ตอนที่ 14 จริงจัง
หลังจากที่เมกะไปที่บ้านอิงดาวในวันนั้นก็จัดการสำรวจบริเวณรอบๆ บ้านแต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ มีเพียงลูกน้องของลีออนที่คอยตามเด็กสาวอยู่ห่างๆ ตั้งแต่วันแรกที่ลีออนไปอังกฤษ
เช้าวันต่อมา
วันนี้เมกะทำหน้าที่มารับอิงดาวโดยมีภัทรทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ซึ่งวันนี้ชายหนุ่มตั้งใจจะมาสำรวจบริเวณบ้านให้ทั่วอีกครั้งเพราะเชื่อว่ามาเฟียหนุ่มเพื่อนสนิทอย่างลีออนน่าจะซ่อนกล้องหรือเครื่องดักฟังไว้ในบ้านที่ไหนสักที่ และหลังจากที่ปรึกษาเรื่องนี้กับเฟมโตก็ได้ความเห็นเดียวกันคือน่าจะเป็นห้องนอนของเด็กสาวเพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของอิงดาว
"อ้าวคุณเมกะวันนี้มารับน้องเองเลยเหรอคะให้เด็กๆ มารับก็ได้ค่ะรบกวนคุณเมกะเปล่าๆ" ดารินที่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัวได้ยินเหมือนเสียงคนคุยกันอยู่ในบ้านจึงเดินออกมาดู เมกะและลูกน้องคนสนิทสามารถเข้าออกบ้านหลังนี้ได้เพราะได้รับอนุญาตจากดารินเจ้าของบ้านโดยให้เหตุผลว่าจะได้ไม่ต้องรอให้คนในบ้านเปิดประตูให้เมื่อมารับเด็กสาวไปส่งที่มหาวิทยาลัยตอนเช้า
"ครับช่วงนี้ผมว่างเลยมีเวลามารับน้องก็ถือโอกาสมาดูความเรียบร้อยในบ้านให้ด้วยช่วงนี้อิงดาวบอกเจอเรื่องแปลกๆ จึงอยากมาดูให้แน่ใจเธอจะได้ไม่กังวลน่ะครับ" ชายหนุ่มเลือกที่จะบอกเหตุผลเจ้าของบ้านออกไปตามตรงเพราะจะได้ช่วยกันสอดส่องดูแลว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นภายในบ้านบ้างหรือไม่เพราะบ้านหลังนี้อาศัยกันอยู่แค่สองคนแม่ลูกถึงเขาจะส่งคนมาดูแลอยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่อาจวางใจได้
"เฮียมาแต่เช้าเลย พี่ฟ้ายังแต่งตัวไม่เสร็จหรอกนะคะ" อิงดาวที่วันนี้ตื่นเช้ากว่าปกติทุกวัน เด็กสาวในชุดนักศึกษาถูกระเบียบสะพายกระเป๋าใบเล็กสีดำกำลังก้าวเท้าลงบันไดแต่เมื่อร่างบางเห็นเมกะที่ยืนอยู่ด้านล่างเสียงเล็กจึงตะโกนมาแต่ไกล
"อย่าวิ่งอิงมันอันตราย เฮียบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ระวังสอนไม่ฟังเลยเด็กคนนี้" ชายหนุ่มเอ็ดออกไปเบาๆ อย่างไม่ถือสามากนักดูจะเอ็นดูมากกว่า
"ช่วยป้าจัดการหน่อยค่ะสอนไม่ฟังจริงๆ เด็กคนนี้สักวันป้าจะตีให้หลังลายดื้อจริง ๆ" เด็กสาวย่นจมูกใส่ผู้เป็นมารดาก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดออดอ้อนเหมือนทุกครั้งที่โดนดุจนชายหนุ่มเห็นพฤติกรรมการเอาตัวรอดของเด็กสาวถึงกลับต้องส่ายหัว
"เฮียขอขึ้นไปดูข้างบนหน่อยเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ" เป้าหมายวันนี้คือหาสิ่งแปลกปลอมที่ซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังเล็กนี้ให้เจอเพราะเขาเชื่อว่ามันต้องซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง และจากที่วิเคราะห์ข้อมูลกันมาเมื่อคืนเป้าหมายหลักน่าจะเป็นห้องนอนของเด็กสาว
"ได้ค่ะ เชิญค่ะคุณตำรวจ" ความขี้เล่นของเด็กสาวเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มทั้งสองได้ทุกครั้ง จนภัทรถึงกับออกปากว่าถึงเจ้านายจะยิ้มยากแค่ไหนสุดท้ายก็แพ้ให้เธออยู่ดีและเมกะไม่สามารถปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองขึ้นมาถึงห้องนอนเล็กที่ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ผ้าปูที่นอนที่เรียบตึงไม่มีแม้กระทั่งรอยยับ ปลอกหมอน ผ้าห่มถูกพับเก็บอย่างเรียบร้อยราวกับว่าเมื่อคืนไม่ได้ผ่านการใช้งานมา
"ภัทร ตรวจดูให้ละเอียด" สายตาคมกวาดมองรอบๆ ห้องไล่จากเพดานสูง ซอกตู้ หรือชั้นวางของต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งในห้องน้ำแต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติใด ๆ
"ไม่เจออะไรเลยครับนายหรือจะเป็นกล้องส่องจากระยะไกลครับ" เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มตรวจดูทุกซอกทุกมุมก็ยังไม่พบความผิดปกติอะไรจึงสันนิษฐานว่าน่าจะถูกส่องดูความเคลื่อนไหวจากคนละที่ เมกะยังไม่ลดละความพยายามเพราะเขาเชื่อว่าคนอย่างลีออนไม่ทำอะไรให้คนอื่นจับได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นมันต้องซ่อนอยู่ในห้องนี้ลางสังหรณ์เขาบอกแบบนั้น
"ปิดม่าน ปิดไฟ อย่าให้แสงเล็ดลอดผ่านเข้ามา" จากนั้นชายหนุ่มค่อยๆ กวาดสายตามองรอบๆ ห้องอีกครั้งอย่างช้าๆ จนสายตาไปสะดุดที่เครื่องปรับอากาศที่ติดอยู่บนผนังห้อง มีไฟสีเขียวดวงเล็กๆ กะพริบอยู่ถ้าไม่สังเกตจริงๆ ก็ดูเหมือนกับว่าเป็นไฟเครื่องปรับอากาศขณะที่เครื่องทำงานอยู่ แต่ตอนนี้เครื่องปรับอากาศไม่ได้เปิดใช้งานแต่ไฟดวงนี้ก็ยังกะพริบอยู่ตลอดเวลานั่นคือความผิดปกติ ชายหนุ่มพยักหน้าส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดหนุ่มอย่างพายัพจัดการโดยไม่บอกให้เด็กสาวรับรู้เพราะเกรงว่าจะหวาดกลัว
"เฮียว่าเราลงไปทานข้าวกันข้างล่างดีกว่าเดี๋ยวไปเรียนสาย ส่วนทางนี้ให้ภัทรมันดูอีกทีเพื่อความสบายใจ" ชายหนุ่มหลอกล่อเด็กสาวได้สำเร็จอิงดาวไม่เอะใจแม้แต่น้อย ร่างบางเดินตามเมกะลงมาด้านล่างอย่างว่าง่าย
ผ่านไปราว 20 นาทีภัทรที่จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านก่อนจะเดินไปหยุดยืนที่ประตูหน้าบ้านรอคนเป็นนายและเด็กสาวทานข้าวเสร็จเพื่อที่จะไปส่งที่มหาวิทยาลัย
"พี่ภัทร มาทานข้าวด้วยกันค่ะวันนี้แม่ทำข้าวต้มกุ้งของโปรดพี่ภัทรเลยนะคะเดี๋ยวอิงไปตักมาให้ค่ะ" เด็กสาวพูดจบก็วิ่งแจ้นเข้าห้องครัวโดยไม่รอฟังเลยว่าชายหนุ่มจะตอบรับหรือปฏิเสธคำเชิญของเธอ บอดี้การ์ดหนุ่มจำต้องเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ คนเป็นนายที่ยังว่างอยู่เพียงตัวเดียว
"นี่ค่ะอิงตักกุ้งให้พี่ภัทร 10 ตัวเลยนะคะกลัวพี่ภัทรไม่อิ่มเพราะพี่ภัทรทำงานหนักทุกวัน" เด็กสาวพูดขึ้นเมื่อวางข้าวต้มชามโต ลงตรงหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มก่อนจะกลับไปนั่งที่ของตนแล้วลงมือทานข้าวต้มที่ยังเหลือในชามต่อ
"อิงว่าเฮียใช้งานไอ้ภัทรมันหนักเหรอ" เมกะแกล้งพูดจาหยอกล้อเด็กสาวเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนบนโต๊ะอาหารทำให้เช้านี้ที่บ้านหลังเล็กเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
ทางด้านของลีออนที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้า เวลาที่อังกฤษตอนนี้ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ หลายคนตอนนี้กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงซึ่งต่างจากชายหนุ่มที่ยังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานที่เซฟเฮาส์โดยมีพายัพลูกน้องคนสนิทนั่งทำอยู่โต๊ะข้างๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
"นายครับรับกาแฟสักหน่อยไหมครับเดี๋ยวผมให้นักรบมันไปชงมาให้" มือขวาคนสนิทเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นนายนวดตรงบริเวณหัวคิ้วหลายครั้งต่อหลายครั้งแล้วเลยคิดว่าเจ้านายน่าจะง่วงเพราะพักผ่อนน้อยติดต่อกันมาหลายวัน และตั้งแต่เดินทางมาถึงอังกฤษเขาและเจ้านายได้นอนรวมๆ กันยังไม่ถึง 5 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
"ไม่ต้อง มึงเองก็ไปพัก งานพรุ่งนี้เช้าให้นักรบมันทำแทน" เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นทั้งที่สายตายังจ้องตัวเลขในกระดาษที่ถืออยู่ในมือ
"ครับนาย" ร่างสูงได้สัดส่วนลุกขึ้นและก้มหัวให้คนเป็นนายก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปพักผ่อนหลังจากที่ทำงานติดต่อกันมาหลายคืน วันนี้คงจะเป็นวันแรกในรอบหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เขาได้เข้านอนเร็ว
หลังจากที่ลูกน้องคนสนิทถูกไล่ให้ออกไปพักผ่อน ภายในห้องเหลือเพียงชายหนุ่ม ภายในห้องเงียบสงัดและอุณหภูมิที่ลดต่ำลงยามค่ำคืน สายตาคมเข้มละสายตาจากเอกสารตรงหน้าเหลือบขึ้นมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังซึ่งบ่งบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ และเวลาที่เมืองไทยตอนนี้น่าจะ 7 โมงกว่า ๆ เป็นเวลานี้เด็กสาวของเขาน่าจะกำลังทานข้าวเพื่อเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย มาเฟียหนุ่มนั่งทำงานจนเวลาล่วงเลยมาถึงยามวิกาลนั่นคือช่วงเวลาตีสอง ร่างกายที่ถูกใช้งานหนักมาตลอดหลายสัปดาห์เริ่มเรียกร้องหาเวลาพักผ่อน เมื่อความเหนื่อยล้ามาเยือนมาเฟียหนุ่มจำต้องลุกจากกองเอกสารตรงหน้าและพาร่างอันเหนื่อยล้าไปยังเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ที่แทบไม่ได้ใช้งาน หนังตาที่หนักอึ้งกำลังจะปิดลงแต่แล้วเสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มือหนาควานหาโทรศัพท์เครื่องหรูจากหัวเตียงและกดเปิดอ่านข้อความที่แจ้งเตือนเมื่อสักครู่ จากตอนแรกที่ง่วงจนตาแทบจะปิด บัดนี้ความง่วงก่อนหน้าหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมาจากเพื่อนรักที่อยู่เมืองไทยเป็นรูปกล้องตัวจิ๋วที่เขาสั่งทำขึ้นมาพิเศษและเขาเป็นคนติดไว้ที่ห้องเด็กสาวก่อนหน้าที่จะเดินทางมาอังกฤษ
‘กล้องรุ่นนี้สั่งทำที่ไหน กูสนใจ’ รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นมุมปากเมกะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อสามารถทำให้เพื่อนรักหัวร้อนได้ ถ้าให้เดาตอนนี้ไอ้มาเฟียบ้าคงกำลังนั่งทำงานอยู่เพราะอ่านข้อความที่ถูกส่งไปเร็วมากเขารอไม่ถึง 2 นาที
‘เสือก ธุรกิจมึงเจ๊งหมดแล้วหรือไงถึงมีเวลามายุ่งกับคนของกู’ ชายหนุ่มพิมพ์ข้อความส่งตอบกลับอย่างหัวเสีย
‘อิงดาวไม่ใช่คนของมึง กูเตือนมึงแล้วว่าอย่ายุ่งกับเธอ’ สงครามข้ามชาติกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยไม่อาจรู้ได้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่
‘กูก็เคยบอกมึงแล้วว่ากูสนใจเด็กนั่น’ มาเฟียหนุ่มแสดงความต้องการออกไปชัดเจนจนเมกะถึงต้องคิ้วขมวดอีกครั้ง
‘อย่ายุ่งกับเธอถ้ามึงไม่คิดจริงจัง’ นี่คงเป็นข้อความที่ดีที่สุดที่เมกะคิดออกตอนนี้เพราะถ้าคนอย่างลีออนบอกออกมาชัดเจนแบบนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจมาเฟียหนุ่มได้ แม้แต่เขาที่เป็นเพื่อนรักก็ตาม
‘กูเคยบอกมึงหรือไงว่ากูไม่จริงจัง’ ข้อความสุดท้ายถูกส่งมาก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะกดปิดเครื่องและหลับพักผ่อนเพื่อจะตื่นมาทำงานต่อในเช้าวันใหม่