สามปีต่อมา
“น้องเค้ก อย่าวิ่งสิลูก เดี๋ยวจะหกล้มนะคะ” คริมาบอกกับลูกสาวตัวน้อยวัยสามขวบที่กำลังวิ่งไปหาพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนา “น้อนเค้กจะหาคุงตาค่า” เสียงน้อยๆ น่ารักบอกกับผู้เป็นมารดา เด็กหญิงอนาลิน หรือ น้องเค้ก เรียนอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กประจำตำบล ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนคริมาจะต้องพาเด็กหญิงมาสวัสดีคุณตาก่อนไปเรียน “มาแล้วหลานรักของตา วันนี้มาแต่เช้าเชียว” พ่อเลี้ยงอุ้มเด็กหญิงเค้กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวา จนเด็กหญิงหัวเราจะคิกคักเพราะจั๊กจี้หนวดของคุณตา “พอรู้ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ได้ไปโรงเรียนอีกวันเดียวน้องเค้กดีใจใหญ่ก็เลยรีบตื่นแต่เช้าค่ะ..พ่อเลี้ยง” “อ๋อ..ที่แท้คนสวยของตาก็ไม่อยากไปโรงเรียนนี่เอง” เสียงคุณตาเอ่ยแซวหลานสาวตัวน้อย “สวัสดีค่ะ..คุณตาก่อนสิลูก เดี๋ยวไปสายนะคะ” “ซาหวัดดีค่า” เด็กหญิงเค้กพนมมือไหว้ด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู “ตั้งใจเรียนนะลูก” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาวางเด็กหญิงลงก่อนจะลูบหัวเบาๆ จากนั้นคริมาก็พาเด็กหญิงเค้กซ้อนมอเตอร์ไซค์ขับออกไป เกือบสี่ปีแล้วสินะ..ที่คริมาอาศัยอยู่ที่นี่ เขาคิดไม่ผิดที่ช่วยเหลือหญิงสาวไว้ในตอนนั้น ถ้าเขาไม่พาเธอมาอยู่ที่นี่ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ชีวิตของสองแม่ลูกจะเป็นอย่างไร เด็กหญิงอนาลิน ทำให้ชายชราอย่างเขามีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากเห็นเหลนตัวน้อยๆ ที่เป็นลูกของหลานชายกับหลานสาวมาวิ่งเล่นในไร่แห่งนี้ เขาเองก็แก่ตัวลงทุกวันไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหน้าเหลนมั้ย เพราะจนป่านนี้หลานสาวกับหลานชายของเขาทั้งสองคนยังไม่แต่งงานมีครอบครัวเลยสักคน.. ทางด้าน อนาคิน เข้ารับตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายการตลาดของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น หลังจากที่ชายหนุ่มเรียนจบปริญญาโทเมื่อสองปีก่อน เขาก็เข้ามาบริหารงานในบริษัททุกฝ่าย อนาคินมีความสามารถหลายด้าน ทุกหน้าที่ที่ชายหนุ่มได้รับมอบหมาย เขาทำมันได้ดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องการตลาด อนาคินสามารถทำกำไรให้บริษัทเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวด้วยความสามารถและการบริหารแบบคนรุ่นใหม่ ชายหนุ่มนำเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่เข้ามาทำให้ลดต้นทุนในการผลิต และสามารถสร้างกำไรได้มหาศาล ครืด! ครืด! “ว่าไงมึง?” อนาคินรับสายเมื่อเห็นว่าคีตะโทรมา (คืนนี้มึงว่างป่าว? ไปเที่ยวผับกัน) “กูไม่รู้จะไปได้หรือเปล่า..ยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลย” (แหมๆ เดี๋ยวนี้มึงขยันจังวะ! ตั้งแต่เป็นผู้บริหารระดับสูง มึงก็ไม่ค่อยว่างมาเที่ยวกับพวกกูเลย) “กูต้องทำงานป่าววะ! ใครจะสบายเหมือนมึงอ่ะ” (แล้วสรุปมึงจะมาปะ) “เออๆ เจอกันที่เก่าเวลาเดิม” (ก็แค่นี้..บายนะมึง) “อืม” จริงอย่างที่คีตะพูด ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาทำงานเต็มตัวเขาแทบไม่มีเวลาไปเที่ยวสังสรรค์เหมือนเมื่อก่อนเลย เรื่องสาวๆ ไม่ต้องพูดถึงห่างหายไปเช่นกัน นอกจากเวลาที่เขาจะเครียดจริงๆ ถึงจะใช้บริการสาวสวย ผับชื่อดังแห่งหนึ่ง “ไงมึง! กว่าจะเสด็จมา กูนึกว่ามึงจะเบี้ยวซะละ” คีตะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอนาคินเดินมา “กูเคลียร์งานเสร็จก็รีบมาเลยเนี่ย” “กูได้ข่าวว่าน้ำผลไม้ของบริษัทมึงกำลังมาแรงเลยนิ ยอดขายพุ่งกระฉูด มึงแม่งเก่งว่ะ ทำได้ไงวะ?” เสียงของอาทิตย์วราเอ่ยถามอนาคินเมื่อเพื่อนนั่งลงที่โซฟาข้างๆ เขา “มันเป็นความสามารถพิเศษว่ะ..ลอกเลียนแบบไม่ได้หรอก” อนาคินตอบแบบขำๆ “จะว่าไปกลุ่มเรานี่แม่งเป็นที่โจษจันที่สุดแล้วในมหาลัย หล่อ รวย เลว มีครบหมด” เสียงของคีตะเอ่ยออกมา “พวกเราเลวด้วยเหรอวะ?” อาทิตย์วราทำหน้างงๆ เขาไม่เคยได้ยินคนอื่นพูดถึงกลุ่มตัวเองแบบนี้ สาวๆ เหล่านั้นต่างก็เต็มอกเต็มใจไม่ได้บังคับใครสักหน่อย “อยู่ดีๆ คืนก่อนกูดันฝันถึงน้องคนนั้นว่ะ!” คีตะเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย “น้องคนไหนของมึงวะ?” ธาวินทร์ถามออกมา “ก็น้องครีมไง มึงจำได้ปะ ที่กูเคยท้าพนันให้ไอ้คินไปสอยมาไงล่ะ” “อ๋อ..จำได้ละ แล้วมึงฝันว่าไงอ่ะ?” อาทิตย์วราพนักหน้าก่อนจะถามออกไป ส่วนคนที่นั่งฟังเงียบๆ ใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อของเธอคนนั้น ชื่อนี้หายไปจากความทรงจำของเขาไปนานแล้ว แต่ความรู้สึกผิดในใจยังมีอยู่ท่วมท้น อนาคินได้แต่ทำหน้านิ่งไม่พูดอะไรออกมา “กูฝันว่าน้องเค้ามาเอาคืนพวกเราว่ะ” เสียงของ คีตะยังคงมีความกังวล “กูว่าป่านนี้น้องเค้าไปไหนต่อไหนแล้วม้าง..คงมีลูกมีผัวไปแล้วแหละ ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว” เสียงของอาทิตย์วราเอ่ยขึ้น ทำให้อนาคินหัวใจเต้นแรงอีกครั้งหลังจากที่มันเริ่มจะสงบนิ่งไปก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากวันนั้นที่คริมารู้ความจริง เขาก็ไม่เคยเจอเธออีกเลย เขาเคยไปดักรอที่บ้านของเธอก็ไม่พบ ถามคนแถวนั้นก็บอกว่าไม่เห็นเธอมาหลายวันแล้ว และที่มหาวิทยาลัยเขาก็ไม่เคยเจอเธอเพราะช่วงนั้นปิดเทอมพอดี ในที่สุดเขาก็เลิกสนใจเธอ พอวันนี้มาได้ยินชื่อของเธอหัวใจของเขามันกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร “เฮ้ย! ไอ้คิน เงียบไปเลยนะมึง มึงรู้เรื่องน้องเค้าบ้างปะ มึงเป็นผัวคนแรกเค้านิ” “พูดเหี้ยอะไร? กูไม่รู้ กูไม่เคยเจอหลังจากวันนั้น” วันที่เขาเห็นเธอร้องไห้ปานจะขาดใจตายอยู่ตรงหน้าเขา วันนั้นเขาใจร้ายใจดำเกินไปจริงๆ เธอก็อยู่ของเธอดีๆ แต่พวกเขากลับดึงเธอมาเดิมพันเพราะความสนุกสนาน ถ้าย้อนกลับไปได้เขาจะไม่รับพนันไอ้คีตะเลยจริงๆ “กูได้ข่าวว่าน้องเค้าลาออกจากมหาลัย” ครานี้เป็นเสียงของธาวินทร์ อนาคินหันขวับไปถามทันที “ทำไม?” เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ “กูก็ไม่รู้ว่ะ..ไม่มีใครรู้เลย น้องเค้าไม่มีเพื่อนในมหาลัยเลย” ธาวินทร์ตอบออกมาอีกครั้ง จนอนาคินนิ่งไปสักพักจึงเอ่ยออกมา “กูว่ากูกลับก่อนดีกว่า..พรุ่งนี้กูมีประชุมสำคัญแต่เช้า” “อ้าว! มึงจะกลับละเหรอ..ยังไม่ทันดื่มสักแก้วเลย” คีตะเอ่ยถาม “อืม..กูไปละ ไว้เจอกัน” พูดจบอนาคินก็ลุกจากไปทันที ระหว่างทางอนาคินยังคิดเรื่องของคริมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ จู่ๆ เธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยความที่ไม่ทันระวัง เมื่อรถคันข้างหน้าเบรกกะทันหันทำให้ชายหนุ่มที่กำลังคิดเรื่องของคริมาอยู่ตกใจหักหลบรถคันข้างหน้าเพื่อไม่ให้พุ่งไปชน ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเสียงชนดังโครม! ศีรษะของอนาคินกระแทกกับอะไรบางอย่างด้วยความแรงจนทำให้ชายหนุ่มหมดสติไปทันทีสองปีต่อมาคริมาท้องอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าหลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วเธอจะทำหมัน เพราะมีลูกสามคนก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่อนาคินอยากมีลูกสี่คน ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างชายหนุ่มใช่! เธอท้องลูกแฝดและเป็นฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยอนาคินดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนคริมานั้นก็ดีใจ แต่ลึกๆ เธอก็กังวลเล็กน้อย เพราะแค่เลี้ยงลูกน้อยคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เธอต้องเหนื่อยคูณสอง แต่เธอก็ไม่กลัวเพราะมีอนาคินคอยช่วยเลี้ยง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกมากนักเธอก็จะให้เขาเลี้ยงซะให้เข็ด จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้สบายอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนคิดหลังจากที่คริมาคลอดลูกแฝดแล้ว อนาคินก็พาครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ไร่พรรณิภา เพราะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานั้นตอนนี้ก็แก่ชรามากแล้ว ไม่สามารถดูแลไร่ได้เหมือนเดิม เขาจึงตกเป็นผู้สืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนอนามิกา พี่สาวของเขานั้นก็ดูแลในส่วนของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าไวน์ที่อนาคินคิดค้นผลิตขึ้นมานั้นกลายเป็นไวน์แบรนด์ดังที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะรสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วๆ ไป ส่งผลให้อ
หนึ่งปีต่อมาวันนี้อนาคินพาคริมาและลูกน้อยทั้งสองคนมาเที่ยวพักผ่อนที่ไร่พรรณิภา คนงานในไร่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอคริมากับลูกของเธออีกครั้ง และโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่ทวดไปแล้ว ชายชราดีใจที่ลูกหลานมาเยี่ยมเยือน พ่อเลี้ยงจึงสั่งให้มีการจัดงานเลี้ยงพิเศษขึ้นในค่ำคืนนี้ และให้คนงานทุกคนมาร่วมดื่มกินสังสรรค์กันให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด“พ่อเลี้ยงไม่บอกก่อน ครีมไม่มีชุดสวยๆ ติดมาเลยค่ะ” คริมายังคงเรียกคุณตาของอนาคินว่าพ่อเลี้ยง เพราะความเคยชิน“ไม่ต้องห่วง..พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ทั้งของครีมกับของลูกๆ”“จริงเหรอคะ..พี่คินไปเตรียมตอนไหน ครีมไม่เห็นรู้เลย”“ไม่บอก..แต่พี่รับรองว่าครีมต้องชอบแน่ๆ”“พี่คินคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกครีมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คริมาหันไปทำเสียงดุใส่สามี“เปล่า..ไม่ได้จะทำอะไร ก็พอดีพี่บอกกับคุณตาว่าพวกเราจะมา คุณตาก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเรา เพียงแต่พี่ไม่ได้บอกครีมเท่านั้นเอง”“จริงนะคะ”“จริงที่สุดครับ” อนาคินยิ้มอย่างมีเลศนัยและในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อนาคินส่งตัวลูกสาวกับลูกชายให้ป้าสายช่วยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ และเขาก็บอก
สามวันผ่านไปอนาคินออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้พยาบาลส่วนตัวดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน“ครีมมีนัดตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่” อนาคินเอ่ยถามคนรักในขณะที่เขากำลังนั่งเอามือลูบท้องของเธออยู่“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ..อุ้ย!” คริมาคลี่ยิ้มก่อนจะอุทานออกมาเพราะลูกน้อยในท้องดิ้นแรงเหลือเกิน“ลูกดิ้นเหรอ?” อนาคินถามเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังดิ้น“ค่ะ”“เราจะได้รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”“จริงๆ รู้ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ลูกคงจะอายหนีบไว้ไม่ยอมให้เห็น”“พี่ตื่นเต้นจัง..อยากรู้ว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“วันอาทิตย์นี้น่าจะรู้นะคะ..ถ้าลูกไม่แอบอีก”“เรานอนกันเถอะครับ..ดึกแล้ว”“ค่ะ..ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเหมือนกันครับ” จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้าวันอาทิตย์วันที่คริมากับอนาคินรอคอยก็มาถึง เมื่อเขาพาเธอมาหาหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัด อนาคินตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกน้อยบนหน้าจอเป็นครั้งแรก ภาพของลูกน้อยที่ดิ้นอยู่ในครรภ์ทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพลาดโอ
อนาคินที่แกล้งนอนหลับ อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินคริมาพูดความในใจกับเขา คริมานั่งบนเก้าอี้เธอจับมือข้างหนึ่งของเขามาแนบกับแก้มของเธอ เธอพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลดมือเขา อนาคินอดใจไม่ไหวอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเสียเดี๋ยวนี้เขาพึ่งรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มันช่างดีเหลือเกิน เพราะมันทำให้คริมาหายโกรธเขาและให้โอกาสเขาอีกครั้ง เหมือนเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด อนาคินสัญญากับตัวเอง เขาจะดูแลคริมากับลูกให้ดีที่สุด เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในที่สุดอนาคินก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา“ครีมพูดจริงใช่ไหม?” เขาถามออกไปพร้อมยิ้มอย่างดีใจ“จริงค่ะ ครีมพูดจริงๆ” คริมาตอบก่อนจะตกใจที่ได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหน้ามองเขา อนาคินฟื้นเเล้ว แถมยังยิ้มหน้าแป้นใส่เธออีกนี่เธอโดนเขาหลอกอีกแล้วเหรอ..“นี่พี่คินฟื้นแล้วเหรอคะ? แล้วไม่เห็นมีใครบอกครีมเลย” คริมาหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาเธอดีใจที่เขาฟื้น..แต่ก็เสียใจที่โดนหลอก“ก็น้องครีมไม่ได้ถามนี่นา..” เป็นเสียงของธาวินทร์เอ่ยออกมาเบาๆ“ต้องโทษไอ้คีเลย มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” อาทิ
หลังจากที่อนาคินขับรถออกมาจากบ้านของคีตะได้สักพัก เขามุ่งหน้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการตัวช่วยให้ตัวเองหายเครียดอนาคินนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองเข้ามา โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากจะเข้ามาทักทายเขา แต่หลังจากที่สาวๆ เหล่านั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของเขา พวกหล่อนต่างก็พากันล่าถอยไม่ย่างกรายมาใกล้เขาอีกเลยในขณะที่เขานั่งดื่มอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาก็ลอยเข้ามาในหัว ใช่! ลูกสาวของเขาเอง ป่านนี้ลูกคงจะรอเขาไปอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนเป็นแน่..ตอนนี้ลูกสาวติดเขามากจนเขาไม่สามารถจะไปไหนได้เลย อนาคินคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวเท้ายาวๆ ออกจากผับไปทันทีสติสัมปชัญญะของเขาตอนนี้อาจจะไม่เต็มร้อยนัก แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดขับรถไม่ได้ เขาแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย ในระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นถนนสี่เลน เขาเห็นรถสิบล้อคันหนึ่งพุ่งข้ามฝั่งมาทางที่เขากำลังขับรถ อนาคินเห็นท่าไม่ดีรีบหักหลบรถสิบล้อคันนั้น ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางโครม!จากแรงกระแทกอย่างแรงของการขับไปชนเสาไฟฟ้าทำให้สติของเขาดับไปใ
คริมาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวันนั้น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“เป็นยังไงบ้างครีม” คีตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริมาฟื้นแล้ว“ลูก..พี่คี ลูกของครีมล่ะคะ?” คริมาถามออกไปด้วยความกลัว“ลูกของครีมปลอดภัย แต่ครีมต้องนอนอยู่บนเตียงห้ามขยับจนกว่าหมอจะอนุญาต”“ลูกครีมไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”“จริงสิ..ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เรียกหมอก่อนนะ”จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว เบื้องต้นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอบอกให้เธอพักผ่อนให้มากๆ“พี่คีคะ..แล้ว เอ่อ”“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอก พอดีน้องเค้กไม่สบาย มันก็เลยต้องรีบกลับไปดูลูก”“ตายจริง! แล้วน้องเค้กเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” คริมาอุทานออกมาด้วยความตกใจ“เห็นบอกว่าตัวร้อน แต่ครีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไอ้คินมันพาน้องเค้กไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ครีมต้องทำใจให้สบาย อย่าเครียด เดี๋ยวจะส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง”“ค่ะ”ค่ำคืนนั้นกว่าคริมาจะหลับลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเช้าวันต่อมา / โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้อนาคินยังไม่ได้นอน เมื่อวานเขาพาเด็กหญิงเค้กมาหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติ