ณ โรงพยาบาลประจำอำเภอ
ร่างบอบบางผิวขาวผ่องเดินแกมวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล..ใบหน้าจิ้มลิ้มซีดเซียว..โดยเฉพาะดวงตากลมโตยิ่งบวมแดง..ผมสีน้ำตาลถูกถักเปียเดี่ยว ในชุดเสื้อยืดหลวมโคร่ง..กางเกงยีนพอดีตัว อันธิยาจึงดูเหมือน..หญิงสาวอายุ25 มากกว่าที่จะอายุย่าง30ตามอายุจริง
"แก้ว..น้องอายอยู่ห้องไหน"เสียงคนตัวเล็กสั่นกั้นสะอื้น..นางพยาบาลสาวสวยในชุดขาวที่ชื่อ..'แก้ว' เป็นลูกค้าประจำร้านเธอ
"น้องอายอยู่ห้อง 201 ตึกผู้ป่วยเด็ก..พี่อัญ..มะ.."ก่อนที่คนอายุน้อยจะพูดจบ..ร่างของพี่แม่ค้าสุดแสนน่ารักก็วิ่งอ้าวไปแล้ว
เนื่องจากโรงพยาบาลสังกัด..อำเภอ เธอจึงหาห้องไม่ยาก..เปิดประตูเข้าไป เจอลูกสาวสุดน่ารักนั่งพิงหมอน..ในมือมีหนังสือเตรียมสอบเข้าโรงเรียนมัธยมอยู่ด้วย..คนเป็นแม่หายใจโล่งอก
พอเด็กน้อยเห็นเธอก็ส่งรอยยิ้มละไมมาให้ อันธิยารีบเดินเข้าไปจับเนื้อตัว..ราวกับว่าจะมีสิ่งใดแตกหักคามือ..ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอ..ก่อนจะอาละวาดเสียงดัง..ใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยความโกรธ..ทำเธอได้..แต่ทำลูกเธอ..มึงตาย!!
"ใคร! ใครหน้าไหนมันชนลูกหนู!..แม่จะด่าให้ไม่ได้ผุดได้เกิด"คำสบถที่แทบไม่เคยใช้ตามมาเป็นพรวน
เด็กสาวในวัย12ปีหลุบตาลง..พร้อมกับส่งตาคาดโทษไปให้คุณยาย..หญิงวัย50กว่าหน้าเริ่มจ๋อย..เธอรู้ถ้าถึงบ้านเมื่อไร..หลานสาวคนสวยต้องดุเธอแน่
"ม๊ะม๊าคะ ใจเย็นก่อนค่ะ..อายไม่เป็นไร..เห็นมั้ยขามีรอยถลอกนิดเดียวเอง..ส่วนเท้าข้างซ้ายแพลงนิดหน่อยค่ะ..พี่หมอวินทำแผลให้แล้ว"เสียงท้ายแผ่วเบา..ใบหน้าสวยแดงขึ้นเล็กน้อย..เมื่อคิดถึงพี่หมออินเทินสุดหล่อ..ซึ่งย้ายมาทำงานที่อำเภอของเธอชั่วคราว
แล้วมันก็ได้ผล..พอเธอเปลี่ยนประเด็น..คุณแม่บังเกิดเกล้าที่รักลูกราวจงอางหวงไข่..รีบวิ่งเข้ามาดู..พอเห็นรอยแผลถลอกที่ลากยาวบนผิวขาวอมชมพู..น้ำตาที่หยุดไปแล้ว..เริ่มจะไหล
"เจ็บ..มาก...ฮือ..มากมั้ยคะ..ฮึก..แม่ขอโทษนะที่ดูแลหนูได้ไม่ดี"เสียงคนเป็นแม่พยายามกั้นสะอื้น..ดารินกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย พร้อมส่งสายตาวิบวับเว้าวอนคู่สวยไปให้
"ม๊ะม๊าจ๋า"
"ข๋า..ลูก"
"พอดีน้องอายอยากกินไอติมโคนสตอร์เบอรี่..ม๊ะม๊าลงไปซื้อให้หนูได้มั้ยจ๊ะ"เสียงหวานออดอ้อน..มีหรือคนเป็นแม่จะไม่ทำตาม
"จ๋า..ได้ลูก..เดี๋ยวม๊ะม๊าไปซื้อให้นะ..เอ่อ..ลูกสาวคะ"
"คะ?"
"ม๊ะม๊าว่าหนังสือสอบยังไม่ต้องอ่านก็ได้นะลูก..พักบ้าง..เอาไอแพดมั้ยคะ..เดี๋ยวแม่ไปเอาที่บ้านให้..แม่เห็นเด็กเดี๋ยวนี้นิยมเล่นเกม..เพื่อ.."น้ำเสียงคนเป็นแม่แผ่วเบา..แต่พอสบตาเจือดุของคนเป็นลูก..อันธิยาทำเพียงถอนหายใจเซ็งๆ..ลูกเบื่อที่จะคุยเรื่องนี้เต็มแก่แล้ว
พอเธอออกจากห้องไม่ทันพ้นประตู..ยัยลูกสาวตัวเล็กก็เริ่มจับท่าบ่นผู้เป็นยายทันที..ใบหน้าผู้สูงวัยจ๋อย
"อายบอกยายยายแล้วไง..อย่าบอกม๊ะม๊า..แค่แผลรถเฉี่ยวเล็กน้อยเอง..กลับไปนอนคืนเดียวก็หาย..แบบนี้ม๊ะม๊าต้องไม่ให้อายขับจักรยานไปส่งข้าวอีกแน่เลย"เสียงหวานบ่นเสียงเย็นตามสไตล์
ใช่..บ้านของเราลูกสาว..คือ 'ลาสบอส' ใหญ่สุดในบ้าน ส่วนนึงเพราะบุคลิกที่เป็นผู้ใหญ่เกินกว่าวัย..มีเหตุผลกับทุกๆเรื่อง ถ้าลองใช้เหตุผลเถียงกัน ยาย..กับแม่ก็สู้เธอไม่ได้..ที่สำคัญมีความรับผิดชอบตัวเองสูงเทียมฟ้า
'ช่างไม่เหมือนใครในบ้านเสียจริง'
ยายยายชอบบ่นแบบนี้ประจำ
ร้านของชำของโรงพยาบาล..อยู่ตึกA ในขณะที่ห้องของลูกสาวสุดที่รักอยู่ตึก B ซึ่งเป็นตึกผู้ป่วยเด็ก โชคดีช่วงวันที่เกิดอุบัติเหตุ..เป็นวันธรรมดา..คนป่วยเลยไม่ได้เยอะนัก
อันธิยาซื้อของกินง่ายๆ พวกขนมที่เด็กๆชอบกิน..ถึงแม้จะรู้ว่าลูกสาวไม่ชอบกินขนมถุง..ไม่ชอบกินน้ำอัดลม..ของหวานที่มากสุด มีแค่ขนมครก กับไอติม..ที่นานๆทีจะขอกินที
'ม๊ะม๊าคะ คุณครูบอกว่าของพวกนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ..คราวหลังม๊ะม๊าไม่ต้องซื้อมาละนะคะ'
เด็กหญิงดารินวัย5ขวบ พูดพร้อมกับชี้ไปที่กองขนมที่ม๊ะม๊าขนซื้อมา..ดวงตาดำขลับแสนสวยเต็มไปด้วยความตั้งใจแน่วแน่
อันธิยากลืนน้ำลายดังเฮือก..ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มลังเล..ถ้าเธอซื้อไปลูกสาวตัวเล็กจะ 'โกรธ' แล้วบังคับให้เอาไปคืนมั้ยนะ?
นึกภาพเด็กหญิงตัวน้อยอายุ 7ขวบ..พลางขนขนมที่ม๊ะม๊าซื้อมาให้ไปคืนคุณลุงหน้าปากซอย..เพราะเธอดื้อจะซื้อเอาไปสปอยลูก
'คุณลุงคะ..ถ้าม๊ะม๊ามาซื้อขนมคุณลุงไม่ต้องขายนะคะ..ถ้าดื้อคุณลุงดุม๊ะม๊าได้เลยค่ะ..หนูไม่ชอบกินขนม'น้ำเสียงหวานใส แต่ดวงตาคมสวยใต้ตามีขี้แมลงวันเจือแววดุ
'แล้วถ้าลุงยังขายอยู่..หนูจะบอกเพื่อนๆ ..ไม่ให้มาซื้อร้านลุง..เพราะถือว่าลุงหลอกขายของ'
'...'
ครั้งนั้นคนเป็นแม่อับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก..ขอโทษขอโพยลุงชัยยกใหญ่..แต่คุณลุงที่เห็นยัยหนูมาตั้งแต่เล็กกับไม่นึกโกรธ..ทั้งยังหัวเราะเสียงดัง
ได้แต่ย้ำบอกอดีตคุณแม่วัยใส..ว่าเธอนั้น..โชคดีแค่ไหน ที่ลูกสาวช่างแสนดี
"อ้าว..ยัยหนูสรุปเอาอะไรบ้างละ"คุณป้าร้านขายของชำถามขึ้น..เมื่อเห็นหญิงสาวตัวเล็กขนของขึ้นชั้น..อีกแป๊บก็เอามาวางบนเคาร์เตอร์ ทำแบบนี้หลายรอบจนแม่ค้าตาลาย
"เอ่อ..หนูเอาแค่ไอติมก็พอละค่ะป้า"เธอพูดพร้อมกับหยิบแบงก์สีเขียวออกมาอย่างขอลุแก่โทษ..รอยยิ้มเจื่อนๆ..ใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับเด็กน้อย..ทำคุณป้าโกรธไม่ลง
หญิงสาวรับถุงใส่ไอติมปุ๊ป รีบผลักประตูกระจกออกมาทันที..เธอแกว่งถุงไปมาอย่างที่อารมณ์เริ่มกลับมาดี..เดิมทีอันธิยาก็เป็นหญิงสาวที่คิดบวก..ทั้งตัวเต็มไปด้วยพลัง..และความสดใสอยู่แล้ว
หัวสมองน้อยๆ เริ่มคิด..หลังจากเอาไอติมไปให้ลูก เธอมีอะไรหลายอย่างต้องทำมากเหลือเกิน..แล้วยังต้องติดต่อโรงพยาบาลว่าคืนนี้ต้องนอนมั้ย..และใครจะเฝ้า..ไหนต้องโทรคุยกับคู่กรณีอีก..ว่าจะชดใช้ยังไง?
แต่ไอ้แพลนที่ตั้งใจว่าต้องทำ..กับชะงักงันไป..เมื่อเห็นใครบางคนอยู่ในชุดคนป่วยสีฟ้า..รูปร่างสูงใหญ่..ใบหน้าด้านข้างหล่อเหลาราวกับรูปปั้นแกะสลักราคาแพง..ผิวเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย..ผมยาวดำสลวยปกหน้าผาก ดวงตาคมหวานหรี่มองข้างหน้า
เธอขยี้ตา..เริ่มดุตัวเองว่า 'เพ้อเจ้อ' หรือเป็นเพราะคิดถึงเขามากไป..และเมื่อคืนฝันถึงพี่เขาด้วย..วันนี้เลยอวตารร่างคนอื่นมาเป็น 'สามี'
อันธิยาหันหลังจากภาพตรงหน้าทันที..เตรียมจะเดินหนีจากร่างในจินตนการ ริมฝีปากสีแดงรูปกระจับเม้มแน่น.. ความลังเลแฝงในดวงตาสีน้ำตาลกลมโต
ร่างผอมบางตัดสินใจหันหลังกลับ..ทั้งยังวิ่งมายืนตรงหน้าสูงใหญ่..ภาพตรงหน้าทำให้เธอช็อก
ใบหน้าหล่อเหลาราวนายแบบ..โดยเฉพาะดวงตาคู่สวยที่ทั้งคมทั้งหวาน จมูกโด่งเป็นสันได้รูป รับกับปากแสนเซ็กซี่
ให้โดนเผาเป็นเถ้าถ่าน..เธอก็ยังจำเขาได้
รามิล...สามีของเธอที่หายไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
เขา...กลับมาแล้ว..ดวงตาคมว่างเปล่ามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างแปลกใจ..ยิ่งเห็นดวงตาสีน้ำตาลกลอกกลิ้งไปมาเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย..จนเขาจับสัญญาณบางอย่างได้
'เธอรู้จักเขา'
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดอะไร..เสียงเนื้อกระทบเนื้อก็ดังลั่น..หน้าเขาหันทันที..ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว..แต่สองครั้ง!!
เขาโดนผู้หญิงที่ไม่รู้จักตบหน้า!
"ผู้ชายสารเลว!!"น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแค้น..ดวงตาคู่โตวาวโรจน์คลอไปด้วยน้ำตาลเต็มไปด้วยความโกรธ..คนป่วยหนุ่มชะงักไป
ณ ศาลาทรงจีน หลังตึกเป่ยวันนั้นเป็นเสาร์เช้าเด็กหญิงดารินนั่งมองดูบ่อบัวที่กำลังบานสะพรั่ง มีผีเสื้อตัวน้อยบินวนรอบ...ในมือมีจดหมายที่คนเป็นทวดเขียนให้..ตั้งแต่วันที่ได้รับมันมา..เธอเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าจะเปิดมันขึ้นมาอ่าน..ส่วนหนึ่งเธอไม่อยากจะยอมรับว่า หนึ่งในบุคคลที่เธอเคารพรักมากที่สุดในชีวิต..ท่านได้เสียไปแล้วมือน้อยขาวผ่องสั่นเล็กน้อย..เธอสูดหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะตัดสินใจแกะซองจดหมายออกมาอ่าน‘ถึง จินเยว่..จินจินน้อยของเหล่ากงวันที่จินจินน้อยได้รับจดหมายฉบับนี้ เหล่ากงคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว..เหล่ากงรู้ว่าจินจินเองก็คงจะเสียใจไม่น้อย แต่เหล่ากงอยากจะบอกจินจินว่าการลาจากอาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่ทุกคนล้วนหนีมันไม่พ้น เหมือนที่จินจินเองสูญเสียพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยแต่เหล่ากงก็ยังเชื่ออย่างหนึ่งว่า..เหลนของเหล่ากงเป็นเด็กที่เข้มแข็ง จินจินจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนถ้าจะมีเรื่องไหนที่เหล่ากงเสียดายมากที่สุด ก็คงเป็นเพราะเราได้ใช้เวลาด้วยกันน้อยเกินไป มันมีหลายสิ่งที่เหล่ากงอยากเล่าให้หนูฟัง อยากดูการเติบโตของหนู อยากอยู่ถึงวันที่หนูมีคู่ชีวิต มีลูก แต่ไม้ใกล้ฝ
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน..กลางทะเลระหว่างหมู่เกาะกับผืนแผ่นดินใหญ่ร่างผอมสูงค่อยๆ จมลงไปในน้ำทะเล มันทั้งมืดลึก และหนาวเหน็บ เสียงพายุพัดรุนแรงค่อยๆ เลือนหายไปจากโสตประสาท จิตใต้สำนึกพยายามบอกตัวเองให้ว่ายขึ้นไปเหนือน้ำให้ได้ ‘เมียกับลูกน้อย’ยังรอเขาอยู่..แต่..ถึงแม้จะว่ายน้ำเก่งตามประสาลูกทะเลมากแค่ไหนก็ตาม.. ณ เวลานี้...ตอนนี้ เรี่ยวแรงกับค่อยๆ หายไป..และพรากลมหายใจของการดิ้นรนครั้งสุดท้ายไปพร้อมกันด้วยรามิลมารู้สึกตัวอีกที ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้ว...ท้องฟ้าดำมืดเมื่อคืนเปลี่ยนเป็นสว่างจ้าฉายแสงสดใส ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก...โชคดีเขารอดมาได้‘ให้มาตายตอนอายุแค่ยี่สิบสองมันจะใจร้ายไปหน่อยมั้ย!!’ไอ้ต้าวอดีตเดือนเกษตรคิดอย่างอารมณ์ดี แต่พอคิดได้ว่า..เมื่อวานวันเกิดยัยตัวเล็ก..เขากลับบ้านไม่ทัน..แม่เสือตัวจ้อยคงโกรธเขาเป็นแน่ แถมลูกสาวตัวน้อยถ้าไม่ใช่เขากล่อมนอน..ไม่รู้ว่ายัยหนูน้อยจะยอมนอนมั้ยนะคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน พร้อมสะบัดทรายที่อยู่ตามขากางเกงออกดวงตาคมคู่สวยหันซ้ายแลขวา..สำรวจรอบๆ ไม่รู้ว่าน้ำทะเลพัดเขามาถึงไหน..หมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเองก็ไม่คุ้นเคยเอาเ
ปิดเทอมฤดูร้อนวนมาอีกครั้ง รอบนี้ครอบครัวเล็กๆ ของอันธิยานัดกันไปเที่ยวทะเลทางใต้ โดยภากรเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดหาที่พัก เรือยอชต์สุดหรู นอกจากนี้ยังมีสมาชิกคนใหม่อยู่ในพุงยัยแบนสะท้านโลก..ตอนชายหนุ่มเห็นผลตรวจครั้งแรก...ความรู้สึกอิ่มเอมฟองฟูขึ้นเต็มหัวใจ..ดวงตาคมมองหน้าท้องแบนราบของไอ้ต้าวตัวเล็ก..เขานึกประหลาดใจเหลือเกินว่าข้างในพุงเล็กๆ นั้นจะมีเด็กน้อยอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันเด็กหญิงดารินยิ้มแก้มบานแทบทั้งวัน เธอลากป๊ะป๋ากับม๊ะม๊า ไปหาซื้อเสื้อผ้า..ข้าวของเครื่องใช้..ของเล่นให้น้องน้อยตั้งแต่ยังไม่รู้เพศ ทั้งยังลงมือจัดห้องนอนเล็กให้น้องเอง เพราะห้องเดิมที่คนเป็นแม่ตั้งใจแต่งให้ลูกคนที่สอง กลับยกให้เด็กชายคีรีตัวแสบไปนานแล้ว เด็กหญิงเลือกโทนสีเขียว ซึ่งเป็นสีกลาง ทั้งยังขอห้องด้านล่างที่แต่เดิมเป็นห้องว่างไว้ทำ kid room เพิ่มอีกต่างหากแต่พอทำไปทำมา ก็พึ่งนึกได้...ถ้ามีน้องตอนนี้ เธอกับเด็กน้อยอายุจะห่างเกินหนึ่งรอบ...น้องสุดที่รักของเธอจะเหงา เหมือนที่เธอเคยเหงาในสมัยวัยเยาว์มั้ยนะ? เมื่อสมองของคนเป็นพี่สาวคนโตคิดได้..ใบหน้าสวยหวานแฝงแววเจ้าเล่ห์..วิธีที่เธอนึกออกคงต้องกดดันให้ป๊ะ
พอผ่านเรื่องราวทั้งหมดผ่านพ้นไป ชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ก็กลับกลายมามีความสุขเหมือนดั่งเก่า เพิ่มเติมคงจะเป็นการหวงแหนช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมากยิ่งขึ้น..สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องคราวนี้ คือภากรไม่ต้องทำงานหนัก..เขามีความสุขกับการมีเวลาให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น..ส่วนใหญ่ชายหนุ่มเลือกจะทำงานที่บ้าน เด็กชายคีรียังคงตามติดเด็กหญิงดารินไม่เปลี่ยน ส่วนเด็กหญิงดารินกลับชอบหนีไปเล่นกับแก๊งพี่ไค พี่ปาลมากกว่า ไม่ว่าจะพูด หรือแกล้งทำตัวใจร้ายไอ้ต้าวเพื่อนชายก็ยังคงติดหนึบราวกับว่ากลัวเธอจะหายไป เล่นเอาจินจินน้อยของเหล่ากงแทบกุมขมับทุกวันในขณะที่คนเป็นแม่กำลังวางแผนกับลูกชายกำมะลอสุดที่รัก ว่าจะไปเรียกร้องพ่อแม่ฝ่ายชายให้มารับผิดชอบ 'หมั้นหมาย' กันไว้ก่อนดีมั้ย? ผู้ชายดีๆ ถ้าไม่รีบจับจองตั้งแต่ต้นๆ เด็กผู้หญิงคนอื่นก็จ้องจะคาบไปกินนะซิ ซึ่งเด็กชายคีรีย่อมเห็นด้วย แววตาสองชั้นดีใจจนปิดไม่มิด แต่คนหนึ่งผู้ใหญ่ คนหนึ่งเด็ก...ยังคิดแผนไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรดี ในส่วนของฝั่งครอบครัวคีรีนั้นไม่ติดปัญหาอะไร เพราะคุณหมอกินรี มักจะตามใจลูกๆ อยู่แล้ว ขณะพี่ไคเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นทุกเดือน แม่ของเขายังไม่ว่าอ
ทนายประจำบ้านยังคงอ่านพินัยกรรมไปเรื่อยๆ สรุปได้ว่า บ้านรองเองก็ได้บริษัทประกันภัย...ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าใหญ่อันดับสองของตระกูล และถ้าเป็นธุรกิจที่บริหารให้ดีสามารถต่อยอดได้หลายอย่าง ลูกชายคนที่สองมองหน้าคนในครอบครัวด้วยความตกใจไม่แพ้กันส่วนลูกสาวคนสุดท้องได้เงินสดมูลค่าหลายพันล้าน...ชวนให้บรรดาญาติห่างๆ อิจฉาไม่น้อยคฤหาสน์หลังใหญ่มอบให้กับอดิศัยลูกชายคนโต โดยมีหน้าที่ต้องดูแลมารดาจนสิ้นอายุขัย...ส่วนอื่นๆ ในคฤหาสน์ย่อยนั้นถูกเซ็นมอบที่ดินเป็นของลูกๆ หลานๆ นานแล้ว ในขณะที่หลานชายคนโต ที่แต่เดิมคาดว่าจะได้ทรัพย์สมบัติมากที่สุด กับได้เพียงจำนวนหุ้นหลักสิบ ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในธุรกิจต่างๆ กันไป หลายคนส่งรอยยิ้มแสดงความเห็นใจมาให้ แต่ใครจะรู้ว่าภากรดีใจมากแค่...อะไรจะดีเท่ากับการไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ได้ส่วนแบ่งกันเล่า!!!ถ้าจะมีคนรู้ทัน ก็คงมีแต่ลูกสาวคนสวยที่เธอหันมายิ้มมุมปาก พร้อมทั้งยั่กคิ้วให้หนึ่งที แน่ละ...ป๊ะป๋าต้องขอบคุณเธอ เพราะเธอเป็นหนึ่งในคนที่เกลี้ยกล่อมเหล่ากง....ในเครือบริษัทมหาชนนั้น เดิมมีการวางรากฐานที่ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ หรือผู้บริหารโง่เง่า อีโ
คุณวันชายหัวหน้าทนายประจำตระกูลอยู่ในชุดสูทสีเทา บุคลิกเคร่งขรึม..เขาอายุราวๆ ห้าสิบกว่า แต่เดิมเขาคือ เด็กในอุปการะของท่านเจ้าสัวธงชัยนั้นเอง ชายวัยเกษียณขยับแว่นตากลมสีใสเล็กน้อย ก่อนจะเดินมายืนด้านหน้า ในมือมีเอกสารพินัยกรรม..ทุกคนในห้องเงียบพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย"ฮะแฮ่ม...ทุกท่านในตระกูลมากันคบทุกคนแล้วใช่มั้ยครับ?"ทนายพูดพร้อมกวาดตา เช็กจำนวนคน ที่มีสิทธิ์ในพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้จัดทำไว้ พอเห็นว่าผู้มีสิทธิ์คบตามจำนวน จึงพยักหน้าก่อนจะอ่านเอกสารในมือต่อ"เอาละครับ วันนี้ผมจะมาประกาศพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้ทำไว้ อย่างแรกผมอยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่า..นี้คือวัตถุประสงค์ของผู้ตาย และเป็นความตั้งใจแน่วแน่ ผมก็หวังว่าทุกคนจะเคารพในการตัดสินใจของท่านเจ้าสัว""...""ถ้าพร้อมแล้ว...ผมขอเริ่มเลยนะครับ""...""ข้าพเจ้า นายธงชัย กิตติวรชัยกุล ในขณะทำพินัยกรรมข้าพเจ้าขอยืนยันว่ามีสติสัมปชัญญะปกติดี โดยเมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมให้แบ่งทรัพย์สินต่างๆ ของข้าพเจ้าให้บุคคลดังต่อไปนี้ในส่วนของบริษัท..ข้าพเจ้าขอแบ่งแยกบริษัทออกเป็นดังนี้ ธุรกิจในเครือร้านสะดวกซื้อ..หุ้น 60%ที่ข้าพเจ้าถืออย