“ทำไมชอบย้ำเรื่องนี้จังนะ ผมแค่เกิดช้าไปห้าปีเท่านั้นเอง”
เขาเสยผมแรงๆ อย่างไรก็หนีไม่พ้นคำว่าเด็กน้อยของรวีกานต์
หญิงสาวยิ้มสวยเมื่อเสียงของเด็กน้อยกลับมาอยู่ในระดับที่เธอคุ้นชิน เธอยังวางมือบนบ่านั้น แล้วจู่ๆ เอวบางก็ถูกดึงด้วยมือแกร่ง เขาดึงเธอเบาๆ แต่ทำให้เธอเข้าไปอยู่ในระยะอ้อมแขน
“ทำอะไร!”
“ฝนสาดไม่รู้หรือไง”
เด็กน้อยบอกแล้วชี้ให้ดู มีหยาดฝนสาดเข้ามาตรงที่รวีกานต์ยืนอยู่ ปลายภูถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองออกแล้วคลุมลงบนศีรษะให้หล่อน
หัวใจของรวีกานต์เต้นระรัว เอาอีกแล้ว จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติอีกแล้ว น่าสงสัยไหมเล่าที่คนที่ทำให้มันเต้นยังเป็นชายคนเดิม ชายที่ไม่เหมาะกับการฝากชีวิต ชายที่อายุน้อยกว่าเธอตั้งห้าปี
“เอ่อ...ขอบใจ” บอกขอบใจแล้วล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ กะว่าจะทิ้งมันลงถังขยะใบเล็กที่ตั้งอยู่นอกชายคาร้านอาหาร
“ไม่ใส่แว่นก็สวยดี แต่ถ้าใส่จะน่ารัก”
รวีกานต์เหล่มองเจ้าเด็กน้อย ช่างอารมณ์แปรปรวนเสียจริง
“ฉันจะทิ้ง จะไม่ใส่มันอีก มันกลบความสวยของฉันมานานพอแล้ว”
แว่นสายตากรอบดำอันโตถูกแกะออกจากมือบาง ปลายภูกำมันไว้
“อย่าเข้าใจผิดล่ะ ไม่ได้จะเก็บไว้หรอกนะ จะเอาไปทิ้งให้ต่างหาก” เขาว่า แต่กลับดันแว่นสายตาเข้าไว้ในกระเป๋ากางเกง
“งั้นเหรอ ขอบใจ” ตอบสั้นๆ ด้วยไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี “งั้นฉันกลับก่อนนะ ฝนเริ่มซาแล้ว”
“ให้ผมไปส่งเถอะ รู้จักกันมาสามปียังไม่รู้เลยว่าบ้านตะวันอยู่ไหน”
“บ้านนายอยู่ไหนฉันก็ไม่รู้เหมือนกันละน่า”
“แต่อย่างน้อยก็รู้นี่นาว่าที่ทำงานผมอยู่ที่ไหน”
“แล้วนายจะอยากรู้จักที่ทำงานฉันไปทำไมล่ะ สายงานเราคงไม่ได้เอางานมาดีลกันหรอก อีกอย่าง...มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนี่นา เราสองคนคบกันเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องแบบนี้สบายดีแล้ว ไม่ต้องรับรู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันให้ปวดหัวหรอก จริงไหมล่ะ”
ปลายภูพยักหน้า นั่นก็จริงนะ แต่ถ้าหล่อนสนใจเรื่องส่วนตัวของเขามากกว่านี้สักนิดก็คงดี “แล้วจะกลับยังไง”
“สองแถวไง ยังไม่หยุดวิ่งนี่” เธอบอก
“ให้ผมไปส่งเถอะน่า”
“นี่! พูดจนปากแฉะไม่เข้าใจเลยหรือไง”
“แค่หน้าปากซอยก็ได้ ดึกแล้ว...เป็นห่วง” บอกแล้วจับเสื้อที่คลุมร่างรวีกานต์ให้คลุมบนศีรษะดีๆ ผมสั้นประบ่าของหล่อนช่วยทำให้หล่อนหน้าเด็กลงอีกหลายปี เขาอยากมีโอกาสได้ทำแบบนี้ให้หล่อนบ่อยๆ แต่คงเป็นได้แค่ความฝันกระมัง
“ไม่เอา ฉันกลับเองได้น่า ไม่อยากนั่งมอเตอร์ไซค์ มันเปียก”
ปลายภูอ้าปากค้าง นี่หล่อนคิดว่าเขาจะเอารถสองล้อไปส่งอย่างนั้นหรือ
“โอเค งั้นไปแท็กซี่ มาเร็ว”
แล้วปลายภูก็ดึงรวีกานต์ออกจากใต้ชายคา เสื้อของเขาถูกดึงมาคลุมศีรษะคนทั้งคู่ ปลายคางของหนุ่มรุ่นน้องอยู่เหนือสายตาของรวีกานต์ ใบหน้าขาวผ่องน่าสัมผัส จมูกน่าลูบไล้และริมฝีปากน่าจุมพิต เด็กน้อยของเธอเป็นชายมีเสน่ห์ มีเสน่ห์จนยากจะต้านทาน เธอเองก็กำลังตกอยู่ในบ่วงเสน่ห์ของเขา ความใกล้ชิดเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว กลิ่นหอมยั่วเย้าของกายชายพาให้สมองของเธอมึนงง หัวใจเธอเต้นแรงอีกแล้ว แรงกว่าตอนที่ได้เจอหน้าบอสใหญ่เสียอีก
แท็กซี่คันหนึ่งแล่นมาจอดชิดริมฟุตบาท รวีกานต์ถูกผลักเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง
“นั่งแท็กซี่นี่แหละจะได้ถึงไวๆ ถึงบ้านแล้วโทรหาผมด้วยนะ” สั่งความแล้วหันไปหาคนขับ ก่อนจะควักธนบัตรใบละห้าร้อยส่งให้หนึ่งใบ
“เฮ้...นั่นนายจะทำอะไร”
“ชู่ว์...” เขาปรามหล่อน “ส่งเธอให้ถึงบ้านนะครับ ถ้าไม่พอก็เอากับคุณผู้หญิง แต่ถ้าเหลือก็เก็บไว้เลย ขอบคุณนะครับลุง” เขาเอ่ยกับคนขับแท็กซี่ที่เป็นคุณลุงท่าทางใจดี
รวีกานต์มองค้อน
“ถ้าคิดว่าเป็นหนี้บุญคุณละก็ เลี้ยงหนังผมสักรอบนะครับ อยากดูหนังกับตะวันจะแย่”
“เชอะ ฉันไม่เอาเงินไปละลายในโรงหนังหรอกย่ะ เปลือง...”
ปัง!
แล้วประตูรถก็ถูกปิดเข้าแรงๆ ปลายภูมองตามจนไฟท้ายรถหายไปจากสายตา เขาถอนหายใจเบาๆ เดินข้ามสะพานลอยกลับมายังร้านกาแฟ ตรวจเช็กความเรียบร้อยของบัญชีแล้วรับเอาถุงผ้าใบย่อมจากแคชเชียร์ร้าน ก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถของตัวเอง
รถยุโรปสีนิลสนิทจอดอยู่ใต้ชายคาของลานจอดรถร้านกาแฟ ปลายภูกดรีโมตเพื่อเปิดประตู ก่อนจะเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ถอนหายใจเฮือกๆ แล้วเริ่มสตาร์ตรถ
“ไม่ถามสักคำว่าจะเอารถอะไรไปส่ง คิดเองเออเอง ผู้หญิงหนอผู้หญิง”
บ่นให้คนที่ขึ้นรถแท็กซี่ไปนานแล้ว ก่อนจะบังคับพวงมาลัยให้พารถเคลื่อนออกจากลานจอด เป็นอีกวันฝนพรำที่หัวใจของปลายภูแห้งแล้งเหลือเกิน เมื่อไหร่รวีกานต์จะมองเห็นความจริงใจที่เขาสื่อ เมื่อไหร่หล่อนจะเปิดใจให้เด็กน้อยคนนี้บ้าง เมื่อไหร่หนอรวีกานต์
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่