หลังจากนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง สองพ่อลูกก็พากันเดินกลับขึ้นมาชั้นบน เข้าไปในห้องนอนของนายหัวบุรินทร์ จนตอนนี้เนตรนภาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"คุณแม่ตื่นแล้วเหรอครับ"
เด็กน้อยเห็นคุณแม่กำลังหวีผมอยู่ตรงหน้ากระจก ก็รีบปล่อยมือคุณพ่อก่อนจะวิ่งเข้าไปหาทันที เนตรนภาอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งลงบนตัก ลูบผมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามเสียงหวาน
"แม่ตื่นแล้วครับ ลูกกินข้าวแล้วใช่ไหม อิ่มหรือเปล่า"
"อิ่มมากเลยครับ กับข้าวที่บ้านคุณพ่ออร่อยมากเลย ว่าแต่คุณแม่ไม่กินข้าวเหรอครับ"
"ยังหรอกลูก แม่ยังไม่หิวเลย เมื่อกี้หนูเรียกคุณลุงเขาว่าอะไรนะ"
เธอเอ่ยถามลูกชายด้วยความแปลกใจ เมื่อกี้ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม ลูกชายเรียกนายหัวบุรินทร์ว่าคุณพ่อใช่หรือเปล่า
"ไม่ต้องไปดุลูกเลยนะ กว่าจะบอกให้เรียกได้รู้หรือเปล่าว่าต้องตะล่อมขนาดไหน เราสองคนน่าจะได้เคลียร์กันอีกยาวไม่ต้องกลัวหรอก เฮ้อ!"
นายหัวบุรินทร์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์สำหรับเขามาก อยู่เป็นโสดมาห้าปี ตั้งใจว่าจะอยู่คนเดียวไปจนแก่เฒ่า สรุปได้เมียกับลูกมาเฉย
"เนตรขอโทษนะคะ ขอโทษคุณบุรินทร์จริง ๆ แต่ทุกอย่างเนตรมีเหตุผลนะคะ"
"ค่อยคุยกันเรื่องเหตุผล ตอนนี้มาคุยกันเรื่องลูกก่อน เมื่อกี้พี่โทรหาทนายแล้ว"
"โทรเรียกทนายทำไมคะ!"
หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ ทำไมเขาถึงเรียกทนายมาล่ะ หรือว่าจะฟ้องแย่งลูกไปเลี้ยงดู ถ้าเป็นแบบนี้เธอไม่ยอมหรอกนะ มือเล็กโอบกอดลูกชายเอาไว้แน่น กลัวเหลือเกินว่าคนเป็นพ่อจะแย่งลูกชายคนเดียวไป
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น คิดอะไรอยู่เนตรนภา"
นายหัวบุรินทร์จ้องมองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความสงสัย แล้วกอดลูกแน่นแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันแน่
"ก็คุณบุรินทร์จะแย่งลูกไปจากเนตรใช่ไหมคะ เนตรไม่ยอมจริงด้วย คุณจะมาแย่งลูกไปได้ยังไง"
"แย่งลูกบ้าอะไรล่ะ แค่จะให้ทนายมาจัดการเรื่องจดทะเบียนสมรสให้เรียบร้อย ไหนจะต้องเซ็นรับรองบุตรอีก หนูคิดอะไรอยู่เนี่ย เห็นพี่เป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง"
"จดทะเบียนสมรสเหรอคะ เซ็นรับรองบุตรด้วยเหรอ"
เธอจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มก่อนจะยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ก็นึกว่าจะพรากแม่พรากลูกไปจากกันซะอีก ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ลูกจะได้อยู่ในความคุ้มครองของเขา และจะไม่มีใครมายุ่งกับลูกของเธอได้อีก
"ก็ใช่น่ะสิ พี่ไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าเป็นพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบหรอกนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูต้องไปเจอครอบครัวของพี่ แล้วก็คุยเรื่องโรงเรียนลูกด้วย สี่ขวบกว่าแล้ว ยังไงก็ต้องเรียนหนังสือ"
สองแม่ลูกหันไปมองสบตากันก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ รีบวิ่งเข้าไปหานายหัวบุรินทร์ กอดรัดเขาเอาไว้แน่นเพื่อซึมซับความอบอุ่น และมีความรู้สึกปลอดภัยกับการอยู่ที่นี่มาก
"ขอบคุณมากนะคะที่คุณไม่ทิ้งเนตรกับลูก"
"ไม่ทำหรอกน่า"
เขายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะโอบกอดสองแม่ลูกเอาไว้ ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข เอาจริงถ้าเนตรนภาไม่กลับมาหาเขา ก็คงจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตไม่คิดมีใครอีก เพราะตั้งแต่คบผู้หญิงมา ไม่มีใครทำให้เขามีความสุขได้เท่าเนตรนภาอีกแล้ว
ก๊อก ก๊อก
"ว่าไง"
เขาตะโกนออกไปในขณะที่ยังโอบกอดภรรยากับลูกเอาไว้แนบลำตัว
"นายหัวคะ คุณทนายมาค่ะ นายอำเภอด้วยค่ะ"
"อืมเดี๋ยวออกไป"
เขาผละออกจากลูก และเมีย ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือของทั้งคู่เอาไว้แน่น
"ไปเถอะ ไปทำทุกอย่างให้มันถูกต้องกัน มาครับลูกชาย เดี๋ยวพ่ออุ้มลูกลงไปดีกว่า"
"ครับคุณพ่อ"
น้องบลูเบลยิ้มออกมาก่อนจะกระโดดขึ้นไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็กุมมือคนรักก่อนจะพากันเดินลงไปชั้นล่าง เมื่อมาถึงที่ห้องรับแขกก็เจอกับคุณทนาย และนายอำเภอนั่งรออยู่
"สวัสดีครับนายหัวบุรินทร์"
"สวัสดีครับนายหัว"
"สวัสดีครับทุกคน เชิญนั่งครับตามสบายเลย แล้วนี่ เนตรนภากับลูกชายของผม"
เขาแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกับลูกชายแล้วก็ภรรยา อนาคตยังไงก็ได้เจอกันบ่อยขึ้น และเขาคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ถ้ามีใครไม่ให้เกียรติครอบครัวของเขา
"สวัสดีครับ ผมชื่อบลูเบล เป็นลูกของคุณพ่อครับ"
"สวัสดีครับสุดหล่อ หน้าเหมือนนายหัวมากเลยครับ ไม่มีผิดเพี้ยน"
ทนายกับนายอำเภอหันไปมองใบหน้าของเด็กน้อยอย่างอึ้งไป แค่ดีเอ็นเอบนหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นลูกของใคร ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ
"แน่นอนสิครับ ลูกผมนี่ เอาเอกสารมาเลยครับจะได้รีบไปจัดการให้เรียบร้อย"
"ได้ครับถ้างั้นช่วยเซ็นตรงนี้เลยนะครับ"
เขาจัดการเรื่องเอกสารจนเสร็จเรียบร้อย โดยที่สองแม่ลูกทำได้เพียงแค่นั่งมองอยู่ห่าง ๆ เพียงเท่านั้น ให้เซ็นอะไรก็ทำเพราะเธออยากให้ลูกมีพ่อเหมือนอย่างคนอื่น และที่สำคัญคือเขาสามารถปกป้องบลูเบลได้
หลังจากที่จัดการเรื่องเอกสารเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็พาลูกชายมาขับรถเล่นเที่ยวที่ชายหาดอีกฝั่งของเกาะ
"อย่าซนนะลูก วิ่งเล่นแถวนี้ก็พอ ส่วนตรงนั้นน้ำมันลึกนะอย่าลงไปเข้าใจหรือเปล่า"
"เข้าใจแล้วครับคุณแม่ เดี๋ยวบลูเบลจะวิ่งเล่นแถวนี้แหละครับ"
เด็กน้อยเริ่มดีดดิ้นลงจากตัวของคุณพ่อ และเมื่อนายหัวบุรินทร์ปล่อยเจ้าตัวเล็กให้ลงไปยืนอยู่ที่พื้น ลูกชายตัวแสบก็รีบวิ่งไปเล่นตรงชายหาดทันที
"จะรีบอะไรขนาดนั้นลูก ทะเลมันไม่หายไปไหนหรอก เฮ้อ!"
เขาถึงกับถอนหายใจออกมา เมื่อลูกชายตัวแสบวิ่งวุ่นไปทั่วชายหาด เหลือบสายตาหันมามองภรรยา ซึ่งตอนนี้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะเผยยิ้มออกมา
"มองพี่แล้วยิ้มต้องการอะไร"
"ก็มองสามีตัวเองไม่ได้หรือไงคะ"
เธอยิ้มออกมาก่อนจะสวมกอดชายหนุ่ม ใบหน้าซบลงอยู่กับอกแกร่ง จ้องมองไปยังลูกชายก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"คุณบุรินทร์สัญญาได้ไหมคะ ว่าจะปกป้องเนตรกับลูก ไม่ให้ใครทำอะไรได้"
"พูดอะไรแบบนั้น ใครจะมาทำอะไรเนตรกับลูกได้ล่ะ แต่ก็เอาเถอะ ถ้าพี่ยังอยู่ตรงนี้ พี่สัญญาว่าเนตรกับลูกจะปลอดภัย"
"ขอบคุณนะคะ"
สองปีผ่านไป...ในตอนนี้น้องบีน่าอายุได้สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งมากถามนั่นนี่ไม่หยุด ส่วนพี่ชายคนโตอายุอานามก็ประมาณ 7 ขวบกว่า เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แถมยังเรียนเก่งที่สุดในรุ่นอีกด้วย เป็นคนที่ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง แต่นายหัวบุรินทร์ก็ไม่เคยพูดจาคาดหวังกับลูกชาย เพราะไม่อยากกดดันลูกมากนัก อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"บีน่าพี่บอกแล้วไงว่าเวลากินห้ามใช้มือจับแบบนี้ ต้องใช้ส้อมจิ้มก่อน มานี่ครับเดี๋ยวพี่จะสอน"น้องบลูเบลอุ้มน้องสาวให้มานั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ที่อยู่ในจาน จากนั้นก็ส่งไปให้น้องสาวเธอไว้ หยิบทิชชูเช็ดริมฝีปากให้ด้วยความห่วงใย"อันนี้อย่อย""อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลย ถ้าเกิดว่าหมดเดี๋ยวพี่ไปเอาใหม่มาให้ แล้วดูสิมือเลอะหมดเลยเห็นไหม เดี๋ยวพี่เช็ดให้ดีกว่า"พี่ชายคนดีใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ เช็ดมือให้น้องสาว ตั้งแต่น้องคลอดออกมาจนถึงตอนนี้ เขาดูแลน้องและหวงแหนเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่สะกิดนิดเดียวยังไม่ได้เลย น้องร้องไห้ก็โอ๋เอง เรียกได้ว่าห่วงน้องหนักจนคนเป็นแม่เริ่มกังวล"พี่บุรินทร์คะ เนตรว่าน้องบลูเบลห่วงน้องหนักมากเกินไปนะคะ ถ้าเ
ช่วงค่ำ...ในตอนนี้ท่านบรรพต คุณหญิงผกากรอง ท่านสมเกียรติ และคุณหญิงนพรัตน์ รวมถึงลูกชายซึ่งก็คือท่านนายกคนปัจจุบัน และแฟนของเขา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใจกลางคฤหาสน์สุดหรูของนายหัวบุรินทร์ และมีเนตรนภากับลูกชายนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเช่นกัน"บลูเบลดีใจจังเลยครับที่ทุกคนมาเที่ยวหา""โธ่เอ๊ยเด็กแสบ ใครก็อยากจะมาอยู่กับเราทั้งนั้นแหละ แต่ทุกคนก็ต้องทำงานไง เข้าใจใช่ไหมครับ""เข้าใจอยู่แล้วครับ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับคุณลุง ถ้างั้นเรากินข้าวกันเถอะครับผมหิวแล้ว"เด็กน้อยชี้นิ้วไปที่หมูกรอบชิ้นใหญ่ตรงหน้า คุยโม้นักหนาว่าตัวเองชอบกินผัก แต่พออาหารตรงหน้าเป็นหมูกรอบ กับเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ชอบไว้บนจานทันที"แล้วบอกว่าตัวเองชอบกินผัก แต่เห็นหมูกรอบทีไรหยิบใส่ปากทันทีเลยนะ""แฮะ! ก็มันอร่อยนี่ครับ กรอบมาก"เด็กน้อยเอ่ยออกมาก่อนจะหยิบหมูกรอบใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่ที่เห็นก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ การมีเด็กมาวิ่งเล่นทั่วบ้านก็ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่เหงาเลย พูดจ้อไม่หยุดทำให้ทุกคนมีเรื่องสนทนาคุยกันทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเรื่องของหลานกลายเป็นบทสนทนาหลักในการคุยกันเสร็จแล้ว"แล้วเจ้าตัวเล็กอีกคนล่ะจะคลอดเมื่
และในที่สุดก็การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งพรรครักประชาชนได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างล้นหลาม ได้เก้าอี้คะแนนเสียงเกินครึ่งของสภา สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีพรรคร่วม"ดีใจด้วยนะเนติในที่สุดก็ทำได้"นายหัวบุรินทร์ถือช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีให้กับว่าที่นายกคนใหม่ รวมถึงเนตรนภาที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ"ดีใจจังเลยมีพี่ชายได้เป็นนายกแล้ว""ขอบคุณมากนะน้องสาว เพราะว่าเนตรมีสามีเป็นพี่บุรินทร์ เขาดีกับครอบครัวเรามาก แถมยังทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีก ผมขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับทุกอย่าง"เนติยกมือขอบคุณผู้ชายตรงหน้า เพราะเขาจึงทำให้ครอบครัวของเรากลับมารักกันเหมือนเดิม เปลี่ยนให้คุณพ่อกลายเป็นคนธรรมดา ไม่บังคับจิตใจของคนในบ้านอีกส่วนไอซ์ตอนนี้ก็เข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมคุณพ่อกับคุณแม่ยังลงทุนเปิดคาเฟ่ให้อีก เรียกว่าตอนนี้กลายเป็นลูกรักแทนที่เขาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าไอซ์เขาเรียนเชฟมา ทำอาหารอร่อย ทำขนมก็เก่ง คุณพ่อกับคุณแม่ถูกใจมากเอ่ยปากชมไม่มีหยุด เขาก็เลยตกกระป๋องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"ขอบคุณอะไรนักหนาเนี่ย ทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ตอนนี้อยู่ในช่วงลงคะแนนเสียง และช่วงค่ำน่าจะรู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด ดูจากผลสำรวจก็น่าจะไม่ผิดโผสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้"เดี๋ยวจะเริ่มนับคะแนนกันแล้ว หวังว่าพรรคของเราจะได้ทำเพื่อประชาชนอีกสมัยหนึ่งนะ"และที่ทำการพรรคทุกคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ และก็จะมีตัวแทนของแต่ละพรรค เข้าดูการนับคะแนนในแต่ละเขต เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในช่วงการนับคะแนนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าและที่ทำการพรรคจะมีโปรแกรมนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวแทนที่อยู่ประจำหน่วยยืนดูเขานับคะแนน จะแจ้งผลเบื้องต้นให้ทางนี้รับทราบ ซึ่งคะแนนจะไม่เป็นทางการแต่ก็พอเดาได้ว่าพรรคไหนที่มีคะแนนนำในเวลานั้น"ยังไงผมต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ที่คอยแนะนำแล้วก็ให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างผม ถ้าเกิดว่ามีโอกาสในการได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะตั้งใจทำเพื่อประชาชน แล้วก็จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคผิดหวังเด็ดขาด"เนติขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาสัญญากับทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุมนั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ได้เลือกให้เขามายืนอยู่จุดนี้ แต่เป็นเพราะอำนาจของพี่เขยที่ยื่นข้อเสนอใ
ชายหนุ่มดึงรั้งตัวภรรยาให้มานั่งลงอยู่บนเตียงนอน แต่เนื่องจากเธอมีอายุครรภ์ที่ค่อนข้างโต จึงไม่สามารถขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอได้ จึงเปลี่ยนใจอุ้มคนรักให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของเขาแทน"ลำบากเหมือนกันนะคะเนี่ย"หญิงสาวถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อการมีเซ็กซ์ของคุณแม่ลูกสองค่อนข้างดูทุลักทุเลไม่น้อย แต่เพื่อความสุขของสามียังไงเธอก็ต้องยอม มันไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ให้ความสุขแก่คนรัก เพราะถึงแม้จะท้องโตแต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้สักหน่อย"ไม่ลำบากหรอกหนูก็อยู่ข้างบนนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้พี่จะทำเบา ๆ เดี๋ยวหนูจะปวดท้องเอาได้"เขานอนราบลงกับเตียง ก่อนจะจับเอวเล็กของภรรยาทั้งสองข้างจึงรั้งขึ้นมาบนตัวของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ เลิกกระโปรงขึ้นไปไว้ที่ช่วงเอวของเธอ ใช้นิ้วเรียวถูไถยังน้องสาวเพื่อเล้าโลมภรรยาสุดที่รัก"อื้อ อ้าส์~"เนตรนภาถึงกับสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะท้องโตขนาดนี้ แต่เรื่องบนเตียงเขาก็ยังคงทำให้เธอมีความสุขได้เสมอ โชคดีที่ชายหนุ่มเป็นคนมีเหตุผล เข้าใจว่าธรรมชาติของคนท้องไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติทั่วไป เขาจะมีวิธีในการทำให้เธอมีความสุขโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนทุกครั้ง"หอมจัง""ไม
ท่านสมเกียรติรู้สึกเกร็งไม่น้อยเลยกับการมาอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะว่าตัวเองทำผิดพลาดไว้มาก แต่คนในครอบครัวไม่ถือโทษโกรธแถมยังให้อภัยง่ายดาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ในการกระทำของตัวเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมาอีก"คุณหญิงผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม""กินข้าวก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้"คุณหญิงนพรัตน์รู้ดีว่าเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน เธอกับลูกคุยกันว่าถ้าเจอคุณพ่อจะไม่มีใครพูดเรื่องอดีต เพราะสิ่งที่เขาได้รับมันหนักหนามากพออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอะไรภายในใจอยู่"คุยตอนนี้แหละ""ก็ได้ ลูกไปกินข้าวก่อนเลยนะ แม่กับพ่อจะไปคุยกันแป๊บหนึ่ง"เนตรนภา และนายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กุมมือลูกชายพากันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ได้เคลียร์ใจกันให้จบ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"มีอะไรเหรอคะ ฉันไม่ได้โกรธหรือติดใจอะไรทั้งนั้น คุณจะคิดมากทำไม"คุณหญิงเอ่ยออกมาก่อนจะกุมมือของสามีเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่านสมเกียรติดึงภรรยาเข้ามาสวมกอดอย่างกลัวว่าเธอจะหายไปไหนอีก เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันโดดเดี่ยว และรู้สึกทรมานหัวใจมาก จากที