หลังจากที่คริมาออกมาจากบ้าน เธอเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง น้ำตาที่ไหลรินตอนนี้เหือดแห้งไปเหลือแต่คราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่เต็มหน้า ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเธอนั่งอยู่ป้ายรถเมล์มาร่วมสองชั่วโมง ด้วยไม่รู้ว่าจะขึ้นรถไปลงที่ไหน และตอนนี้รถเมล์ก็หยุดวิ่งไปแล้ว ค่ำคืนนี้เธอคงตอนนอนที่ป้ายรถเมล์ไปก่อนเพราะน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว
คฤหาสน์สุดหรูแห่งหนึ่ง “กลับบ้านได้ด้วยเหรอ..คิน” เสียงของคุณหญิงพิมพิกาดังขึ้นเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลับมาบ้าน ปกติลูกชายจะพักที่คอนโดมิเนียมใกล้กับมหาวิทยาลัย ถ้าไม่บอกให้มาหาลูกชายของเธอก็ไม่ค่อยจะกลับบ้าน “ก็คุณตามานี่ครับแม่ ผมก็ต้องมาหาคุณตาสิครับ” อนาคินตอบมารดาก่อนจะหันไปยกมือไหว้พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนา คุณตาของเขาที่มีไร่ผลไม้อยู่ทางภาคเหนือหลายพันไร่ บริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังของคุณเทวินทร์บิดาของเขาก็ได้วัตถุดิบหลักจากไร่ของพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานี่แหละที่ใช้ในการผลิตเครื่องดื่มที่เป็นผลไม้ “สวัสดีครับคุณตา คินคิดถึงคุณตาที่สุดเลยครับ คุณตาสบายดีนะครับ” “สบายดีลูก..แล้วนี่คินว่างเหรอถึงมาหาตาได้ ไม่ไปเที่ยวกับสาวๆ หรือยังไง?” “โถ่! คุณตาสำคัญกว่าสาวๆ พวกนั้นเยอะเลยครับ” “เข้าใจเอาอกเอาใจคนแก่นะเรา..แล้วนี่คินเรียนจบแล้ว จะไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศเลยหรือเปล่าลูก” ชายชราเอ่ยถามหลานชาย “คินว่าจะไปเรียนต่อเลยครับ” “แล้วจะไปเรียนประเทศอะไรล่ะ?” “อังกฤษครับคุณตา” “ดีๆ ลูก ตั้งใจเรียนเอาความรู้กลับมาพัฒนาบริษัทให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปนะลูก” “ครับคุณตา” หลังจากนั้นอนาคินก็ร่วมรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวโดยมีคุณเทวินทร์ คุณหญิงพิมพิกา พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนา และอนามิกา พี่สาวของเขาเองซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดัง พี่สาวของเขาเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่ง มีความสามารถ อันที่จริงตัวเขาเองไม่ได้อยากเรียนบริหารสักเท่าไหร่ แต่ขัดบิดามารดาไม่ได้ จริงๆ แล้ว เขามีความใฝ่ฝันว่าอยากทำไร่ผลไม้เหมือนคุณตามากกว่า เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ ครืด! ครืด! เสียงโทรศัพท์ของพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาดังขึ้นพอดีหลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว “ฮัลโหล! ว่ายังไงเบิ้ม?” (ป่อเลี้ยงคับ มะเดี่ยวนี้เกิดเรื่องหลวงละครับ) พ่อเลี้ยงครับ ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ “ทำไม? เกิดอะไรขึ้น?” (ไฟไหม้ตี่ท้ายไร่คับป่อเลี้ยง หมู่คนงานกะลังไปจ่วยกันดับไฟอยู่คับ) ไฟไหม้ที่ท้ายไร่ครับพ่อเลี้ยง พวกคนงานกำลังไปช่วยกันดับไฟอยู่ครับ “แล้วโทรเรียกรถดับเพลิงหรือยัง?” (โทรละคับ แต่ว่ามันไหม้นักขนาดเลยคับ มะเดี่ยวนี้รถดับเพลิงกะยังมาบ่ถึงเลยคับ) โทรแล้วครับ แต่ว่ามันไหม้เยอะมากเลยครับ ตอนนี้รถดับเพลิงก็ยังมาไม่ถึงเลยครับ “ฝากเบิ้มดูให้ด้วย เดี๋ยวฉันจะรีบกลับไป” (คับ คับ ป่อเลี้ยง) ครับ ครับ พ่อเลี้ยง ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารหยุดฟังพ่อเลี้ยง พัฒน์ธนาคุยโทรศัพท์ด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นครับคุณพ่อ” เสียงของเทวินทร์เอ่ยถาม “ไฟไหม้ที่ท้ายไร่ พ่อคงต้องรีบกลับ เอาไว้โอกาสหน้าพ่อจะมาเที่ยวหาใหม่นะ” ชายชราตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลตอนนี้ใจของเขาอยู่ที่ไร่แล้ว “เดินทางปลอดภัยนะคะคุณพ่อ” พิมพิกาเอ่ยกับบิดา “สวัสดีค่ะคุณตา / สวัสดีครับคุณตา” อนาคินกับอนามิกาพูดออกมาพร้อมกัน จากนั้นพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนากับคนขับรถก็ออกไปจากคฤหาสน์มุ่งหน้าไปยังเชียงใหม่ทันที คริมานั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง เธอนั่งอยู่คนเดียว ปราศจากผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เธอมองรถคันแล้วคันเล่าที่ผ่านไปมา เอ๊ะ! นั่นมันเงินหรือเปล่าที่กำลังปลิวอยู่บนริมฟุตบาท หญิงสาวรีบวิ่งไปดู แต่ด้วยลมที่พัดแรงส่งผลให้เงินปลิวหนีเธอไปตกอยู่กึ่งกลางถนน คริมารีบวิ่งไปโดยไม่ทันได้มองรถที่วิ่งสวนกันไปมา ทันใดนั้นเอง เอี๊ยด! เสียงเบรกที่ดังมาแต่ไกล ว้าย! เสียงกรี้ดของหญิงสาว ในขณะที่คริมาวิ่งไปจนเกือบจะถึงกลางถนนเธอได้ยินเสียงเบรกของรถคันหนึ่ง หญิงสาวตกใจหันไปมองเธอเห็นรถคันนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเธอ คริมากรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความกลัวเธอจึงล้มลงหมดสติไปในที่สุด “เกิดอะไรขึ้น..นพ” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาเอ่ยถามออกไปเมื่อคนขับรถเบรกรถกะทันหัน “มีคนวิ่งตัดหน้ารถครับพ่อเลี้ยง” “ลงไปดูกันเถอะ” พูดจบพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนากับนายนพ คนขับรถก็ลงจากรถและเดินไปยังหน้ารถทันที ชายชราเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนไม่ได้สติอยู่หน้ารถ “หนู..หนู” “น่าจะตกใจจนเป็นลมไปนะครับ เพราะผมเบรกทัน..ไม่ได้ชนเธอ” “งั้นรีบพาไปโรงพยาบาลก่อน” “แล้วเรื่องที่ไร่ล่ะครับ?” นายนพเอ่ยถามเจ้านาย “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน” เพราะตอนนี้มีเบิ้มดูแลอยู่ เบิ้มเป็นมือขวาของเขา ดังนั้นชายชราจึงไว้ใจเบิ้มว่าเบิ้มจะสามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เบิ้มคือคนที่บุกเบิกไร่ส้มแห่งนี้มาพร้อมกับเขา และเบิ้มก็โทรรายงานสถานการณ์ทุกระยะอยู่แล้ว ตอนนี้สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ ตัวพ่อเลี้ยงเองไม่เคยมีปัญหากับใคร ตรงกันข้ามพ่อเลี้ยงเป็นคนดี มีเมตตา ช่วยให้ชาวบ้านละแวกนั้นได้มีอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาจึงเป็นที่รักของทุกคน นายนพขับรถพาหญิงสาวที่หมดสติแวะโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หลังจากส่งหญิงสาวถึงมือหมอแล้ว ชายชราอยู่รอดูอาการของหญิงสาวก่อน “หนู..หนูฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง?” พ่อเลี้ยงเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง พยายามลืมตาขึ้นมา “หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?” หญิงสาวถามออกไป เธอจำได้ว่าเธอกำลังวิ่งไปตรงกลางถนนและมีรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเธอ จากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้แล้ว “หนูเป็นลมล้มอยู่หน้ารถของฉัน ฉันก็เลยพาหนูมาโรงพยาบาลนี่แหละ..เดี๋ยวฉันเรียกหมอให้นะ” จากนั้นหมอก็เข้ามาดูอาการของหญิงสาว ผลการตรวจปกติทุกอย่างยกเว้น เรื่องที่เธอกำลังตั้งครรภ์ พ่อเลี้ยงทราบเรื่องนี้หลังจากที่ได้คุยกับหมอช่วงที่เธอสลบอยู่ “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ คนไข้พักผ่อนให้เยอะๆ นะครับ เดี๋ยวหมอจะสั่งยากลับบ้านให้นะครับ” หมอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย “ขอบคุณค่ะ..คุณหมอ” จากนั้นหมอกับพยาบาลก็ออกจากห้องไป ชายชราจึงเอ่ยถามหญิงสาว “บ้านหนูอยู่ที่ไหน? เดี๋ยวฉันจะไปส่ง” สิ้นเสียงของพ่อเลี้ยง คริมาก็ร้องไห้ออกมาก่อนจะพยายามตั้งสติพูดออกมา “หนูไม่มีบ้านค่ะ..หนูถูกพ่อไล่ออกจากบ้านเพราะ..เพราะว่า..” “เพราะหนูท้องใช่มั้ย?” หญิงสาวเงยหน้ามองชายชรา “คุณรู้เหรอคะ..ว่าหนูท้อง” พ่อเลี้ยงพยักหน้าเบาๆ “ฮือ..หนูไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปไหน หนูก็เลยไปนอนที่ป้ายรถเมล์” หญิงสาวร่ำไห้ออกมา พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “งั้นเอาอย่างนี้มั้ย..ถ้าหนูไม่มีที่ไป ไปอยู่กับฉันก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดอีกทีว่าจะเอายังไง” “ที่ไหนคะ” คริมาถามออกไปอย่างมีความหวัง “เชียงใหม่” “คุณให้หนูไปอยู่ด้วยได้จริงๆ เหรอคะ” “จริงสิ..หนูไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่หลอกหนูอย่างแน่นอน หนูไว้ใจฉันได้” “ขอบคุณค่ะ..ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ที่คุณเมตตาหนู” คริมายกมือไหว้ชายชราผู้มีจิตใจดี มีเมตตา จากนั้นทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังเชียงใหม่ จังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทยสองปีต่อมาคริมาท้องอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าหลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วเธอจะทำหมัน เพราะมีลูกสามคนก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่อนาคินอยากมีลูกสี่คน ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างชายหนุ่มใช่! เธอท้องลูกแฝดและเป็นฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยอนาคินดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนคริมานั้นก็ดีใจ แต่ลึกๆ เธอก็กังวลเล็กน้อย เพราะแค่เลี้ยงลูกน้อยคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เธอต้องเหนื่อยคูณสอง แต่เธอก็ไม่กลัวเพราะมีอนาคินคอยช่วยเลี้ยง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกมากนักเธอก็จะให้เขาเลี้ยงซะให้เข็ด จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้สบายอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนคิดหลังจากที่คริมาคลอดลูกแฝดแล้ว อนาคินก็พาครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ไร่พรรณิภา เพราะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานั้นตอนนี้ก็แก่ชรามากแล้ว ไม่สามารถดูแลไร่ได้เหมือนเดิม เขาจึงตกเป็นผู้สืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนอนามิกา พี่สาวของเขานั้นก็ดูแลในส่วนของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าไวน์ที่อนาคินคิดค้นผลิตขึ้นมานั้นกลายเป็นไวน์แบรนด์ดังที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะรสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วๆ ไป ส่งผลให้อ
หนึ่งปีต่อมาวันนี้อนาคินพาคริมาและลูกน้อยทั้งสองคนมาเที่ยวพักผ่อนที่ไร่พรรณิภา คนงานในไร่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอคริมากับลูกของเธออีกครั้ง และโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่ทวดไปแล้ว ชายชราดีใจที่ลูกหลานมาเยี่ยมเยือน พ่อเลี้ยงจึงสั่งให้มีการจัดงานเลี้ยงพิเศษขึ้นในค่ำคืนนี้ และให้คนงานทุกคนมาร่วมดื่มกินสังสรรค์กันให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด“พ่อเลี้ยงไม่บอกก่อน ครีมไม่มีชุดสวยๆ ติดมาเลยค่ะ” คริมายังคงเรียกคุณตาของอนาคินว่าพ่อเลี้ยง เพราะความเคยชิน“ไม่ต้องห่วง..พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ทั้งของครีมกับของลูกๆ”“จริงเหรอคะ..พี่คินไปเตรียมตอนไหน ครีมไม่เห็นรู้เลย”“ไม่บอก..แต่พี่รับรองว่าครีมต้องชอบแน่ๆ”“พี่คินคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกครีมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คริมาหันไปทำเสียงดุใส่สามี“เปล่า..ไม่ได้จะทำอะไร ก็พอดีพี่บอกกับคุณตาว่าพวกเราจะมา คุณตาก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเรา เพียงแต่พี่ไม่ได้บอกครีมเท่านั้นเอง”“จริงนะคะ”“จริงที่สุดครับ” อนาคินยิ้มอย่างมีเลศนัยและในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อนาคินส่งตัวลูกสาวกับลูกชายให้ป้าสายช่วยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ และเขาก็บอก
สามวันผ่านไปอนาคินออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้พยาบาลส่วนตัวดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน“ครีมมีนัดตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่” อนาคินเอ่ยถามคนรักในขณะที่เขากำลังนั่งเอามือลูบท้องของเธออยู่“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ..อุ้ย!” คริมาคลี่ยิ้มก่อนจะอุทานออกมาเพราะลูกน้อยในท้องดิ้นแรงเหลือเกิน“ลูกดิ้นเหรอ?” อนาคินถามเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังดิ้น“ค่ะ”“เราจะได้รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”“จริงๆ รู้ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ลูกคงจะอายหนีบไว้ไม่ยอมให้เห็น”“พี่ตื่นเต้นจัง..อยากรู้ว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“วันอาทิตย์นี้น่าจะรู้นะคะ..ถ้าลูกไม่แอบอีก”“เรานอนกันเถอะครับ..ดึกแล้ว”“ค่ะ..ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเหมือนกันครับ” จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้าวันอาทิตย์วันที่คริมากับอนาคินรอคอยก็มาถึง เมื่อเขาพาเธอมาหาหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัด อนาคินตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกน้อยบนหน้าจอเป็นครั้งแรก ภาพของลูกน้อยที่ดิ้นอยู่ในครรภ์ทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพลาดโอ
อนาคินที่แกล้งนอนหลับ อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินคริมาพูดความในใจกับเขา คริมานั่งบนเก้าอี้เธอจับมือข้างหนึ่งของเขามาแนบกับแก้มของเธอ เธอพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลดมือเขา อนาคินอดใจไม่ไหวอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเสียเดี๋ยวนี้เขาพึ่งรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มันช่างดีเหลือเกิน เพราะมันทำให้คริมาหายโกรธเขาและให้โอกาสเขาอีกครั้ง เหมือนเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด อนาคินสัญญากับตัวเอง เขาจะดูแลคริมากับลูกให้ดีที่สุด เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในที่สุดอนาคินก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา“ครีมพูดจริงใช่ไหม?” เขาถามออกไปพร้อมยิ้มอย่างดีใจ“จริงค่ะ ครีมพูดจริงๆ” คริมาตอบก่อนจะตกใจที่ได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหน้ามองเขา อนาคินฟื้นเเล้ว แถมยังยิ้มหน้าแป้นใส่เธออีกนี่เธอโดนเขาหลอกอีกแล้วเหรอ..“นี่พี่คินฟื้นแล้วเหรอคะ? แล้วไม่เห็นมีใครบอกครีมเลย” คริมาหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาเธอดีใจที่เขาฟื้น..แต่ก็เสียใจที่โดนหลอก“ก็น้องครีมไม่ได้ถามนี่นา..” เป็นเสียงของธาวินทร์เอ่ยออกมาเบาๆ“ต้องโทษไอ้คีเลย มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” อาทิ
หลังจากที่อนาคินขับรถออกมาจากบ้านของคีตะได้สักพัก เขามุ่งหน้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการตัวช่วยให้ตัวเองหายเครียดอนาคินนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองเข้ามา โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากจะเข้ามาทักทายเขา แต่หลังจากที่สาวๆ เหล่านั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของเขา พวกหล่อนต่างก็พากันล่าถอยไม่ย่างกรายมาใกล้เขาอีกเลยในขณะที่เขานั่งดื่มอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาก็ลอยเข้ามาในหัว ใช่! ลูกสาวของเขาเอง ป่านนี้ลูกคงจะรอเขาไปอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนเป็นแน่..ตอนนี้ลูกสาวติดเขามากจนเขาไม่สามารถจะไปไหนได้เลย อนาคินคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวเท้ายาวๆ ออกจากผับไปทันทีสติสัมปชัญญะของเขาตอนนี้อาจจะไม่เต็มร้อยนัก แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดขับรถไม่ได้ เขาแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย ในระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นถนนสี่เลน เขาเห็นรถสิบล้อคันหนึ่งพุ่งข้ามฝั่งมาทางที่เขากำลังขับรถ อนาคินเห็นท่าไม่ดีรีบหักหลบรถสิบล้อคันนั้น ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางโครม!จากแรงกระแทกอย่างแรงของการขับไปชนเสาไฟฟ้าทำให้สติของเขาดับไปใ
คริมาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวันนั้น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“เป็นยังไงบ้างครีม” คีตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริมาฟื้นแล้ว“ลูก..พี่คี ลูกของครีมล่ะคะ?” คริมาถามออกไปด้วยความกลัว“ลูกของครีมปลอดภัย แต่ครีมต้องนอนอยู่บนเตียงห้ามขยับจนกว่าหมอจะอนุญาต”“ลูกครีมไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”“จริงสิ..ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เรียกหมอก่อนนะ”จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว เบื้องต้นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอบอกให้เธอพักผ่อนให้มากๆ“พี่คีคะ..แล้ว เอ่อ”“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอก พอดีน้องเค้กไม่สบาย มันก็เลยต้องรีบกลับไปดูลูก”“ตายจริง! แล้วน้องเค้กเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” คริมาอุทานออกมาด้วยความตกใจ“เห็นบอกว่าตัวร้อน แต่ครีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไอ้คินมันพาน้องเค้กไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ครีมต้องทำใจให้สบาย อย่าเครียด เดี๋ยวจะส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง”“ค่ะ”ค่ำคืนนั้นกว่าคริมาจะหลับลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเช้าวันต่อมา / โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้อนาคินยังไม่ได้นอน เมื่อวานเขาพาเด็กหญิงเค้กมาหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติ