กระทั่งเข้าปีที่สิบหกแห่งการครองราชย์ของจ้าวเหว่ย ยามที่องค์ชายใหญ่ถังไท่หลินมีอายุสิบห้าปี ถูกเลือกให้เป็น องค์รัชทายาท ตามความเห็นเป็นเอกฉันท์จากพี่น้องชายหญิง โดยมีบิดามารดานั่งฟังตาปริบๆ มิอาจทัดทานหรือออกความเห็นยังมีขุนนางทั้งหลายที่สนับสนุนเต็มที่ ด้วยไม่อาจส่งบุตรีของตนเข้าเป็นสนมของฮ่องเต้ได้ จึงเลือกส่งเข้าวังบูรพาแทนถังไท่หลินไม่เคยปฏิเสธสตรีนางใดเลยสักคน เขารับเอาไว้ทั้งหมดอีกครั้งที่จ้าวเหว่ยกับซานซานต้องมองตาปริบๆกาลเวลาเหมือนน้ำใสไหลริน สามปีต่อมา ...ฮ่องเต้ต้าถังประกาศราชโองการสละราชสมบัติให้รัชทายาท ถังไท่หลินระบบการปกครองรูปแบบดั้งเดิมกลับมาอีกครั้ง วังหลังของฮ่องเต้พระองค์ใหม่เต็มไปด้วยบุปผางดงามตระการตา ทว่าทุกนางกลับอยู่ในโอวาทของจักรพรรดิเป็นอย่างดี ถังไท่หลินเป็นฮ่องเต้ที่มีท่าทางสงบเยือกเย็น แววตาสุขุมนุ่มลึก แต่กลับเด็ดขาดเฉียบคม กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งยังไร้หัวใจที่สุดในใต้หล้า...หมู่บ้านผิงเหยียนริมธารแห่งเดิม บัดนี้มีเรือนไม้หลังงามสีทองอร่ามตั้งตระหง่านโอ่อ่า ถูกปลูกสร้างขึ้นมาทดแทนเรือนไผ่ริมธารหลังเดิมได้อย่างหรูหราอลังการยิ่งซานซานในชุดสีขาวเร
สามคนพ่อแม่ลูกได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขในพระราชวังหรูหราเป็นครอบครัวสูงศักดิ์ที่รักใคร่กลมเกลียวอย่างที่สุดทว่าไม่นาน...ลู่หลิ่งที่ฝึกวิชาจนเก่งกล้าได้ตัดสินใจออกท่องหล้า จึงเอ่ยปากขออนุญาตกับบิดามารดาด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่เปิดโอกาสให้ใครโต้แย้ง ยังไม่ลืมชักชวนจ้าวสุนไปด้วยหลังจากนั้นลู่หลิ่งกับจ้าวสุนก็พากันหายเข้ากลีบเมฆ ซานซานได้แต่มองตามตาปริบๆ โบกผ้าเช็ดหน้าเบาๆ สงสัยอยู่ในใจมิคลายว่าบุตรสาวโตขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดจ้าวเหว่ยโอบกอดภรรยาแนบอกปลอบประโลมพัลวันห้องบรรทมหรูหรา...เตียงกว้างส่งเสียงครืดคราด ผสานเสียงครวญครางและลมหายใจกระชั้นถี่ ม่านมุ้งมิอาจสะกั้นความร้อนเร่าร่านราคะแห่งเพลิงปรารถนา ได้ยินเสียงกระซิบแตกพร่าที่ริมหูว่า“ซานซาน...”“หืม...”“เจ้าหยุดกินยาหรือยัง”พวกแก้มของซานซานแดงปลั่ง ริมฝีปากบวมช้ำถูกฟันขบกัดเล็กน้อย ดวงตาคู่งามหยาดเยิ้มหวานล้ำ เรือนผมคลี่สยาย ลมหายใจหอบกระเส่า นางตอบเสียงเบา “อืม...”“ดีมาก...” น้ำเสียงทุ้มต่ำเปี่ยมเสน่ห์ล้นทะลักดังขึ้น มรสุมพิศวาสพลันโหมกระหน่ำรอบแล้วรอบเล่า“ดีเหลือเกิน...”หลังจากนั้นเพียงเดือนครึ่ง ข่าวการตั้งครรภ์ของฮองเฮ
แท้จริงแล้วหญิงสาวได้ให้หยุนผิงกับจ้าวหมิงตามสืบจนล่วงรู้ตัวตนคนร้ายตัวจริงก่อนหน้านานแล้วทว่ายังไม่เปิดเผยต่อใครนางแค่รอให้พวกมันได้ใจ และก่อเหตุร้ายในที่สุดรอคอยให้บุคคลสำคัญแห่งต้าถังอ่อนแอที่สุดส่วนชาวยุทธ์เหล่านั้นที่ร่วมมือกับกบฏล้วนเป็นคนของหยุนผิง ที่แสร้งร่วมมือไปก่อนตามสถานการณ์รอตลบหลังอย่างชั่วช้า...แน่นอนว่าเรื่องนี้คนดีๆ คงไม่คิดทำ มีแต่นางมารอย่างซานซานเท่านั้นที่คิดได้เดิมทีโซวอ๋องไหนเลยจักเคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครง่ายๆ เช่นนี้ ทุกศึกที่ผ่านมาค่อนชีวิตของเขาล้วนกำชัยทว่าเพราะตัวเขาที่ไม่ว่าจักโหดเหี้ยมต่อศัตรูเพียงใดยังไม่เคยคิดร้ายถึงขั้นเอาชีวิตของหลานชายเลยสักคน จ้าวเหวินรู้ถึงข้อนี้ดี จึงทำทีเข้าหาด้วยท่าทางไร้พิษภัย เป็นหลานชายผู้นอบน้อมเหมือนเช่นเคย แสดงตัวว่าต้องการร่วมรบปราบกบฏกับเสด็จอา ซึ่งยามนั้นยังอยู่ในช่วงที่คาดการว่าทรราชเป็นใครกันแน่ เป็นแม่ทัพหรืออำมาตย์คนใดนั่นจึงทำให้ชั่วขณะมื้ออาหารระหว่างอาหลาน โซวอ๋องถูกพิษสลายวิญญาณจากการร่วมจิบชา ส่วนจ้าวเหวินหนีไปได้ทางทิศใดมิอาจทราบช่วงเวลาเจ็บสาหัสเจียนตาย ย่างเท้าใกล้ประตูผีรอมร่อ ท้ายที่สุดโซวอ๋องกลับ
หลังจากจ้าวเหว่ยได้ขึ้นครองราชย์ อดีตฮ่องเต้ก็ค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ไม่นานยังหายป่วยเป็นปลิดทิ้งนับเป็นไท่ซ่างหวงที่สมบูรณ์แข็งแรงผู้หนึ่ง จึงออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้าประหนึ่งเป็นหนุ่มน้อยไร้เดียงสากระนั้น ยังไม่ลืมพาจ้าวสุนกับลู่หลิ่งออกท่องเที่ยวพร้อมกัน จนหลี่กุ้ยเฟยต้องนั่งกุมขมับ พร่ำบ่นเช้าค่ำถึงความซุกซนของสามีกับหลานสาวการเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจและการสละราชสมบัติ นับเป็นช่วงเวลาอันดีที่ซ้อนเร้นสิ่งเลวร้ายช่วงหนึ่งของทุกราชวงศ์ความวุ่นวายจึงก่อตัวขึ้นช่วงนี้ หรือกล่าวอีกทีก็คือกบฏทรราชฉวยโอกาสก่อเรื่องช่วงที่ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งประทับนั่งยังไม่มั่นคงคนผู้นั้นคือองค์ชายสี่ จ้าวเหวินร่วมมือกับองค์ชายรอง จ้าวหยางทั้งสองคือผู้ร้ายตัวจริงที่สวมรอยโซวอ๋องหมายจัดการจ้าวเหว่ย ด้วยพันธะสัญญาว่า หากจ้าวเหวินได้ยึดครองบัลลังก์ กลายเป็นโอรสสวรรค์ผู้มีอำนาจล้นฟ้า จ้าวหยางย่อมได้ยศคืน แล้วกลับมาสูงส่งเป็นอ๋องปกครองดินแดนบูรพาอันสมบูรณ์มั่งคั่งคลื่นใต้น้ำห่าใหญ่กำลังคืบคลานชอนไชรอซัดโหมกระหน่ำโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ตัวสักคน...ยามที่จ้าวเหว่ยกำลังประชุมท้องพระโรงหลังจากถ่ายทอดคำสั่งเพื่อให้ขุนนางด
วันเวลาคืบคลานไปช้าๆ สองสามีภรรยาต่างร่วมมือกันก้าวผ่านทุกสิ่ง ดีบ้างชั่วบ้าง แล้วแต่วาระโอกาสจ้าวเหว่ยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนถังเทียนเหมินฮ่องเต้ ซานซานเป็นแม่ทัพหญิงผู้ยิ่งใหญ่ มีสหายร่วมรบมากมายส่วนฮ่องเต้ยังคงประชวรต่อไป นานนับปียังสุขภาพไม่สู้ดีหลี่กุ้ยเฟยมาคอยดูแลฮ่องเต้ถึงห้องบรรทมทุกวัน หลายครั้งยังถูกลู่หลิ่งออดอ้อนขอแสดงความจงรักภักดีโดยการติดตามมาปรนนิบัติด้วยแรกเริ่มฮ่องเต้ทรงมองเด็กหญิงด้วยสายตาหวาดระแวง แต่เพราะประชวรหนักไม่อาจขยับแม้ปลายพระกร จึงทำได้แค่นอนนิ่งๆ ให้ลู่หลิ่งปรนนิบัติรินน้ำชา เตรียมโจ๊ก เช็ดพระวรกาย นวดพระบาท เหน็บชายผ้าห่ม นั่งโบกพัด กระทั่งชวนคุยและเล่าเรื่องสนุกสนานตามจินตนาการจากสมองน้อยๆ จนเรียกเสียงหัวเราะจากคนบนเตียงได้ไม่ยากความน่ารักสดใสของเด็กหญิงเป็นอาวุธชั้นเลิศท้ายที่สุดฮ่องเต้มิอาจต่อต้านได้ จึงยอมรับหลานสาวผู้นี้อย่างจำนนหมดทั้งใจเมื่อได้อยู่เพียงลำพังกับสนมคนโปรด ฮ่องเต้จึงตัดสินพระทัยบอกความจริงทั้งหมดแก่หลี่กุ้ยเฟยด้วยสุรเสียงแหบแห้ง แววพระเนตรรู้สึกผิดเต็มส่วนครั้นหลี่กุ้ยเฟยได้ฟังยังแทบล้มทั้งยืน “ที่แท้หลิ่งเอ๋อร์กับซานซา
สามวันต่อมา...ราชโองการสมรสพระราชทานอย่างเป็นทางการก็เดินทางมาถึงจวนสกุลหลิวมหาขันทีส่วนพระองค์ยืนอยู่กลางโถง สองมือถือแผ่นผ้าสีทองกางออกเบื้องหน้า ทำท่าจะประกาศก้องอย่างเป็นทางการ กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณหนูหลิวฉานเหยาจู่ๆ ก็ล้มตึงลงบนพื้นห้อง สองตาเหลือกถลน กลีบปากอวบอิ่มที่ทาชาดสีแดงมีน้ำลายฟูมออกมา นางชักดิ้นชักงอมีท่าทางอเนจอนาถอย่างมาก ขันทีจำต้องม้วนพระราชโองการมงคลสมรสเก็บใส่กล่อง ยืนมองเหตุการณ์วุ่นวายกลางโถงเงียบๆสมรสพระราชทานยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ทั้งยังไม่มีใครรับราชโองการ ขั้นตอนยังไม่ทันสมบูรณ์กลับเกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้ ลางร้ายโดยแท้...หลิวฉานเหยาหมดสติหลับใหลนับแต่วันนั้น หลายวันผ่านไปยังคงไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา หมอแต่ละคนตรวจอาการเสร็จก็ทำได้แค่ส่ายหน้า จนปัญญาหาสาเหตุ ทำได้แค่รักษาตามอาการประคองลมหายใจหนึ่งเดือนต่อมาในค่ำคืนหนึ่ง หลิวฉานเหยาพลันฟื้นคืนสติขึ้นมา ทว่ากลับกลายเป็นสตรีไม่สมบูรณ์เหมือนเก่า นางนั่งเหม่อลอยคล้ายเด็กน้อย พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง บางครั้งยังซึมเซา บางคราวยังนั่งกล่าวคำเรื่อยเปื่อยแล้วหัวเราะคนเดียวถึงแม้ว่าราชโองการยังไม่ถู