เวนิสาโอดครวญอยู่บนเตียง ปากบ่นไม่หยุด มือก็เกาไม่หยุดเกาเช่นกัน จะลงไปหาอะไรกินข้างล่างก็กลัวว่าจะเจอปานรพี ถ้าเจอกันจริงๆ คงยากจะปฏิเสธ เธอใส่ชุดนอนเรียบร้อยขนาดนี้ หล่อนคงได้เค้นคอถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เพราะถึงแม้จะรู้จักมักจี่คุ้นเคยกันดี แต่มันใช่เรื่องไหม หากเธอจะบอกปานรพีว่ามาอยู่ที่นี่ชั่วคราว
“โอย...แค่คิดก็ปวดตับ รีบๆ กินแล้วกลับบ้านไปซะยัยนางเอกขาวีน!”
____________
ย้อนหลับมาที่ร้านอาหารกึ่งผับ รวีกานต์พลิกนาฬิกาข้อมือดู พวกเธอนั่งอยู่ตรงนี้มาสองชั่วโมงแล้ว ฝนด้านนอกก็กำลังลงเม็ดบางๆ จนข้างในร้านหนาวนิดหน่อย เด็กน้อยของเธอกำลังละเลียดเบียร์แก้วสุดท้ายของเขาอยู่
“หมดแก้วนี้แล้วพอนะ กว่าฉันจะกลับถึงบ้านมันจะดึกเอา”
เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ ตาเริ่มหวานเยิ้มเมื่อมีแอลกอฮอล์ในร่าง
“ทำไม กลัวผมเมาแล้วปล้ำเหรอ” ถามแล้วหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์
“เชอะ...ลองทำแบบนั้นจริงๆ สิ แม่จะถีบให้ตกเตียงเลย”
“โอย...เจ๊ใจร้าย จะถีบคนหล่อๆ อย่างผมได้ลงคอเหรอ”
“เฮ้อ...จริงๆ เลย หลงตัวเองชะมัด ไปๆ ฉันต้องรีบกลับแล้ว”
ปลายภูทำปากยื่นจมูกย่นอย่างน่าเอ็นดู เขายังอยากนั่งอยู่อย่างนี้ นั่งมองรวีกานต์อีกสักพักให้หายคิดถึง แต่หล่อนดันอยากกลับบ้าน ไม่รู้จะรีบกลับไปทำไม บ้านไม่ย้ายหนีไปไหนหรอกน่า
“น้องคะ เช็กบิลค่า”
เธอโบกมือเรียกบริกร ห้านาทีไม่ขาดไม่เกิน บริกรก็นำบิลมาแจ้งที่โต๊ะ เธอควักกระเป๋าเตรียมจ่ายเพราะสำนึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่พนักงานร้านกาแฟ แถมยังเรียนอยู่ ทว่าเธอดึงแบงก์ออกจากกระเป๋ายังไม่เสร็จดี การ์ดสีทองใบเล็กๆ แต่อานุภาพยิ่งใหญ่ก็ถูกวางลงบนถาดสีดำที่อยู่ในมือบริกร เจ้าหล่อนจากไปเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว
“นี่...ใช้การ์ดแบบนั้นได้ยังไง ใช้เงินเกินตัวเดี๋ยวก็ได้เป็นหนี้หรอก” บ่นให้คนที่เอ็นดูเหมือนน้องชาย แต่อีกฝ่ายโบกมือไหวๆ
“ผมรู้น่า ไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้” ว่าแล้วยิ้ม ตาเริ่มปรือ
รวีกานต์ได้กลิ่นเบียร์ลอยมาจากลมหายใจเขา ชวนให้บางส่วนในกายเธอทำปฏิกิริยา รู้สึกว่าโลหิตทั่วร่างมันไหลแรงขึ้น ใจก็หวิวๆ บอกไม่ถูก
“พูดไม่ฟัง ดื้อนะเราน่ะ เป็นน้องนุ่งจะจับตีก้นซะให้เข็ด”
ปลายภูยิ้มเจ้าเล่ห์ “อยากโดนตีก้นจัง”
“นี่! อย่าคิดอะไรลามกกับฉันนะ ถ้าไม่อยากตายก่อนเรียนจบ”
“โธ่...ตะวันใจร้าย ผมก็เป็นผู้ชายนะครับ แมนทั้งแท่งแถมหล่ออีกต่างหาก”
“แค่นั้นไม่พอหรอกย่ะ ผู้หญิงสมัยนี้น่ะ เขาไม่ได้มองแค่ความหล่อ เขามองเงินในบัญชีโน่น ถ้ามีเยอะเมื่อไหร่ ความหล่อความเท่ก็ตามมาเองนั่นแหละ เพราะฉะนั้นตราบใดที่นายยังไม่มี ก็อย่าฝันไอ้หนู!”
“เฮอะ! ไอ้หนูเนี่ยนะ!”
ปลายภูส่ายหน้า ไม่ชอบใจที่ได้ยินคำนั้น เขาโตแล้ว ถึงอายุน้อยกว่าแต่ไม่ใช่เด็กน้อยอย่างที่หล่อนจะเรียกว่าไอ้หนูได้นะ
ครืด...
เก้าอี้ของปลายภูถูกเลื่อนออกไป เขาลุกยืน ใบหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย และพอบริกรเอาเครดิตการ์ดพร้อมใบเสร็จมาให้ เขาก็เซ็นมันอย่างรวดเร็วแล้วเดินหนีออกมาโดยไม่รอรวีกานต์
“เฮ้ย! นายภู! ทิ้งฉันได้ไง รอก่อนสิ ข้างนอกฝนตกอยู่นะ!”
รวีกานต์คว้ากระเป๋ามาสะพายแทบไม่ทัน เธอวิ่งออกมานอกร้าน ทันเจ้าเด็กน้อยจอมเหวี่ยงพอดี เขายืนหน้ายุ่ง เฝ้ามองเม็ดฝนที่กำลังพร่างพรม
“อย่าเรียกผมว่าไอ้หนูอีก ผมไม่ชอบ ผมบรรลุนิติภาวะแล้ว เลยเบญจเพสมาหลายเดือนแล้วด้วย” เขาอธิบาย พยายามไม่เคืองโกรธคนที่ไม่ได้ตั้งใจ รวีกานต์ไม่ใช่คนแบบนั้น เขารู้ใจหล่อนเสมอ
“ขอโทษนะภู ฉันรู้ว่านายโตแล้ว แต่ว่า...โลกภายนอกมันกว้างมากนะ ไม่ได้มีแค่ลูกค้าในร้านกาแฟ ยังมีหลายๆ อย่างที่นายต้องเรียนรู้ ผู้หญิงสมัยนี้ก็เหมือนกัน แค่ความรักอย่างเดียวไม่ทำให้พวกเธอเหล่านั้นตกหลุมรักนายหรอกนะ”
“ตะวันก็เหมือนกันใช่ไหม ชอบคนรวยเหรอ”
เขาถาม รู้สึกผิดหวังนิดๆ เมื่อสตรีที่แอบรักกลายเป็นคนแบบนี้
รวีกานต์กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ คำถามนั้นไม่ทำให้ใจเธอสั่นได้เท่าวงหน้าหล่อเหลาของปลายภู ดูเขาสิ ท่ามกลางแสงสีเหลืองนวลของไฟหน้าร้าน ใบหน้านี้ช่างงดงามราวรูปสลัก เขาตัวสูง ผิวขาว หน้าตาดีเกินกว่าจะเป็นเพียงพนักงานในร้านกาแฟ
“ใช่”
“เฮอะ! แบบนี้เองสินะ เงินทองมันสำคัญนักเหรอ”
ชายหนุ่มเปล่งเสียงหัวเราะคล้ายเยาะหยัน รวีกานต์หน้าตึงทันใด
“ใช่...สำคัญสิ เพราะความจนไม่ใช่เรื่องตลก คนที่ไม่เคยจนไม่มีวันรู้หรอกภู เพราะฉะนั้นฉันถึงทำทุกทางเพื่อถีบตัวเองให้หนีจากความจน ฉันหนีมันมาทั้งชีวิต ดิ้นรนจนพอมีกิน ฉันถึงได้เข้าใจ แล้วมันผิดเหรอ ที่ผู้หญิงอย่างฉันจะชอบเงิน ชอบความสบาย ผิดหรือภู”
สิ่งที่รวีกานต์อธิบายสะกิดหัวใจบางๆ ของปลายภู มุมมองการใช้ชีวิตของหล่อนแตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง คนเราถูกเลี้ยงดูมาต่างกันย่อมยากที่จะมองโลกในแบบเดียวกัน นี่เขาใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลอีกแล้วสินะ
แล้วจู่ๆ มือบางของรวีกานต์ก็ตบเบาๆ บนไหล่ของปลายภู เขาเหล่มองมือนั้น
“รู้สึกผิดอยู่เหรอ ไม่ต้องหรอก บอกแล้วไงว่านายยังเด็ก รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เมื่อไหร่ ฉันถึงจะยอมรับว่านายโตแล้ว”
“ทำไมชอบย้ำเรื่องนี้จังนะ ผมแค่เกิดช้าไปห้าปีเท่านั้นเอง”เขาเสยผมแรงๆ อย่างไรก็หนีไม่พ้นคำว่าเด็กน้อยของรวีกานต์หญิงสาวยิ้มสวยเมื่อเสียงของเด็กน้อยกลับมาอยู่ในระดับที่เธอคุ้นชิน เธอยังวางมือบนบ่านั้น แล้วจู่ๆ เอวบางก็ถูกดึงด้วยมือแกร่ง เขาดึงเธอเบาๆ แต่ทำให้เธอเข้าไปอยู่ในระยะอ้อมแขน“ทำอะไร!”“ฝนสาดไม่รู้หรือไง”เด็กน้อยบอกแล้วชี้ให้ดู มีหยาดฝนสาดเข้ามาตรงที่รวีกานต์ยืนอยู่ ปลายภูถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองออกแล้วคลุมลงบนศีรษะให้หล่อนหัวใจของรวีกานต์เต้นระรัว เอาอีกแล้ว จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติอีกแล้ว น่าสงสัยไหมเล่าที่คนที่ทำให้มันเต้นยังเป็นชายคนเดิม ชายที่ไม่เหมาะกับการฝากชีวิต ชายที่อายุน้อยกว่าเธอตั้งห้าปี“เอ่อ...ขอบใจ” บอกขอบใจแล้วล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ กะว่าจะทิ้งมันลงถังขยะใบเล็กที่ตั้งอยู่นอกชายคาร้านอาหาร“ไม่ใส่แว่นก็สวยดี แต่ถ้าใส่จะน่ารัก”รวีกานต์เหล่มองเจ้าเด็กน้อย ช่างอารมณ์แปรปรวนเสียจริง“ฉันจะทิ้ง จะไม่ใส่มันอีก มั
เวนิสาโอดครวญอยู่บนเตียง ปากบ่นไม่หยุด มือก็เกาไม่หยุดเกาเช่นกัน จะลงไปหาอะไรกินข้างล่างก็กลัวว่าจะเจอปานรพี ถ้าเจอกันจริงๆ คงยากจะปฏิเสธ เธอใส่ชุดนอนเรียบร้อยขนาดนี้ หล่อนคงได้เค้นคอถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เพราะถึงแม้จะรู้จักมักจี่คุ้นเคยกันดี แต่มันใช่เรื่องไหม หากเธอจะบอกปานรพีว่ามาอยู่ที่นี่ชั่วคราว“โอย...แค่คิดก็ปวดตับ รีบๆ กินแล้วกลับบ้านไปซะยัยนางเอกขาวีน!”____________ย้อนหลับมาที่ร้านอาหารกึ่งผับ รวีกานต์พลิกนาฬิกาข้อมือดู พวกเธอนั่งอยู่ตรงนี้มาสองชั่วโมงแล้ว ฝนด้านนอกก็กำลังลงเม็ดบางๆ จนข้างในร้านหนาวนิดหน่อย เด็กน้อยของเธอกำลังละเลียดเบียร์แก้วสุดท้ายของเขาอยู่“หมดแก้วนี้แล้วพอนะ กว่าฉันจะกลับถึงบ้านมันจะดึกเอา”เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ ตาเริ่มหวานเยิ้มเมื่อมีแอลกอฮอล์ในร่าง“ทำไม กลัวผมเมาแล้วปล้ำเหรอ” ถามแล้วหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์“เชอะ...ลองทำแบบนั้นจริงๆ สิ แม่จะถีบให้ตกเตียงเลย”“โอย...เจ๊ใจร้าย จะถีบคนหล่อๆ อย่างผมได้ลงคอเหรอ”&l
“ไปเอาให้หน่อยสิคะ นะๆ ฉันยังไม่เสร็จงานในครัวเลย เผื่อแม่มีเรื่องด่วน ถ้าไม่โทรกลับฉันถูกสับเละเป็นโจ๊กแน่”“ฉันเป็นคนใช้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่”“โธ่...คุณพี่ ทำเพื่อน้องนะคะ เดี๋ยวคืนนี้น้องจัดให้หลายๆ ท่า ฮ่าๆๆ”“นี่! ยัยหื่น อย่ามาหื่นใกล้ฉันนะ ไปไกลๆ เลย!”ศศินเผ่นแน่บออกนอกห้องครัว เวนิสากลั้นขำ การแกล้งศศินสามารถทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาได้ ไม่รู้เขาจะกลัวอะไรนักหนา เธอเป็นผู้หญิงร่างบอบบาง กระไรเลยจะกล้าปล้ำผู้ชาย หึๆๆ“คุณวีคะ คุณวี!”“อะไร! อะไรคะพี่” ถามเอากับสาวใช้นางหนึ่งที่วิ่งหน้าตั้งเข้าครัวมา“คุณปานรพีค่ะ คุณปานรพีมา!”“หา!?”“พี่ศศิน! พี่ศศินไปทำอะไรในครัวค้า รพีมาหาค่า!”เสียงปานรพีดังมาก่อนตัว เวนิสาวางมีดในมือแทบไม่ทัน เธอแลหาที่หลบท่ามกลางหัวใจอันลุ้นระทึก สาวใช้นางนั้นก็เช่นกัน แต่ในครัวไม่มีที่พอจะหลบได้ สุดท้ายสาวใช้ก็เปิดประตูหลังให้เวนิสา หญิงสาวรีบเผ่นออกไป ไม่ได้รู้เลยว่าด้านนอกนั้นมี
“ตกลงว่าได้เดตกับเขาจริงเหรอ”“อาฮะ” รวีกานต์พยักหน้ารับ หยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นจิบ อิ่มจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ แต่ยังไม่หยุด ยังเหลือไอศกรีมอีกถ้วย เธอต้องยัดมันลงกระเพาะน้อย ก่อนที่มันจะละลาย ว่าแล้วก็...“อื้ม...อาหย่อยอีกแย้ว...”หนุ่มรุ่นร้องส่ายหน้าระอา ทว่ามีรอยยิ้ม“เลอะหมดแล้ว กินเลอะเป็นเด็กๆ ไปได้” เด็กน้อยเทคแคร์พี่สาวคนดีด้วยการเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปเช็ดคราบไอศกรีมออกให้สัมผัสเบาๆ ที่มุมปากทำให้รวีกานต์หัวใจเต้นแรง ช้อนไอศกรีมหลุดจากมือ จ้องมองเขาตาปริบๆ แต่อีกฝ่ายทำไม่รู้ไม่ชี้“อะไรกัน อย่ามาหว่านเสน่ห์ใส่ฉันนะ ฉันอายุเยอะกว่านายตั้งห้าปีนะพ่อเด็กน้อย”“อา...อย่าพูดแทงใจดำแบบนั้นสิครับ ถ้าผมอายุเท่าตะวัน คิดหรือว่าตะวันจะลอยนวล ผมจะขายขนมจีบทุกวันเลย”เขาเอ่ยแล้วหยิบแก้วเบียร์ขึ้นจิบเท่ๆ คำพูดคำจาที่ไม่รู้พูดจริงหรือแค่ล้อเล่นทำให้รวีกานต์ไม่รู้จะเชื่อหรือไม่เชื่อดี“เชอะ...ฉันไม่สนนายหรอกย่ะ ฉันน่ะ มีเจ้าชายในดวงใจแล้ว&rdquo
[3]ซ่อนรัก ________รวีกานต์เดินออกจากลิฟต์มาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ด้วยว่าวันนี้เธอได้แจ้งแก่บอสใหญ่เรื่องเดตที่เขาเคยสัญญาไว้ พวกเธอนัดกันวันเสาร์นี้ ศศินจะมารับเธอที่บ้าน เหมือนฝันที่เป็นจริง ในที่สุดเธอก็จะได้เดตกับชายในฝันแล้วปรื๊นๆๆๆเสียงแตรรถดังสนั่นแทรกเข้ามาในห้วงคำนึงอันแสนหวาน รวีกานต์พาตัวเองออกมาสู่โลกของความจริง ท้องฟ้าเบื้องบนใกล้มืดมิดเต็มที แต่เธอยังไม่ถึงบ้าน เพิ่งจะลงจากรถไฟฟ้า เบื้องหน้าคือถนนที่คลาคล่ำไปด้วยยวดยานพาหนะและควันโขมงจากท่อไอเสียรถยนต์เธอควรขึ้นรถสองแถวตรงกลับบ้าน แต่ว่า ความยินดีบางอย่างทำให้เธอต้องไปพบเพื่อนผู้คุ้นเคยเสียก่อนณ ปลายภู Coffeeป้ายหน้าร้านช่วยทำให้รอยยิ้มของรวีกานต์กระจ่างขึ้นมาอีกครั้ง พอมองเข้าไปด้านในก็เห็นบุรุษร่างสูง กำลังเทคแคร์ลูกค้าด้วยรอยยิ้มสดใสและใบหน้าหล่อเหลาของเขา เธอรีบโบกมือให้เมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตา เขาไม่ได้สวมชุดอย่างพนักงานคนอื่น แต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาทว่าดูดี เป็นเสื้อยืดสีขาวด้านใน คลุมทับด้วยเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนที่ไม่ได้ติดกระดุม มีผ้ากันเปื้อนแบบเดียวกันกับพนักงาน คาดทับเอวไว้ ร้านกาแฟ ณ ปลายภู มีชื่อเสียงในละแวกน
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ กัดริมฝีปากล่างอย่างประหม่า ศศินมองภาพนั้นไม่วางตา รอยโลหิตค่อยๆ ถูกฟันขาวๆ กรีดมันออกก่อนจะเรืองรองขึ้นมาอีกครั้งกลายเป็นริมฝีปากสีชาดอิ่มสวย“บอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่เธอวางแผนไว้คงสำเร็จได้ยากหน่อย ก็จริงที่เธอได้อยู่ร่วมห้องกับฉัน แต่เรื่องนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น แค่นี้ชีวิตฉันก็ยุ่งวุ่นวายพอแล้ว ฉันไม่หาเรื่องให้ตัวเองเพิ่มหรอก ครบสามเดือนก็รีบๆ ย้ายออกไปซะ นี่คือความหวังดีที่สุดจากฉันแล้ว เข้าใจนะ”เวนิสาพยักหน้าหงอยๆ“พี่คะ”“อะไร”“ขอ...สักที จะไม่ลืมพระคุณ”“เวนิสา!”ศศินอยากจะบ้าตาย ที่พูดออกไปยืดยาวนั่นมันไหลเข้าสมองหล่อนบ้างไหม“ฉันคงอยู่เฉยๆ รอวันย้ายออกไปไม่ได้หรอกค่ะ ชีวิตฉันขึ้นอยู่กับพี่ ฉันต้องท้องกับพี่ให้ได้ ต้องอ่อยท่าไหนฉันก็จะสู้ รอดูได้เลย!”ศศินยกมือกุมขมับ นี่เขาพูดกับท่อนไม้หรืออย่างไร“เธอนี่จริงๆ เลย เคยเข้าใจอะไรบ้างไหม รู้หรือเปล่าว่าตั้งแต่เธอมาอยู่ใกล้ฉันฉันต้องเปลืองพลังงานมากแค่ไ
ตกค่ำ วันเดียวกันศศินเดินเข้ามาในห้องอย่างมึนงง เขายังไม่ชินนักกับการมีเวนิสาอยู่ร่วมชายคา ไม่ชินกับอากาศเย็นๆ ของแอร์ในห้องด้วย ปกติแล้วเมื่อกลับมาถึงบ้านแบบนี้ เขาต้องรอหลายนาทีกว่าแอร์จะเย็น ตอนนี้เวนิสาหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง หล่อนขยับกายเล็กน้อย คงได้ยินเสียงเขาเดินเข้ามา“อะไรกัน นอนหลับอะไรป่านนี้ หรือว่าจะไม่สบาย” ถามตัวเองแล้วเดินเข้าไปดู กล้าๆ เกร็งๆ แต่สุดท้ายก็เลื่อนหลังมือไปอังหน้าผากมน มีไออุ่นแผ่ออกมาเล็กน้อย“ไม่ได้ป่วยแฮะ สงสัยจะเสียเลือดมากจนเพลีย”ชายหนุ่มนั่งลงข้างเตียง พิจารณาวงหน้างามของคนหลับอย่างทึ่งๆ ใบหน้าเรียวสวยนี่เข้ามาวนเวียนในสมองเขากว่าปีมาแล้ว สลัดอย่างไรก็ไม่พ้น หล่อนเป็นตัวปัญหาที่พาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้ เป็นยัยตัวแสบที่แสนดื้อ น่าจับตีก้นเป็นที่สุด เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เวนิสามีต่อเขามันปกติธรรมดาหรือว่าพิเศษ หล่อนไม่เคยปริปากบอกอะไร แค่แสดงให้เขารู้ว่าหล่อนมีความจริงจังในสิ่งที่ต้องการก็แค่นั้น“อย่าฝันถึงเรื่องอีโรติก สำหรับเธอกับฉันมันต้องฮาร์ดคอร์เท่านั้น”
ประตูห้องน้ำปิดลงแทนคำตอบที่ศศินควรได้รับ เขายืนอึ้งอยู่หน้าห้องน้ำ อะไรกันเล่า มีเลือดออกขนาดนั้นยังยืนแหกปากอยู่ได้ ไม่เจ็บไม่ปวดบ้างหรืออย่างไร!“กรี๊ดดด!!!”“อะไร! วีนัส! เกิดอะไรขึ้นฮะ!”“เกิดเหตุฆาตกรรมในห้องน้ำ! เลือดโชกมาก ฮือออ...”ศศินส่ายหัวระอา ทั้งถอนหายใจอย่างโล่งอก มั่นใจได้เลยว่าเวนิสายังอยู่รอดปลอดภัย ฟังจากเสียงกรีดร้องนั่นเถอะ“ให้เรียกรถพยาบาลไหม”“ประชดฉันเหรอ! ผู้ชายไม่เคยเข้าใจอะไรหรอกน่า”“แน่นอน ถ้าเธอไม่เป็นอะไร งั้นฉันไปทำงานแล้วนะ อย่าลืมเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุด้วยล่ะ อย่าให้เหลือร่องรอย ไม่งั้นคืนนี้ฉันจะให้เธอนอนในนั้น โอเคนะ!”ศศินร้องผ่านบานประตู เขาถอยออกมาจากตรงนั้น มายืนผูกเนกไทอยู่ข้างเตียง แล้วเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นหัวใจศศินเต้นรัว เวนิสาโผล่ส่วนศีรษะถึงหัวไหล่ขาวๆ ออกมา หน้าตาเต็มไปด้วยหยดน้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แต่หล่อนยังยิ้มทะเล้นน่าตี“อย่าลืมทานมื้อเช้าก่อนไปทำงานน้า ขับรถดีๆ นะคะพ
“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้ลำบาก” คนสวยแต่โทรมเอ่ยขึ้นยืนนิ่งไม่ไหวติง เขาจ้องเธอนิ่งนาน เธอคงโทรมจนน่าตกใจ หรือไม่ก็ เขาคงระอากับตัวภาระอย่างเธอหัวใจของศศินเต้นผิดจังหวะยามได้ยินเสียงอ่อนแรงของเวนิสา หล่อนดูน่าสงสาร น่าทะนุถนอม แต่ว่า...เขาคงถนอมหล่อนไม่ลง เพราะสำหรับเขานั้น เวนิสาคือตัวปัญหาดีๆ นี่เองชายหนุ่มหันกลับไปนอนบนเตียง ตั้งใจว่าคราวนี้จะหลับลึกไม่ลุกขึ้นมาอีก แต่ความตั้งใจของเขาก็มีอันต้องพังยับตุ้บ!“โอ๊ย! ก้นฉัน!!”“นี่!? ฉันจะนอน!”ศศินดิ้นพล่านเตะลมอากาศอย่างขุ่นเคือง นี่แค่คืนแรกนะ ชีวิตเขาคงไร้ความสงบไปอีกสองเดือนกับยี่สิบเก้าวันใช่ไหม!“ฮือ...พี่ขา ฉันตกเก้าอี้...”คนสวยส่งเสียงร้องฮือๆ อย่างน่ารำคาญ มือข้างหนึ่งลูบบั้นท้ายป้อยๆ บอกแล้วว่าการนอนบนอะไรที่เล็กกว่าเตียง เป็นการท้าทายความสามารถของเธอ และในที่สุด เธอก็พ่ายแพ้บิ๊กบอสแห่งศิวเศขรเม้มปากแน่นๆ มองไปที่เวนิสาอย่างข่มใจมิให้ร้องด่าหล่อน ก่อนฝืนใจกวักมือเรียก“คะ?”“จนได้นะ