ตอนที่ 15 สติ๊กเกอร์ตัวประหลาด
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น มาเฟียหนุ่มติดตามความเคลื่อนไหวของเด็กสาวผ่านการรายงานจากคนของเขาที่ให้ติดตามเด็กสาวอยู่ห่างๆ มีเพียงภาพนิ่งที่ถ่ายจากระยะไกลถูกส่งมาให้ดูบ้างเป็นบางครั้ง มาเฟียหนุ่มทำงานหามรุ่งหามค่ำแทบไม่พักเพราะจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อจะได้รีบกลับเมืองไทย จากกำหนดการเดิมที่วางไว้คือหนึ่งเดือนแต่ตอนนี้เวลาพึ่งจะผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ ชายหนุ่มก็เคลียร์งานสำคัญเสร็จเกือบจะทั้งหมดแล้ว และนัดสำคัญๆ ก็ถูกเลื่อนเข้ามาโดยให้เหตุผลว่างานที่ไทยมีปัญหาต้องรีบกลับไปจัดการ แต่งานที่ว่านั้นคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของเด็กสาวที่อยู่เมืองไทย
"พายัพเลื่อนนัดของอาทิตย์หน้ามาอาทิตย์นี้ให้หมด" มาเฟียหนุ่มสั่งการเสียงเรียบใบหน้าทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะอดหลับอดนอนติดต่อกันมาหลายคืน
"นายไหวเหรอครับ กลางคืนทำงานกลางวันก็ออกไปพบคู่ค้า นายไม่มีเวลาพักเลยนะครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยทักท้วงขึ้นเพราะเป็นห่วงคนเป็นนายว่าจะล้มป่วยจากการโหมงานอย่างหนัก แม้ร่างกายของมาเฟียหนุ่มจะแข็งแรงแค่ไหนแต่ถ้าใช้งานหนักเกินไปก็มีสิทธิ์ล้มป่วยลงได้เพราะร่างกายคนไม่ใช่เครื่องจักรที่จะทำงานติดต่อกันได้โดยไม่พัก
"เป็นเมียกูตั้งแต่เมื่อไหร่" สายตาคมเข้มตวัดขึ้นมองตาขวาง
"ขอโทษครับนายผมจะรีบจัดการตามที่นายสั่งครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มรีบต่อสายหาคู่ค้าทั้งหมดเพื่อขอเลื่อนการนัดหมายให้เร็วขึ้น ซึ่งคู่ค้าทั้งหมดไม่มีปัญหาอะไรเพราะต่างก็อยากทำธุรกิจร่วมกับมาเฟียหนุ่มเงินและอำนาจที่ลีออนมีอยู่นั้นแม้แต่ตำรวจสากลก็ไม่กล้ายุ่งด้วย
"ตารางงานใหม่ผมส่งให้นายทางอีเมลแล้วนะครับพรุ่งนี้เรามีนัดกับพ่อค้าอาวุธฝั่งรัสเซียตอนเที่ยง นายจะให้เตรียมคนของเราไปด้วยไหมครับ" โจเซฟพ่อค้าอาวุธเถื่อนจากรัสเซียชื่อเสียงโด่งดังเรื่องเอาเปรียบคู่ค้าและลอบกัดลับหลัง บอดี้การ์ดหนุ่มจึงไม่ค่อยวางใจที่จะไปเจรจาธุรกิจครั้งนี้แค่สามคน
"ไม่ต้อง แค่มึงกับนักรบก็พอมันคงไม่คิดสั้นทำเรื่องโง่ๆ ที่นี่" เสียงทุ้มต่ำตอบออกไปเพราะจากการประเมินสถานการณ์ดูแล้วพ่อค้าอาวุธเถื่อนรายนี้ก็ต้องการอาศัยอำนาจของตนในการทำธุรกิจในฝั่งยุโรปถึงดั้นด้นมาพบตนถึงที่นี่
"แต่นายครับผมว่ามันเสี่ยงเกินไปนะครับ" คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอีกครั้งด้วยความกังวลเรื่องความปลอดภัยพายัพจึงไม่อยากเสี่ยงอะไรทั้งนั้น
"งั้นพรุ่งนี้มึงนอนอยู่บ้านไม่ต้องไป" น้ำเสียงและคำพูดแลดูปกติแต่ความหมายแอบแฝงนั้นทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มถึงกับนิ่งเงียบราวกับศาลอ่านคำพิพากษาตัดสินเด็ดขาดแล้วมิอาจโต้แย้งได้
"ครับนาย" บอดี้การ์ดหนุ่มจำต้องทำตามสิ่งที่เจ้านายสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่เพราะคำพูดของเจ้านายถือเป็นที่สิ้นสุด
เย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์
นักศึกษาทุกคนต่างพากันทยอยออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อเดินทางกลับบ้านหลังจากที่เรียนหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์ และอิงดาวก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยมีรถมารอรับและเจทำหน้าที่เป็นคนขับเช่นเคยเหมือนทุกวัน
"นายสั่งว่าวันนี้คุณอิงดาวกับคุณอิงฟ้าไม่ต้องเข้าผับนะครับนายให้เวลาเคลียร์รายงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จพรุ่งนี้ค่อยเข้าไปทำงานที่ผับครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มรีบรายงานสองสาวทันทีที่ร่างบางขึ้นนั่งประจำที่ตรงเบาะหลัง
"แต่เย็นวันศุกร์ลูกค้าเยอะนะคะ" เสียงคัดค้านจากหญิงสาวดังขึ้นทันทีที่บอดี้การ์ดหนุ่มพูดจบ
"นายฝากบอกอีกว่า..ที่ร้านไม่ได้มีพนักงานแค่คุณอิงฟ้าคนเดียว หยุดงานแค่หนึ่งวันไม่ทำให้ผับเจ๊งครับ" สารจากเจ้านายถูกส่งต่อถึงผู้รับครบถ้วนสมบูรณ์ เมื่อหญิงสาวในชุดนักศึกษาได้ฟังถึงกับถอนหายใจเสียงดังด้วยความโมโหกับความคิดเองตัดสินใจเองไม่ถามความเห็นคนอื่นของเมกะ
"นายยัง.."
"พอเถอะค่ะพี่เจ ฟ้าไม่ไปแล้วก็ได้" ยังไม่ทันที่บอดี้การ์ดหนุ่มจะพูดจบเสียงห้ามปรามของอิงฟ้าดังสวนขึ้น
"ไม่ได้ครับนายสั่งมาผมต้องบอกคุณอิงฟ้าให้หมด ถ้าบอกไม่หมดผมต้องถูกหักเงินเดือนนะครับ..ได้โปรดฟังผมให้จบด้วยนะครับ" ลูกน้องของเมกะทุกคนไม่เพียงถูกฝึกเรื่องฝีมือการต่อสู้ให้เก่งกาจยังถูกฝึกให้เอาตัวรอดจากทุกสถานการณ์รวมถึงตอนนี้ด้วย
"ถ้างั้นก็เชิญพี่เจพูดมาทีเดียวให้จบเถอะค่ะ" หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ในช่วงเวลาไม่ถึง 20 นาทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ
"นายฝากบอกอีกว่านายไม่หักเงินเดือนครับคุณอิงฟ้าไม่ต้องกังวล ส่วนเงินเดือนของเดือนนี้นายโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้วครับ" คิ้วเรียวสวยถึงกลับต้องขมวดเข้าหากันแทบผูกติดกันเป็นโบ วันนี้พึ่งจะวันที่ 20 ของเดือนแต่ชายหนุ่มกับจ่ายเงินเดือนเธอล่วงหน้าแล้วแถมวันนี้ยังสั่งไม่ให้เธอไปทำงานอีก
"อ้อ! ยังมีอีกเรื่องครับ นายฝากมาบอกว่าพรุ่งนี้คุณอิงฟ้าไปทำงานให้ขึ้นไปพบนายบนห้องก่อนครับ" มือเรียวเล็กกำเข้าหากันแน่นอย่างลืมตัว ระบบประมวลผลถูกสั่งให้ทำงานทันทีเพื่อหาเหตุผลมาอธิบายสำหรับเรื่องนี้
รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดบริเวณหน้าบ้านหลังเล็กอย่างเช่นทุกวัน ร่างอรชรในชุดนักศึกษาก้าวลงจากรถอย่างคล่องแคล่วโดยมีเจคอยเปิดประตูให้อย่างเช่นเคย แม้เด็กสาวทั้งสองจะขอร้องว่าไม่ให้ทำแต่บอดี้การ์ดหนุ่มก็ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำเพราะฉะนั้นจึงมิอาจปฏิเสธได้
"ขอบคุณค่ะพี่เจ" เด็กสาวทั้งสองยกมือไหว้ขอบคุณบอดี้การ์ดหนุ่มที่อายุเยอะกว่า
"ยินดีครับ คืนนี้นอนหลับฝันดีพรุ่งนี้ตอนเย็นเจอกัน 1 ทุ่มตรงครับ"
สายลมพัดปลิวเบาๆ นำพากลิ่นหอมของดอกไม้โชยมาแต่ไกล เด็กสาวในชุดนอนตัวบางผมยาวถูกปล่อยสลัวเต็มแผ่นหลังและไหล่มน ร่างบางนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กริมหน้าต่างบานใหญ่สูดอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืน มือเล็กปัดป่ายผมบางที่ปลิวมาปกคลุมใบหน้าด้วยแรงลมมาทัดไว้ที่ใบหูทั้งสองข้าง บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบสงัดมีเพียงเสียงร้องของแมลงกลางคืนดังมาให้ได้ยินไม่ขาดสาย ดวงตากลมโตได้แต่เหลือบมองโทรศัพท์เป็นระยะเหมือนรอสายจากใครบางคน แต่ไร้วี่แววว่าจะโทรมาไม่มีแม้ข้อความสักประโยคที่จะส่งถึง เด็กสาวรู้สึกใจหวิวแปลกๆ จนถึงตอนนี้ก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้
"คนบ้าไหนบอกให้เรารับสาย นี่หายไปเกือบจะอาทิตย์แล้วไม่เห็นโทรหรือส่งข้อความมาเลย" เด็กสาวบ่นพึมพำกับหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดหน้าแชตไลน์ที่มาเฟียหนุ่มเคยส่งมาค้างไว้ นิ้วเรียวเล็กจิ้มไปที่หน้าจอเพื่อระบายความหงุดหงิดแต่กลับเผลอไปกดส่งสติกเกอร์ให้มาเฟียหนุ่ม กว่าจะรู้ตัวก็ขึ้นสถานะว่าอ่านแล้ว ใบหน้าร้อนผ่าว เหงื่อซึมตามร่องมือด้วยความตื่นเต้นขณะที่กำลังคิดหาทางออกอยู่นั้นเสียง VIDEO CALLจากปลายสายก็ดังขึ้น มือไม้สั่นเผลอกดรับอย่างลนลาน
"ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่นอน" เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่เอกสารตรงหน้า
"ที่นั่นตอนนี้คงเที่ยงพอดีทำไมถึงยังนั่งทำงานอยู่คะ" สมองเจ้ากรรมสั่งให้เอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
"ผู้ใหญ่ถามทำไมถึงไม่ตอบแล้วยังมายอกย้อนถามกลับแบบนี้อีก" มาเฟียหนุ่มบ่นออกมาอย่างไม่จริงจังนักพร้อมกับเงยหน้าจากกองเอกสารขึ้นมาสบตาเด็กสาวที่จ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว
"ก็หนูนอนไม่หลับเลยมานั่งรับลมเย็นๆ เล่นเฉยๆ ตอนนี้ก็กะว่าจะนอนแล้ว" ดวงตากลมโตจ้องหน้ามาเฟียหนุ่มไม่วางตาราวกับว่าโหยหาใบหน้านี้มาหลายวัน
"คิดถึงฉันหรือไง" เด็กสาวเบ้ปากให้อย่างลืมตัวก่อนจะนึกขึ้นได้รีบทำหน้ากลับมาเป็นปกติ แต่ก็ช้ากว่าสายตาคมเข้มที่เห็นตั้งแต่แรกตลอดเวลา
"หลงตัวเอง ใครคิดถึงคุณกันถึงคุณจะหายไปเป็นเดือนก็ไม่มีใครคิดถึงคุณหรอก" มาเฟียหนุ่มหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่เด็กสาวระบายออกมา นี่คงคิดถึงเขาจริงๆ สินะความอดทนที่ทนมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาบัดนี้ได้หมดลงตั้งแต่สติกเกอร์ตัวประหลาดเด้งขึ้นที่หน้าจอแล้ว
"ไม่คิดถึงก็ไม่คิดถึง นอนได้แล้วเด็กน้อย หลับฝันดี"
"คุณก็ไปหาอะไรทานได้แล้วค่ะตอนนี้ที่นั่นน่าจะเที่ยงกว่าแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคะ" เด็กสาวแสดงความเป็นห่วงออกไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว มาเฟียหนุ่มเผลอยิ้มอย่างลืมตัวและรีบวางสายก่อนที่สมาธิจะหลุดไปมากกว่านี้
"พายัพ พรุ่งนี้ตอนเย็นเตรียมเครื่องให้เรียบร้อยกูจะกลับไทย"