ยุคอดีต
ทะเลทรายพระจันทร์เสี้ยว ผืนทรายกว้างใหญ่ไพศาลกินพื้นที่มิอาจคาดคะเนได้ว่าจะสุดแผ่นดินเม็ดทรายสีทองนี้สิ้นสุดลงอยู่ ณ ที่ใด กองทัพขนาดใหญ่ซึ่งมีชีวิตของทหารล้วนแล้วแต่เป็นชายฉกรรจ์กว่าห้าหมื่นนาย ตั้งค่ายอยู่บนเนินทรายที่มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่หรือคนทั่วไปในเขตรอยต่อสามแคว้นต่างพากันเรียกว่า ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว ทะเลสาบดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตแดนของพื้นที่ซีโจว ซึ่งมีเชื้อสายจากราชวงศ์โจวปกครองดินแดนอยู่ในขณะนั้นสืบต่อมาภายหลังจากที่ราชวงศ์ซางล่มสลายเมื่อถูกราชวงศ์โจวขึ้นปกครองแทน บริเวณดังกล่าวเป็นโอเอซิสที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลางทะเลทราย ที่คนทั่วไปใช้เป็นที่พักแรมก่อนจะเดินทางซึ่งนับต่อจากนี้ไปเบื้องหน้า มองไปแห่งหนใดจะมีเพียงผืนทรายปกคลุมไปทั่วปฐพี เสียงฝีเท้าม้าวิ่งมาตามเนินทรายที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา เบื้องหน้าท่ามกลางเนินทรายอันเวิ้งว้างปรากฏค่ายทหารขนาดใหญ่ มีชีวิตทหารผู้กล้าประมาณห้าหมื่นนายจากแคว้นซางตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทั่วบริเวณมีทหารรักษาการณ์ยืนเรียงรายเป็นทิวแถว ประหนึ่งว่ากำลังอารักขาบุคคลสำคัญเป็นยิ่งนักที่พำนักอยู่ในค่ายทหารดังกล่าว ภายในกระโจมใหญ่ซึ่งเป็นที่พำนักของแม่ทัพไร้พ่าย สมญานามอันเลื่องลือไปทั่วทุกแคว้น ในขณะนั้นไม่มีใครจะไม่รู้จักถึงความเก่งกาจ หาญกล้าของแม่ทัพผู้นี้ หรือตัวตนอันที่แท้จริงนั้นก็คือองค์ชายโจวโยว่เฉิงจากราชวงศ์โจวตะวันตกหรือซีโจว เชื้อพระวงศ์องค์สุดท้ายที่ยังมีพระชนม์ชีพเหลืออยู่ก่อนจะถูกสตรีแพศยาซึ่งอดีตคืออู๋ฟูเหรินและชู้รักไค๋หยวนฮ่องเต้ซึ่งเป็นพระอนุชาแท้ๆ ของไท่เจิ้งอดีตฮ่องเต้ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระองค์ทำการก่อกบฏ ทั้งสองวางแผนลอบปลงพระชนม์อดีตฮ่องเต้และฮองเฮารวมไปถึงเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ. เมืองหลวงเฮ่าจิง ก่อนจะใช้กำลังทหารที่ซ่องสุ่มเอาไว้บุกเข้ายึดพระราชวังหลวงจนตกอยู่ในกำมือของหญิงโฉดชายชั่วทั้งสองเป็นผลสำเร็จ เหลือเพียงองค์ชายน้อยโจวโยว่เฉิง ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระชนม์มายุเพียง 1 ชันษาเท่านั้นที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ด้วยเพราะก่อนจะเกิดเหตุการณ์ก่อกบฏนั้น พระองค์ถูกไท่เจิ้งฮ่องเต้พระบิดา ทรงมีพระบัญชาให้นำพระโอรสน้อยออกจากเมืองหลวงเดินทางไปยังเทือกเขาหลิวไถ่เพื่อรักษาพระอาการประชวรตั้งแต่แรกประสูติ ด้วยเพราะพระองค์ทรงประชวรเป็นโรคประหลาด มิอาจหาสาเหตุได้ อาการประหลาดที่เกิดขึ้นนั้นก็คือ จะทรงบรรทมไปเสียดื้อๆ ไม่ว่าในขณะนั้นจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม หากพระอาการเกิดในขณะที่กำลังเสวยพระกระยาหารก็จะบรรทมทันที ไม่เลือกเวลาและเลือกสถานที่ ตรงกันข้ามกับเวลาที่ตื่นจากบรรทม พระองค์จะทรงตื่นขึ้นมาโดยพลันครั้นเมื่อครบกำหนดสิบวันและจะเป็นเช่นนี้ทุกครา ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้องค์ชายโจวโยว่เฉิง ผู้ซึ่งสืบสายพระโลหิตแท้ๆ ของอดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮาพระองค์ก่อนและยังเป็นรัชทายาทที่ต้องได้ขึ้นปกครองราชวงศ์โจวสืบต่อไป จึงรอดตายจากเหตุการณ์ก่อกบฏในครั้งนั้น แต่ถึงกระนั้นก็ยัง ถูกตามล่าหมายพระชนม์ชีพตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปนานกว่า 23 ปีเท่ากับพระชนมายุปัจจุบันของรัชทายาทไร้บัลลังก์โจวโยว่เฉิง จากองค์ชายน้อยประชวรด้วยโรคประหลาดในครั้งอดีต เจริญพระชันษากลายเป็นองค์ชายหนุ่มรูปงาม พระพักตร์หล่อเหลาหวานคมซึ้ง รับกับพระฉวีสีเข้ม ด้วยเพราะทรงกรำศึกสงครามในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นซาง และสาเหตุที่พระองค์สามารถมีพระชนม์ชีพมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ด้วยเพราะทรงเข้าสวมรอยบุตรชายเพียงคนเดียวของขุนศึกตระกูลเยว่ จากแคว้นซางนามว่าเยว่เหวินเทียน คุณชายน้อยจากตระกูลเยว่มีอาการป่วยจนทรุดหนักต้องเดินทางขึ้นเทือกเขาหลิวไถ่เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยดังกล่าว หากแต่กลับไปไม่ถึงจุดหมายด้วยระหว่างทางถูกโจรป่าดักปล้นกลางทางเสียก่อน ทุกชีวิตถูกสังหารจนมิเหลือรอดแม้แต่เพียงผู้เดียวไม่เว้นแม้กระทั่งบ่าวไพร่ผู้ติดตาม ทุกคนถูกสังหารเสียชีวิตทั้งนายและบ่าวรวมไปถึงฮูหยินใหญ่ของตระกูลเยว่ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับบุตรชายเพียงคนเดียวของนางก็จบชีวิตลงไปพร้อมกัน ในขณะที่องค์ชายน้อยซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางมายังเทือกเขาหลิวไถ่เช่นเดียวกัน และองครักษ์คนสนิทของไท่เจิ้งฮ่องเต้ติดตามมาทันตามพระบัญชาสั่งเสียสุดท้ายให้เฝ้าคอยอารักขารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวให้ทรงมีพระชนม์ชีพสืบต่อไปให้ได้ ราชองค์รักษ์คนดังกล่าวนามว่าเหอผิง ได้เข้าช่วยเหลือคนจากสกุลเยว่จากโจรป่าที่รุมทึ้งเอาทรัพย์สินหลังจากสังหารเจ้าทรัพย์ตายจนหมด แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจรักษาชีวิตของผู้ใดเอาไว้ได้แม้แต่ผู้เดียว ซึ่งก่อนที่ฮูหยินใหญ่จากตระกูลเยว่จะสิ้นลมหายใจนางได้ฝากฝังบุตรชายเพียงคนเดียวของนางพร้อมป้ายหยกประจำตัวของเด็กน้อยเอาไว้ให้กับองครักษ์คนดังกล่าวเพื่อนำบุตรชายไปรักษาตัวและกลับคืนสู่ตระกูลต่อไป ทว่าคำสั่งเสียของนางที่อุตสาห์ฝากฝังบุตรชายเพียงคนเดียวเอาไว้กลับไม่เป็นดั่งที่นางหวังเอาไว้ ด้วยเด็กน้อยสิ้นลมหายใจเพราะถูกคมดาบของโจรป่าไปเสียแล้ว และนั่นทำให้องครักษ์เหอผิงสามารถหาวิธีซ่อนเร้นรัชทายาทของอดีตฮ่องเต้ได้ประจวบเหมาะ องค์ชายโจวโยว่เฉิงจึงได้เข้าสวมรอยเป็นคุณชายน้อยเยว่เหวินเทียนจากตระกูลเยว่ นับตั้งแต่บัดนั้น อีกทั้งองค์ชายน้อยโจวโยว่เฉิง ประสูติในเดือนเดียวกันและปีเดียวกันกับคุณชายน้อยเยว่เหวินเทียน เพียงแต่องค์ชายน้อยอ่อนกว่าเพียงสิบห้าวันเท่านั้น ซึ่งช่างบังเอิญเสียนี่กระไรที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงทำให้เข้าสวมรอยเป็นคุณชายน้อยเยว่เหวินเทียนได้อย่างแนบเนียน และนั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้องค์ชายโจวโยว่เฉิง รัชทายาทที่แท้จริงของราชวงศ์โจวตะวันตกในขณะนั้นจึงยังมีพระชนม์ชีพอยู่สืบต่อมาได้จนถึงทุกวันนี้ พระองค์กลับกลายมาใช้ชีวิตเป็นเยว่เหวินเทียนบุตรชายคนสุดท้องของเยว่เหวินฉิงกับเฉินฮูหยิน อดีตฮูหยินใหญ่ผู้ล่วงลับ พระองค์อยู่ในคราบของคุณชายตระกูลเยว่ ประทับอยู่เทือกเขาหลิวไถ่รักษาพระอาการประชวรประหลาดนานติดต่อกันถึงสิบปีเลยทีเดียว การใช้ชีวิตบนเทือกเขาดังกล่าวทำให้องค์ชายน้อยทรงเรียนรู้วิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมราวฟ้ากับดิน และเรียนรู้วิทยายุทธ์พร้อมฝึกฝนฝีมือให้กล้าแข็งกับบรรดาจอมยุทธ์ที่ขึ้นเทือกเขามาเพื่อให้เจ้าสำนักหมอยาและยังเป็นแหล่งรวบรวมสมุนไพรหมื่นพิษ ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่บนเทือกเขาหลิวไถ่ทั้งหมด จนทำให้องค์ชายโจวโยว่เฉิงรอบรู้และปราดเปรื่องทั้งการใช้พิษและรักษา รวมไปถึงมีฝีมือเยี่ยมยุทธ์จนยากที่จะหาผู้ใดเปรียบเทียบฝีพระหัตถ์ได้ ทั้งนี้ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระทัยจนหายจากอาการประชวรจากโรคประหลาดหลังจากใช้เวลารักษาถึงสิบปีเต็มจึงหายเป็นปลิดทิ้ง เพื่อวางแผนกลับเข้ามาในราชสำนักกอบกู้บัลลังก์ของพระองค์กลับคืนจากไค๋หยวนฮ่องเต้ เสด็จอาผู้โฉดชั่วของพระองค์ ภายหลังจากที่ไค๋หยวนฮ่องเต้ได้ขึ้นปกครองราชวงศ์โจวเป็นผลสำเร็จ จึงได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพระโอรสลับ ซึ่งมีพระนามเล่นแรกประสูติว่าซุนซุนที่ประสูติจากอู๋ฟูเหรินภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮา ถูกนำไปฝากเลี้ยงไว้กับเจ้าผู้ครองแคว้นซางพระนามว่าจีหยวนในฐานะพระโอรสบุญธรรม ฮ่องเต้ไค๋หยวนต้องการให้พระโอรสลับกลับคืนสู่ชนชั้นเชื้อพระวงศ์โจว ซึ่งเป็นผู้ปกครองทุกแคว้นทั้งหมดในเวลานั้นตามเดิม โดยอ้างว่าเป็นพระโอรสที่ประสูติจากอู๋ฟูเหรินกับไค๋หยวนฮ่องเต้ ก่อนที่นางจะถูกนำตัวเข้าวังเพื่อมาถวายตัวเป็นพระสนมของไท่เจิ้งอดีตฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ หากแต่พระองค์กลับไม่นำพระโอรสกลับคืนสู่ซีโจวยังคงให้ประทับอยู่ที่แคว้นซางตามเดิมและไม่เคยเสด็จมาเยี่ยมแม้แต่ครั้งเดียวจะด้วยเหตุผลกลใดนั้นเรื่องนี้ก็มิอาจล่วงรู้ได้ จวบจนกระทั่งพระสนมเอกของไค๋หยวนฮ่องเต้ ได้ประสูติพระราชโอรสให้แก่พระองค์ ครั้นพระโอรสต่างเจริญวัยครบ 20 ปีบริบูรณ์จึงมีพระประสงค์จะแต่งตั้งรัชทายาทครอบครองบัลลังก์แห่งซีโจวต่อไป และนั่นทำให้อู๋ฮองเฮามิอาจวางเฉยได้ ด้วยเพราะพระโอรสลับของพระนางยังคงประทับอยู่ที่แคว้นซาง ในขณะที่พระโอรสของนางสนมประทับอยู่ในวังหลวงและมีแนวโน้มว่าจะได้ขึ้นเป็นฮองเต้แห่งซีโจวในอนาคตสืบต่อไป ด้วยเพราะไม่มีข้อครหาให้เหล่าขุนนางทั้งหลายได้ทำการท้วงติงเฉกเช่นพระโอรสลับของพระนาง ซึ่งทำการเล่นชู้กับไค๋หยวนฮ่องเต้เมื่อครั้งยังเป็นเพียงนางสนมชั้นเอกเท่านั้น อู๋ฮองเฮาจึงมีพระบัญชาให้ติดตามพระโอรสลับของพระนางที่ฝากเลี้ยงอยู่ที่แคว้นซางให้กลับคืนสู่วังหลวงเพื่อครอบครองตำแหน่งรัชทายาทแห่งซีโจว ทว่าแลดูราวกับว่าพระโอรสลับผู้นั้นจะมิสามารถหวนกลับคืนสู่ราชวงศ์ดั่งตามพระประสงค์ของอู๋ฮองเฮาได้อย่างราบรื่น ด้วยเพราะพระสนมเอกพระนามว่าฮั่วซีได้ส่งนักฆ่ามาลอบปลงพระชนม์พระโอรสลับของอู๋ฮองเฮาถึงแคว้นซาง แต่ปรากฏว่าผิดแผน เพราะเจ้าผู้ครองแคว้นซางมิได้ชุบเลี้ยงพระโอรสลับให้แก่ไค๋หยวนฮ่องเต้ภายในพระราชวังหลวงของต้าซางแต่กลับส่งไปประทับที่อื่นนอกเขตพระราชวัง ซึ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากเจ้าผู้ครองแคว้นจีหยวน และอีกผู้หนึ่งที่ล่วงรู้ล่วงนี้นั่นก็คือองค์ชายโจวโยว่เฉิงในคราบของแม่ทัพเยว่เหวินเทียนนั่นเอง ซึ่งได้กลายเป็นแม่ทัพคุมกองทหารทั้งหมดให้กับแคว้นซาง มีผลงานจากการทำศึกบุกประชิดตีแคว้นน้อยใหญ่มากมายจนทำให้แคว้นซางแผ่ขยายอำนาจไปทั่วแดนดิน องค์ชายรูปงามก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้นด้วยพระชนมายุเพียง 17 พระชันษาเท่านั้น จนเหล่าแคว้นน้อยใหญ่ต่างขนานนามให้แก่พระองค์ว่าทรงเป็นแม่ทัพไร้พ่าย ออกรบคราใดไม่มีคำว่าพ่ายแพ้เลยสักครา “รายงาน! รายงานข่าวด่วนจากราชสำนัก”เสียงร้องตะโกนเอ็ดอึงของผู้มาเยือนพร้อมกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ววิ่งตรงดิ่งไปยังหน้าประตูค่าย พร้อมชูตราประจำตัวของตนทันที “ข้าเนี่ยนเจินขอเข้าพบท่านแม่ทัพเป็นการด่วน!”ผู้มาเยือนบ่งบอกถึงเจตจำนงของตน ในขณะที่ทหารรักษาการณ์หน้าประตูมองตราที่อยู่ในมือเพียงครู่ “ตราจากวังหลวง!เปิดประตู!เปิดประตูค่าย!!”กล่าวพลางรีบเปิดทางให้ทันทีพร้อมร่างสันทัดรีบวิ่งเข้าไปในค่ายทหารอย่างรวดเร็วพระตำหนักเหวินเต๋อ ในยามนี้ร่างขนาดย่อมของตัวชะมดเร้นกายไปตามต้นไม่ใหญ่ซึ่งปลูกติดกับกำแพงพระตำหนัก ก่อนจะไต่ขึ้นไปอย่างรวดเร็วลัดเลาะเข้าไปจนข้ามเข้าไปอยู่ภายในสวนดอกไม้สวยของนางปีศาจซูเฉิน พร้อมวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องที่ติดอยู่กับสวนดอกไม้ ซึ่งมีร่างของผู้เป็นนายกำลังจิบชายามบ่ายพร้อมชมความงามของสวนอยู่ในขณะนั้นด้วยความเพลิดเพลิน “นายหญิง! นายหญิงเจ้าค่ะ!”ปีศาจชะมดร้องเรียกผู้เป็นนายจนอีกฝ่ายหันกลับมามองตามเสียงเรียกทันที และทันทีที่เห็นลูกสมุนของตนคืนร่างเดิมกลายมาเป็นตัวชะมด นางปีศาจตกใจโดยพลัน “เจ้าชะมด!เหตุใดจึงคืนร่างเดิมเกิดอะไรขึ้น! นี่เจ้าปะทะกับไป๋หลันฮวาอย่างนั้นหรอกรึ”นางปีศาจถามด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด “ข้าบังเอิญสัมผัสถูกอำนาจของเจี่ยกู่เหวินเข้าให้บังเอิญเจ้าค่ะนายหญิง จึงคืนร่างเดิมทันที แต่ตอนนี้ข้ามีเรื
ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางเสียงสรรเสริญว่าที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งช่วงชิงบัลลังก์กลับคืนได้เป็นผลสำเร็จ ภายในตำหนักเหวินเต๋อเวลานี้เจ้าชะมดกำลังไต่ลงจากต้นไม้ที่แอบซ่อนเร้นกาย วิ่งตรงเข้าไปหาร่างของนางปีศาจที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น เลือดสีเขียวไหลเนืองนองไปทั่วบริเวณด้วยเพราะมิใช่มนุษย์“นายหญิงเจ้าขา! นายหญิงของบ่าว!”นางปีศาจชะมดร่ำไห้คร่ำครวญเรียกหาผู้เป็นนายที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ในขณะนั้นนางชะมดเหลือบสายตาไปเห็นแสงสะท้อนวูบวาบของดอกไม้ปีศาจซึ่งกระเด็นตกไปปะปนกับก้อนหินมากมายสะท้อนเข้าตาของมันและพยายามเพ่งมองว่าสิ่งที่กำลังเห็นนั้นคืออะไร“ดอกไม้ปีศาจ! ใช่แล้วดอกไม้ปีศาจหัวใจอีกครึ่งดวงของนายหญิงถูกซุกซ่อนอยู่ในนั้น”นางชะมดจดจำได้ทันทีด้วยเพราะอยู่ในเหตุการณ์วันที่นางปีศาจซูเฉินนำหัวใจอีกครึ่งดวง ออกมาทำเป็นของแทนใจตัวความรักของแม่มอบให้บุตรชาย ปีศาจชะมดไม่รอช้ารีบกระโดดลงไปที่พื้นพร้อมคว้าดอกไม้ปีศาจมากำไว้ในมือ พร้อมหันหลังกลับวิ่งตรงดิ่งมา
พระตำหนักเทียนหลงภายในศาลาริมสระบัว“ขนมกุ้ยฮวาของโปรดของคุณหนูมาแล้วเจ้าค่ะ วันนี้บ่าวไปห้องเครื่องลงมือทำด้วยตัวเองเลยนะเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนบอกพร้อม ทยอยวางขนมหน้าตาน่ากินหลายอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมเสียงของซิ่นอ้ายดังตามติดมา“ส่วนบ่าวทำน้ำแกงปลามาบำรุงให้คุณหนูด้วยเจ้าค่ะ แล้ววันนี้ก็มีชาชั้นดีเพิ่งถูกส่งมาจากแคว้นเยว่ มอบถวายเป็นของขวัญในงานพิธีอภิเษกของคุณหนูกับชินอ๋อง ห๊อมหอมเจ้าค่ะ”กล่าวพร้อมวางถาดที่มาถ้วยชาและการ้อนที่ผ่านการต้มจนหอมกรุ่นมาไม่ต่ำสามชั่วยามวางลงบนโต๊ะท่ามกลางความแปลกใจของไป๋หลันฮวา เมื่อดวงตากลมโตมองของว่างมากมายวางอยู่ตรงหน้าในขณะนี้“โอโห่!นี่เจ้าสองคนจะขุนให้ข้าเป็นหมูหรือไง ทำไมมันถึงได้มากมายขนาดนี้ ใครจะไปกินได้หมดที่หลังไม่ต้องจัดหาอะไรมามากแบบนี้อีกนะ ขืนข้ากินมันทั้งหมดได้อ้วนตายกันพอดี เอวเอสหายไปเอวหมูมาแทน”หญิงสาวบ่นพึมพำในขณะที่สองพี่เลี้ยงรุ่นป้าต่างหันกลับมามองหน้ากันครั้นได้ยินเช่นนั้น“คุณหนูพูดอะไรไม่รู้เรื่องอีกแล้ว บ่าวแปลค
พระตำหนักจินผิง“อะไรนะ!เจิ้งฟูเหรินหายตัวไปอย่างนั้นรึ!”ไค๋หยวนฮ่องเต้รับสั่งด้วยความรู้สึกแปลกพระทัยครั้นได้ยินรายงานข่าวด่วนจากหัวหน้าขันที“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ตอนนี้กำลังตามหาไปทั่วพระตำหนักเลี่ยงจิน แต่ทว่าค้นหายังไม่พบเลยพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งเมื่อคืนองค์รัชทายาทก็เสด็จไปหาเจิ้งฟูเหรินเมื่อช่วงค่ำแต่ไม่พบเช่นกัน ตอนนี้ได้ยินว่าเสด็จควบม้าเร็วออกจากวังหลวงเพียงลำพังไร้กองทหารองครักษ์ติดตามเสด็จไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”พระขนงขมวดเข้าหากันทันทีครั้นไค๋หยวนฮ่องเต้ทรงได้ยินเช่นนั้น“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเจิ้งฟูเหริน เหตุใดนางจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนั้น โหย่วเอ๋อร์ก็ออกจากวังหลวงไปโดยมิบอกกล่าวสักเพียงคำว่ามีเหตุสิ่งใดเกิดขึ้น มิหนำซ้ำไปเพียงลำพังไร้ทหารองครักษ์ติดตาม อะไรกันนี่! เกิดอะไรขึ้นกับลูกของข้า!!”รับสั่งเต็มไปด้วยความแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด“นั่นนะสิพ่ะย่ะค่ะแปลกมาก!แปลกมากจริง!”หัวหน้าขันทีกราบทูลเสริมย้ำมากขึ้นไปอีก“นำคำสั่งของข้าให้กอง
พระตำหนักเทียนหลง “โอ๊ย! เบามือหน่อยท่านอ๋องข้าเจ็บนะ!!”หญิงสาวส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บจริงๆเมื่อถูกสามีของเธอจับข้อมือจนแน่นพร้อมลากลงจากรถม้า เดินตรงดิ่งเข้าพระตำหนัก ผ่านบรรดาข้าหลวงและเหล่านางกำนัลจนถึงขันที ที่ยืนเรียงรายคอยถวายการรับใช้ด้วยสีพระพักตร์ถมึงทึงช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร “หลีกไป!พวกเจ้าหลีกไปให้หมด! ข้ามีเรื่องที่จะต้องสะสางกับนาง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามารบกวนเป็นอันขาด!!”สุรเสียงดังก้องไปทั่วทั้งพระตำหนัก ครั้นเสด็จมาถึงตำหนักรับรองที่จัดให้เพื่อไป๋หลันฮวาเข้าพัก ชินอ๋องลากพระชายาคนงามเข้าห้องทันที ต่อหน้าพี่เลี้ยงทั้งสองของเธอที่ยืนมองตาค้างอยู่ภายในห้องดังกล่าว “พวกเจ้าทั้งสองออกไป!!!”สุรเสียงไล่ดังกระหึ่ม “เพคะ”ชิงเหลียนและซิ่นอ้ายรีบขานรับอย่างรวดเร็ว พร้อมก้าวเดินแทบจ
พระตำหนักเลี่ยงจินนางพญางูกำลังนั่งเพลิดเพลินไปกับการชื่นชมความงดงามของตนเองผ่านกระจกสัมฤทธิ์ หลังจากชำระร่างกายจากสระสรงน้ำ มาประโคมเครื่องประทินโฉมจนหอมกรุ่นไปทั้งตัวพลางยกท่อนแขนขึ้นสูดดมกลิ่นรัญจวนที่หอมฟุ้งไปทั่วเรือนกายด้วยความชื่นใจ“กายข้าหอมกรุ่นถึงเพียงนี้ ใยจึงไม่ส่งถึงให้ฝ่าบาททรงล่วงรู้บ้างหนอ เป็นเวลานานเท่าไรแล้วเล่าที่ไม่เสด็จมาประทับค้างคืนที่ตำหนักเลี่ยงจินของข้าแต่อย่างใด ทิ้งให้ข้านอนเหงาเปล่าเปลี่ยวแต่เพียงผู้เดียวมาเป็นเวลานาน”นางพญางูรำพึงรำพันอยู่เพียงผู้เดียว ครั้นนึกถึงเจ้าของแผ่นดินซีโจวอยู่ในขณะนี้ทันใดนั้นเอง เสียงเอ็ดอึงดังขึ้นอยู่ทางด้านนอก จนดังมาถึงห้องนอนของนางพญางูเลยทีเดียว“เสด็จแม่!เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะช่วยข้าด้วย!เสด็จแม่!!!”เสียงรัชทายาทปีศาจดังกระหึ่มอยู่ทางด้านนอกพร้อมประตูห้องนอนของคนเป็นแม่ถูกเปิดออกกว้างทันที ท่ามกลางความตกใจ“โหย่วเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไร!เกิดเหตุสิ่งใดขึ้นอย่างนั้นรึ ใยหน้าตาจึงแตกตื่นเช่นนี้”นางพญางูยกมือขึ้นพร้อมใช้ชายแขนเ