เวนิสาโอดครวญอยู่บนเตียง ปากบ่นไม่หยุด มือก็เกาไม่หยุดเกาเช่นกัน จะลงไปหาอะไรกินข้างล่างก็กลัวว่าจะเจอปานรพี ถ้าเจอกันจริงๆ คงยากจะปฏิเสธ เธอใส่ชุดนอนเรียบร้อยขนาดนี้ หล่อนคงได้เค้นคอถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เพราะถึงแม้จะรู้จักมักจี่คุ้นเคยกันดี แต่มันใช่เรื่องไหม หากเธอจะบอกปานรพีว่ามาอยู่ที่นี่ชั่วคราว
“โอย...แค่คิดก็ปวดตับ รีบๆ กินแล้วกลับบ้านไปซะยัยนางเอกขาวีน!”
____________
ย้อนหลับมาที่ร้านอาหารกึ่งผับ รวีกานต์พลิกนาฬิกาข้อมือดู พวกเธอนั่งอยู่ตรงนี้มาสองชั่วโมงแล้ว ฝนด้านนอกก็กำลังลงเม็ดบางๆ จนข้างในร้านหนาวนิดหน่อย เด็กน้อยของเธอกำลังละเลียดเบียร์แก้วสุดท้ายของเขาอยู่
“หมดแก้วนี้แล้วพอนะ กว่าฉันจะกลับถึงบ้านมันจะดึกเอา”
เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ ตาเริ่มหวานเยิ้มเมื่อมีแอลกอฮอล์ในร่าง
“ทำไม กลัวผมเมาแล้วปล้ำเหรอ” ถามแล้วหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์
“เชอะ...ลองทำแบบนั้นจริงๆ สิ แม่จะถีบให้ตกเตียงเลย”
“โอย...เจ๊ใจร้าย จะถีบคนหล่อๆ อย่างผมได้ลงคอเหรอ”
“เฮ้อ...จริงๆ เลย หลงตัวเองชะมัด ไปๆ ฉันต้องรีบกลับแล้ว”
ปลายภูทำปากยื่นจมูกย่นอย่างน่าเอ็นดู เขายังอยากนั่งอยู่อย่างนี้ นั่งมองรวีกานต์อีกสักพักให้หายคิดถึง แต่หล่อนดันอยากกลับบ้าน ไม่รู้จะรีบกลับไปทำไม บ้านไม่ย้ายหนีไปไหนหรอกน่า
“น้องคะ เช็กบิลค่า”
เธอโบกมือเรียกบริกร ห้านาทีไม่ขาดไม่เกิน บริกรก็นำบิลมาแจ้งที่โต๊ะ เธอควักกระเป๋าเตรียมจ่ายเพราะสำนึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่พนักงานร้านกาแฟ แถมยังเรียนอยู่ ทว่าเธอดึงแบงก์ออกจากกระเป๋ายังไม่เสร็จดี การ์ดสีทองใบเล็กๆ แต่อานุภาพยิ่งใหญ่ก็ถูกวางลงบนถาดสีดำที่อยู่ในมือบริกร เจ้าหล่อนจากไปเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว
“นี่...ใช้การ์ดแบบนั้นได้ยังไง ใช้เงินเกินตัวเดี๋ยวก็ได้เป็นหนี้หรอก” บ่นให้คนที่เอ็นดูเหมือนน้องชาย แต่อีกฝ่ายโบกมือไหวๆ
“ผมรู้น่า ไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้” ว่าแล้วยิ้ม ตาเริ่มปรือ
รวีกานต์ได้กลิ่นเบียร์ลอยมาจากลมหายใจเขา ชวนให้บางส่วนในกายเธอทำปฏิกิริยา รู้สึกว่าโลหิตทั่วร่างมันไหลแรงขึ้น ใจก็หวิวๆ บอกไม่ถูก
“พูดไม่ฟัง ดื้อนะเราน่ะ เป็นน้องนุ่งจะจับตีก้นซะให้เข็ด”
ปลายภูยิ้มเจ้าเล่ห์ “อยากโดนตีก้นจัง”
“นี่! อย่าคิดอะไรลามกกับฉันนะ ถ้าไม่อยากตายก่อนเรียนจบ”
“โธ่...ตะวันใจร้าย ผมก็เป็นผู้ชายนะครับ แมนทั้งแท่งแถมหล่ออีกต่างหาก”
“แค่นั้นไม่พอหรอกย่ะ ผู้หญิงสมัยนี้น่ะ เขาไม่ได้มองแค่ความหล่อ เขามองเงินในบัญชีโน่น ถ้ามีเยอะเมื่อไหร่ ความหล่อความเท่ก็ตามมาเองนั่นแหละ เพราะฉะนั้นตราบใดที่นายยังไม่มี ก็อย่าฝันไอ้หนู!”
“เฮอะ! ไอ้หนูเนี่ยนะ!”
ปลายภูส่ายหน้า ไม่ชอบใจที่ได้ยินคำนั้น เขาโตแล้ว ถึงอายุน้อยกว่าแต่ไม่ใช่เด็กน้อยอย่างที่หล่อนจะเรียกว่าไอ้หนูได้นะ
ครืด...
เก้าอี้ของปลายภูถูกเลื่อนออกไป เขาลุกยืน ใบหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย และพอบริกรเอาเครดิตการ์ดพร้อมใบเสร็จมาให้ เขาก็เซ็นมันอย่างรวดเร็วแล้วเดินหนีออกมาโดยไม่รอรวีกานต์
“เฮ้ย! นายภู! ทิ้งฉันได้ไง รอก่อนสิ ข้างนอกฝนตกอยู่นะ!”
รวีกานต์คว้ากระเป๋ามาสะพายแทบไม่ทัน เธอวิ่งออกมานอกร้าน ทันเจ้าเด็กน้อยจอมเหวี่ยงพอดี เขายืนหน้ายุ่ง เฝ้ามองเม็ดฝนที่กำลังพร่างพรม
“อย่าเรียกผมว่าไอ้หนูอีก ผมไม่ชอบ ผมบรรลุนิติภาวะแล้ว เลยเบญจเพสมาหลายเดือนแล้วด้วย” เขาอธิบาย พยายามไม่เคืองโกรธคนที่ไม่ได้ตั้งใจ รวีกานต์ไม่ใช่คนแบบนั้น เขารู้ใจหล่อนเสมอ
“ขอโทษนะภู ฉันรู้ว่านายโตแล้ว แต่ว่า...โลกภายนอกมันกว้างมากนะ ไม่ได้มีแค่ลูกค้าในร้านกาแฟ ยังมีหลายๆ อย่างที่นายต้องเรียนรู้ ผู้หญิงสมัยนี้ก็เหมือนกัน แค่ความรักอย่างเดียวไม่ทำให้พวกเธอเหล่านั้นตกหลุมรักนายหรอกนะ”
“ตะวันก็เหมือนกันใช่ไหม ชอบคนรวยเหรอ”
เขาถาม รู้สึกผิดหวังนิดๆ เมื่อสตรีที่แอบรักกลายเป็นคนแบบนี้
รวีกานต์กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ คำถามนั้นไม่ทำให้ใจเธอสั่นได้เท่าวงหน้าหล่อเหลาของปลายภู ดูเขาสิ ท่ามกลางแสงสีเหลืองนวลของไฟหน้าร้าน ใบหน้านี้ช่างงดงามราวรูปสลัก เขาตัวสูง ผิวขาว หน้าตาดีเกินกว่าจะเป็นเพียงพนักงานในร้านกาแฟ
“ใช่”
“เฮอะ! แบบนี้เองสินะ เงินทองมันสำคัญนักเหรอ”
ชายหนุ่มเปล่งเสียงหัวเราะคล้ายเยาะหยัน รวีกานต์หน้าตึงทันใด
“ใช่...สำคัญสิ เพราะความจนไม่ใช่เรื่องตลก คนที่ไม่เคยจนไม่มีวันรู้หรอกภู เพราะฉะนั้นฉันถึงทำทุกทางเพื่อถีบตัวเองให้หนีจากความจน ฉันหนีมันมาทั้งชีวิต ดิ้นรนจนพอมีกิน ฉันถึงได้เข้าใจ แล้วมันผิดเหรอ ที่ผู้หญิงอย่างฉันจะชอบเงิน ชอบความสบาย ผิดหรือภู”
สิ่งที่รวีกานต์อธิบายสะกิดหัวใจบางๆ ของปลายภู มุมมองการใช้ชีวิตของหล่อนแตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง คนเราถูกเลี้ยงดูมาต่างกันย่อมยากที่จะมองโลกในแบบเดียวกัน นี่เขาใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลอีกแล้วสินะ
แล้วจู่ๆ มือบางของรวีกานต์ก็ตบเบาๆ บนไหล่ของปลายภู เขาเหล่มองมือนั้น
“รู้สึกผิดอยู่เหรอ ไม่ต้องหรอก บอกแล้วไงว่านายยังเด็ก รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เมื่อไหร่ ฉันถึงจะยอมรับว่านายโตแล้ว”
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่