ทั้งสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ใบหน้าของทั้งคู่เอิบอิ่มไปด้วยความสุข ใครจะคิดว่าอดีตเด็กเลี้ยงที่เขาเคยเลี้ยงดู จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่เป็นทายาท มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา และคนที่คิดว่าตัวเองจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนพ่อลูกหนึ่งเสียแล้ว
"อย่าไปไหนจากพี่อีกนะรู้ไหม"
ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ดึงเธอเข้ามาสวมกอดแนบอก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขอร้องอ้อนวอน เขารู้ว่าเธอสามารถดูแลลูกได้ ไม่งั้นคงไม่อดทนดูแลด้วยตัวเองมาเป็นห้าปีหรอก ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอกลับมา
"ก็ถ้าเกิดว่าคุณบุรินทร์ยอมรับเนตรกับลูกได้ และก็ไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่น หนูก็จะไม่ไปไหนค่ะ"
"พี่ไม่มีผู้หญิงคนอื่นจริง ๆ ก็บอกแล้วไงว่าตั้งแต่เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน พี่ก็ไม่เคยมีคนอื่นอีก"
เขาไม่ได้แก้ตัวเพื่อให้เธอสบายใจ แต่ทว่าทุกอย่างที่พูดออกมามันคือความสัตย์จริง ตั้งแต่ที่เราเลิกลากันไปเขาก็ไม่เคยมีคนอื่น คิดจะครองตัวเป็นโสดจนตายเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเธอกลับมาพร้อมกับลูก ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องปฏิเสธ เพราะใบหน้าของบลูเบลมันชัดเจนแล้วว่าเป็นลูกของใคร
"เนตรก็ไม่เคยมีใครค่ะ เนตรมีแค่คุณคนเดียว"
เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตากับชายคนรักก่อนจะยิ้มออกมา ซึ่งแน่นอนว่านายหัวบุรินทร์แทบจะยิ้มแก้มปริเพราะรู้สึกดีไม่น้อย ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ซื่อสัตย์ต่อเธอ เนตรนภาเองก็ซื่อสัตย์กับเขาไม่มีเปลี่ยน
"ขอบคุณนะที่นี่ซื่อสัตย์กับพี่มาตลอด"
"ขอบคุณเหมือนกันค่ะ ที่คุณมีแค่เนตรเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าลูกตื่นหรือยัง เราไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ไปดูลูกกันไหมคะ"
เธอเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเจ้าตัวเล็ก นี่ก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงเกือบสองชั่วโมงแล้ว อาจจะได้เวลาที่ลูกใกล้จะตื่น เพราะฉะนั้นเธอคิดว่าจะไปดูสักหน่อย
"พี่ว่าเนตรนอนพักเถอะ เดินทางมาเหนื่อยแถมยังเลี้ยงลูกคนเดียวอีก เดี๋ยวบลูเบลพี่จะเป็นคนจัดการเอง หนูนอนอยู่ที่นี่แหละ"
ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ลูบผมหญิงสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียง ปล่อยให้เธอนอนพักผ่อนต่อไป ส่วนเขาจะพาลูกไปหาของอร่อยกินข้างล่าง
เนตรนภากระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น มองตามพ่อของลูกไปก็จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"คิดถูกแล้วแหละเนตรนภาที่เธอพาลูกมาอยู่ที่นี่ พาลูกกลับมาหาเขา..."
ในระหว่างที่หญิงสาวนอนพักผ่อนอยู่ในห้องนอน นายหัวบุรินทร์ก็มาหาลูกชายอีกห้องหนึ่ง ซึ่งพอดีกับที่เด็กน้อยกำลังงัวเงียสะดุ้งตื่น
"แม่จ๋า แม่จ๋าอยู่ไหน"
"แม่จ๋านอนพักผ่อนครับคนเก่ง ตื่นแล้วไปหาอะไรกินกันไหมเดี๋ยวพ่อพาไป"
เด็กน้อยเอียงคอมองมาทางในหัวบุรินทร์ก่อนจะอึกอัก เขารู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นพ่อ เนื่องจากว่าคนเป็นแม่เอารูปให้ดูตั้งแต่เด็ก แต่ทว่าก่อนมาที่นี่ถูกสั่งไม่ให้เรียกเขาว่าพ่อ ก็เลยไม่กล้าพูดออกมา
"บลูเบลหิวแล้วครับคุณลุง"
"บลูเบลต้องเรียกพ่อว่าพ่อครับ"
"แต่แม่ไม่ให้เรียกครับ แม่ให้เรียกว่าคุณลุง"
เขาถึงกับกุมขมับเพราะรู้สึกว่าตอนนี้แม่ของลูกกำลังทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย และคนที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ ก็คงเป็นเนตรนภาคนเดียวเท่านั้น
"โอเคคุณลุงก็คุณลุง ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพ่อพาลูกไปกินข้าวข้างล่างนะ"
เขาเดินเข้ามายืนอยู่ข้างล่างเตียง อุ้มเจ้าตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องนอน ซึ่งบลูเบลเองยังคงมองหาคุณแม่ของตัวเองอยู่
"แม่นอนหลับอยู่ครับ เดี๋ยวถ้าเกิดว่าบลูเบลกินข้าวเสร็จ พ่อจะพาขึ้นมาหาแม่ตกลงไหม"
"ก็ได้ครับ บลูเบลหิวข้าวมากเลยครับ"
เด็กน้อยโอบรอบคอคนเป็นพ่อเอาไว้ ก่อนจะเริ่มบ่นออกมาทันที เพียงแค่เล่นน้ำด้วยกันไม่ถึงชั่วโมง ก็ทำให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันได้รวดเร็ว คงเพราะสายสัมพันธ์ของการเป็นพ่อลูก จึงทำให้บลูเบลไว้ใจคุณพ่อของตัวเองมาก
"แล้วปกติบลูเบลชอบกินอะไรเหรอครับ พ่อจะได้หาของอร่อยที่ลูกชอบให้กิน"
"ชอบกินผักครับอร่อยมาก"
"เก่งจังเลยตัวแค่นี้เอง ทำไมกินผักได้ด้วย"
เขามองลูกชายอย่างอึ้งไปไม่คิดว่าเด็กน้อยจะชอบกินผัก เพราะถ้าเป็นรุ่นเดียวกันไม่มีทางที่จะกินแน่ เด็กวัยนี้ไม่ค่อยชอบกินทั้งผัก และผลไม้ ซึ่งเรื่องนี้เขายอมรับอย่างหนึ่งว่าเนตรนภาเลี้ยงลูกได้ดีมาก บลูเบลเป็นเด็กที่น่ารักเชื่อฟังผู้ใหญ่ แถมยังไม่เรื่องมากด้วย
"คุณแม่สอนมาครับ คุณแม่บอกว่าถ้าเกิดบลูเบลกินผักเยอะ ๆ ก็จะแข็งแรง จะได้มาปกป้องคุณแม่ได้ครับ"
เขายื่นมือไปลูบผมลูกชายอย่างเอ็นดู อายุแค่ 4 ขวบครึ่งแต่มีความคิดที่โตเป็นผู้ใหญ่ รู้จักปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรัก ก็ช่วยไม่ได้แหละ เชื้อพ่อมันไม่ทิ้งแถวก็แบบนี้
"หลังจากนี้พ่อจะปกป้องแม่กับบลูเบลเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อจะปกป้องลูกพ่อสัญญา"
"บลูเบลอยากเรียกคุณลุงว่าพ่อจังเลย ถ้าเกิดว่าเรียกคุณแม่จะโกรธไหมครับ"
"แม่จะโกรธได้ยังไงกัน เรียกพ่อเถอะไม่ต้องกลัวนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นพ่อจะปกป้องลูกเอง"
"ครับคุณพ่อ บูลเบลคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยครับ คุณแม่เอารูปของคุณพ่อให้ดูทุกวันเลย แล้วก็บอกว่าคุณพ่อเป็นคนที่เก่งมาก แล้วก็รักเราสองคนมาก ๆ เลยด้วย"
และเมื่อนายหัวบุรินทร์ได้ยินลูกชายพูดแบบนั้น ถึงกับน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกผิด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็เถอะ แต่พอนึกย้อนไปว่าเนตรนภาต้องเลี้ยงลูกเองถึง 5 ปี ตั้งแต่อุ้มท้องจนคลอด เรียนหนังสือไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย คงจะเหนื่อยน่าดูเลยสินะ
"ใช่แล้วครับ พ่อรักบลูเบลแล้วก็คุณแม่มากเลย เอาล่ะเราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวเราไปหาคุณแม่กันเนาะ"
"ได้เลยครับ"
เด็กน้อยยกมือขึ้นแสดงความดีใจ ก่อนจะสวมกอดกันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ซึ่งตอนนี้แม่บ้านได้จัดเตรียมของอร่อยไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อบลูเบลเห็นอาหารตรงหน้าก็ปรบมือก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างดีใจ
"ว้าว! น่ากินมากเลยครับ บลูเบลชอบกินหมูกรอบ"
"แต่เมื่อกี้บอกพ่อว่าชอบกินผักไม่ใช่หรือไง"
"แฮะ! หมูกรอบอร่อยกว่าครับ"
นายหัวบุรินทร์ถึงกับส่ายหน้าอย่างเอ็นดูลูกชาย ก็นึกว่าจะชอบกินผักเป็นชีวิตจิตใจซะอีก สรุปแล้วพอเห็นของอร่อยตรงหน้า ผักก็กลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทันที
"เฮ้อ! แสบเอ๊ย"
สองปีผ่านไป...ในตอนนี้น้องบีน่าอายุได้สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งมากถามนั่นนี่ไม่หยุด ส่วนพี่ชายคนโตอายุอานามก็ประมาณ 7 ขวบกว่า เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แถมยังเรียนเก่งที่สุดในรุ่นอีกด้วย เป็นคนที่ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง แต่นายหัวบุรินทร์ก็ไม่เคยพูดจาคาดหวังกับลูกชาย เพราะไม่อยากกดดันลูกมากนัก อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"บีน่าพี่บอกแล้วไงว่าเวลากินห้ามใช้มือจับแบบนี้ ต้องใช้ส้อมจิ้มก่อน มานี่ครับเดี๋ยวพี่จะสอน"น้องบลูเบลอุ้มน้องสาวให้มานั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ที่อยู่ในจาน จากนั้นก็ส่งไปให้น้องสาวเธอไว้ หยิบทิชชูเช็ดริมฝีปากให้ด้วยความห่วงใย"อันนี้อย่อย""อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลย ถ้าเกิดว่าหมดเดี๋ยวพี่ไปเอาใหม่มาให้ แล้วดูสิมือเลอะหมดเลยเห็นไหม เดี๋ยวพี่เช็ดให้ดีกว่า"พี่ชายคนดีใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ เช็ดมือให้น้องสาว ตั้งแต่น้องคลอดออกมาจนถึงตอนนี้ เขาดูแลน้องและหวงแหนเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่สะกิดนิดเดียวยังไม่ได้เลย น้องร้องไห้ก็โอ๋เอง เรียกได้ว่าห่วงน้องหนักจนคนเป็นแม่เริ่มกังวล"พี่บุรินทร์คะ เนตรว่าน้องบลูเบลห่วงน้องหนักมากเกินไปนะคะ ถ้าเ
ช่วงค่ำ...ในตอนนี้ท่านบรรพต คุณหญิงผกากรอง ท่านสมเกียรติ และคุณหญิงนพรัตน์ รวมถึงลูกชายซึ่งก็คือท่านนายกคนปัจจุบัน และแฟนของเขา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใจกลางคฤหาสน์สุดหรูของนายหัวบุรินทร์ และมีเนตรนภากับลูกชายนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเช่นกัน"บลูเบลดีใจจังเลยครับที่ทุกคนมาเที่ยวหา""โธ่เอ๊ยเด็กแสบ ใครก็อยากจะมาอยู่กับเราทั้งนั้นแหละ แต่ทุกคนก็ต้องทำงานไง เข้าใจใช่ไหมครับ""เข้าใจอยู่แล้วครับ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับคุณลุง ถ้างั้นเรากินข้าวกันเถอะครับผมหิวแล้ว"เด็กน้อยชี้นิ้วไปที่หมูกรอบชิ้นใหญ่ตรงหน้า คุยโม้นักหนาว่าตัวเองชอบกินผัก แต่พออาหารตรงหน้าเป็นหมูกรอบ กับเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ชอบไว้บนจานทันที"แล้วบอกว่าตัวเองชอบกินผัก แต่เห็นหมูกรอบทีไรหยิบใส่ปากทันทีเลยนะ""แฮะ! ก็มันอร่อยนี่ครับ กรอบมาก"เด็กน้อยเอ่ยออกมาก่อนจะหยิบหมูกรอบใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่ที่เห็นก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ การมีเด็กมาวิ่งเล่นทั่วบ้านก็ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่เหงาเลย พูดจ้อไม่หยุดทำให้ทุกคนมีเรื่องสนทนาคุยกันทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเรื่องของหลานกลายเป็นบทสนทนาหลักในการคุยกันเสร็จแล้ว"แล้วเจ้าตัวเล็กอีกคนล่ะจะคลอดเมื่
และในที่สุดก็การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งพรรครักประชาชนได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างล้นหลาม ได้เก้าอี้คะแนนเสียงเกินครึ่งของสภา สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีพรรคร่วม"ดีใจด้วยนะเนติในที่สุดก็ทำได้"นายหัวบุรินทร์ถือช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีให้กับว่าที่นายกคนใหม่ รวมถึงเนตรนภาที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ"ดีใจจังเลยมีพี่ชายได้เป็นนายกแล้ว""ขอบคุณมากนะน้องสาว เพราะว่าเนตรมีสามีเป็นพี่บุรินทร์ เขาดีกับครอบครัวเรามาก แถมยังทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีก ผมขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับทุกอย่าง"เนติยกมือขอบคุณผู้ชายตรงหน้า เพราะเขาจึงทำให้ครอบครัวของเรากลับมารักกันเหมือนเดิม เปลี่ยนให้คุณพ่อกลายเป็นคนธรรมดา ไม่บังคับจิตใจของคนในบ้านอีกส่วนไอซ์ตอนนี้ก็เข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมคุณพ่อกับคุณแม่ยังลงทุนเปิดคาเฟ่ให้อีก เรียกว่าตอนนี้กลายเป็นลูกรักแทนที่เขาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าไอซ์เขาเรียนเชฟมา ทำอาหารอร่อย ทำขนมก็เก่ง คุณพ่อกับคุณแม่ถูกใจมากเอ่ยปากชมไม่มีหยุด เขาก็เลยตกกระป๋องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"ขอบคุณอะไรนักหนาเนี่ย ทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ตอนนี้อยู่ในช่วงลงคะแนนเสียง และช่วงค่ำน่าจะรู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด ดูจากผลสำรวจก็น่าจะไม่ผิดโผสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้"เดี๋ยวจะเริ่มนับคะแนนกันแล้ว หวังว่าพรรคของเราจะได้ทำเพื่อประชาชนอีกสมัยหนึ่งนะ"และที่ทำการพรรคทุกคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ และก็จะมีตัวแทนของแต่ละพรรค เข้าดูการนับคะแนนในแต่ละเขต เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในช่วงการนับคะแนนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าและที่ทำการพรรคจะมีโปรแกรมนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวแทนที่อยู่ประจำหน่วยยืนดูเขานับคะแนน จะแจ้งผลเบื้องต้นให้ทางนี้รับทราบ ซึ่งคะแนนจะไม่เป็นทางการแต่ก็พอเดาได้ว่าพรรคไหนที่มีคะแนนนำในเวลานั้น"ยังไงผมต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ที่คอยแนะนำแล้วก็ให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างผม ถ้าเกิดว่ามีโอกาสในการได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะตั้งใจทำเพื่อประชาชน แล้วก็จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคผิดหวังเด็ดขาด"เนติขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาสัญญากับทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุมนั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ได้เลือกให้เขามายืนอยู่จุดนี้ แต่เป็นเพราะอำนาจของพี่เขยที่ยื่นข้อเสนอใ
ชายหนุ่มดึงรั้งตัวภรรยาให้มานั่งลงอยู่บนเตียงนอน แต่เนื่องจากเธอมีอายุครรภ์ที่ค่อนข้างโต จึงไม่สามารถขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอได้ จึงเปลี่ยนใจอุ้มคนรักให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของเขาแทน"ลำบากเหมือนกันนะคะเนี่ย"หญิงสาวถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อการมีเซ็กซ์ของคุณแม่ลูกสองค่อนข้างดูทุลักทุเลไม่น้อย แต่เพื่อความสุขของสามียังไงเธอก็ต้องยอม มันไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ให้ความสุขแก่คนรัก เพราะถึงแม้จะท้องโตแต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้สักหน่อย"ไม่ลำบากหรอกหนูก็อยู่ข้างบนนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้พี่จะทำเบา ๆ เดี๋ยวหนูจะปวดท้องเอาได้"เขานอนราบลงกับเตียง ก่อนจะจับเอวเล็กของภรรยาทั้งสองข้างจึงรั้งขึ้นมาบนตัวของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ เลิกกระโปรงขึ้นไปไว้ที่ช่วงเอวของเธอ ใช้นิ้วเรียวถูไถยังน้องสาวเพื่อเล้าโลมภรรยาสุดที่รัก"อื้อ อ้าส์~"เนตรนภาถึงกับสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะท้องโตขนาดนี้ แต่เรื่องบนเตียงเขาก็ยังคงทำให้เธอมีความสุขได้เสมอ โชคดีที่ชายหนุ่มเป็นคนมีเหตุผล เข้าใจว่าธรรมชาติของคนท้องไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติทั่วไป เขาจะมีวิธีในการทำให้เธอมีความสุขโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนทุกครั้ง"หอมจัง""ไม
ท่านสมเกียรติรู้สึกเกร็งไม่น้อยเลยกับการมาอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะว่าตัวเองทำผิดพลาดไว้มาก แต่คนในครอบครัวไม่ถือโทษโกรธแถมยังให้อภัยง่ายดาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ในการกระทำของตัวเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมาอีก"คุณหญิงผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม""กินข้าวก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้"คุณหญิงนพรัตน์รู้ดีว่าเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน เธอกับลูกคุยกันว่าถ้าเจอคุณพ่อจะไม่มีใครพูดเรื่องอดีต เพราะสิ่งที่เขาได้รับมันหนักหนามากพออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอะไรภายในใจอยู่"คุยตอนนี้แหละ""ก็ได้ ลูกไปกินข้าวก่อนเลยนะ แม่กับพ่อจะไปคุยกันแป๊บหนึ่ง"เนตรนภา และนายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กุมมือลูกชายพากันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ได้เคลียร์ใจกันให้จบ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"มีอะไรเหรอคะ ฉันไม่ได้โกรธหรือติดใจอะไรทั้งนั้น คุณจะคิดมากทำไม"คุณหญิงเอ่ยออกมาก่อนจะกุมมือของสามีเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่านสมเกียรติดึงภรรยาเข้ามาสวมกอดอย่างกลัวว่าเธอจะหายไปไหนอีก เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันโดดเดี่ยว และรู้สึกทรมานหัวใจมาก จากที