LOGINเขาคือรักแรกของแม่เธอ เธอคือลูกสาวของคนที่เขารัก เรื่องราวระหว่างเขาและเธอจะเป็นอย่างไร รักครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร
View Moreพรุ่งนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก หนูนา รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ทำหน้าที่ครูเต็มตัวหลังจากที่ได้ทำการฝึกสอนและฝึกปรือฝีมือจนกระทั่งเรียนจบ เธอเลือกเรียนครูเพราะว่ามันเป็นความใฝ่ฝันของแม่ผู้ล่วงลับ แต่เพราะเป็นคนขี้เหงา พ่อกับแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุได้เพียงหนึ่งขวบ ปู่กับย่าเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ตอนนั้น เธอจึงเลือกเรียน คณะครุศาสตร์สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย เพราะเด็กตัวน้อย ๆ เหล่านั้นคงช่วยให้เธอคลายเหงาได้บ้าง
ในระหว่างที่กำลังรอสอบบรรจุเพื่อจะเข้ารับราชการครูเต็มตัว หนูนาได้มาทำงานเป็นครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ตำบลโคกกกม่วง เป็นตำบลเล็ก ๆ ตำบลหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งนี้อยู่ภายใต้การรับผิดชอบของเทศบาลตำบล ซึ่งตำบลแห่งนี้เป็นบ้านเกิดของแม่ของเธอ พอแม่แต่งงานไปตากับยายก็ย้ายไปอยู่อีกอำเภอหนึ่งไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย แต่เพราะเธอแอบเห็นสมุดไดอารี่ของแม่ที่บรรยายถึงชีวิตในสมัยเรียนที่กล่าวถึงตำบลแห่งนี้หนูนาจึงอยากมาสัมผัสชีวิตอีกช่วงหนึ่งของแม่ อีกอย่างเธอไม่เหลือใครแล้วเพราะปู่กับย่าตากับยายก็เสียชีวิตหมด ญาติพี่น้องที่ใหนก็ไม่มี เธอจึงตัดสินใจขายที่นาและที่ดินผืนเท่าหยิบมือนั้นและเลือกออกมาตามหาความทรงจำในวัยเยาว์ของผู้เป็นแม่ หนูนาเลือกที่จะเช่าบ้านอยู่ หากเธอสอบบรรจุครูได้จริง ๆ จะได้ย้ายไปโดยไม่ต้องห่วงอะไรเพราะเธอไม่มีใครให้ห่วง ตอนนี้เหมือนเธออยู่บนโลกนี้เพียงลำพัง "เป็นจั่งได๋ ( เป็นยังไง ) พออยู่ได้บ่อิหล่า ? ( พออยู่ได้ไหมหนู )" "อยู่ได้ค่ะป้า" หนูนาพูดคุยกับป้าเจ้าของบ้านเช่า พลางเก็บกวาดเช็ดถูบ้านหลังน้อยหลังนี้ไปด้วย "หน้าหนูคุ้น ๆ นะ มีญาติพี่น้องอยู่นี่ไหม" "ไม่นะคะ สงสัยหนูคงหน้าโหลมั้ง" พร้อมกับลูบหน้าตัวเองไปด้วย "ป้าไปก่อนนะ มีอะไรขาดเหลือก็เรียกได้ตลอดเด้ออิหล่า" หนูนายกมือไหว้ป้าเจ้าของบ้าน และหันไปจัดของต่อ เธอเช่าบ้านหลังนี้เพราะน่าอยู่มาก หลังเล็กชั้นเดียว หนึ่งห้องนอน ห้องน้ำอยู่ในบ้าน พื้นที่รอบๆ สะอาดสะอ้าน หลังบ้านเป็นทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา หน้าบ้านติดถนนเส้นหลักของหมู่บ้าน มีรั้วรอบขอบชิดเรียบร้อย เดิมทีป้าเจ้าของบ้านเช่าตั้งใจสร้างบ้านหลังนี้ให้ลูกสาวคนเดียวของแก แต่ว่าลูกสาวแกหนีตามผู้ชายเข้ากรุงเทพ ฯ ไป ไม่ส่งข่าวมาอีกเลย ท่านเห็นว่าไม่เกิดประโยช์อะไรทิ้งไว้ก็รกร้างเฉย ๆ จึงประกาศให้คนเช่า แต่เพราะเป็นบ้านนอกคอกนาคนที่มาเช่าบ้านของท่านจึงไม่มีเลย หนูนาก็คือคนแรก จัดของเสร็จเรียบร้อยเธอก็เตรียมตัวเข้าไปในตัวอำเภอเพื่อซื้อของใช้ที่จำเป็น พวกหม้อ ถ้วย จาน ชาม ช้อน "ฝนท่าจะตกนะเนี่ย" พูดกับตัวเองพร้อมกับแหงนหน้ามองท้องฟ้า เมฆสีคล้ำลอยตัวไปรวมกันเป็นกระจุก รอการกลั่นตัวลงมาเป็นเม็ดฝน ลมเริ่มพัดเอื่อย ๆ มาแล้ว หนูนาสวมหมวกกันน็อคและควบมอเตอร์ไซค์เวฟ 100 คันสีแดงของเธอมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวอำเภอ รีบซื้อของใช้ที่จำเป็น เสร็จแล้วก็ควบเจ้าเวฟ 100 สีแดงกลับบ้าน เป็นไปตามคาดฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เธอจึงแวะหลบฝนที่ศาลาพักรถข้างทาง แม้เพิ่งจะเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ แต่เพราะสายฝนพรำ ๆ นั้นส่งผลให้ความมืดโรยตัวลงมาเร็วกว่าที่ควร หนูนาหลบฝนที่ศาลาแห่งนั้นได้สักพัก ก็มีมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าสตรีท 400 จอดเทียบกับเวฟ 100 ของเธอ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คาดคะเนความสูงคงราว ๆ 180 เซนติเมตร ก้าวลงจากรถคันนั้นเข้ามาหลบฝนในศาลากับเธอด้วย เขาถอดหมวกกันน็อกออกและควักผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมาเช็ดตามหน้าและตามแขน หนูนาลอบมองการกระทำของเขาใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ กลัวเขาทำมิดีมิร้ายกับเธอ แต่เขาก็นั่งเงียบ ๆ ในมุมหนึ่งของศาลารอคอยฝนให้หยุดอย่างใจเย็น เธอขยับผ้าปิดจมูกให้กระชับกับใบหน้า เขายิ้มให้เธอเพื่อเป็นการผูกมิตร แล้วก็หันหน้าออกไปมองสายฝนที่เริ่มเบาลงและคงจะหยุดตกในไม่ช้า พอฝนเริ่มซาหนูนาจึงสวมหมวกกันน็อคและหยิบของเดินออกไปจากศาลาพักรถควบเวฟ 100 คันสีแดงของเธอออกไป ขับรถไปได้สักพัก เธอมองกระจกส่องหลังก็พบว่าผู้ชายคนนั้นขับมอเตอร์ไซค์ตามเธอมา เธอเลี้ยวซ้ายเขาก็เลี้ยวซ้าย เธอเลี้ยวขวาเขาก็เลี้ยวตาม จนกระทั่งมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เขาจึงได้ขับแซงเธอเข้าไป โล่งอก..ที่แท้เขาก็เป็นคนในหมู่บ้านแห่งนี้นั่นเอง หนูนาจอดรถเวฟ 100 ที่หน้าบ้านเช่าของเธอ พร้อมกับนำของที่ซื้อมาเข้าไปในบ้าน อาบน้ำอาบท่าและลงมือต้มมาม่าใส่ปลากระป๋องให้กับตัวเอง ทบทวนแผนการสอนตามคู่มือแล้วก็สวดมนต์ไหว้พระ มองเวลาในมือถือสามทุ่มกว่าแล้วจึงล้มตัวลงนอน "แม่จ๋าและก็ทุก ๆ คน ช่วยอวยพรให้หนูพบเจอแต่เรื่องดี ๆ และก็คนดี ๆ ด้วยนะจ๊ะ" ปิดไฟที่หัวเตียงและหลับตา เข้าสู่ห้วงนิทราด้วยฝันดีโรงเรียนเลิกแล้วหนูนาตรงไปที่บ้านของสิงห์เลยเพื่อจะไปเยี่ยมหนูน้อยปอร์เช่ เมื่อไปถึงบ้านของเขาก็ปรากฎว่ามีคนอยู่ที่นั่นกันหลายคน โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่เพราะว่าคนเฒ่าคนแก่ตามชนบทนั้นหากได้ยินข่าวว่ามีเด็กน้อยไม่สบายก็จะไปเยี่ยมยามถามข่าวและนำฝ้ายไปผูกแขนให้ด้วยเพื่อเป็นการเอิ้นขวัญหนูนาเก้ ๆ กัง ๆ ไม่กล้าเข้าไปในบ้านเพราะเห็นว่ามีคนเยอะ ในจังหวะที่กำลังตัดสินใจอยู่นั้นสิงห์ก็ขับรถมาพอดี เห็นเธอทำท่าลังเลไม่กล้าเข้าไปเขาจึงจอดรถและรีบเดินไปหาเธอ"ครู..ทำไมไม่เข้าไปล่ะ ?""คุณสิงห์"หันไปตามเสียงของเขา"คนเยอะ หนูนาไม่เข้าไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นค่อยมาเยี่ยมปอร์เช่ใหม่"เธอทำท่าจะเดินออกไปแต่สิงห์ก็คว้าแขนของเธอเอาไว้"เข้าไปเถอะ ปอร์เช่ถามหาครู"เธอก้มมองมือของเขาที่กุมแขนของเธอเอาไว้เขาจึงปล่อย"ก็ได้ค่ะ"เธอจึงเดินเข้าไปพร้อมเขา และทันทีที่คนเฒ่าคนแก่เห็นว่านายกเทศมนตรีสิงห์เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มก็กลายเป็นจุดสนใจทันที"พุสาวนายกติ้น้อย ?" ( แฟนของนายกเหรอน้อย )คุณย่าคนหนึ่งถามย่าน้อย"บ่แม่นดอก ครูของปอร์เช่น่ะ" ( ไม่ใช่ ครูของปอร์เช่ )เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงแค
วันนี้หนูนาตื่นสายนิดหน่อยเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนแล้ว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเจ็ดโมงเพราะเผลอปิดนาฬิกาปลุกแล้วนอนต่อ รีบกระโดดลงจากเตียงอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เกือบแปดโมง ต้มน้ำชงกาแฟกำลังจะกิน ก็พอดีกับที่สิงห์มาถึง"คุณสิงห์เข้ามาก่อนค่ะ"สิงห์จึงเดินเข้าไปในบ้านของเธอ และนั่งลงที่โต๊ะไม้หน้าบ้านซึ่งมีแก้วกาแฟวางอยู่"สักแก้วไหมคะ ?"เขาพยักหน้า"มีแต่กาแฟทรีอินวันนะ"พูดจบก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อชงกาแฟให้เขา ระหว่างที่นั่งรอสิงห์ก็สำรวจบ้านของเธอไปด้วย เมื่อเธอออกมาจากในครัวพร้อมกับยื่นแก้วกาแฟให้"หญ้าเริ่มยาวแล้ว เดี๋ยวผมให้คนมาตัดให้เอาไหม ?"รับแก้วกาแฟมาแล้วก็เอ่ยปากถามเธอ"ดีเลยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ทานกาแฟและขนมแล้วทั้งคู่ก็ไปที่โรงพยาบาล หนูนาแวะซื้อกับข้าวไปฝากย่าน้อยด้วย"หมอบอกว่าอาการของปอร์เช่ดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้น่าจะได้กลับบ้าน"เมื่อเห็นหน้าลูกชายกับคุณครูย่าน้อยจึงบอกเล่าอาการของปอร์เช่ให้คนทั้งคู่ฟัง"ดีจังเลย คุณย่าทานข้าวหรือยังคะ ? หนูมีไก่ย่างกับปลาร้าสับมาฝากด้วย""ยังเลยครู ขอบใจมากนะ""ถ้างั้นแม่ทานข้าวก่อนเถอะครับ"สิงห์บอกกับแม่ด้วยความเป็น
"อุ๊ย..ขอโทษค่ะ"สิงห์พยุงเอวของเธอไว้กลิ่นกายหอม ๆ ปะทะจมูกเขาเข้าเต็มเปา "ไม่เป็นไร กลับกันเถอะ"ปล่อยมือจากเอวบางของเธออย่างนึกเสียดาย หนูนาเองก็หน้าแดงไปยันใบหู เกิดมายังไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนใหนมากขนาดนี้ใจเธอจึงกระตุกแปลก ๆหนูนาเดินตามเขาไปขึ้นรถ แดดร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เธอมองบรรยากาศรอบ ๆ ตัวอย่างทึ่ง ๆ สวนของนายกสิงห์มีพื้นที่เยอะมากและเขาแบ่งพื้นที่ได้เป็นสัดส่วนด้วย มีสวนยาง มีสวนผลไม้ มีนาข้าว มีบ่อน้ำ มีผักสวนครัว และแบ่งพื้นที่ไว้เลี้ยงวัวชัดเจน มีวัวหลายสิบตัวเดินเลาะเล็มหญ้าท่าทางมีความสุข"คุณสิงห์มีวัวกี่ตัว ?"เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบออกมา"น่าจะสักร้อยกว่าได้ล่ะมั้ง""ว้าววว เป็นร้อยเลย""อยากได้สักตัวไหมล่ะ ? จะขายให้ถูก ๆ""หึ..ไม่เอาหรอก หนูนาขี้เกียจเลี้ยง"เขายิ้มกับคำตอบของเธอ ดูท่าทางแล้วเธอไม่น่าจะใช่คนขี้เกียจ แค่อาจจะไม่ชอบวิถีชีวิตเกษตรกร"จะไปที่โรงพยาบาลด้วยไหม ?"เขาถามเธอ หนูนาคิดอยู่ครู่หนึงจึงพยักหน้า เมื่อมาถึงบ้าน สิงห์ก็เปลี่ยนเป็นรถคันที่เขาขับไปทำงาน เธอเข็นมอเตอร์ไซค์เวฟ 100 ของตัวเองไปจอดไว้ที่ใต้ร่มมะขามภายในบริเวณบ้านของเขามาถึงโรงพยาบ
ระหว่างที่ทานข้าวอยู่นั้นย่าน้อยก็ชวนหนูนาคุยเรื่องต่าง ๆ ไปด้วย หลัก ๆ ก็คือซักประวัติของเธอนั่นแหละ หนูนาก็ตอบคำถามท่านไป ไม่ได้คิดรำคาญท่านเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอเข้าใจ คนแก่ ๆ ก็มักจะเป็นแบบนี้ทุกคน"เป็นคนบ้านใด๋ล่ะอิหล่า ?" ( เป็นคนที่ไหน )"หนูเป็นคนหนองพอก ( หนองพอกเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดร้อยเอ็ด ) ค่ะย่า""คิดฮอดบ้านบ่ กลับบ้านบ่อยไหม?" ( คิดถึงบ้านไหม )"คิดฮอดอยู่ค่ะ แต่ว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว"ย่าน้อยกับสิงห์มองหน้ากัน หนูนาจึงเล่าเรื่องของเธอต่อ"ปู่กับย่า ตากับยาย แล้วก็พ่อกับแม่ของหนูเสียชีวิตหมดแล้วค่ะ ไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่นั่นด้วย ถ้าจะกลับไปก็คงไปไหว้ธาตุกระดูกของพวกท่านเท่านั้น""อ้อ..ตะหลูโตนแท้" ( น่าสงสารจัง )ย่าน้อยพูดออกมาเบา ๆ "แต่ว่าครูหน้าคุ้น ๆ นะ เหมือนคนที่ผมเคยรู้จัก""ตากับยายหนูเป็นคนตำบลนี้ค่ะ แต่พอแม่แต่งงานพวกท่านก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านพ่อของหนู ขายที่ขายทางหมดแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย""แม่ชื่อหยังล่ะ ?" ( แม่ชื่ออะไร ) ย่าน้อยถาม"แม่หนูชื่อ หนึ่งฤทัย อมรวงศ์ค่ะ คุณย่ากับคุณสิงห์คุ้น ๆ ชื่อไหมคะ หนูใช้นามสกุลเดียวกับแม่ค่ะ"จบคำพูดของหนูนาคนที่