ทั้งสองคนเดินออกไป ก็มองเห็นเหล่าชาวบ้านที่กำลังเดินมุ่งตรงไปยังบ้านของจางต้าซ่างชิวและซ่างตงเยว่เองก็ได้รับแจ้งจากท่านปู่เฉินเรื่องการแจกจ่ายอาหารแล้วในมือของทั้งสองคนเองก็ถือถุงผ้าไปเช่นกันเหล่าชาวบ้านเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงออกมา พวกเขาต่างก็หยุดฝีเท้าลงพวกเขาเห็นในมือของทั้งสองคน ไม่ได้หยิบอะไรออกมาเลยในเมื่อจะแจกจ่ายอาหาร ทำไมพวกเขาไม่นำถุงผ้าออกมากัน?เจี่ยนอันอันพูดกับชาวบ้าน “พวกเจ้าอย่ามัวแต่ยืนนิ่งอึ้งกัน อาหารจะถูกแจกจ่ายหมดแล้ว”เหล่าชาวบ้านถึงได้สติขึ้นมา ต่างก็รีบทยอยเดินไปยังบ้านของจางต้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมายังด้านหน้าประตูบ้านของจางต้า ก็พบว่าในลานบ้านนั้นมีชาวบ้านยืนอยู่เต็มแล้วลานบ้านของจางต้านั้น ยังใหญ่โตกว่าลานบ้านที่เจี่ยนอันอันพักอยู่กว่าเท่าตัวในตอนที่ทั้งสองคนเดินไปนั้น ชาวบ้านก็พากันหลบออกเป็นทางเดินเล็กๆ ขึ้นเองโดยที่ไม่รู้ตัวหัวหน้าหมู่บ้านท่านปู่เฉินเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมา ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาทันทีเขาร้องตะโกนกับชาวบ้านขึ้นว่า “เรื่องการแจกจ่ายอาหาร จะต้องขอบคุณแม่นางที่จิตใจดีท่านนี้ เป็นนางที่ให้ข้าแจกจ่ายอาหา
เจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ท่านปู่เฉินไม่จำต้องเป็นกังวลไป นี่เป็นสิ่งที่ท่านสมควรได้รับแล้ว รีบรับไปเถอะ”ท่านปู่เฉินมองยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง ที่ไม่ได้รับแจกจ่ายอาหารเขาก็พูดออกมาอย่างสงสัย “พวกท่านทั้งสองไม่ต้องการอย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าท่านปู่เฉินยังคงจดจำถึงพวกเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็กว้างยิ่งขึ้น“บ้านพวกเรามีอาหารอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาแบ่งกับทุกคน”ชาวบ้านไม่กี่คนที่ยังไม่กลับไปนั้น ต่างก็พากันมองสบตากันพวกเขายังคิดว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเองก็เพื่อรับแจกจ่ายอาหารทว่าเขากลับไม่ต้องการข้าวแม้แต่เมล็ดเดียวชาวบ้านทั้งหลายรีบเปลี่ยนความคิดไม่ดีเดิมๆ ที่มีกับทั้งสองทันทีพวกเขาไม่ได้มีความเป็นศัตรูกับทั้งสองอีก แต่เปลี่ยนเป็นชื่นชมพวกเขาจากก้นบึ้งหัวใจทันทีชาวบ้านทั้งหลายต่างก็เกลี้ยกล่อมท่านปู่เฉิน ให้เขาแบกอาหารถุงนั้นกลับบ้านไปท่านปู่เฉินเมื่อเห็นว่าชาวบ้านทั้งหลายต่างก็พูดออกมาเช่นนี้ เขาเองก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปแล้วทุกคนพากันเดินออกมาจากบ้านของจางต้า ประตูเรือนเองก็ถูกคนปิดเอาไว้เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปยังบ้านของ
บวกกับที่ดินของซ่างชิว ยังมีผงปูนขาวอยู่จำนวนมากเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าที่ดินของซ่างชิวเองก็จำต้องได้รับการขุดพลิกดินอีกครั้งถึงจะใช้ได้มิฉะนั้นแล้วภายหน้าเขาก็ยังไม่อาจเพาะปลูกอาหารขึ้นมาได้อย่างไรก็ตามการขุดพลิกดินจะต้องใช้แรงคนและจอบนางสามารถให้คนรับใช้มาขุดพลิกดินได้ เพียงแต่จอบนั้นนางจะต้องซื้อมันมาจากร้านค้าหากว่าจู่ๆ ก็มีจอบโผล่ขึ้นมา จะต้องทำให้พวกเขาสงสัยเป็นแน่และก็เป็นในตอนนี้ ที่ชาวบ้านวัยหนุ่มที่ช่วยปูอิฐหินเหล่านั้นเดินเข้ามาพวกเขาเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันยืนอยู่ตรงที่ดินของบ้านซ่างชิว ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจพวกเขาก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าที่ดินของซ่างชิวถูกครอบครัวของจางต้าฝังปูนขาวเอาไว้มีชาวบ้านวัยเยาว์คนหนึ่งแนะนำออกมา “พวกเรามาช่วยซ่างชิวขุดพลิกดิน เอาปูนขาวทั้งหมดที่อยู่ในนั้นออกมาเถอะ”คนอื่นๆ ก็รีบส่งเสียงตอบรับทันทีซ่างชิวเห็นว่าชาวบ้านพากันช่วยเหลือเขาอย่างขันแข็งเช่นนี้ ในใจก็อบอุ่นขึ้นมาเขาพูดกับชาวบ้านทั้งหลาย “ขอบคุณทุกคนมากที่ช่วยเหลือ เพียงแต่ข้าไม่มีเงินจำนวนมากพอที่จะแบ่งให้พวกเจ้า”ซ่างชิวพูดออกมาพร้อมกับมองไปยังเงินสิบตำลึงนั้นในม
เมื่อกินอาหารเที่ยงแล้ว เจี่ยนอันอันก็ไปปรุงยาให้ฉู่จื่อซีหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มยาขมไปแล้ว ใบหน้าเล็กก็ย่นจนกลายเป็นลูกบอลเจี่ยนอันอันหยิบอมยิ้มให้ฉู่จื่อซี ก่อนจะบอกว่าที่เป็นไม้ๆ นั้นไม่อาจกินเข้าไปได้ฉู่จื่อซีถืออมยิ้มเอาไว้ ในตอนที่เจี่ยนอันอันพูดออกมานั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นมาเขาได้ยินเสียงของเจี่ยนอันอันพูดอย่างไม่ชัดเจน ถึงแม้ว่าเสียงจะเบา แต่ก็ยังลอยดังเข้ามาในหูเขาฉู่จื่อซีอ้าปาก ลองให้ตัวเองส่งเสียงออกมาทว่าเขาก็ผิดหวังอย่างรวดเร็วปากของเขายังคงไม่อาจส่งเสียงใดออกมาได้เจี่ยนอันอันมองเห็นความแปลกประหลาดของฉู่จื่อซี นางคุกเข่าลงถามขึ้น “จื่อซีได้ยินเสียงของข้าแล้วใช่หรือไม่?”ฉู่จื่อซีตั้งใจเงี่ยหูฟังท่ามกลางความไม่ชัดเจน เสียงไพเราะเสียงหนึ่งลอยเข้ามาในหูของเขาเขาพยักหน้าอย่างแรง ก่อนจะชี้ไปที่ลำคอของตนเอง แล้วโบกไม้โบกมือเจี่ยนอันอันยิ้มแล้วลูบหัวเล็กๆ ของฉู่จื่อซี“จื่อซีไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้เจ้าสามารถได้ยินเสียงแล้ว ก็หมายความว่าอาการป่วยของเจ้าดีขึ้นกว่าครึ่งแล้ว”“ดื่มยาขมไปอีกสองวัน เจ้าก็สามารถพูดได้แล้ว”ฉู่จื่อซีเอียงใบหูฟังเสียงของเจ
ท่านยายหลินพูดออกมาอย่างลำบากใจ “แม่นาง ข้ามีเรื่องอยากรบกวนเจ้าอีกแล้ว”เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วขึ้น ในใจคิดหรือว่าเสี่ยวโต้วจื่อจะเกิดอะไรขึ้นอีก?ยังไม่ทันรอให้นางได้ถามออกไป ท่านยายหลินก็พูดออกมาอย่างร้อนรน “ครั้งนี้ไม่ใช่เสี่ยวโต้วจื่อ แต่เป็นลูกชายของข้าหลินเซิงและลูกสะใภ้ของข้าก็เกิดป่วยขึ้น”“ข้าอยากจะเชิญแม่นางไปยังบ้านของข้า เพื่อรักษาให้พวกเขาสองคนจะได้หรือไม่?”ตั้งแต่ที่เจี่ยนอันอันรักษาร่างกายให้เสี่ยวโต้วจื่อจนหาย ท่านยายหลินก็รับรู้แล้วว่าทักษะการแพทย์ของเจี่ยนอันอันนั้นยอดเยี่ยมวันนี้ในตอนที่นางทำอาหารอยู่ที่บ้าน ปรากฏว่าลูกชายของนางหลินเซิงและลูกสะใภ้จู่ๆ ก็ร้องออกมาว่าปวดท้องทั้งสองล้มลงบนเตียง ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุดทันใดนั้นท่านยายหลินก็นึกถึงเจี่ยนอันอันขึ้นมา จึงวิ่งมาเชิญนางที่นี้เพื่อไปรักษาเจี่ยนอันอันได้ยินแล้ว ก็รีบรับปากไปบ้านนางทันทีฉู่จวินสิงได้ยินคำของท่านยายหลิน ก็รีบเดินก้าวใหญ่ออกมา“ข้าจะไปกับเจ้า”ให้เจี่ยนอันอันไปคนเดียว เขาไม่วางใจเจี่ยนอันอันไม่ได้ปฏิเสธ พากันตามไปยังบ้านท่านยายหลินซ่างตงเยว่รีบตามไปด้วยนางในฐานะที่เป็นสา
“แม่นาง ข้ารู้ว่าวิชาแพทย์ของเจ้าสูงส่ง แต่ถ้าผ่าท้องลูกสะใภ้ข้า นางก็ต้องตายน่ะสิ”ท่านยายหลินพูดแล้ว ขอบตาก็พลันแดงเรื่อเจี่ยนอันอันเข้าใจความกังวลของท่านยายหลินอย่างไรเสียนั่นก็คือลูกสะใภ้ของอีกฝ่าย หากระหว่างการผ่าตัดเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมาก็อาจเป็นอันตรายได้เจี่ยนอันอันถาม “ท่านยายแซ่อะไรหรือเจ้าคะ?”ท่านยายหลินไม่เข้าใจ จนป่านนี้แล้ว ทำไมฝ่ายตรงข้ามต้องถามถึงแซ่ของนางด้วย?แต่นางยังคงตอบว่า “ข้าแซ่หลิน”เจี่ยนอันอันถามอีกครั้ง “ท่านยายหลิน หลายวันมานี้ลูกสะใภ้ของท่านมักบ่นว่าปวดท้องและอาเจียนแห้งๆ อยู่บ่อยครั้งใช่ไหมเจ้าคะ?”ท่านยายหลินพยักหน้า ที่เจี่ยนอันอันพูดมาไม่ผิดไปเลยสักนิดช่วงหลายวันนี้ลูกสะใภ้ของนางมักพูดว่าปวดท้อง แม้แต่ข้าวปลาก็ยังกินไม่ลงท่านยายหลินอยากให้ลูกสะใภ้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องไปทำนาแล้วแต่ลูกสะใภ้เป็นคนขยันขันแข็งมาแต่ไหนแต่ไร นางเป็นห่วงข้าวในนาจึงยืนกรานตามไปด้วยแต่พอกลับมาก็ดูเหมือนว่าลูกสะใภ้เป็นต้องล้มป่วยหนักไปเสียทุกคราเสื้อผ้าบนร่างล้วนเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็นลูกชายของท่านยายหลินก็สงสารภรรยามากเหมือนกัน เกลี้ยกล่อมนางว่าไม
ท่านยายหลินเดินเข้ามาในเวลานั้นเองนางเห็นลูกชายกับลูกสะใภ้ไม่ร้องว่าปวดท้องอีกก็ทราบว่าพวกเขาได้รับการรักษาแล้วนางรีบเข้ามาพูดกับคนทั้งสองว่า “พวกเจ้าเชื่อคำพูดของแม่นางคนนี้เถอะ”“นางสามารถรักษาเสี่ยวโต้วจื่อได้ก็ต้องรักษาอาการป่วยของอาหรงได้เหมือนกัน”หลินเซิงลูกชายของท่านยายหลินเหลือบมองเจี่ยนอันอันเล็กน้อย สุดท้ายก็ตอบตกลง“เช่นนั้นก็รบกวนแม่นางช่วยรักษาอาหรงด้วย” หลินเซิงกล่าวพลางลุกขึ้นลงจากเตียงอุ่นสตรีที่ถูกเรียกว่าอาหรงเห็นพวกเขาล้วนยินยอมให้ผ่าเปิดท้องนางแล้วแม้นางจะหวาดกลัวมาก แต่กลับไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเจี่ยนอันอันบอกให้คนอื่นๆ ออกไปก่อน แล้วบอกให้ท่านยายหลินยกน้ำร้อนที่ต้มเสร็จแล้วเข้ามาท่านยายหลินและหลินเซิงรออยู่ข้างนอกด้วยความร้อนใจ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปดูเสี่ยวโต้วจื่อกระตุกมือหลินเซิงเบาๆ ถามอย่างกลัวๆ “ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงยังไม่ออกมาอีก?”หลินเซิงเห็นใบหน้าเสี่ยวโต้วจื่อยังเปื้อนน้ำตาอยู่ก็รีบใช้แขนเสื้อเช็ดใบหน้าให้ลูกชาย“แม่เจ้ากำลังรับการรักษาอยู่ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”เสี่ยวโต้วจื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกภายในห้อง เจี่ยนอันอันบอกใ
เจี่ยนอันอันหยิบขวดยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาอาการอักเสบออกมาส่งให้หลินเซิง“รอจนภรรยาของท่านฟื้นแล้วก็ให้นางกินยานี้”หลินเซิงมองดูขวดยาในมือ เขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเลย“นี่สำหรับรักษาอะไรหรือ?” หลินเซิงถามด้วยสีหน้าสงสัย“ยานี้ใช้รักษาอาการอักเสบให้นาง ให้นางกินวันละสามเวลา ครั้งละสองเม็ดก็พอแล้ว”หลินเซิงรีบยัดยานั้นไว้ในอกเสื้อ ด้วยกลัวว่าจะทำหายเจี่ยนอันอันเห็นว่าตรงนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วจึงจะจากไปท่านยายหลินและหลินเซิงรีบกล่าวขอบคุณเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยิ้มกล่าว “งั้นพวกข้าไปก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาอีกครั้ง”ตอนกลับไป ฉู่จวินสิงนึกสงสัยใคร่รู้อยู่บ้างเจี่ยนอันอันรักษาอาหรงผู้นั้นอย่างไรกันนะ?เจี่ยนอันอันยิ้มกว้างให้ฉู่จวินสิง “เรื่องนี้เป็นความลับ”ฉู่จวินสิงส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เจี่ยนอันอันก็ไปที่บ้านของท่านยายหลินอีกครั้งเวลานั้นอาหรงนอนอยู่บนเตียงอุ่น ความเจ็บแปลบแล่นมาจากบาดแผลบนท้องนางอยากแกะแผ่นปิดแผลบนท้องออกมาดูเหลือเกิน แต่ก็กลัวว่าจะกระทบบาดแผลเห็นว่าเจี่ยนอันอันมาแล้ว ท่านยายหลินก็รีบมาต้อนรับ“แม่นาง
“ข้าเชื่อใจพี่สาวเจ้าเหมือง ท่านบอกว่ามันจะตาย ก็ต้องตายแน่”หลี่หวายชิงกล่าวพลาง ซับน้ำตาที่คลอเบ้าอีกคำรบหนึ่งขณะที่เขายกมือขึ้นนั้น ได้เผยให้เห็นปานเล็กๆ ที่ข้อมือจุดหนึ่งก่อนหน้านี้เพราะมีแขนเสื้อปกปิดไว้ ฉู่จวินสิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นปานในจุดนี้เขารีบคว้าข้อมือหลี่หวายชิงเข้าให้ เปิดแขนเสื้อแล้วจ้องมองปานนั้นอย่างเพ่งพินิจ“พี่ชายเจ้าเหมือง ท่านทำอะไรกัน?”หลี่หวายชิงมองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพลิกดูข้อมือเขาเพื่อหวังสิ่งใด ฉู่จวินสิงวางมือของหลี่หวายชิงลง พลางถามเสียงเบา “ข้าขอถามเจ้า รอยแดงที่ข้อมือนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”หลี่หวายชิงมองดูข้อมือของตน “มันเป็นปานมาแต่กำเนิด ข้ากับน้องชายต่างมีทั้งคู่ เพียงแต่ของข้าอยู่ที่ข้อมือซ้าย เขาอยู่ข้อมือขวา”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลางมองหน้าหลี่หวายชิงด้วยความเคร่งขรึมเจี่ยนอันอันมองหน้าทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่จวินสิงจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้“ทำไมหรือ มีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?” เจี่ยนอันอันถามด้วยความข้องใจฉู่จวินสิงซักถามหลี่หวายชิงต่ออีก “พ่อเจ้าชื่อหลี่จื่อสือ เคยเป็นแม่ทัพชายแด
นางพยักหน้า “ข้ามีวิธีถอนพิษแล้วจริงๆ พวกเจ้าพักผ่อนอยู่นี่ก่อน ข้าจะไปปรุงยาถอนพิษให้”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงคนงานเหล่าคนงานต่างรออยู่ในเพิงอย่างว่านอนสอนง่าย พวกเขายืนที่หน้าประตู มองตามแผ่นหลังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปหลี่หวายชิงซาบซึ้งในบุญคุณช่วยชีวิตของเจี่ยนอันอัน จึงกล่าวต่อหลี่หวายหมิง “เจ้ารออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปช่วยพวกเขา”“ข้าขอไปด้วย” หลี่หวายหมิงก็อยากไปช่วยเหลือเช่นกัน แต่ถูกหลี่หวายชิงห้ามไว้“ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้ากับพี่ซ่งรออยู่นี่ อย่าได้ไปไหน”หลี่หวายชิงกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงไปฉู่จวินสิงได้ยินเสียงฝีเท้า หันหลังไปจึงเห็นหลี่หวายชิงเดินตามพวกเขาออกมา“หลี่หวายชิงที่เจ้าได้ช่วยไว้ ตามเรามาด้วย”ฉู่จวินสิงเอ่ยปากเตือน เจี่ยนอันอันหันไปมองแวบหนึ่ง ส่วนมือยังคงสาละวนอยู่กับการทำงานหลี่หวายชิงมาได้จังหวะเหมาะ ในเมื่อเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำเพราะถูกพิษดังเช่นคนงานอื่น เจี่ยนอันอันจึงอยากถามเขาว่า เหตุใดเขากับหลี่หวายหมิงจึงไม่ถูกยาพิษทั้งคู่เจี่ยนอันอันนำหม้อต้มยาและสมุนไพรเพื่อการถอนพิษออกมา พร้อมนำกิ่งไม้ที่เมื่อครู่เก็บมา ก่อเป็น
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร