ไร่พรรณิภา
พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาพาคริมามาที่ไร่พรรณิภา ชื่อไร่มาจากชื่อของภรรยาที่ล่วงลับของเขานั่นเอง เดิมทีพ่อเลี้ยงเป็นคนกรุงเทพฯ ได้มีโอกาสมาเที่ยวเชียงใหม่และได้มาพบรักกับพรรณิภาสาวเมืองเหนือ ทั้งสองแต่งงานกัน ลงหลักปักฐานอยู่ที่เชียงใหม่ พ่อเลี้ยงซื้อที่เพื่อทำไร่ส้ม จากนั้นก็ขยับขยายพื้นที่ออกไปจนปัจจุบันมีหลายพันไร่ นอกจากส้มแล้วยังมีผลไม้อื่นๆ อีกมากมาย เช่น องุ่น ลำไย ลิ้นจี่ ซึ่งล้วนแต่ให้ผลผลิตที่งดงามตลอดทุกปี และผลไม้จากไร่แห่งนี้กลายเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตน้ำผลไม้แบรนด์ดังซึ่งเป็นบริษัทของเทวินทร์ ลูกเขยของพ่อเลี้ยง พ่อของเทวินทร์เป็นเพื่อนรักกับเขา ซึ่งหลังจากที่เขาย้ายมาอยู่เชียงใหม่ เขาได้พาเพื่อนและครอบครัวมาเที่ยวที่ไร่ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของเทวินทร์ ลูกชายของเพื่อนรักและพิมพิกา ลูกสาวของเขา ที่นำมาสู่การแต่งงาน “หนูครีมอยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลยนะ..ไม่ต้องเกรงใจ ทำใจให้สบายดูแลตัวเองกับลูกในท้องให้ดี” พ่อเลี้ยงบอกกับหญิงสาวหลังจากที่เขาพาเธอมาที่บ้านไม้สักหลังเล็กกะทัดรัด เขาสร้างบ้านหลังนี้ตอนที่เขาแต่งงานกับพรรณิภา และใช้ชีวิตร่วมกันที่บ้านหลังนี้ แต่ตอนนี้เขาเอาไว้พักผ่อนหย่อนใจในยามค่ำคืน เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั้งหมดของไร่เพราะบ้านถูกสร้างอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นดาวบนท้องฟ้าได้ชัดเจนที่สุด บ้านหลังนี้อยู่ห่างจากบ้านใหญ่ที่ชายชราอาศัยอยู่ประมาณสองกิโลเมตร “ขอบคุณมากๆ นะคะ พ่อเลี้ยง ถ้าครีมไม่เจอพ่อเลี้ยง ครีมก็ไม่รู้ว่าชีวิตครีมจะเป็นอย่างไร” “ไม่ต้องคิดมาก พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันต้องรีบไปดูท้ายไร่ที่เกิดเพลิงไหม้ก่อน” “ค่ะ” จากนั้นพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาก็เดินทางไปยังท้ายไร่ ส่วนคริมาก็จัดเสื้อผ้าใส่ตู้ ก่อนจะไปอาบน้ำและนอนหลับพักผ่อน สามเดือนผ่านไป คริมาเริ่มปรับตัวเข้ากับไร่พรรณิภาได้ หน้าท้องของเธอนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยอายุครรภ์ยี่สิบสี่สัปดาห์แล้ว หญิงสาวเข้าไปช่วยงานพ่อเลี้ยงด้านการทำเอกสารต่างๆ เช่น งานบัญชี หรือเอกสารการจ่ายค่าแรงคนงาน ในส่วนของคนงานในไร่นั้นทุกคนต่างก็รักและเอ็นดูคริมาเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เข้าใจว่าคริมาเป็นเมียลับของพ่อเลี้ยง คริมาไม่ได้สนใจที่จะแก้ต่าง เธอคิดว่าพ่อเลี้ยงเป็นผู้มีพระคุณ เธออยากทำงานตอบแทนบุญคุณของพ่อเลี้ยงถึงแม้ว่าเธอจะทำอะไรได้ไม่มากก็ตาม เพราะเธอเองก็ยังเรียนไม่จบปริญญาตรี เธอมีแค่วุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น แต่หญิงสาวก็พยายามเรียนรู้ ใฝ่หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ และศึกษางานในไร่ทั้งหมด ตั้งแต่การเตรียมดิน การเพาะปลูก การดูแล การบำรุงรักษา การเก็บเกี่ยวผลไม้ต่างๆ รวมไปถึงการขนส่ง ทางด้านอนาคิน หลังจากที่ชายหนุ่มเรียนจบปริญญาตรีแล้ว เขาเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษทันที ส่วนพวกเพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนคนละประเทศ แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ มีนัดเจอกันบ้างถ้ามีโอกาส วันเวลาผ่านไปจนกระทั่ง คริมาใกล้ถึงกำหนดคลอด หญิงสาวตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เห็นหน้าลูกสาว เธอรอคอยวันที่ลูกสาวของเธอจะได้ลืมตามาดูโลกด้วยความตื่นเต้นบวกกับความกลัว เพราะเธอยังไม่เคยคลอดลูก แต่พวกพี่ป้าน้าอาที่อยู่ในไร่ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิง แต่มันเป็นความเจ็บปวดที่งดงาม เธอเองก็อยากสัมผัสความเจ็บปวดนั้นแล้วเหมือนกัน อยากรู้ว่ามันจะเจ็บจวนจะขาดใจเหมือนกับที่พ่อของลูกเธอทำให้เธอเจ็บปวดหรือไม่ และแล้ววันที่คริมารอคอยก็มาถึง เช้านี้เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเจ็บที่ท้องแล้วก็หายไป ทิ้งห่างไปประมาณสิบนาทีเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง คริมารีบโทรหาพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนา และไปหยิบตะกร้าสำหรับเตรียมคลอดที่เธอจัดเตรียมไว้แล้วก่อนหน้านี้ ไม่นานนักพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนากับนายนพก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านพักของเธอ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างทาง คริมาร่ำร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดมาตลอดทาง คริมาถูกส่งตัวเข้าห้องคลอดทันที หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ความกลัว ความอ้างว้างโดดเดี่ยว เธอเคยเห็นในละครที่นางเอกคลอดลูกและมีพระเอกอยู่ด้วยคอยจับมือนางเอก แต่เธอไม่มีใครเลย แม้กระทั่งพ่อ แม่ หรือญาติพี่น้อง เธอได้แต่ภาวนาให้ลูกน้อยของเธอคลอดออกมาอย่างปลอดภัย ในที่สุดเธอก็คลอดลูกน้อยออกมาได้สำเร็จ วินาทีแรกที่พยาบาลนำลูกของเธอมาแนบกับอกของเธอ ความรู้สึกรักและหวงแหนเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ น้ำตาแห่งความปีติยินดีของเธอไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดจนเจียนตายว่ามันเป็นอย่างไร แต่ทว่า..เธอดีใจได้ไม่นานนักหลังจากที่พยาบาลนำลูกของเธอไปที่ห้องพักสำหรับเด็กแรกคลอด ทั้งหมอและพยาบาลที่ทำคลอดให้เธอต่างก็วิ่งวุ่น เพียงชั่วครู่สติของเธอก็วูบดับไป โดยไม่รู้ว่าวินาทีแห่งความเป็นความตายได้เกิดขึ้นกับตัวเอง “ใครเป็นญาติของคุณคริมาครับ?” เสียงของสูตินรีแพทย์เอ่ยขึ้นหลังจากที่เดินออกมาจากห้องคลอด “ผมครับ” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาบอกออกไป “ตอนนี้คนไข้คลอดแล้วนะครับ เด็กปลอดภัย แต่ว่าแม่มีอาการตกเลือดหลังคลอดระยะเฉียบพลัน ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ตอนนี้หมอกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตคนไข้” “หมอต้องช่วยให้ได้นะครับ..หมอ ผมขอร้องจะเสียเงินเท่าไหร่ผมก็ยอม” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาบอกกับหมอ ชายชรารู้สึกสงสารหญิงสาวยิ่งนัก อายุยังน้อยแถมต้องมาเจอกับเรื่องที่เลวร้ายไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง ไหนจะลูกน้อยที่พึ่งจะลืมตามาดูโลกอีก ช่างน่าส่งสารเสียจริง “หมอจะทำให้เต็มที่ที่สุดครับ ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบหมอก็รีบกลับเข้าไปในห้องทำคลอดทันที ในที่สุดคริมาก็ผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างปลอดภัย พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาถึงกับต้องกล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ดลบันดาลให้หญิงสาวปลอดภัยและช่วยให้หลานสาวตัวน้อยไม่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก หลังจากที่คริมาพักฟื้นที่โรงพยาบาลจนหายดีแล้ว หมอก็อนุญาตให้แม่และลูกกลับบ้านได้ เธอตั้งชื่อลูกสาวตัวน้อยว่า น้องเค้ก ส่วนชื่อจริงนั้นคริมาให้พ่อเลี้ยง พัฒน์ธนาตั้งให้ ชื่อว่า เด็กหญิงอนาลิน มันช่างบังเอิญคล้ายกับชื่อของผู้ชายเลวๆ คนนั้น แต่ก็ดีเหมือนกัน เวลาที่เธอเรียกชื่อจริงของลูกเธอจะได้ไม่ลืมเรื่องเลวร้ายที่ผู้ชายคนนั้นทำกับเธอ คริมาได้รับการสอนวิธีการเลี้ยงลูกจากคนงานในไร่ และเธอก็ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมากพอสมควร เธอไม่ใช่ผู้หญิงสมัยใหม่ที่ไม่สนใจวิธีการเลี้ยงลูกแบบโบราณ คำสอนไหนที่เชื่อถือได้หรือสมเหตุสมผลเธอก็ปฏิบัติตาม ส่วนคำสอนไหนที่เธอเห็นว่ามันไม่สมควรเธอก็ละเว้นการปฏิบัติ ลูกสาวของเธอเลี้ยงง่าย อารมณ์ดี ไม่งอแง ร้องไห้บ้างตามประสาเด็ก ที่สำคัญน้องเค้กเป็นที่รักของคนในไร่ด้วยหน้าตาที่น่ารักเหมือนกับตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพู ตากลมโต จมูกรั้นนิดๆ ส่วนคุณตาพัฒน์ธนานั้นหลงหลานสาวหัวปักหัวปำ ชีวิตต่อจากนี้ของคริมาถือว่าเป็นชีวิตใหม่ที่พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนามอบให้กับเธอและลูกน้อยสองปีต่อมาคริมาท้องอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าหลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วเธอจะทำหมัน เพราะมีลูกสามคนก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่อนาคินอยากมีลูกสี่คน ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างชายหนุ่มใช่! เธอท้องลูกแฝดและเป็นฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยอนาคินดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนคริมานั้นก็ดีใจ แต่ลึกๆ เธอก็กังวลเล็กน้อย เพราะแค่เลี้ยงลูกน้อยคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เธอต้องเหนื่อยคูณสอง แต่เธอก็ไม่กลัวเพราะมีอนาคินคอยช่วยเลี้ยง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกมากนักเธอก็จะให้เขาเลี้ยงซะให้เข็ด จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้สบายอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนคิดหลังจากที่คริมาคลอดลูกแฝดแล้ว อนาคินก็พาครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ไร่พรรณิภา เพราะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานั้นตอนนี้ก็แก่ชรามากแล้ว ไม่สามารถดูแลไร่ได้เหมือนเดิม เขาจึงตกเป็นผู้สืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนอนามิกา พี่สาวของเขานั้นก็ดูแลในส่วนของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าไวน์ที่อนาคินคิดค้นผลิตขึ้นมานั้นกลายเป็นไวน์แบรนด์ดังที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะรสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วๆ ไป ส่งผลให้อ
หนึ่งปีต่อมาวันนี้อนาคินพาคริมาและลูกน้อยทั้งสองคนมาเที่ยวพักผ่อนที่ไร่พรรณิภา คนงานในไร่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอคริมากับลูกของเธออีกครั้ง และโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่ทวดไปแล้ว ชายชราดีใจที่ลูกหลานมาเยี่ยมเยือน พ่อเลี้ยงจึงสั่งให้มีการจัดงานเลี้ยงพิเศษขึ้นในค่ำคืนนี้ และให้คนงานทุกคนมาร่วมดื่มกินสังสรรค์กันให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด“พ่อเลี้ยงไม่บอกก่อน ครีมไม่มีชุดสวยๆ ติดมาเลยค่ะ” คริมายังคงเรียกคุณตาของอนาคินว่าพ่อเลี้ยง เพราะความเคยชิน“ไม่ต้องห่วง..พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ทั้งของครีมกับของลูกๆ”“จริงเหรอคะ..พี่คินไปเตรียมตอนไหน ครีมไม่เห็นรู้เลย”“ไม่บอก..แต่พี่รับรองว่าครีมต้องชอบแน่ๆ”“พี่คินคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกครีมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คริมาหันไปทำเสียงดุใส่สามี“เปล่า..ไม่ได้จะทำอะไร ก็พอดีพี่บอกกับคุณตาว่าพวกเราจะมา คุณตาก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเรา เพียงแต่พี่ไม่ได้บอกครีมเท่านั้นเอง”“จริงนะคะ”“จริงที่สุดครับ” อนาคินยิ้มอย่างมีเลศนัยและในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อนาคินส่งตัวลูกสาวกับลูกชายให้ป้าสายช่วยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ และเขาก็บอก
สามวันผ่านไปอนาคินออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้พยาบาลส่วนตัวดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน“ครีมมีนัดตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่” อนาคินเอ่ยถามคนรักในขณะที่เขากำลังนั่งเอามือลูบท้องของเธออยู่“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ..อุ้ย!” คริมาคลี่ยิ้มก่อนจะอุทานออกมาเพราะลูกน้อยในท้องดิ้นแรงเหลือเกิน“ลูกดิ้นเหรอ?” อนาคินถามเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังดิ้น“ค่ะ”“เราจะได้รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”“จริงๆ รู้ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ลูกคงจะอายหนีบไว้ไม่ยอมให้เห็น”“พี่ตื่นเต้นจัง..อยากรู้ว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“วันอาทิตย์นี้น่าจะรู้นะคะ..ถ้าลูกไม่แอบอีก”“เรานอนกันเถอะครับ..ดึกแล้ว”“ค่ะ..ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเหมือนกันครับ” จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้าวันอาทิตย์วันที่คริมากับอนาคินรอคอยก็มาถึง เมื่อเขาพาเธอมาหาหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัด อนาคินตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกน้อยบนหน้าจอเป็นครั้งแรก ภาพของลูกน้อยที่ดิ้นอยู่ในครรภ์ทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพลาดโอ
อนาคินที่แกล้งนอนหลับ อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินคริมาพูดความในใจกับเขา คริมานั่งบนเก้าอี้เธอจับมือข้างหนึ่งของเขามาแนบกับแก้มของเธอ เธอพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลดมือเขา อนาคินอดใจไม่ไหวอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเสียเดี๋ยวนี้เขาพึ่งรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มันช่างดีเหลือเกิน เพราะมันทำให้คริมาหายโกรธเขาและให้โอกาสเขาอีกครั้ง เหมือนเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด อนาคินสัญญากับตัวเอง เขาจะดูแลคริมากับลูกให้ดีที่สุด เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในที่สุดอนาคินก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา“ครีมพูดจริงใช่ไหม?” เขาถามออกไปพร้อมยิ้มอย่างดีใจ“จริงค่ะ ครีมพูดจริงๆ” คริมาตอบก่อนจะตกใจที่ได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหน้ามองเขา อนาคินฟื้นเเล้ว แถมยังยิ้มหน้าแป้นใส่เธออีกนี่เธอโดนเขาหลอกอีกแล้วเหรอ..“นี่พี่คินฟื้นแล้วเหรอคะ? แล้วไม่เห็นมีใครบอกครีมเลย” คริมาหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาเธอดีใจที่เขาฟื้น..แต่ก็เสียใจที่โดนหลอก“ก็น้องครีมไม่ได้ถามนี่นา..” เป็นเสียงของธาวินทร์เอ่ยออกมาเบาๆ“ต้องโทษไอ้คีเลย มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” อาทิ
หลังจากที่อนาคินขับรถออกมาจากบ้านของคีตะได้สักพัก เขามุ่งหน้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการตัวช่วยให้ตัวเองหายเครียดอนาคินนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองเข้ามา โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากจะเข้ามาทักทายเขา แต่หลังจากที่สาวๆ เหล่านั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของเขา พวกหล่อนต่างก็พากันล่าถอยไม่ย่างกรายมาใกล้เขาอีกเลยในขณะที่เขานั่งดื่มอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาก็ลอยเข้ามาในหัว ใช่! ลูกสาวของเขาเอง ป่านนี้ลูกคงจะรอเขาไปอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนเป็นแน่..ตอนนี้ลูกสาวติดเขามากจนเขาไม่สามารถจะไปไหนได้เลย อนาคินคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวเท้ายาวๆ ออกจากผับไปทันทีสติสัมปชัญญะของเขาตอนนี้อาจจะไม่เต็มร้อยนัก แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดขับรถไม่ได้ เขาแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย ในระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นถนนสี่เลน เขาเห็นรถสิบล้อคันหนึ่งพุ่งข้ามฝั่งมาทางที่เขากำลังขับรถ อนาคินเห็นท่าไม่ดีรีบหักหลบรถสิบล้อคันนั้น ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางโครม!จากแรงกระแทกอย่างแรงของการขับไปชนเสาไฟฟ้าทำให้สติของเขาดับไปใ
คริมาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวันนั้น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“เป็นยังไงบ้างครีม” คีตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริมาฟื้นแล้ว“ลูก..พี่คี ลูกของครีมล่ะคะ?” คริมาถามออกไปด้วยความกลัว“ลูกของครีมปลอดภัย แต่ครีมต้องนอนอยู่บนเตียงห้ามขยับจนกว่าหมอจะอนุญาต”“ลูกครีมไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”“จริงสิ..ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เรียกหมอก่อนนะ”จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว เบื้องต้นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอบอกให้เธอพักผ่อนให้มากๆ“พี่คีคะ..แล้ว เอ่อ”“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอก พอดีน้องเค้กไม่สบาย มันก็เลยต้องรีบกลับไปดูลูก”“ตายจริง! แล้วน้องเค้กเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” คริมาอุทานออกมาด้วยความตกใจ“เห็นบอกว่าตัวร้อน แต่ครีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไอ้คินมันพาน้องเค้กไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ครีมต้องทำใจให้สบาย อย่าเครียด เดี๋ยวจะส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง”“ค่ะ”ค่ำคืนนั้นกว่าคริมาจะหลับลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเช้าวันต่อมา / โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้อนาคินยังไม่ได้นอน เมื่อวานเขาพาเด็กหญิงเค้กมาหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติ