“หนาวมากค่ะ แต่อยากสวยต้องอดทน”
“เฮอะ...บ้าบอ” ปากบอกว่าบ้าบอแต่ถอดสูทที่สวมอยู่ไปคลุมร่างให้สาวเจ้า
“เอ๊ะพี่!”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่า คนมองใหญ่แล้ว”
“ก็ฉันสวย!”
“เธอโป๊ต่างหาก!”
เวนิสาทำหน้าเบื่อโลก อุตส่าห์แต่งสวยมาโชว์ อดเลย...
“สั่งอาหารสิ รีบกินรีบกลับ” เขาแนะเสียงห้วนแล้วเรียกบริกรมารับออเดอร์
หญิงสาวสั่งอาหารแบบขอไปที ไม่ทันได้เลือกจานที่อยากกินเพราะอีกฝ่ายรีบสั่งให้เสร็จๆ ในระหว่างที่รออาหาร เวนิสาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องอาหารแสนโรแมนติก ดวงไฟเหนือหัวส่องแสงสีนวลอบอุ่น เสริมบรรยากาศให้แสนหวานด้วยเชิงเทียนบนโต๊ะที่กำลังส่องสว่าง ร้านหรูเชียว มีเชิงเทียนและอาหารแพงๆ มันสมบูรณ์แบบละนะ หากไม่มีมารมาผจญ
“เฮ้ย! สองพี่น้องมหาภัย!” เวนิสาตาแทบถลนเมื่อมองไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังเดินเข้าประตูมา เธอแลหาที่หลบในขณะที่ศศินทำอะไรไม่ถูก
“เธอลุกไปสิ เดี๋ยวสองคนนั้นก็รู้หรอกว่าเรามาด้วยกัน” เขาว่า
“แล้วจะให้
หนึ่งชั่วโมงให้หลังสองศรีพี่น้องจากไปเมื่อมื้อค่ำผ่านพ้น ศศินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกจากเก้าอี้มานั่งยองๆ ลงข้างโต๊ะ เขาเปิดผ้าคลุมโต๊ะขึ้นช้าๆ เวนิสานั่งอยู่ข้างใน สีหน้าหล่อนไม่ได้รื่นรมย์นัก อาจเพราะเมื่อยที่ต้องนั่งแบบนั้นอยู่เป็นชั่วโมง หรือไม่ก็...อาจเพราะคำพูดของปานรพี“ออกมาไหม หรือจะอยู่ในนั้น”คนถูกถามหันมามอง มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่ข้อเท้า มันถูกเหน็บกินจนชา กระดิกไม่ได้ แต่ที่อาการหนักกว่าคือหัวใจ มันเจ็บยิ่งกว่าการเป็นเหน็บเสียอีก“วีนัส...”“ขอ...ห้านาที เหน็บกินเท้าน่ะ” บอกเขาแล้วยิ้มเนือยๆ ทว่าศศินไม่ให้ตามที่เธอร้องขอ เขาลุกยืนแล้วดึงโต๊ะออกไป เกิดเสียงขาโต๊ะครูดพื้นเรียกสายตาคนมอง แต่เขาไม่สน ก่อนจะย่อกายอุ้มเธอขึ้นสู่วงแขน ไม่แคร์สายตาผู้คนรอบข้าง ดวงตาเขามีแววเอื้ออาทรที่เธอโหยหา ความเย็นชาของเขากำลังละลายหรือ มันถูกทำให้จางหายด้วยไออุ่นจากความเอื้ออาทรใช่ไหม“ทำอะไรคะ ไม่อายหรือไง”“ให้เธอต้องนั่งอยู่ใต้โต๊ะต่างหาก ที่ฉันควรต้องอาย”เหมือนมีไออุ่นพร่า
“หนาวมากค่ะ แต่อยากสวยต้องอดทน”“เฮอะ...บ้าบอ” ปากบอกว่าบ้าบอแต่ถอดสูทที่สวมอยู่ไปคลุมร่างให้สาวเจ้า“เอ๊ะพี่!”“อยู่เฉยๆ เถอะน่า คนมองใหญ่แล้ว”“ก็ฉันสวย!”“เธอโป๊ต่างหาก!”เวนิสาทำหน้าเบื่อโลก อุตส่าห์แต่งสวยมาโชว์ อดเลย...“สั่งอาหารสิ รีบกินรีบกลับ” เขาแนะเสียงห้วนแล้วเรียกบริกรมารับออเดอร์หญิงสาวสั่งอาหารแบบขอไปที ไม่ทันได้เลือกจานที่อยากกินเพราะอีกฝ่ายรีบสั่งให้เสร็จๆ ในระหว่างที่รออาหาร เวนิสาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องอาหารแสนโรแมนติก ดวงไฟเหนือหัวส่องแสงสีนวลอบอุ่น เสริมบรรยากาศให้แสนหวานด้วยเชิงเทียนบนโต๊ะที่กำลังส่องสว่าง ร้านหรูเชียว มีเชิงเทียนและอาหารแพงๆ มันสมบูรณ์แบบละนะ หากไม่มีมารมาผจญ“เฮ้ย! สองพี่น้องมหาภัย!” เวนิสาตาแทบถลนเมื่อมองไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังเดินเข้าประตูมา เธอแลหาที่หลบในขณะที่ศศินทำอะไรไม่ถูก“เธอลุกไปสิ เดี๋ยวสองคนนั้นก็รู้หรอกว่าเรามาด้วยกัน” เขาว่า“แล้วจะให้
“ไม่ใส่ใบโหระพาเหรอ”เวนิสาไม่ตอบ เธอยิ้มนิดๆ ก่อนจะเริ่มลงมือทำผัดพริกแกง เริ่มต้นด้วยผัดพริกแกงกับกะทิพอหอม ตามด้วยหมูสามชั้น หมูสุกก็ใส่ถั่วฝักยาว ปรุงรสด้วยน้ำตาลน้ำปลาแล้วโปรยใบกะเพราใส่เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เธอตักผัดแยกใส่อีกกล่อง กลายเป็นอาหารกล่องสองชุด บรรจุลงในถุงผ้าแบบเก็บความร้อน“อืม...หอมจัง”“แน่นอน...ฝีมือเชฟนี่คะ” หันมายิ้มมาดมั่น แต่ศศินส่งสายตาเจ้าเล่ห์ตอบกลับมา“ฉันหมายถึงเธอน่ะ หอม..”จุ๊บ...จุมพิตเบาๆ ที่ข้างแก้มเนียนแต่กลับสั่นสะเทือนไปทั่วหัวใจของเวนิสา ดวงตาคู่งามเบิกโต มองเขาอย่างอึ้งๆ“แค่นี้ก็อึ้ง ไหนบอกว่าอยากสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงไม่ใช่เหรอ นี่ไง จุ๊บเบาๆ เราจะได้คุ้นเคยกันยังไงล่ะ” บอกแล้วดึงเอาถุงข้าวกล่องมาถือไว้ ก่อนจะเดินออกจากห้องครัว ปล่อยเวนิสาให้ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองประตูทั้งที่ศศินเดินออกไปแล้ว อะไรของเขากัน คิดจะหว่านเสน่ห์ใส่เธอหรือ ไม่ต้องหว่านก็แทบคลั่งแล้ว แค่กระดิกนิ้วเรียกก็พอ น้อ
[7]คนในความลับ...ช่างขมขื่น____________หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จในเวลาต่อมา นึกขอบคุณชุดที่เขาเลือกให้ มันช่วยปกปิดรอยคิสมาร์กได้มากทีเดียว ป่านนี้ศศินคงไปทำงานแล้วสินะครืด...เวนิสาดันประตูกระจกของห้องแต่งตัวให้เลื่อนออก แล้วก็ได้ประหลาดใจ ศศินยังไม่ได้ไปทำงาน เขายืนอยู่ข้างเตียง กำลังสั่งสาวใช้สองนางให้ทำบางอย่างกับผ้าปูและฟูกนอน“ผ้าปูนี่ไม่ต้องซัก ทิ้งไปได้เลย ให้คนรถมาช่วยยกฟูกออกไปทิ้งด้วย ฉันโทรสั่งฟูกใหม่ไปแล้ว บ่ายๆ คงมาส่ง”สาวใช้สองนางพยักหน้ารับคำ เวนิสาอยากจะบ้าตาย ผ้าปูที่นอนที่สาวใช้ถืออยู่มีรอยแดงของโลหิตเปรอะอยู่ทั่ว พอมองไปที่ฟูกนอนก็ยิ่งสะเทือนใจ ต้องรีบใช้สองมือปิดหน้าด้วยความอับอาย“ลงไปได้แล้ว” เขาสั่งสาวใช้สาวใช้สองนางหันมองกันแล้วอมยิ้ม ก่อนจะรีบลงไปด้านล่างเมื่อหมดหน้าที่บนนี้“เธอจะไปทำงานไหม”คนถูกถามเอามือออกจากใบหน้า “ไปค่ะ”“ไหวแน่นะ ต้องยืนสอนไม่ใช่เหรอ”
แสงตะวันเรืองรองที่ปลายคุ้งฟ้าด้านทิศตะวันออก เวนิสาลืมตาขึ้นมาอย่างเพลียแรง เธอหลับไปตอนไหนจำไม่ได้ รู้แต่ว่าเมื่อคืนร่างกายถูกใช้งานอย่างหนัก ทั้งจูบ ทั้งกอด ทั้งพลิกคว่ำพลิกหงาย สะพานโค้งก็มี ครบค่ะ! ครบทุกท่วงท่า!ครืด...ประตูกระจกของห้องแต่งตัวถูกเลื่อนออกจนสุด เผยให้เห็นร่างอันชุ่มด้วยหยดน้ำของศศิน เขาคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และกำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวเวนิสาตาโตเท่าไข่ห่าน อะไรละนั่น แค่มีเซ็กซ์กันแล้วไม่ได้หมายความว่าจะแก้ผ้า...แบบนั้น...ได้นะ!ผ้านวมนุ่มๆ ถูกดึงขึ้นมาปิดหน้าของเวนิสา เหลือทิ้งไว้ตรงดวงตากลมแป๋วน่าเอ็นดู หญิงสาวยังจ้องเขาอยู่ เขาก็เหล่มามอง ยิ้มเยาะอะไรสักอย่าง“มองแบบนั้นอยากจัดอีกสักรอบเหรอ”คนถูกถามส่ายหน้าพรืด เบะปากด้วยอยากจะร้องไห้“สมใจแล้วสิ เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าจะได้ร้องขอชีวิต หึๆๆ”เสียงหัวเราะของคนที่กำลังแต่งตัวทำให้เวนิสานึกขยาด ร่างกายที่ปวดร้าวทุกสัดส่วนทำให้เธอยอมพ่ายแพ้ ไม่เอาอีกแล้ว พอเลย งดทำลูกตลอดชีวิต!“ลุกได้แล้ว วันนี้มีสอนไม่ใช่เหรอ&rd
เวนิสาไม่กล้ามองชิ้นส่วนสำคัญแห่งบุรุษ กางเกงชั้นในตัวน้อยถูกดึงรั้ง ศศินเฝ้ามองเนินเนื้อที่อยู่ระหว่างซอกขาของเธอราวกับมันเป็นของล้ำค่า ดวงตาเขาเต็มไปด้วยไฟเสน่หา มันลามเลียร่างเธอจนร้อนไปหมดและแล้วกางเกงชั้นในตัวจิ๋วก็หลุดออกจากปลายเท้า หญิงสาวใช้ศอกดันร่างขึ้นมามอง ศศินเคลื่อนกายลงไปด้านล่าง เขานอนคว่ำอยู่ระหว่างเรียวขาของเธอ กำลังใช้ปากสำรวจตรวจตราสามเหลี่ยมอวบอูมที่อยู่ระหว่างซอกขา ทุกวินาทีที่ปลายลิ้นเขาปาดไล้หยอกเย้า เขาจะจ้องมาที่ตาของเธอ เธอได้แต่อ้าปากส่งเสียงครางเท่านั้น“อูย...พี่คะ...อย่า...” ต่อให้ร้องขอเช่นไรศศินก็ไม่หยุดทำร้ายกันด้วยปลายลิ้น เขาซุกหน้าลงไปดื่มด่ำอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน นานจนร่างกายเธอแตกผลิดอกผลแห่งความสุข ชาวาบไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่หลั่งล้นออกมาจากร่องหลืบอันเร้นลับ“พี่คะ พอเถอะ...ฉันรู้สึก...วูบๆ วาบๆ ยังไงไม่รู้”“ไม่รู้จริงๆ หรือว่าตัวเองเป็นอะไร”คนถูกถามพยักหน้าเร็วๆ หลับตาพริ้ม ดื่มด่ำกับความสุขที่ส่งตรงมาจากซอกขา อาการชายังมีอยู่ รู้สึกถึงความไวของเส้นประสาทที่อออยู่ตรงสามเหลี่ยมเนิ