LOGINซีอีโอสาวตายลงเพราะอุบัติเหตุทะลุมิติมาอยู่ในร่างองค์หญิงผู้อ่อนแอของจวนแม่ทัพ ถูกอนุรังแก ซ้ำร้ายยังถูกสามีเกลียดเข้าไส้ เช่นนั้นนางจะล้างแค้นคืนความยุติธรรมให้กับร่างนี้เอง
View More"หากหญิงคนรักเย็บปักยันต์แคล้วคลาดด้วยหัวใจบริสุทธิ์ บุรุษที่นางรักก็จะปลอดภัยกลับมา"
มู่หรงเยี่ยนซีนั่งปักผ้าทุกวันจากความตั้งใจจริงส่งผ่านความห่วงใยและคำอธิษฐานลงบนผ้าผืนนั้นอยู่ทุกวัน แม้นิ้วมือที่เคยเรียวงามกลับกลายเป็นด้านแข็งนางก็หาได้ใส่ใจไม่ "เขาชอบสวมชุดเกราะหนัก คงลำบากมากหากไม่มีผ้าซับเหงื่อ ข้าจะใช้ผ้าฝ้ายที่ระบายอากาศได้ดีที่สุด" "เขาเกลียดดอกไม้ ข้าจะไม่ใส่น้ำมันหอมลงไปแม้แต่น้อย" "เขาเคยบ่นว่าซอกไหล่เกราะมักเสียดสีขณะขี่ม้า เช่นนั้นต้องเย็บบุหนาไว้ตรงนั้น" นางพึมพำกับตนเองเงียบ ๆ ขณะกำลังปักผ้า ในดวงตาคู่งามซ่อนความโศกเศร้าเผยเพียงรอยยิ้มบางราวกับจะกลบเกลื่อนมันไว้เบื้องหลัง ทว่าขณะที่นางบรรจงปักผ้า รอยน้ำตาก็หยดลงบนด้ายสีทองเหมือนห้ามเอาไว้ไม่อยู่ "ไม่ว่าเขาจะรู้สึกกับข้าเช่นไร ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังอยากให้เขาปลอดภัยกลับมา" เสียงเบาหวิวของนางสั่นเครือน้อย ๆ ดั่งคนที่กำลังพยายามอดกลั้นทุกความรู้สึกเอาไว้ในใจ ประตูห้องเปิดออก ร่างบอบบางของสตรีแช่มช้อยก้าวเข้ามา ตามด้วยสาวรับใช้ข้างกาย "หวังจะเอาชนะใจท่านแม่ทัพด้วยความใส่ใจเช่นนี้หรือ ข้าว่าไม่มีประโยชน์หรอกนะ" ซ่างกวนเหยียนนั่งลงเหลือบตามองสิ่งของในมือและชุดเกราะหนาข้างหน้าสายตาของนางเยาะหยันเปิดเผย เยี่ยนซีไม่เงยหน้าขึ้นมามองผู้มาเยือนที่นางมิได้เชิญ ยังก้มหน้าปักผ้าต่อไปอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งของเยี่ยนซี ซ่างกวนเหยียนจึงลุกขึ้นเดินตรงไปหา ท่าทางของนางทั้งดุร้ายและโอหัง "หยุดได้แล้ว ท่านแม่ทัพไม่อยากได้ของของเจ้าหรอก" ไม่ว่าเปล่านางก้มลงคว้าเสื้อเกราะเดินไปที่ประตูแล้วโยนมันออกไปกองอยู่บนพื้น "อย่านะ ซ่างกวนเหยียน เจ้าจะทำ...อะไร" นางเอื้อมมือคว้าเอาไว้แต่ไม่ทันความไวของซ่างกวนเหยียน เมื่อเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ดุร้ายราวกับเสือ ปลายเสียงของนางจึงแผ่วเบาเพราะความหวาดกลัว ซ่างกวนเหยียนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแดงก่ำของเยี่ยนซีและหัวเราะออกมา "ร้องไห้หรือ หึ น่าสมเพชจริง ๆ ต่อให้เจ้าร้องไห้ให้ตาย ท่านแม่ทัพก็ไม่มีวันเหลียวแลเจ้า ไม่รับของสกปรกจากมือคนอย่างเจ้า" นางยกนิ้วชี้จิ้มหน้าผากเยี่ยนซีแล้วผลักนางเต็มแรง เยี่ยนซีล้มลง ในใจของนางเจ็บปวดร้าวลึกราวกับอีกฝ่ายกำลังปักมีดกรีดลงที่หัวใจของนาง ซ่างกวนเหยียนเดินออกไปหน้าประตูหันหน้ามายิ้มเยาะเยี่ยนซีก่อนยกเท้าเหยียบลงบนเสื้อเกราะ ใช้เท้าบดขยี้แล้วกระทืบซ้ำไปซ้ำมา "อย่า! อย่าทำของจวินหลง" เยี่ยนซีลุกขึ้นถลาเข้าไปแต่ถูกสาวใช้ของซ่างกวนเหยียนจับตัวเอาไว้แน่น "อย่าใจร้ายเช่นนั้น" เยี่ยนซีดิ้นรนพลางร้องไห้ มองตัวแทนของคนที่นางรักถูกกระทำย่ำยีคาฝ่าเท้าของซ่างกวนเหยียนอย่างไร้ปรานี "เจ้ากล้าว่าข้ารึ ยิ่งเจ้าต่อว่าข้า ข้าก็จะเหยียบให้มันบิดเบี้ยวจนใช้การไม่ได้!" นางกระทืบเสื้อเกราะไม่ยั้งจนกระทั่งเหนื่อยนางถึงหยุดแล้วเดินกลับเข้ามา "ผ้ายันต์บ้าบออะไรนี่ มันไม่มีความหมายสำหรับเขาหรอก" ซ่างกวนเหยียนกระชากผ้าในมือเยี่ยนซีออกมา เหยียบผ้าที่ปักค้างไว้ บดขยี้จนแปดเปื้อนรอยเท้าแล้วเตะปลิวออกไปนอกห้องท่ามกลางคำขอร้องของเยี่ยนซี "ได้โปรด อย่าทำลายของจวินหลง..." "เหอะ ท่านแม่ทัพไม่สนใจหรอก ของที่เจ้าทำให้เขามีแต่ของไร้ค่าไม่ต่างจากตัวเจ้าที่ไม่มีค่าอะไรเลย ข้าก็สงสัยว่าเจ้ายังหน้าด้านมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ทำไมไม่ตายไปซะ นางคนโง่!" ซ่างกวนเหยียนพูดจบนางเงื้อมือจิกผมของเยี่ยนซี ลากตัวนางออกไปข้างนอก เยี่ยนซีที่ร่างกายอ่อนแอเพราะเพิ่งฟื้นจากไข้สู้แรงนางและสาวใช้ไม่ไหว ได้แต่ขอร้องอย่างน่าสงสาร "ซ่างกวนเหยียนปล่อย...ปล่อยข้าเจ็บ ข้าทำอะไรให้เจ้าถึงต้องทำร้ายข้า ทั้งที่ข้าไม่รู้จักเจ้ามาก่อน" เยี่ยนซีเอ่ยถามและร้องไห้เพราะความเจ็บปวด "ก็ข้าเกลียดเจ้า หากไม่มีเจ้า ข้าก็คือนายหญิงของที่นี่เข้าใจหรือไม่!" ทันใดนั้น เพียะ!! ซ่างกวนเหยียนตบเข้าที่หน้าของเยี่ยนซีเต็มแรงโดยให้สาวรับใช้จับนางเอาไว้ เยี่ยนซีโดนตบหลายครั้งจนใบหน้าของนางชาไร้ความรู้สึก มีรอยแดงและเริ่มบวมที่แก้มทั้งสองข้าง "ปล่อยมัน ไปเอาไม้มาข้าจะโบยมันให้ตายโทษฐานทำลายเสื้อเกราะท่านแม่ทัพ!" ซ่างกวนเหยียนโยนความผิดให้เยี่ยนซีซึ่ง ๆ หน้า สาวรับใช้รับคำสั่งวิ่งออกไปไม่นานก็วิ่งกลับมาพร้อมกับไม้โบย เสียงไม้โบยกระแทกลงบนแผ่นหลังบางดังต่อเนื่อง เสียงนั้นปนกับเสียงหอบสะอื้นของเยี่ยนซีราวกับจะฉีกความเงียบของห้องให้ขาดสะบั้น "หยุดเถอะ ข้าเจ็บ" เสียงของนางแผ่วเบาราวกับสายลม ไม่อาจสั่นคลอนใจของซ่างกวนเหยียนที่มองอย่างสะใจ "เจ็บรึ แค่นี้น่ะหรือเจ็บ ถ้าทนไม่ได้ก็ตาย ๆ ไปซะ มู่หรงเยี่ยนซี!" เสียงตวาดของซ่างกวนเหยียนบาดลึกยิ่งกว่าความเจ็บกาย ยิ่งได้ฟังประโยคถัดไปนางยิ่งรู้สึกราวกับกำลังถูกกระชากหัวใจแล้วถูกเหยียบซ้ำจนป่นปี้ "เจ้าตายไปข้าก็จะได้เป็นนายหญิงของจวนนี้ ครองรักกับท่านแม่ทัพ ไม่ต้องมีหนามยอกอกอย่างเจ้า" เพียะ!! เสียงตบหน้าอีกรอบ คราวนี้เลือดซึมที่มุมปากของเยี่ยนซี ใบหน้าบวมเป่งจนมองแทบไม่ออกว่าเคยงดงามเพียงใด "อย่ามาทำตัวเป็นนกน้อยไร้เดียงสา ถ้าข้าไม่ได้เป็นภรรยาคนเดียวของท่านแม่ทัพ ข้าไม่มีวันยอม!" นางหยิบผ้าปักของเยี่ยนซีที่ถูกเหยียบเลอะโคลนขึ้นมาขยำ ก่อนปาใส่หน้านางอย่างดูแคลนและเย้ยหยัน "เจ้าคิดหรือว่าแค่เย็บยันต์บ้าบอผืนเดียวแล้วจะทำให้เขารอดตาย สวรรค์มีตา เขาจะตายเสียด้วยซ้ำถ้าอยู่กับคนโง่ไร้ค่าเช่นเจ้า!" น้ำตาของเยี่ยนซีไหลอาบแก้ม ทว่าแววตานางกลับไม่เหมือนก่อน มันไม่ใช่เพียงความเศร้า แต่มันเริ่มมีแสงแข็งกร้าววูบผ่าน "ข้า...ข้ารักเขา" นางพึมพำราวกับย้ำเตือนตนเอง ซ่างกวนเหยียนหัวเราะเยาะออกมาดังลั่น รอยยิ้มบิดเบี้ยวจนไม่น่ามอง "เจ้ารักเขา? แล้วเขารักเจ้าหรือไม่? เขาไม่แม้แต่จะมองเจ้า! เจ้ามันก็แค่...ของเล่นชิ้นหนึ่งที่ไม่มีใครต้องการ!" ซ่างกวนเหยียนทำท่าทางเยาะเย้ยเช่นเดิม "ฟังให้ดีนะ มู่หรงเยี่ยนซี อีกไม่กี่วันข้าจะได้เป็นภรรยาอีกคนของเขาอย่างสมบูรณ์ และข้าจะไล่เจ้าออกไปจากที่นี่ด้วยตัวข้าเอง!" นางถ่มน้ำลายใส่พื้นแล้วสะบัดชายเสื้อเดินออกจากห้อง ทิ้งให้เยี่ยนซีฟุบลงบนพื้นเย็นเฉียบในห้องว่างเปล่า ท่ามกลางเศษผ้าที่เปื้อนโคลนและเสื้อเกราะที่ถูกย่ำยี อากาศภายในห้องเริ่มเย็นเยียบ แม้เปลวเทียนจะยังลุกโชติช่วงบนเชิงเทียน แต่มันไม่สามารถสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายของเยี่ยนซีได้อีกต่อไป นางนอนคุดคู้กับพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ เลือดจากปากยังไม่ทันแห้งสนิท รอยฟกช้ำตามร่างกายปรากฏให้เห็นแม้ใต้ผ้าผืนบางที่เปื้อนดิน ทว่าดวงตาของนางยังเบิกโพลง มองไปยังเสื้อเกราะที่ถูกเหยียบย่ำไม่ไกลจากปลายนิ้วของนาง "จวินหลง" เสียงแหบพร่าเอ่ยชื่อคนรักอย่างแผ่วเบา "ท่านคง...ไม่รู้..." นางพยายามจะขยับร่างเพื่อคลานไปหาของที่ตนทำด้วยความตั้งใจ แม้จะเพียงแค่แตะสัมผัสมันสักนิด แต่ร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่งอีกต่อไป ในหัวของนางมีเพียงเสียงสะท้อนจากอดีต คำพูดของหานจวินหลงที่เคยกล่าวก่อนออกศึก "ข้าไม่มีวันรักเจ้า อย่าแม้แต่จะหวังอะไรจากข้าเลย เยี่ยนซี" "ข้า…ผิดอะไร..." น้ำตาหยดสุดท้ายไหลลงข้างแก้มแนบผิวเย็นเฉียบ หัวใจของเยี่ยนซีราวกับถูกบีบจนแหลกละเอียด นางไม่ได้เจ็บเพราะแผลบนร่างกาย หากแต่เป็นเพราะความรักที่อัดแน่นอยู่ในใจนั้นไม่เคยมีใครเข้าใจ ร่างของนางสั่นเล็กน้อยแล้วเงียบลง นางไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้ว ชั่วครู่เสียงฝีเท้าของสาวใช้คนหนึ่งดังเข้ามาพร้อมถาดอาหาร "ฮูหยิน...เอ่อ ...องค์หญิง..." เมื่อเห็นร่างนิ่งสงบและดวงตาไร้แววของเยี่ยนซี หญิงสาวก็สะดุ้งสุดตัว "ตาย...ตายแล้ว!" หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยามที่ป่าลึกหลังเรือนร้าง ร่างของเยี่ยนซีห่อผ้าไว้อย่างลวก ๆ โยนใส่เกวียนเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยฟางแห้งโดยไร้พิธีกรรมใด ๆ จากคนของซ่างกวนเหยียน ชายวัยกลางคนที่เป็นคนควบม้าหันไปพูดกับชายในชุดบ่าวรับใช้อีกคน "นายหญิงสั่งให้เอาไปทิ้งให้ห่าง ๆ จากจวน อย่าให้ใครหาเจอ ถ้าหมาป่ามาคาบไปก็ยิ่งดี" "น่าเสียดายที่ตอนยังมีชีวิตงดงามไม่เบาเลยนะ" อีกคนหัวเราะเสียงเหี้ยม โครก! ร่างของนางถูกทิ้งลงพื้นกลางป่าทึบ ร่างที่เคยงดงามบอบบางเปื้อนเลือดและฝุ่น ไม่มีผู้ใดโศกเศร้า ไม่มีแม้แต่ธูปเทียนหรือคำอำลา ครึ่งชั่วยามต่อมา เสียงเกือกม้าดังจากระยะไกลราวกับเร่งรีบวนเวียนอยู่ใกล้กับศพของเยี่ยนซี ฉับพลันเปลือกตาของนางเปิดขึ้นช้า ๆ เสียงในหูของนางสั่นสะเทือนก่อนที่นางจะแน่นิ่งไปการประหารสิ้นสุดลงภายในไม่กี่ชั่วยามหลังไต่สวนเสร็จ ข่าวตระกูลซ่างกวนถูกกำจัดแบบขุดรากถอนโคนแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ผู้คนต่างซุบซิบนินทา บ้างสะใจ บ้างสยดสยอง ณ จวนแม่ทัพ บ่าวไพร่และสตรีในเรือนต่างจับกลุ่มรอฟังความคืบหน้า ซ่างกวนเหยียนสายเลือดคนสุดท้ายที่ยังเหลือรอดยืนกำหมัดแน่น ใบหน้าซีดขาวแฝงด้วยความหวาดหวั่น ดวงตากลับเต็มไปด้วยความอาฆาต "หากปล่อยไว้ ข้าต้องไม่รอดพ้นเงื้อมมือพวกมันแน่" นางขบกรามกรอด พลันชักมีดสั้นซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แล้วสาวเท้าเร่งไปยังเรือนเยี่ยนซี ท่ามกลางความเงียบสงัดที่แม้สายลมยังดูเย็นยะเยือก ภายในเรือน เยี่ยนซีกำลังนั่งรอฟังข่าวพร้อมบ่าวรับใช้ เมื่อเงาร่างหนึ่งก้าวเข้ามา นางเหลียวมองก็เห็นซ่างกวนเหยียน สายตาที่ฉายแววคลุ้มคลั่งนั้นทำให้เยี่ยนซีลุกพรวดขึ้นทันที "เจ้ามาที่นี่ทำไม" เยี่ยนซีตะโกนถาม น้ำเสียงเข้มข้นด้วยความระแวง "ฮึ ข้าจะชำระแค้นนะสิ นำเลือดของเจ้าสังเวยบรรพชน" สิ้นคำพูด ซ่างกวนเหยียนพุ่งเข้าจู่โจม มีดในมือวาววับ เยี่ยนซีชักปิ่นปักผมออกมาป้องกัน ทั้งสองต่อสู้กันกลางห้อง เรือนถูกทำลาย ข้าวของคว่ำกลาดเกลื่อน บ่าวรับใช้ต่างแตกตื่น ฝีมือเยี่ยนซีแ
หานจวินหลงให้คนไปแจ้งข่าวแก่เยี่ยนซีว่าเตรียมตัวเอาไว้เขาจะพานางไปพำนักที่อื่นชั่วคราว แม้ในใจยังไม่อาจไว้วางใจนางเต็มที่แต่นางเป็นคนของเขา หากวันหนึ่งวันใดมั่นใจว่านางคือคนที่สั่งฆ่าหานอวี้ซินอย่างแท้จริง สมควรเป็นเขาที่ต้องลงมือกับนางเอง "ฮูหยินโปรดเตรียมตัว ท่านแม่ทัพสั่งเอาไว้ว่าจะพาย้ายที่อยู่ชั่วคราว" "มีเรื่องร้ายแรงใดถึงจะอยู่ที่จวนไม่ได้" ถึงนางจะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างแต่ก็ไม่เห็นต้องย้ายไปที่อื่น" "เตรียมตัวเถิดขอรับ" นางจึงชวนเซียวหยูเก็บข้าวของที่จำเป็น แต่เหตุการณ์ก็ไม่ง่ายเมื่อจู่ ๆ มีคนร้ายล้อมจวนแม่ทัพเอาไว้แน่นหนา หานจวินหลงโกรธแค้นมากที่ซ่างกวนหรงชิงลงมือทีเผลอ "ฆ่าให้หมดทุกคน!" สิ้นคำสั่งกลุ่มคนร้ายต่างกรูเข้าต่อสู้กับทหารของแม่ทัพ หานจวินหลงส่งข่าวนกพิราบไปยังจวนรองแม่ทัพฉินให้มาสมทบทันที รองแม่ทัพฉินนำทหารสุดยอดฝีมือมาด้วยจำนวนหนึ่งช่วยปราบกองกำลังของซ่างกวนหรงอย่างไม่เกรงกลัว สำหรับเรือนฮูหยินเอกและฮูหยินรองรวมถึงบ่าวไพร่ได้รับการคุ้มกันเป็นอย่างดี เสียงโกลาหลดังกึกก้องไปทั่วจวนแม่ทัพ คมดาบปะทะคมดาบ เปลวเพลิงจากคบเพลิงส่องประกายสะท้อนกับเลือดท
หานจวินหลงกลับมาที่ห้องทำงานพลางมองไปทิศทางเรือนของเยี่ยนซี ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์แต่ภายในใจเดือดปุดราวกับไฟ "มีจดหมายลับส่งมาขอรับ" นายทหารวิ่งถือซองจดหมายเข้ามายื่นให้ หานจวินหลงรับมาเปิดอ่านเป็นข่าวสารเกี่ยวกับซ่างกวนหรง "ซ่างกวนหรงกำลังซ่องสุมกำลังพลและวางแผนบางอย่างเพื่อแก้แค้นให้ตระกูลซ่างกวน ทั้งที่ฮ่องเต้ชดใช้ให้แล้วและยังปกป้องซ่างกวนเหยียนไว้ที่จวนแม่ทัพ แสดงว่าซ่างกวนเหยียนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย" นายทหารนิ่งฟังก็ออกความเห็นร่วมด้วย "แล้วซ่างกวนหรงต้องการสิ่งใดกันแน่ขอรับถึงไม่ยอมจบสิ้น เขาเลือกกลับมาแก้แค้นทั้งที่หายสาบสูญจนเข้าใจว่าตายไปแล้ว" หานจวินหลงครุ่นคิด "เรื่องนั้นเราต้องหาสาเหตุให้ได้และต้องไวกว่าเขาหนึ่งก้าวเสมอ อย่ารอให้ซ่างกวนหรงลงมือก่อนเป็นอันขาด เรื่องนี้อันตรายมาก ข้าคิดว่าเป้าหมายสำคัญอยู่ที่จวนแม่ทัพและฮ่องเต้ สืบต่อไปแล้วเตรียมกำลังพลให้พร้อมตลอดเวลา" "รับทราบ" นายทหารออกไปแล้วหานจวินหลงนั่งลงหาหลักฐานเรื่องตระกูลซ่างกวนแต่สายตากลับไม่ลืมมองดูม้วนกระดาษเรื่องราวของน้องสาว บนโต๊ะภายในห้องทำงานของหานจวินหลง ดวงตาคมกริบจับจ้องม้วนกระดาษช
หานจวินหลงยังคงรับรายงานอาการของซ่างกวนเหยียนอย่างต่อเนื่อง แต่ความสงสัยในตัวของเยี่ยนซีทำให้ใจเขาไม่สงบ การสืบหาเบาะแสแม้จะเริ่มชัดเจนทว่ายังสรุปหาตัวคนผิดจริง ๆ ยังไม่ได้ สามวันต่อมาในจวนแม่ทัพ ในใจของเขากำลังมืดครึ้มไม่ต่างจากบรรยากาศในห้องทำงานเพราะข่าวลือจากบ่าวไพร่ที่ลอยเข้าหูเมื่อเช้า "บ่าวไพร่ในจวนต่างร่ำลือว่าฮูหยินมีส่วนร่วมกับมือสังหารที่ลอบฆ่านายทหารแล้วจัดฉากใส่ร้ายนายหญิงรองขอรับ" เสียงรายงานของนายทหารทำให้ใจเขาสะดุ้ง หานจวินหลงวางมือลงบนโต๊ะไม้ พิจารณาสีหน้าของนายทหารอย่างรอบคอบ ดวงตาคมกริบจับจ้องราวกับกำลังเจาะลึกไปถึงจิตใจคน "เจ้าแน่ใจหรือ?" เขาถามเสียงเย็น ราบเรียบแต่เฉียบขาด "ขอรับ ข้าได้ยินหลายคนกระซิบกัน บางคนเห็นแม้กระทั่งฮูหยินสนทนากับชายชุดดำต้องสงสัยคนนั้น" คำพูดเหล่านั้นเหมือนประกายไฟจุดความสงสัยในใจเขา เยี่ยนซีกล้าร่วมมือกับมือสังหารฆ่าทหารในจวนแม่ทัพ หากนางฉลาดพอเหตุใดต้องใช้วิธีการคล้ายกันกับตอนสั่งหารน้องสาวเขา หรือว่านางย่ามใจคิดว่าใช้วิธีคล้ายกันแล้วจะไม่เป็นที่น่าสงสัย ไม่มีผู้ใดเอาผิดนางได้ เหมือนที่นางเคยพูดท้าทายเมื่อวันก่อน 'หรือคำพูดที่ว











