Share

บทที่ 35

Author: โม่เสียวชี่
หลินเย่ว์ย่อมตะลึงค้างเช่นกัน

ใช่สิ เฉียวเนี่ยนมาขออพรให้ท่านย่าสุขสงบ ไฉนเขาถึงพูดจาเช่นนั้นออกไปได้?

เขาเป็นอะไรไป?

ไฉนทุกครั้งที่เจอเฉียวเนี่ยนถึงต้องพูดจาไม่เหมาะไม่ควรอยู่ร่ำไป?

หลินเย่ว์ใจเต้นเบาๆ คิดตามว่าหากท่านย่ามีอันเป็นไปเพราะคำพูดเมื่อครู่ของตน อย่าว่าแต่เฉียวเนี่ยนเลย ตัวเขาก็ไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปชั่วชีวิตเช่นกัน!

ทว่า อีกครั้งแล้ว

หรือว่าเรื่องนี้ไม่ควรโทษเฉียวเนี่ยน?

เหตุใดยามเขาเผชิญหน้ากับยวนเอ๋อร์ถึงเข้าใจมีเหตุผลได้ แต่เมื่อเจอเฉียวเนี่ยนก็โมโหแสลงใจแล้ว?

เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดจากเฉียวเนี่ยนหรอกหรือ?

พูดอะไรออกมาว่าเขาตายไปเมื่อสามปีก่อน พูดอะไรว่าเขาไม่มีสิทธิ์สอนนาง?

เขาอยากทำให้นางเห็นว่าตนมีคุณสมบัติพอสั่งสอนนางหรือไม่!

นับตั้งแต่เฉียวเนี่ยนกลับจวนเป็นต้นมา โทสะที่สั่งสมทั้งหมดก็ปะทุออกมายามนี้ หลินเย่ว์ปรี่เข้าไปคว้าเฉียวเนี่ยนทันใด

เฉียวเนี่ยนตกตะลึง ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะลงไม้ลงมือกับนางที่นี่ แต่นางตอบสนองทัน หลีกตัวหลบได้

ทว่าหลินเย่ว์อายุมากกว่านางกี่ปี ทั้งเรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ย่อมเหนือชั้นกว่าเฉียวเนี่ยน เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็เอาชนะ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (5)
goodnovel comment avatar
Yiwha Hong
โอโห จังหวะนี้คือลาขาดกับบ้านนี้เหอะ อิหลินเย่ว์ยังเป็นคนอยู่มั้ย แล้วทำไมพระเอกไม่โผล่มาช่วย หงุดหงิดจนต้องเลิกอ่านละ
goodnovel comment avatar
Potichan Pam Rungnapa
ไร้ท์คะ​ ขอตอนยาวกว่านี้ได้มั๊ยคะ​ ตอนสั้นมากมากเลย......... เลื่อนทีเดียวหมดตอนล้าววว
goodnovel comment avatar
Jaruwan
แม่ทัพ ก็เลว ทำไมไม่รู้จักห้ามวะ อย่ากลับไปหามันนะ ไปตายอันดาบหน้าดีกว่า ถ้าหมิงอ๋องกลายเป็นคนไม่ดีก็ถือว่าซวยแล้วกัน
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1432

    ขณะที่พูด สายตาก็ลอบชำเลืองมองเฉียวเนี่ยนแวบหนึ่ง ก่อนจะลดเสียงลงกระซิบถามอย่างใคร่รู้ว่า “อิ๋งชี คุณหนูของข้าใช้ให้ท่านไปทำอะไรมาหรือ ท่าทางลับลมคมในเชียว!”อิ๋งชีปรายตามองหนิงซวงแวบหนึ่ง รับถ้วยยามากระดกดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นจึงทิ้งมือยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้าง สำรวมกายใจประหนึ่งรูปปั้นหิน ราวกับไม่ได้ยินคำถามของหนิงซวงแม้แต่น้อยหนิงซวงรู้สึกขัดใจยิ่งนัก ทว่าก็รู้อยู่เต็มอกว่าคงง้างปากถามความอันใดไม่ได้ จึงได้แต่เบ้ปากแล้วถือถ้วยยาเปล่าถอยออกไปเวลาล่วงเลยไปทีละน้อย ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยขึ้นสูง ยามอู่ใกล้เข้ามาทุกทีทันใดนั้น ด้านนอกเรือนปีกข้างพลันมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบสับสนวุ่นวายดังขึ้น เคล้าไปกับเสียงตะโกนและเสียงครวญครางแผ่วเบาประตูเรือนที่ปิดสนิทถูกผลักออกอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง “โครม”ผู้ที่ปรากฏกายคือมู่ซ่างเสวี่ย มู่เจิ้นเจียง และพรรคพวกที่ย้อนกลับมา ทว่าบัดนี้บนใบหน้าของพวกเขาหาได้มีความแข็งกร้าวและมืดมนอำมหิตดังก่อนหน้า เหลือไว้เพียงความตื่นตระหนกและหวาดผวาอย่างถึงที่สุด!ใบหน้าของมู่ซ่างเสวี่ยซีดเผือด หน้าผากชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ฝ่ายมู่เจิ้นเจียงนั้นอาการหนักหนายิ่ง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1431

    พี่ห้าแทบอยากจะพุ่งเข้าไปถีบพี่ชายของตนเสียให้รู้แล้วรู้รอด ส่งให้ถลาเข้าไปหาเฉียวเนี่ยนเสียตรงนั้นทว่าสองเท้าของฉู่จืออี้กลับราวกับถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น หนักอึ้งเสียจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลยยิ่งปรารถนาจะกระทำสิ่งใด กลับยิ่งมืดแปดด้านไม่รู้ว่าควรทำสิ่งใดดีความรู้สึกพ่ายแพ้และโทสะที่เกรี้ยวกราดใส่ตนเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถาโถมเข้าเกาะกุมจิตใจราวกับเถาวัลย์ที่รัดพันร่างเขาไว้อย่างแน่นหนาแต่แล้วในยามนั้นเอง เฉียวเนี่ยนกลับเป็นฝ่ายสืบเท้าเดินเข้าไปหาฉู่จืออี้เสียเองแสงตะวันสาดส่องลอดผ่านกิ่งก้านใบไม้ที่โปร่งตา ทาบทอเป็นเงาสลัวรางบนเรือนร่างของนางเมื่อเห็นดังนั้น ผู้คนในลานเรือน ไม่ว่าจะเป็นหนิงซวงที่อยู่ใต้ระเบียงทางเดิน เกอซูอวิ๋น หรือเหล่าองครักษ์พยัคฆ์ ต่างก็รู้ความยิ่งนัก รีบถอยฉากกลับเข้าห้องของตนไปอย่างพร้อมเพรียง ลานเรือนอันกว้างใหญ่พลันว่างเปล่าเงียบสงัด เหลือเพียงคนสองคนที่ยืนตระหง่านเผชิญหน้ากัน และเสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังสวบสาบเท่านั้นจนกระทั่งเฉียวเนี่ยนมายืนอยู่ตรงหน้า ใกล้เสียจนมองเห็นไรขนอ่อนบนใบหน้าซีดเผือดและความเหนื่อยล้าที่ซุกซ่อนอยู่ลึกในแว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1430

    สีหน้าของฉู่จืออี้ทะมึนถึงขีดสุด เห็นได้ชัดว่าตระกูลมู่ถือดีที่จับจุดอ่อนของพวกเขาได้ ว่ามิปรารถนาให้เกิดสงครามระหว่างแคว้นจนราษฎรผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน จึงได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้!ทว่า... ความจริงกลับเป็นเช่นนั้น!ขอเพียงตระกูลมู่เอ่ยปาก ต่อให้ฮ่องเต้ถังมิประสงค์จะเปิดศึก ก็มิอาจทัดทานแรงกดดันที่ถาโถมจากตระกูลมู่ได้ถึงยามนั้น สงครามระหว่างสองแคว้นย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง!สองหมัดของฉู่จืออี้กำแน่นโดยไม่รู้ตัว เพลิงโทสะที่ไร้ชื่อสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นกลางอกทันใดนั้น ปลายแขนเสื้อพลันถูกกระตุกเบา ๆฉู่จืออี้หันขวับกลับมา สบเข้ากับแววตาของเฉียวเนี่ยนภายในแววตาคู่นั้น อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำที่ถูกกดข่มไว้นางส่ายหน้าเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามิใคร่จะให้หน่วยองครักษ์พยัคฆ์ลงมือเช่นกันลูกกระเดือกของฉู่จืออี้ขยับเลื่อนขึ้นลงอย่างรุนแรง สันกรามขบเกร็งประดุจเหล็กกล้าเขาสูดลมหายใจเข้าลึก กดข่มไอสังหารอันเยือกเย็นลงไป ก่อนจะกุมมือที่เย็นเฉียบและสั่นเทาของเฉียวเนี่ยนเอาไว้แน่นเขาไม่ชายตามองคนตระกูลมู่อีกแม้แต่หางตา เพียงตระกองกอดปกป้องเฉียวเนี่ยน แล้วเดินกลับเข้าสู่เรือนรองปร

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1429

    “ไม่ได้การ! ข้าจะรอช้ากว่านี้มิได้แล้ว!” น้ำเสียงของเฉียวเนี่ยนแหบพร่าเจือแววร้าวรานปานใจจะขาด นางกำจดหมายในมือแน่น ร่างกายโงนเงนถลันจะวิ่งออกไปด้านนอกฉู่จืออี้ซึ่งเฝ้าระวังอยู่หน้าประตูมาโดยตลอด เห็นนางพุ่งตัวออกมาเช่นนั้น จึงรีบสืบเท้าเข้าไปประคองร่างที่โอนเอนคล้ายจะล้มลงได้ทุกเมื่อเอาไว้หนิงซวงและเหล่าองครักษ์พยัคฆ์ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ต่างก็รีบรุดเข้ามาสมทบ สีหน้าของทุกคนเคร่งเครียด “เนี่ยนเนี่ยน เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”“เป็นเซียวเหิง!” เกอซูอวิ๋นที่ตามหลังเฉียวเนี่ยนออกมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เซียวเหิงกำลังจะไม่ไหวแล้ว!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่จืออี้พลันตื่นตระหนก ก้มลงมองแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความวิตกกังวลจนแทบสิ้นหวังของเฉียวเนี่ยน หัวใจของเขาพลันบีบรัดรุนแรงเขาออกคำสั่งเสียงขรึมทันที “เตรียมม้า! ไปจวนองค์ชายรอง”คณะเดินทางรีบจัดเตรียมความพร้อม ทว่าเมื่อก้าวเท้ามาถึงหน้าประตูเรือนปีกข้าง กลับต้องชะงักฝีเท้าลงอย่างกะทันหันเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าด้านนอกประตูเรือน บัดนี้รายล้อมไปด้วยองครักษ์ของตระกูลมู่ที่ตรึงกำลังอยู่อย่างเงียบเชียบตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบพวกเขาสวม

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1428

    นางหวนนึกถึงสายตาของฉู่จืออี้ที่กวาดมองมาเมื่อครู่ ในใจยังคงรู้สึกหวาดหวั่นไม่หายอิ๋งชีหันหลังให้นาง เดินไปที่โต๊ะแล้วรินชาเย็นชืดมาจอกหนึ่ง ปลายนิ้วของเขาเย็นเฉียบเขาเงียบงันไปครู่ใหญ่จึงค่อยหันกลับมา สีหน้ากลับมาเรียบเฉยดังเดิม พลางย้ำคำพูดเดิมซ้ำอีกครั้ง “ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่คิดว่าในเมื่อเหยาวั่งซูผู้นั้นมาจากสำนักราชาโอสถ ของที่ทิ้งไว้ย่อมต้องไม่ธรรมดา อาจเป็นของวิเศษที่หลงเหลืออยู่ของหุบเขา ข้าก็แค่เกิดความสงสัยใคร่รู้ชั่ววูบเท่านั้น”หนิงซวงมองเขาด้วยสายตาคลางแคลงใจ เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เชื่อน้ำคำเขาทั้งหมด แต่ยามนี้นางเป็นห่วงความรู้สึกของเฉียวเนี่ยนมากกว่านางลอบถอนหายใจ เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ว่าจะยังไง ท่านอย่าเพิ่งพูดถึงมันตอนนี้เลย ตอนนี้... ในใจคุณหนูคงทุกข์ตรมจะแย่อยู่แล้ว หญ้าผลึกหยกม่วงที่เฝ้าคะนึงหาก็สูญหายไป ทางฝั่งแม่ทัพเซียวเองก็... เฮ้อ”นางเว้นจังหวะ น้ำเสียงเข้มขึ้นอีกหลายส่วน “ช่วงนี้ท่านก็ทำตัวให้สงบเสงี่ยมหน่อยเถิดอย่าได้ถามเรื่องสัพเพเหระให้คุณหนูต้องกลัดกลุ้มใจอีกเลย เมื่อครู่ดูสายตาของท่านผู้บัญชาการฉู่สิ หากเจ้ายังขืนมากความอีก ข้าล่ะกลั

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1427

    ฉู่จืออี้หยุดฝีเท้าลง ส่ายหน้าให้แก่ทุกคน น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววเหนื่อยล้าและหนักอึ้งราวกับฝุ่นละอองที่ร่วงหล่นสู่พื้นหลังพายุสงบลง “ไม่มีหญ้าผลึกหยกม่วง”ถ้อยคำสั้น ๆ นั้นประดุจคำพิพากษาอันเยือกเย็น ทำให้ใบหน้าของหนิงซวงและเกอซูอวิ๋นซีดเผือดลงในทันที ประกายความหวังสายสุดท้ายในแววตาดับวูบลงไม่มีหญ้าผลึกหยกม่วง นั่นมิเท่ากับยืนยันว่าเซียวเหิงต้องตายแน่แล้วหรือ?ฉู่จืออี้ไม่อยากเอ่ยความใดให้มากความ เขาเพียงต้องการพาเฉียวเนี่ยนกลับห้องไปพักผ่อนโดยเร็วที่สุดร่างสูงเบี่ยงกายเล็กน้อย เตรียมจะเดินเลี่ยงผ่านพวกเขาไป“เช่นนั้น…” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอิ๋งชีก้าวออกมาข้างหน้า สายตาคมกริบกวาดมองฉู่จืออี้และเฉียวเนี่ยน น้ำเสียงเจือความร้อนรนและคาดคั้นผิดวิสัย “ในแดนต้องห้ามมีสิ่งใดอยู่กันแน่ขอรับ?”ฉู่จืออี้และเฉียวเนี่ยนเงยหน้ามองอิ๋งชีขึ้นพร้อมกันคำถามนี้ช่างดูไม่ถูกกาลเทศะอย่างยิ่งในเวลานี้ มิหนำซ้ำยังดูแปลกประหลาดพิกลนัยน์ตาของฉู่จืออี้ฉายแววพินิจพิเคราะห์พาดผ่านเพียงชั่ววูบฝ่ายเฉียวเนี่ยนแม้จะรู้สึกเหนื่อยล้าเจียนขาดใจ แต่ก็ยังฝืนรวบรวมสติ ตอบกลับด้วยน้ำเสียง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status