LOGINเกริ่น สายลับมือหนึ่งอย่างเธอ!! ตายละเกิดใหม่ทั้งที ทำไมต้องมาเกิดในร่างคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้อ่อนเเอขี้โรคเช่นนี้! เท่านั้นไม่พอความจำเจ้าของร่างเดิมช่างเลือนราง เเถมยังถูกลักพาตัวมา? บ้านตัวเองอยู่ไหน? ใครก็ได้ช่วยบอกที!!! แต่ด้วยทักษะตีเนียนการันตีด้วยอันดับหนึ่งขององค์กรสายลับนานาชาติ บอกเลยต่อให้ต้องเป็นคนใช้? จอมยุทธ? หรือเเม้กระทั่งขอทาน? ไป๋ซูเมิ่งคนนี้ก็ไม่เคยเกี่ยง!!! เเต่เอ...คงไม่ถึงขนาดต้องเอาตัวเข้าเเลกเพื่อความอยู่รอดหรอกกระมัง
View Moreบทนำ
ไป๋ซูเมิ่งลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกมึนหัว เธอหลับตาลงไปอีกรอบและลืมตาขึ้นมาใหม่มองไปรอบ ๆ เธอพบกับปัญหาเข้าให้แล้ว ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนกองฟางสกปรกกองหนึ่ง รอบตัวเป็นความรู้สึกเหมือนสัมผัสเนื้อไม้ที่ถูกประกอบขึ้นเป็นกล่องสีเหลี่ยมขนาดประมาณสองคนอยู่ได้ และที่สำคัญเธอกำลังอยู่ในกล่องที่ว่านี้!
…และที่สำคัญไปกว่านั้นเธอและเจ้ากล่องไม้สี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนที่อยู่!!
รอบข้างมีเสียงล้อที่ทำจากไม้กำลังหมุนเคลื่อนที่บนพื้นขรุขระ มีเสียงเท้าของม้า วัว และเสียงคนพูดคุยกันมีทั้งใกล้และไกลดังขึ้นรอบตัว เเสงแดดลอดผ่านช่องเล็กๆระหว่างเเผ่นไม้เข้ามากระทบตาไป๋ซูเมิ่งทำให้เจ้าตัวได้สติ ร่างไร้เรี่ยวแรงเขยิบเข้าหาช่องนั้นมองลอดออกไปด้านนอก
บ้านเรือนทรงโบราณ ผู้คนสวมชุดแปลกตา รถถูกลากด้วยม้าและวัว สิ่งที่เห็นราวกับเธอกำลังอยู่ในกองถ่ายละครโบราณที่เคยดูผ่านตา!!!
“อีกราวหนึ่งก้านธูป[1]น่าจะออกจากอาณาเขตของซีหนานเข้าสู่ซีเปียน ก่อนผ่านออกประตูเมืองเจ้าอย่าลืมนำยาไปให้นางกินด้วยล่ะ หากเลย12ชั่วยามละนางรู้สึกตัวมาจะเกิดเรื่องยุ่งยาก”
เสียงแหบใหญ่ของบุรุษพูดขึ้นไม่ดังมากเเต่ก็ดังพอให้เธอที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ข้างในได้ยิน
“ขอรับ ข้าน้อยใส่ลงในอาหารเรียบร้อยแล้ว จะรีบนำไปให้นางกินขอรับ”
สิ้นเสียง สิ่งที่ไป๋ซูเมิ่งกำลังนอนอยู่ก็หยุดเคลื่อนที่ ไม่นานเเผ่นไม้ด้านหน้าก็เปิดออกเป็นช่องเล็กขนาดพอให้สอดจานข้าวเข้ามาได้
“ตื่นได้แล้ว และกินซะ ถ้าไม่อยากอดตาย”
เสียงที่เพิ่งได้ยินดังขึ้นพร้อมจานขนาดเท่าฝ่ามือถูกวางกระเเทกจนเม็ดข้าวพุ่งกระจาย ผักสีซีดไม่กี่ชิ้นกระดอนขึ้นลง
…จากนั้นแผ่นไม้ก็ถูกปิดลงอีกครั้ง พร้อมกับกล่องไม้นี้เริ่มเคลื่อนที่ตามเดิม
ตอนนี้สิ่งที่ไป๋ซูเมิ่งสนใจไม่ใช่จานข้าว หรือผักสีซีดเบื้องหน้า เเต่เป็นสิ่งที่เธอได้เห็นตอนที่แสงลอดผ่านเข้ามาเมื่อครู่ต่างหาก
…ชุดที่เธอใส่อยู่ไม่ใช่รูปแบบที่คุ้นเคย ใช้มือลูบรู้สึกลื่นนุ่ม ชุดยาวเกะกะ ไม่ใช่ชุดรัดรูปทะมัดทะแมงที่เธอใส่ในความจำล่าสุด!
เดี๋ยวนะ! เท่าที่เธอจำได้ ล่าสุดเธอกำลังลอบออกจากโรงแรมหรูใจกลางเมืองในสภาพสาวนักท่องราตรี หลังจากทำภารกิจล้วงข้อมูลสำเร็จในค่ำคืนหนึ่ง และกำลังบึ่งรถคู่ใจกลับไปฐานลับไม่ใช่หรือ?!
ใช่! ระหว่างทางเธอถูกไล่ตามจากรถหลายสิบคัน เธอเลี้ยววนหลายซอยจนค่อย ๆ สลัดรถเหล่านั้นพ้นไปทีละคัน จนสุดท้ายเหลือเพียงรถของเธอพียงคันเดียวแล่นบนถนน และเบรกก็ใช้งานไม่ได้! หลังจากหาทางเเก้อยู่นาน รถของเธอก็พุ่งเข้าชนรั้วเหล็กและตกลงไปในทะเล!
เธอตายแล้ว! งั้นตอนนี้เธอมาอยู่นี่ที่ได้ไง?
“ข้างในนั้นมีอะไร!”
เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นไม่ไกลพร้อมกับกล่องไม้สี่เหลี่ยมนี้หยุดเคลื่อนที่ ในขณะที่คนข้างในกล่องที่กำลังคิดทบทวนและสับสนอยู่กับตัวเองก็สะดุ้งได้สติ
“เป็นหมูตัวอ้วนตัวนึงขอรับ ข้าน้อยจะเอาไปฝากญาติที่ต่างแดน แหะ แหะ" คนตอบเสียงสั่นเล็กน้อย
เจ้าของคำถามเดินเข้ามาใกล้ ใช้ดาบยาวเคาะเล็กน้อย
“ไยปิดมิดชิดเยี่ยงนี้ มิกลัวมันตายรึ”
“อ่อ พอดีข้าน้อยอยากเก็บเป็นความลับไม่ให้ญาติรู้ขอรับ และอีกอย่างเป็นหมูพันธุ์หายาก ข้าน้อยอยากให้ภรรยาข้าน้อยที่ซีเปียนดีใจ”
ไม่พูดเปล่ามือหยาบกร้านล้วงหยิบถุงเงินยัดใส่มืออีกฝ่าย
ทหารเจ้าของเสียงแรกก้มหน้ามองของในมือ จ้องมองคนตรงหน้าเขม็ง สุดท้ายจึงยิ้มกว้าง
“เห็นแก่ความรักอับแสนบริสุทธิ์ของเจ้า รีบไปเถอะ เดี๋ยวภรรยาเจ้ารอนาน” พูดจบก็เดินหลบปล่อยให้รถม้าเคลื่อนผ่านไป
ขบวนคนและรถม้าบรรทุกหมูที่ว่าเคลื่อนไปสักพัก ไหล่ที่เกร็งของคนเกือบสิบรอบรถม้าก็คลายลง
“ดีที่นายท่านมอบเงินให้ข้ามาเยอะ ผ่านประตูเมืองนี้ได้ ผ่านป่านี้ไป ข้างหน้าก็อาณาเขตข้าแล้ว ไร้อุปสรรค! ฮ่า ฮ่า”
เสียงแหบหัวเราะสะใจ เอามือหยาบกร้านตบบ่าคนตัวเล็กข้างๆ
“เสียดายที่แม้เเต่เส้นผมข้าก็ไม่ได้ยลก็ต้องส่งถึงมือนายท่าน”
พูดไปก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากแตกแห้งอย่างเสียดายเเม่นางที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหมูข้างในรถม้า หลายครั้งที่มีการขนส่งเเม่นางไปขายที่หอบุปผาก็ไม่เคยต้องปิดมิดชิดเยี่ยงนี้มาก่อน อย่างน้อยเขาต้องได้ยลโฉมให้ชื่นใจ แต่ครั้งนี้แม้ปลายผมก็ยังไม่ได้เห็น ตอนได้สินค้านี้มาก็อยู่ในรถม้าปิดทึบเช่นนี้เรียบร้อยแล้ว
“งั้นเราพักยลโฉมแม่นางสักหน่อยดีไหมขอรับ ข้าน้อยว่าต้องงามเป็นเลิศแน่"
“ไม่ได้!” พูดจบมือหยาบกร้านก็ตบลงบนหัวคนตัวเล็กกว่าดังป้าบ
“เจ้าจำไม่ได้รึ นายท่านบอกห้ามแตะต้อง ถ้ามีอะไรผิดพลาดเจ้าตายแน่”
เขายังจำเสียงเย็นนั้นได้ ดวงตาคู่นั้นของคนที่มาส่งรถม้าคันนี้ให้พวกเขาช่างเหี้ยมโหด ทั้งยังกำชับว่าให้รีบเดินทางออกจากเมืองต้นทางให้เร็วที่สุด
“ข้าว่านางต้องเป็นลูกหลานตะกูลใหญ่เป็นแน่ ไม่ทำผิดร้ายแรงก็ไปเหยียบหางผู้มีอำนาจที่ไหนเข้าจึงถูกขายมาเป็นนางในหอนางโลมเช่นนี้”
“จะใหญ่แค่ไหนสุดท้ายก็ต้องอยู่ใต้ล่างพวกเราอยู่ดี ฮ่าฮ่า” ชายร่างเล็กหัวเราะเสียงแหลม
“เจ้าคิดว่าจะตกมาถึงเจ้ารึ ข้าว่านายท่านต้องนำนางไปประมูลเป็นแน่ คงได้เงินอย่างงาม หึ”
“โอ้ ข้าเห็นด้วย ฮ่าฮ่า”
เสียงสนทนาเหล่านั้นดังเข้าโสดประสาทไป๋ซูเมิ่ง สมองอันชาญฉลาดประมวลอย่างเร็วจึงพอประติดประต่อเรื่องทั้งหมดได้
…นี่นางกำลังจะถูกเอาไปขาย!!!
ตอนนี้ถึงไม่ตายก็อยากตายเสียแล้ว เเต่ก็ทำได้เพียงคิดเท่านั้นเพราะแรงแม้ขยับตัวยังแทบไม่มี ร่างกายอ่อนปวกเปียก อ้าปากจะร้องก็ไร้เสียง ใช่! เธอต้องได้รับยาที่ทำให้ร่างกายไม่มีแรง ที่พวกมันบอกว่าเอาใส่ข้าวให้กิน ละก่อนหน้านี้คงกินไปแล้ว คิดพลางลองพยายามนึกเหตุการณ์ก่อนหน้า พลันความทรงจำมากมายทั้งความรู้สึกนึกคิดหลั่งไหลเข้าสู่สมอง…
ความทรงจำนี้น่าจะเป็นความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางชื่อไป๋ซูเมิ่งเหมือนกัน เป็นคุณหนูตระกูลไป๋ มีพี่ชายพ่อแม่เดียวกันสองคนซึ่งรักน้องสาวคนนี้มาก แต่ด้วยเหตุที่ตระกูลไป๋เป็นฝ่ายบู๊ทำให้ทั้งท่านพ่อและพี่ชายต้องออกไปทำศึกที่ชายแดนนานครั้งจึงกลับมาหานางผู้เป็นน้องสาว ส่วนพี่ชายอีกคนสังกัดฝ่ายบุ๋นต้องเข้าราชการทิ้งให้นางอยู่กับท่านย่าและญาติผู้หญิงในเรือนเป็นส่วนใหญ่ ชีวิตของเจ้าของร่างเดิมส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องในเรือนด้วยเหตุที่ร่างกายไม่แข็งแรงป่วยไม่เว้นวัน มีโรคติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดผสานกับถูกพิษเป็นว่าเล่น นับได้ว่าผู้ใดอยากแก้แค้นหรือทำร้ายท่านพ่อ พี่ชาย หรือคนในตระกูลก็จะมาลงที่นางเสียหมด ด้วยเหตุว่าทำเจ้าตัวไม่ได้ก็มาลงที่กล่องดวงใจแทนแล้วกัน
…ไป๋ซูเมิ่งผู้นี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
แต่ถึงชีวิตจะอาภัพเพียงใดแต่นางก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่เจ้าของร่างเดิมใช้เป็นแรงขับเคลื่อนให้ตนมีชีวิตอยู่มาจนถึงบัดนี้ ก็คือนางมีการหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทเเห่งแคว้นที่นางอยู่ซึ่งเป็นคนที่นางแอบชอบตั้งเเต่เเรกเห็น ทุกครั้งนางจะตามเขาติดเมื่อไปเจอกันที่งานชุมนุมต่าง ๆ และครั้งล่าสุดระหว่างทางที่นางกำลังไปร่วมงานฉลองพระราชสมภพขององค์รัชทายาท นางก็ถูกตีจนสลบและถูกลักพาตัวมาจนถึงตอนนี้
แต่ร่างนี้ตายได้ไงนั้นเป็นเพราะเจ้าของร่างเดิมได้ยินคนที่ลักพาตัวด้านนอกคุยกัน พอรู้ว่าตนจะถูกนำไปขายเป็นนางโลมก็ตรอมใจ พอมีแรงก็ตัดสินใจเอาหัวกระแทกกับผนังรถตายคาที่ พลันไป๋ซูเมิ่งลองยกมืออันขาวซีดดังหิมะขึ้นจับหน้าผาก
ซี๊ด เจ็บจริงด้วย โหนกลูกโตบนหน้าผากและคราบเลือดเหนียวเหนอะเป็นพยานชั้นดี
จากนั้นไป๋ซูเมิ่งที่มีชื่อเดียวกับเจ้าของร่างนี้ก็จับพลัดจับพลู วิญญาณมาเข้าร่างนี้และฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ชาติที่แล้วนางตายในหน้าที่ที่เลือกไม่ได้ เมื่อสวรรค์ให้โอกาสนางได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แม้ร่างนี้จะไร้ความสามารถมากเพียงใด อาภัพแค่ไหน นางไป๋ซูเมิ่ง สายลับมือหนึ่งแห่งโลกปัจจุบัน ไม่มีใครเทียบได้เรื่องทักษะการเอาตัวรอด จะรับช่วงต่อเอง
คิดได้ดังนั้นแววตาสับสนพลันเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นทันใด ชาติก่อนนางถูกโชคชะตาบังคับกับสถานะที่เลือกไม่ได้ แต่โชคดีที่ชาตินี้นางได้รับโอกาสให้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา นางจะรักษาโอกาสนี้ให้ดีที่สุด
…ถึงแม้จะอาภัพตั้งแต่ต้นก็เถอะ
ด้วยความที่ซูเมิ่งมักได้รับภารกิจเกี่ยวกับล้วงความลับเสียส่วนใหญ่มากถึงเก้าส่วนของงานทั้งหมด งานฆ่าคนตกเป็นของสายลับคนอื่นเสียมากกว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการล้วงความลับคือต้องพาตัวเองออกมาเพื่อนำส่งความลับเหล่านั้นให้ถึงมือเป้าหมาย ทักษะการเอาตัวรอดจึงสำคัญมาก แน่นอนว่าแค่เรื่องตรงหน้านี้ไม่ยากเกินความสามารถนางแน่
#####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็
#####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง
#####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน
#####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้











