเราไม่ได้ดื่มกันนี่”“ต้ากงเหวินเจ้าสบายดีใช่ไหม เจ้าปลอดภัยดีใช่ไหม”อิ๋นเอ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงลนลานทั้งยังสำรวจพลิกตัวต้ากงเหวิน“ท่านละเมออะไรของท่านเนี้ย”“เห้อ โล่งอกไปที เราไปกันเถอะ ปานนี้พี่สามเป็นห่วงแย่แล้ว”“ไม่ ข้าไม่กลับไปจวนองค์ชายสาม”“อย่าบอกนะว่าจะอยู่ที่จวนพี่แปด ไม่ได้นะพี่แปดตัวอันตราย”ต้ากงเหวินคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน“ข้าก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่และที่ไหนทั้งนั้น แต่ข้าจะไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะในเมื่อไทม์แมชชีนมันพังไปแล้ว”“ให้ข้าช่วยไหมเล่า อิ๋นเอ๋อเสียอย่าง รับรองไม่มีใครหาเจ้าเจอแน่ ข้ามีที่ลับแห่งหนึ่งเจ้าจะอยู่ได้อย่างสบายใจและจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ข้าสัญญาว่าองครักษ์ของตงโกจะไม่มีทางหาเจ้าเจอ”ต้ากงเหวินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น“องค์ชายสิบ ท่านรู้ได้ยังไงว่าช้าไม่อยากกลับตงโก”
“ข้าง่วงแล้วไปนอนกันเถอะ”จวนองค์ชายสามอิ๋นจื่อ“พี่สาม ข้ามาลา”องค์ชายสามอิ๋นจื่อขมวดคิ้ว“เจ้าจะไปไหนกันเจ้าสิบ”“ข้าหลังจากที่มาไตร่ตรองดูแล้วข้าควรจะไปเสียจากวังหลวง ลดแรงเสียดทานและออกห่างจากการแย่งชิง”“แน่ใจแล้วหรือ”“พี่สาม ตอนนี้ชายาของข้ากำลังตั้งครรภ์สิ่งที่ข้าอยากเห็นที่สุดก็คือใบหน้าลูกและความสำเร็จของลูกชายข้า และสิ่งที่ข้ากลัวที่สุดคือกลัวว่าลูกข้าจะกำพร้าพ่อ”องค์ชายสามทอดถอนใจ“ไม่อาจรั้งเจ้าไปแล้วน้องสิบ พี่สามขอให้เจ้าโชคดี”อิ๋นเอ๋อประสานมือคุกเข่าก้มหน้าจรดพื้น“ข้าสัญญา ข้าจะไม่มีทางลืมเลือนสายสัมพันธ์พี่น้องของเรา”“โชคดีเจ้าสิบและเราจะได้พบกันอีกครั้ง ข้าหวังอย่างนั้น”องค์ชายสิบไปแล้ว เฉิงหยิงเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับถ้วยชา“องค์ชายความขัดแย้งครั้งนี้แม้แต่องค์ชายสิบที่ไม่เคยจะทุกข์ร้อนกับเรื่องใดเขากลับเปลี่ยนแปลงตัวเอง กลายเป็นคนที่กลัวไปเสียทุกเรื่อง”องค์ชายสามอิ๋นจื่อยิ้มเศร้าๆ“ความบาดหมางครั้งนี้มากมายเกินไป บางทีข้าเองก็คิดว่าไม่อาจแก้ไขมันได้ เจ้าสี่เป็นคนที่ใจแข็ง เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นสิ่งที่เขาทำเขาจะไม่มีวันเสียใจแม้ว่าจะผิดก็ตามเพราะเขาคิดว่ามันคุ้
ต้ากงเหวินวิ่งออกจากตรงนั้นไปที่ตำหนักเคียงฟ้าเก็บข้าวของที่จำเป็นก่อนจะวิ่งไปที่ตำหนักใหญ่ของฮ่องเต้ หลงเค่อตั๋วขมวดคิ้วเมื่อเห็นต้ากงเหวิน“องค์ชายใหญ่ฝ่าบาทบรรทมไปแล้ว หากท่านคิดจะมาร้องขอให้ฝ่าบาทตามใจท่านเรื่องใดอีกก็ควรจะมาในเวลาอื่น”ต้ากงเหวินทำเสียงจิ๊จ๊ะ บรรทมบ้าอะไร ฝ่าบาทอยู่กับชิงหยุนเนียเจ้าองครักษ์โง่นี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่ากำลังมีคนหนีเที่ยว“ฝ่าบาทยังไม่ได้บอกท่านอีกหรือว่าให้ข้ามาที่นี่”เดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่ตอนนี้โกหกเจ้านี่ให้รอดก่อน หลงเค่อตั๋วยิ้มมุมปาก“จะมาอยู่ที่นี่ทำไมกัน ท่านมีประโยชน์ใดกันกับต้าชิงของเรา ตัวท่านเอาแต่เที่ยวเล่นสนุกสนานไปวันๆ ท่านควรจะกลับตงโกได้แล้ว อยู่ไปก็รังแต่จะสร้างความหนักใจให้ฝ่าบาท สร้างความร้าวฉานให้พวกพี่น้องเขาไม่มีท่านก็มีข้าที่คอยอารักขาฝ่าบาท สามกองธงขาวอะไรของท่านไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น”ต้ากงเหวินยิ้มมุมปาก“อ้าวหรอข้าพึ่งรู้ว่าสามกองธงขาวไม่มีความสำคัญ เช่นนั้นยามที่ฝ่าบาทเชิญข้าเข้าร่วมกับฝ่าบาทและทัพของต้าชิงข้าก็จะได้อ้างคำพูดของท่าน ทั้งๆ ที่ข้าคิดว่าสามอย่างไรก็มากกว่าหนึ่งกองธงขลิบเหลืองของท่านล่ะว่ะ”หลงเค่อตั๋วกัดฟ
ตำหนักเคียงฟ้าต้ากงเหวินเดินไปเดินมาภายในห้องด้วยท่าทีครุ่นคิด ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ขาดหายไปเท่าที่เขาจำได้องค์ชายสามอิ๋นจื่อใช้ชีวิตอย่างสงบเขียนตำราภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง องค์ชายแปดกลับมาในตำแหน่งเหลียนชินหวังเช่นเดิม องค์ชายสิบขอประทานอนุญาตใช้ชีวิตนอกเขตวังหลวง องค์ชายสิบสามกลับมาในตำแหน่งเหอซั่วอี๋ชินหวัง องค์ชายสิบสี่ผู้นั้นต่างหากที่น่าห่วงถูกคุมขังกักบริเวณไม่ให้ไปไหน บางทีนี่อาจไม่ใช่จุดจบแต่เป็นจุดเริ่มต้น ไม่มีใครตายอีกแล้วต่อจากนี้ เช่นนั้นเขาควรหาทางกลับไปเสียเพราะไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว จะต้องมีอะไรผิดไปแน่ๆ เขาจึงย้อนเวลากลับไปไม่ได้ข้าควรไปพบพี่สามคนนั้นดีกว่า นางจะต้องรู้อะไรแน่ๆ หรือบางที นางอาจพาเขากลับไปยังที่ที่จากมาสาวเท้าไปยังตำหนักฉาฮวาของชิงหยุนเนียจักรพรรดิหย่งเจิ้งก้าวขาเข้าไปในตำหนักฉาฮวาเพียงลำพังไร้องครักษ์และขันทีติดตามราวกลับเขาเร้นกายมาเพียงลำพัง บรรยากาศข้างนอกหนาวเหน็บ แสงสุรีย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ชิงหยุนเนียเดินเข้ามาปลดเสื้อคลุมที่มีเกล็ดหิมะเกาะไปทั่วหลังไหล่ออกช้าๆ ดึงเอาเสื้อคลุมขนสัตว์ที่ราวแขวนอาภรณ์มาคลุมให้หย่งเจิ้ง เติมฟื
จักรพรรดิหย่งเจิ้งก้าวข้าลงมาจากบัลลังก์ช้าๆ มาหยุดยืนตรงหน้าองค์ชายสามอิ๋นจื่อ องค์ชายสิบสี่อิ๋นถีและองค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อสาวเท้ามายืนข้างๆ องค์ชายสามอิ๋นจื่อ“ไม่เป็นไร ใครอยากจะตรวจสอบข้าก็ได้ตามสบาย ข้าเข้าใจว่าหากข้าเป็นพี่สามก็คงรู้สึกไม่พอใจเช่นกันในเมื่อแทนที่จะเป็นองค์ชายอันดับสามกลับเป็นอันดับสี่เช่นข้า” ยิ้มบางๆใต้เท้าฉู่ก้าวขาออกมาประสานมือด้านหน้า“ข้าน้อยเห็นควรว่า ควรจะแต่งตั้งให้ขุนนางที่มีความน่าเชื่อถือร่วมกันตรวจสอบพินัยกรรมพระปรมาภิไธยและตราประทับและอักษรคำว่าอันดับสี่ว่ามีใครปลอมแปลงขึ้นมาหรือไม่”จักรพรรดิหย่งเจิ้งหันไปทางหลงเค่อตั๋ว“หลงเค่อตั๋วรับบัญชาไปคัดคนมาตรวจสอบพินัยกรรม”องค์ชายสามอิ๋นจื่อยิ้มเย็น“น้องสี่จะไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรือ หลงเค่อตั๋วเป็นคนของน้องสี่”“แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร มีใครอยากจะเสนอตัวบ้าง”ขุนนางหลายฝ่ายต่างซุบซิบ ใครบ้างจะกล้าเสนอตัว หากใครกล้าเสนอตัวนั่นเท่ากับตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับจักรพรรดิหย่งเจิ้ง องค์ชายสามอิ๋นจื่อพูดขึ้นดังๆ“ครั้งนี้ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำเพื่อเสด็จพ่อ พวกท่านเหล่าขุนนางที่เคยภักดีต่อเสด็จพ่อหากพินัยกรรมเป็นของจร
“ไม่นะเพียงแค่อย่างที่บอกไว้ ก่อนคิดจะทำอะไรให้รักษาชีวิตไว้จึงดี”ต้ากงเหวินถอนหายใจพร้อมกับยิ้มกว้าง“ก็ได้ ข้าสัญญาว่าจะไม่เอาชีวิตข้าเข้าไปเสี่ยงหากไม่จำเป็นท้องพระโรงจักรพรรดิหย่งเจิ้งนั่งบนบัลลังก์สูงสุดสวมเสื้อคลุมมังกรสีทองอร่ามเข้ากันกับบัลลังก์ลวดลายมังกรที่นั่งฉีกงกงยืนอยู่ข้างๆ หลงเค่อตั๋วยืนไม่ห่างมือกำกระบี่ในท่าเตรียมพร้อม เหล่าเชื้อพระวงศ์ยืนด้านข้างบัลลังก์ด้วยท่าทีสงบหนึ่งในนั้นคือองค์ชายสิบสี่อิ๋นถีและองค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อแต่ไร้ซึ่งวี่แววขององค์ชายสามอิ๋นจื่อและองค์ชายแปดอิ๋นสือ ในโถงกว้างเหล่าขุนนางต่างยืนเป็นระเบียบเรียบร้อย“บัดนี้ทุกคนต่างมาพร้อมหน้า ฉีกงกงเป็นหน้าที่ของท่านแล้ว”“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ข้าน้อยฉีกงกงขอประทานอนุญาตอัญเชิญพระพินัยกรรม”ฉีกงกงก้าวลงมาด้านล่างบัลลังก์ส่งพานที่ด้านบนมีพินัยกรรมของคังซีวางไว้“หลงเค่อตั๋วรับบัญชาข้า รับหน้าที่ถ่ายทอดพระบัญชาของไท่ซางหวง”องครักษ์นับร้อยต่างกรูกันเข้ามาอารักขารอบๆ ท้องพระโรง หลงเค่อตั๋วขยับลงมาด้านล่างบัลลังก์ราวกับเตรียมพร้อมไว้แล้ว ก้มศีรษะรับเอาม้วนกระดาษที่เชื่อว่าเป็นพินัยกรรมของคังซี เหล่าขุนนางต่างส่งเ
ต้ากงเหวินยืนอยู่หน้าไทม์แมชชีนขึ้นไปยืนข้างบนแผ่นไม้ที่มีรอยซ่อมขององค์ชายสามอิ๋นจื่อนั่นแหละเวาลาเรียนเขาให้จำไม่จำ ว่าแต่มันอะไรวะละติจูดลองติจูดที่เท่าไหร่ เคยสงสัยว่าเขาให้เรียนไปทำไม ที่แท้ก็ให้มาหมุนไทม์แมชชีนนี่เอง ราวกับรู้ล่วงหน้าเลยว่ากูจะได้มาหมุนไทม์แมชชีน วันนี้แหละจำได้คลับคล้ายคลับคลาเป็นโคราชบ้านเอ็งหมุนแผ่นไม้ให้ตรงที่ตำแหน่งตัวเลขสองฝั่งXคือละติจูด 15 องศาเหนือ Yคือลองติจูด 102 องศาตะวันออก ต้ากงเหวินขึ้นไปยืนบนแผ่นไม้ตรงกลางพอดิบพอดี ก้มลงมองไทม์แมชชีนย่อส่วนหมุนตัวเลขให้ตรงกัน ต้ากงเหวินหลับตาแทบจะกลั้นลมหายใจเขาจะไปแล้ว เขากำลังจะไปแล้วจริงใช่ไหม ทำไมรู้สึกใจหายอย่างนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ เขากลับคิดว่าไม่ได้ผูกพันอะไรก็แค่เหมือนมาเที่ยว แต่มาถึงตอนนี้คริสกลับรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ทั้งๆ ที่โลกปัจจุบันเขามีพ่อแม่เพื่อนฝูงแต่กลับรู้สึกว่าเหมือนเขากำลังจะจากบ้านไปแต่ดูสิ จะไปทั้งทีกลับทะเลาะกับองค์ชายสามที่งี่เง่าคนนั้น ก็ใช่น่ะซิ ตัวเองมีเมียแล้วนี่คงอยากให้เขาไปพ้นๆ เสียที หากย้อนเวลาได้อีกครั้งต้ากงเหวินก็คงจะทำเหมือนเดิม ทอดถอนใจลาก่อนต้าชิงเ
“ไม่ไม่ไม่ไม่ ต่อไปนี้เขาจะไม่ฆ่าใครอีกแล้ว ท่านวางใจเถอะ”“เจ้ารู้ได้ยังไง ดูเจ้าจะไว้ใจพี่สี่นะ” อิ๋นถีขมวดคิ้ว“ก็…ก็…ก็เขารับปากข้าแล้วนี่ว่าจะไม่ฆ่าใครอีก เขาไม่ลืมสัญญาแน่”“เจ้าเชื่อในสิ่งที่พี่สี่พูดด้วยหรือ”ต้ากงเหวินส่ายหน้าไปมา ก็ตามประวัติศาสตร์เขาฆ่าไปกี่คนแล้วล่ะก็อ่านไม่จบอ่านถึงแค่นั้นแล้วจะรู้ได้ไงว่าเขาฆ่าไปกี่คนจริงๆ แล้ว แล้วสิ่งที่ชิงหยุนเนียต้องการจะบอกคืออะไรกันแน่ ผู้หญิงคนนี้มาจากไหนก่อนคำพูดของเจ้าหล่อนทำเอาเขาคิดว่าต้องรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเขาควรไปเสียเหมือนที่ชิงหยุนเนียต้องการดีไหม ก็นั่นแหละนะเป้าหมายของเขาคือการกลับไป เขาไม่ได้อยากมาที่นี่เสียหน่อย ช่างหัวที่นี่มันเถอะ ประวัติศาสตร์ถูกเขียนไว้แล้วจะลบได้อย่างไรไว้พรุ่งนี้เถอะเขาจะกลับบ้านทันทีจวนองค์ชายสามอิ๋นจื่อ“ไปไหนมาไหนได้สะดวก อิ๋นเจิ้งไม่ได้กักตัวเจ้าไว้หรือ” อิ๋นจื่อไม่ได้แสดงท่าทีว่าดีใจหรือเสียใจที่เห็นอิ๋นถี“ยังมีข้ากับต้ากงเหวินที่ไม่ถูกกักตัว” อิ๋นถีถอนหายใจยาว“ต้ากงเหวินอยู่นอกกฎเกณฑ์นี้อยู่แล้ว อิ๋นเจิ้งไม่ได้เห็นเขาเป็นศัตรู” อิ๋นจื่อน้ำเสียงแกว่งๆ ในตอนท้าย“เพราะแบบนี้ไงข้าถึงไ
“เช่นไรจึงเรียกว่าประหลาดใจ กลับมาอีกครั้งฮ่องเต้กลายเป็นท่าน บางทีข้าก็สงสัยว่าข้าพลาดอะไรไปหรือเปล่า”คำพูดเป็นเลศนัยทำเอาจักรพรรดิหย่งเจิ้งขมวดคิ้ว“บัลลังก์ไม่อาจขาดฮ่องเต้ได้แม้แต่เพียงวันเดียว อีกทั้งยังมีคำสั่งเสียของเสด็จพ่อเป็นลายลักษณ์อักษรว่าบัลลังก์นี้มอบให้ข้า”“เห้อ ข้าต้องพลาดอะไรแน่เลย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เสด็จพ่อตั้งใจจะมอบบัลลังก์ให้พี่สี่”“สิ่งที่คาดเดายากที่สุดคือพระทัยของฮ่องเต้ แล้วทำไมเสด็จพ่อต้องป่าวประกาศบอกเจ้าด้วยว่าให้ข้านั่งบัลลังก์ต่อจากเสด็จพ่อ”“ฝ่าบาทท่านพูดแบบนี้ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ เสด็จพ่อโปรดปรานพี่สามใครๆ ก็รู้ดี ส่วนพี่แปดช่วยงานในราชสำนักได้ไม่น้อยหากให้เขาเป็นฮ่องเต้ย่อมไม่มีข้อบกพร่อง องค์ชายของเสด็จพ่อมีตั้งมากมายใครกันจะคิดว่าเป็นพี่สี่”จักรพรรดิหย่งเจิ้งกัดฟันจนเป็นสันนูน“เจ้าสิบสี่ เจ้าคงอยากจะเห็นคำสั่งเสียของเสด็จพ่อที่เป็นลายลักษณ์อักษร”“แน่นอน ข้าไม่ใช่คนที่เชื่อคนง่าย หากฝ่าบาทจะกรุณาพรุ่งนี้ที่ท้องพระโรงทุกคนจะได้เห็นพร้อมกัน”“ข้าจะได้ไม่ต้องอธิบายให้ใครฟังอีก”อิ๋นถีประสานมือตรงหน้ายิ้มมุมปาก“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ต้ากงเหวินน
ต้ากงเหวินตกใจกับท่าทีของชิงหยุนเนียไม่น้อย“องค์ชายใหญ่ ข้าน้อยบังอาจขอ ฝ่าบาทเจ็บปวดแต่เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ก็ควรจะเดินหน้าต่อไปไม่มองย้อนกลับ ท่านจะรื้อฟื้นเรื่องนี้ทำไมกัน การนั่งบัลลังก์ของฝ่าบาทมิใช่ถูกกำหนดมาแล้วหรือ”ต้ากงเหวินนิ่งงัน เรื่องนี้เป็นเขาที่เปลี่ยนแปลงได้หรือในเมื่อประวัติศาสตร์เขียนไว้ชัดเจนอิ๋นเจิ้งก้าวขาออกมายืนเอามือไพล่หลังอยู่หลังประตู“ข้าแค่อยากจะขอร้องฝ่าบาทว่าสิ่งที่ทำลงไปมีแต่จะสร้างความเกลียดชัง ต่อไปภายภาคหน้าหน้าถึงจะโกรธพวกเขาเพียงใดก็ให้เมตตาพวกเขา ถือว่าข้าขอร้อง”อิ๋นเจิ้งนัยน์ตาไหววูบชะงักงัน คำพูดของต้ากงเหวินถอดแบบมาจากคำพูดของคังซีราวกับเป็นคนคนเดียวกัน คำพูดเดียวกันนี้ของคังซีทำให้อิ๋นเจิ้งแค่เพียงให้องค์ชายเก้าอิ๋นถังเลือกวิธีตาย สำหรับเขานั้นถือว่าเมตตามากพอแล้ว แต่มาบัดนี้คำพูดของต้ากงเหวินกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญคือความเจ็บปวดในใจที่ต้องแบกรับไว้เพียงลำพัง บาปเคราะห์ทั้งหมดกัดกินหัวใจ จนแทบจะตายทั้งเป็น“บังอาจ! องค์ชายใหญ่ช่างปากกล้าสั่งสอนฝ่าบาท ท่านเป็นใคร ฝ่าบาทให้อยู่จึงอยู่ได้ ข้าในฐานะหัวหน้าองครักษ์เพื่อรักษาพระเกียรติของฝ่า