“ทำไมกลับดึกจังครับ แล้วนั่นแต่งชุดอะไรมาน่ะ”
เสียงทุ้มที่เอ่ยทักทำเอานีรนาราที่เดินมาตรงโซนหน้าทีวีสะดุ้ง ก่อนจะถอนหายใจและบ่นออกมาเมื่อเห็นตัวต้นเหตุที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดรออยู่
“ไปงานวันเกิดแม่บอส ทำไม เดี๋ยวนี้นั่งรอบ่นเหมือนลุงแก่ๆแล้วเหรอเราอ่ะ”
“เปล่า แค่มารอฉัตรอ่ะไม่กลับสักทีจนพี่นีนมาเนี่ย ได้ข่าวว่าน้องพี่ก็เลิกเรียนพร้อมน่านไม่ใช่เหรอครับ”
คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้แปลกใจเท่าไหร่ พอๆกับการที่อรัณย์มานั่งอยู่กลางห้องของเธอทั้งที่เจ้าตัวอยู่ห้องถัดไป เพราะเป็นน้องชายคนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่ได้ห่างหายกันไปไหน การจะเข้าออกห้องกันและกันถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุดแล้ว
ต่อให้อายุจะห่างกันถึงเจ็ดปีแต่เพราะอรัณย์เกิดปีเดียวกันกับปาริฉัตรน้องสาวเธอ แถมยังเรียนอยู่ที่มหาลัยเดียวกันเลยยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตตลอดเวลาแบบนี้ จนบางทีก็ลืมว่าคนไหนเป็นน้องเธอกันแน่
“เห็นแชทมาบอกว่าจะไปงานวันเกิดเพื่อนต่อนี่นา คงใกล้กลับแล้วมั้ง”
“แล้วพี่นีนไม่โทรไปถามหน่อยเหรอครับ ดึกมากแล้วเนี่ยเดี๋ยวน่านจะได้ไปรับมัน”
“แล้วทำไมน่านไม่โทรไปเองเลยล่ะ”
นีรนารามองค้อนเมื่อถูกต่อว่าราวกับเป็นพี่สาวที่ไม่ใส่ใจน้องตัวเองแบบนั้น ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีอะไรน่าห่วงเลยสักนิด ปาริฉัตรเองก็ไม่เคยทำอะไรโดยไม่บอกเธอเลยด้วย มีเพียงอรัณย์นี่แหละที่บ่นเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องใหญ่เสมอถ้าเกี่ยวกับปาริฉัตร
“ฉัตรมันรับสายน่านที่ไหนล่ะ รู้ว่าจะโดนบ่นอ่ะดิ”
อรัณย์บอกพลางกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนีอย่างขัดใจ
“ก็เราขี้บ่นอ่ะน่าน”
“น่านแค่เป็นห่วงมั้ยล่ะ กลับดึกทั้งพี่ทั้งน้องน่านจะฟ้องคุณป้า”
คราวนี้อรัณย์เงยหน้ามาเถียงแถมยังเอาแม่ของนีรนารามาขู่จนคนพี่ต้องรีบเดินไปเคาะหัวทีนึงด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหยิบมือถือออกมาทันที
“ใจเย็นๆเด็กคนนี้นี่ เอะอะเอาแม่พี่มาขู่จะฆ่าพี่รึไง เดี๋ยวโทรตามให้โอเคมั้ย”
“เหอะ เร็วๆเลยครับ”
“จ้า”
นีรนาราลากเสียงยาวประชด ทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆกับอรัณย์จนปาริฉัตรรับสายก็รีบถามท่ามกลางสายตาจับผิดจากคนข้างๆ
“อยู่ไหนคะคุณน้องสาว”
“อยู่บ้านเพื่อนไงคะคุณพี่ พี่นีนถึงห้องแล้วเหรอ”
“อือ มีคนถึงก่อนพี่ด้วย นั่งรอบ่นหน้าตึงอยู่เนี่ย”
นีรนาราบอกก่อนจะหันไปมองค้อนอรัณย์ที่เอาหูมาแนบมือถือราวกับจะคุยซะเอง
“โอ้ย น่านมันผีบ้าโทรมาจิกจนไม่เป็นอันกินแล้วเนี่ยฉัตรละเบื่อ ทำตัวเหมือนลุงแก่ๆไปได้”
ปาริฉัตรโวยวายออกมาจนนีรนาราต้องเอามือถือออกห่างเพื่อความปลอดภัยของหูตัวเอง ก่อนจะเกลี้ยกล่อมน้องสาวด้วยความอ่อนใจ
“ให้เค้าไปรับสักทีเถอะ ก่อนที่พี่จะโดนกินหัวเนี่ย”
“โอเคๆเดี๋ยวฉัตรส่งโลไปให้น่านมันเอง พี่นีนไปอาบน้ำนอนเถอะ”
ปาริฉัตรบอกพลางถอนหายใจ เธอรู้ดีว่าพี่สาวตัวเองนั้นทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน แต่ถ้าขืนทำเมินต่อ คนอย่างอรัณย์ไม่มีทางเลิกวอแวพี่เธอแน่
“โอเคจ้า”
นีรนารากดตัดสายก่อนจะหันมาถามอรัณย์ที่รีบเข้าไปเช็คข้อความในมือถือ
“ฉัตรส่งมาให้แล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
“พอใจยังคุณลุง”
นีรนาราถามด้วยสีหน้าประชดประชันก่อนจะต้องกรอกตาใส่อรัณย์อีกรอบเมื่อได้ยินคำตอบแสนจะหลงตัวเองแบบนั้น
“คุณลุงอะไรหล่อขนาดนี้ งั้นน่านไปรับฉัตรก่อนนะพี่นีน”
“จ้า ขับรถดีๆนะ”
“ครับ”
นีรนารามองตามอรัณย์ที่เดินออกไปจากห้อง จ้องมองแผ่นหลังกว้างกับส่วนสูงที่เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิมของเด็กชายตัวเล็กในวันวานอีกต่อไป
เปลี่ยน…แม้กระทั่งความรู้สึกที่เคยมีให้กันเมื่อตอนเด็ก
ร่างบางหย่อนตัวลงนั่งที่เตียงก่อนจะเปิดลิ้นชักโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆแล้วหยิบเอารูปที่เก็บไว้อย่างดีมาหลายปีออกมาดู รูปภาพที่ดึงเอาความทรงจำในวันวานให้เด่นชัดไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่ ราวกับเรื่องราวแสนสวยงามนั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นไปเพียงแค่เมื่อวาน
ในรูปภาพที่มีเพียงเด็กสาวแรกรุ่นกับเด็กชายที่สูงเพียงแค่ไหล่ของเธอยืนเคียงข้างกันท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆและหมอกในฤดูหนาว สวนดอกไม้ที่รายรอบส่งให้บรรยากาศในภาพนั้นทั้งอบอุ่นและสดใสไม่แพ้รอยยิ้มของทั้งคู่ที่ดูมีความสุขจนดวงตาเป็นประกาย
แม้ตอนนี้ดอกไม้ช่อเล็กในมือที่เคยถือ และมงกุฎดอกไม้บนศีรษะจะเหี่ยวเฉาจนกลายเป็นดอกไม้แห้งที่ถูกเก็บไว้ในกล่องมานานหลายปี แต่ความรู้สึกในตอนนั้นก็ยังคงชัดไม่แพ้รูปถ่ายในมือสักนิดเลย
นีรนารากอดรูปนั้นเอาไว้แนบอกก่อนจะหลับตาลงและดำดิ่งลงกับภาพความทรงจำที่ผุดพรายขึ้นมาในหัวอย่างช้าๆ
“พี่นีนๆ”
เสียงเรียกที่แทบจะเป็นตะโกนนั้นดึงสายตานีรนาราที่กำลังเลือกเก็บดอกไม้ในสวนข้างบ้านให้หันกลับมามอง ก่อนจะต้องถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าในมือเล็กๆของเด็กชายถืออะไรมาด้วย
“ครับ ถืออะไรมาน่ะ”
“น่านทำมงกุฎเจ้าสาวมาให้พี่นีนครับ”
อรัณย์ในวัยสิบขวบบอกก่อนจะชูสิ่งที่อยู่ในมือให้พี่สาวคนโปรดดูด้วยความภูมิใจ
“โห สวยจัง นี่น่านทำเองเหรอครับ”
“ช่าย น่านไปขอให้ม๊าสอนมาครับ น่านบอกว่าจะขอพี่นีนแต่งงาน”
อรัณย์บอกก่อนจะเชิดหน้ายิ้มเมื่อได้รับคำชม คำอธิบายต่อหลังเรียกเสียงหัวเราะให้นีรนาราในวัยสิบเจ็ดปีจนแทบหยุดขำไม่ได้ มือขาวยื่นไปขยี้หัวทุยของอรัณย์ด้วยความเอ็นดูก่อนจะถามออกมาด้วยใบหน้าที่แสร้งทำเป็นจริงจัง
“จะขอพี่แต่งงานเลยเหรอ แต่พี่แก่กว่าน่านตั้งเจ็ดปีเลยนะครับ”
“ม๊าบอกว่าขอได้ครับ อายุไม่เกี่ยวเพราะน่านชอบพี่นีนมากๆ”
และอรัณย์ก็ตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจและทำหน้าจริงจังไม่แพ้กันจนนีรนาราขำออกมาอีกรอบ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มของอรัณย์จนมันยืดไปมา
“จริงเหรอ แล้วน่านไม่ขอฉัตรแต่งงานเหรอครับ”
อรัณย์นิ่วหน้าเมื่อนีรนาราพูดถึงเพื่อนที่เล่นด้วยกันทุกวันอย่างปาริฉัตร พอนึกถึงใบหน้าเนื้อตัวมอมแมมแถมยังขี้แกล้งแล้วอรัณย์ก็ส่ายหัวแรงๆปฏิเสธออกมาโดยไม่เสียเวลาคิดสักนิด
“ไม่ครับ ฉัตรตัวมอมแมมขี้แกล้งด้วยน่านไม่ชอบ พี่นีนสวยกว่าน่านจะแต่งงานกับพี่นีนครับ”
“โอเคครับแต่งก็แต่ง”
นีรนาราพยักหน้าตกลงในที่สุดเมื่อหยอกล้อเจ้าเด็กแสบจนพอใจแล้ว ทำเอาอรัณย์ที่ได้ยินยิ้มกว้างก่อนจะรีบหันไปหาม๊าตัวเองที่กำลังเดินตามมา
“รอแป้บนะครับ เราต้องมีรูปวันแต่งงานด้วยม๊ากำลังจะมาถ่ายให้”
“ฮ่าๆ โอเคครับ ถ่ายรูปด้วยเนอะ”
“ตอนนี้จัดแบบเล็กๆก่อนนะครับ ไว้โตแล้วม๊าบอกว่าต้องจัดงานใหญ่พี่นีนรอให้น่านโตก่อนนะครับ”
อรัณย์บอกด้วยสีหน้าจริงจังยามเมื่อนีรนาราก้มลงให้สวมมงกุฎดอกไม้ให้ มือเล็กจับมือนีรนาราก่อนจะเกี่ยวก้อยเพื่อเป็นดั่งคำมั่นสัญญา
“โอเคครับ พี่นีนจะรอนะ”
“มาแล้วเด็กๆ วันนี้ม๊ารับถ่ายรูปงานแต่งค่า ยิ้มกว้างๆเลยนะคะ”
เสียงคนเป็นแม่ตะโกนบอกเมื่อหามุมสวยๆให้เด็กทั้งสองคนได้แล้วพลางสั่งให้ทั้งคู่ยิ้มและกดบันทึกภาพเอาไว้หลายภาพ จนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าส่วนที่เหลือนั้นอยู่กับใครบ้าง และไม่รู้ว่าอรัณย์ที่เคยเก็บภาพเดียวกันนี้ติดตัวอวดคนอื่นไปทั่ว จะยังคงเก็บมันไว้เหมือนเธอรึเปล่า
นีรนาราลืมตาขึ้นช้าๆ หลุดออกมาจากภาพความจำที่แสนอบอุ่นและเก็บซ่อนมันไว้ให้ลึกที่สุดในหัวใจอีกครั้ง ให้มันเป็นเพียงความทรงจำแสนสวยงามที่เอาไว้ใช้หล่อเลี้ยงหัวใจยามที่เหนื่อยล้า หรือถูกความเป็นจริงตอกย้ำจนร้าวไปทั้งใจแบบนี้
“ตอนนี้ คงไม่อยากจัดงานใหญ่ที่บอกแล้วสินะเจ้าเด็กแสบ สุดท้ายก็ไปชอบเด็กตัวมอมแมมคนนั้นอยู่ดีนี่นา”