Share

บทที่ 906

Author: โม่เสียวชี่
ตามที่พลทหารชั้นผู้น้อยซึ่งไปจัดซื้อบอกมา ตอนนี้คนของตระกูลมู่ยังอยู่ที่เมืองจี๋เสียง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก

เฉียวเนี่ยนกับฉู่จืออี้จึงออกเดินทางกลางดึก ควบม้ามุ่งหน้าไปยังเมืองจี๋เสียง

เมืองจี๋เสียงนับว่าเป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในแถบชายแดน ความเจริญไม่แพ้เมืองหลวง

เฉียวเนี่ยนควบม้าเคียงข้างฉู่จืออี้ มองดูผู้คนที่สัญจรไปมารอบข้าง รวมถึงโรงเตี๊ยมและที่พักริมถนน จึงอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “พี่ใหญ่รู้หรือไม่ว่าคนของตระกูลมู่อยู่ที่ไหน?”

ฉู่จืออี้สีหน้าเรียบเฉย ตอบว่า “ตระกูลมู่ร่ำรวยมาตั้งแต่ร้อยปีก่อน คนของตระกูลมู่เกิดมาก็เป็นชนชั้นสูง ไม่เคยลำบาก ไปที่ไหนก็ต้องกินดีอยู่ดี โรงแรมอิ๋งฝูน่าจะเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองจี๋เสียง คนของตระกูลมู่น่าจะพักอยู่ที่นั่น”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็พยักหน้า แล้วเดินทางไปกับฉู่จืออี้ต่ออีกครู่หนึ่งก็เจอโรงแรมอิ๋งฝู

พอลงจากหลังม้า เด็กรับใช้ก็รีบเข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ก้มหน้าโค้งตัวพลางพูดว่า “เชิญแขกทั้งสองท่านด้านใน ร้านเล็กๆ ของเรามีทั้งอาหารหลากรส เหล้าชั้นเลิศ ห้องพักก็ยอดเยี่ยม ทั้งสองท่านจะมาพักหรือแค่แวะรับประทานอาหารขอรับ?”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 908

    มู่ซ่างเสวี่ยกับมู่หงเสวี่ยต่างก็รู้ดีว่าเฉียวเนี่ยนตั้งใจนำจี้หยกนี้มาปรากฏตัวในวันนี้เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้เริ่มสงสัยแล้ว เฉียวเนี่ยนจึงไม่ปิดบังอีกต่อไป เอ่ยตรงๆ ว่า “ข้าอยากขอเรียนถามพี่ใหญ่ทั้งสอง ใบงาขี้ม้อน ถูกตระกูลมู่กว้านซื้อไปใช่หรือไม่?”ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของมู่ซ่างเสวี่ยกับมู่หงเสวี่ยก็เปลี่ยนไปทันทีพวกเขาเริ่มพิจารณาเฉียวเนี่ยนกับฉู่จืออี้อีกครั้งสุดท้าย สายตาทั้งสองก็หยุดลงที่ฉู่จืออี้ราวกับเข้าใจบางอย่าง แล้วกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ที่แท้ก็อ๋องผิงหยางนี่เอง”เห็นทั้งสองสามารถคาดเดาตัวตนของตนได้ในเวลาอันสั้น ฉู่จืออี้ก็เผยสีหน้าแสดงความชื่นชมเล็กน้อย พลางพยักหน้า “ใช่ ข้าเอง”อาจเป็นเพราะตระกูลมู่มีสถานะพิเศษในแคว้นถัง แม้รู้ว่าเบื้องหน้าคือท่านอ๋องซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของแคว้นจิ้ง ทั้งสองกลับไม่มีทีท่าจะคารวะแต่อย่างใดเพียงแต่มองเฉียวเนี่ยนอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นคุณหนูแห่งจวนโหว ไยถึงได้เดินทางมาไกลถึงชายแดน และยังอยู่กับอ๋องผิงหยาง?”ในสายตาของมู่ซ่างเสวี่ย คุณหนูเช่นนั้นควรจะเติบโตในเรือนของสตรีชั้นสูงราวไข่ในหิน แม้ไม่ถึงกับห้ามออ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 907

    ในตอนนั้นนางก็เอ่ยเสียงอ่อน “ท่านย่าข้าเป็นฮูหยินเฒ่าของจวนโหวแห่งแคว้นจิ้ง ข้าไม่รู้ชื่อของท่านย่า เพียงจำได้ว่าเมื่อยังเล็ก ข้าเคยได้ยินท่านปู่เรียกท่านว่าเสวี่ยเอ๋อร์”“อะไรนะ?!” มู่หงเสวี่ยตกใจจนสีหน้าซีดเผือดอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ ก็พุ่งเข้ามาทันที ดูจากอายุแล้วดูจะมากกว่ามู่หงเสวี่ยเล็กน้อย “ท่านย่าของเจ้าชื่อเสวี่ยเอ๋อร์จริงๆ หรือ?”เฉียวเนี่ยนมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ถอยไปด้านหลังของฉู่จืออี้ด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นดูเหมือนจะรู้ตัวว่าเสียมารยาท รีบถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วคารวะ “ข้าชื่อมู่ซ่างเสวี่ย เป็นพี่ใหญ่คนโตสุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลมู่”มู่หงเสวี่ย มู่ซ่างเสวี่ย...เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วมองทั้งสองคน “พวกท่านเกี่ยวข้องอย่างไรกับท่านย่าของข้าหรือเจ้าคะ?”สีหน้าของมู่ซ่างเสวี่ยดูตื่นเต้นยิ่งนัก ริมฝีปากยังแฝงรอยยิ้มบางๆ “หากท่านย่าของเจ้ามีนามเดิมก่อนออกเรือนว่าเสวี่ยเอ๋อร์จริง เช่นนั้นเจ้าน่าจะต้องเรียกพวกเราว่าพี่ใหญ่”พี่ใหญ่?คนของตระกูลมู่น่ะหรือ?เฉียวเนี่ยนหยิบจี้หยกในมือตนเองขึ้นมาอีกครั้ง มองมู่ซ่างเสวี่ยแล้วกล่าวว่า “ท่านย่าเคยบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้มีคว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 906

    ตามที่พลทหารชั้นผู้น้อยซึ่งไปจัดซื้อบอกมา ตอนนี้คนของตระกูลมู่ยังอยู่ที่เมืองจี๋เสียง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักเฉียวเนี่ยนกับฉู่จืออี้จึงออกเดินทางกลางดึก ควบม้ามุ่งหน้าไปยังเมืองจี๋เสียงเมืองจี๋เสียงนับว่าเป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในแถบชายแดน ความเจริญไม่แพ้เมืองหลวงเฉียวเนี่ยนควบม้าเคียงข้างฉู่จืออี้ มองดูผู้คนที่สัญจรไปมารอบข้าง รวมถึงโรงเตี๊ยมและที่พักริมถนน จึงอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “พี่ใหญ่รู้หรือไม่ว่าคนของตระกูลมู่อยู่ที่ไหน?”ฉู่จืออี้สีหน้าเรียบเฉย ตอบว่า “ตระกูลมู่ร่ำรวยมาตั้งแต่ร้อยปีก่อน คนของตระกูลมู่เกิดมาก็เป็นชนชั้นสูง ไม่เคยลำบาก ไปที่ไหนก็ต้องกินดีอยู่ดี โรงแรมอิ๋งฝูน่าจะเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองจี๋เสียง คนของตระกูลมู่น่าจะพักอยู่ที่นั่น”เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็พยักหน้า แล้วเดินทางไปกับฉู่จืออี้ต่ออีกครู่หนึ่งก็เจอโรงแรมอิ๋งฝูพอลงจากหลังม้า เด็กรับใช้ก็รีบเข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ก้มหน้าโค้งตัวพลางพูดว่า “เชิญแขกทั้งสองท่านด้านใน ร้านเล็กๆ ของเรามีทั้งอาหารหลากรส เหล้าชั้นเลิศ ห้องพักก็ยอดเยี่ยม ทั้งสองท่านจะมาพักหรือแค่แวะรับประทานอาหารขอรับ?”

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 905

    ฉู่จืออี้มองเฉียวเนี่ยนที่เพิ่งเดินเข้ามา แล้วจึงโบกมือให้พลทหารชั้นผู้น้อยผู้นั้น “รู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ!”“ขอรับ!” พลทหารชั้นผู้น้อยรับคำแล้วออกไปเฉียวเนี่ยนจึงเดินเข้ามาถามว่า “เหตุใดถึงซื้อไม่ได้แม้แต่ต้นเดียว?”“ถูกคนของตระกูลมู่กว้านซื้อไปหมดแล้ว” ฉู่จืออี้กล่าวเสียงเข้ม “นอกจากใบงาขี้ม้อน ยังมีสมุนไพรเซียนกับดอกหยกขาวที่ถูกตระกูลมู่กว้านซื้อไปเป็นจำนวนมาก ข้าสงสัยว่าหากกลุ่มชนเตอร์กิกยังจะใช้พิษอีก สมุนไพรทั้งสองชนิดนี้น่าจะเป็นตัวยาแก้พิษ”ตระกูลมู่?เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย “ตระกูลมู่ไหนกัน?”พี่รองที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงเอ่ยขึ้น “ตระกูลมู่เป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นถัง ได้ยินมาว่าร่ำรวยจนเทียบเท่าทั้งแคว้น ถึงขั้นที่แม้แต่ฮ่องเต้ของแคว้นถังในปัจจุบันยังต้องปรึกษากับผู้นำตระกูลมู่ก่อนจึงจะตัดสินใจอะไรได้ ทรัพย์สินมั่งคั่งจนหากตระกูลมู่ล่มสลายลง แคว้นถังทั้งแคว้นก็จะบอบช้ำหนัก”เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะตกใจ ไม่คิดว่าตระกูลมู่จะมีอำนาจขนาดนี้!พี่สามที่อยู่ด้านข้างยกมือขยี้ผมด้วยความหงุดหงิด “แล้วนี่หมายความว่าอย่างไรกัน? หรือว่าแคว้นถังจะร่วมมือกับกลุ่มช

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 904

    ข่าวที่ว่าเฉียวเนี่ยนถูกลอบโจมตีนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วตอนฉู่จืออี้รีบเร่งมาถึง แพทย์ทหารบกเพิ่งจะทายาให้เฉียวเนี่ยนเสร็จพอดีเห็นฉู่จืออี้มา แพทย์ทหารบกรีบคำนับ แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องวางใจได้พ่ะย่ะค่ะ ท่านหญิงเฉียวแค่บาดเจ็บภายนอกเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรร้ายแรง”ได้ยินดังนั้น ฉู่จืออี้ก็โล่งอกเล็กน้อย พยักหน้าเบาๆแพทย์ทหารบกจึงออกไป ส่วนสายตาของฉู่จืออี้ก็มองไปที่สือโถว “เกิดอะไรขึ้น?”สือโถวรู้สึกกลัวฉู่จืออี้อยู่แล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าเขาเคร่งเครียดยิ่งนัก ราวกับมีแววดุร้าย ยิ่งหวาดกลัวเข้าไปใหญ่เขาพูดตะกุกตะกักว่า “ข้า ข้าน้อยไปเก็บสมุนไพรแถวใกล้ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีนักลอบสังหารบุกโจมตีท่านหญิงเฉียว...”เป็นความผิดของเขาเอง แท้จริงเขาต้องคอยคุ้มกันท่านหญิงเฉียว แต่กลับละเลยจนเกิดเรื่องขึ้นเห็นสือโถวทำหน้ารู้สึกผิดแทบร้องไห้ออกมา เฉียวเนี่ยนก็รีบปลอบ “ข้าต้องเป็นฝ่ายขอบใจเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าไว้ต่างหาก”ได้ยินดังนั้น สือโถวไม่มองเฉียวเนี่ยน กลับจับจ้องสีหน้าฉู่จืออี้แทนและฉู่จืออี้ก็เข้าใจความหมายของเฉียวเนี่ยนดี จึงไม่กล่าวโทษอะไรอีกเพียงถามว่า “พวกนักรบพลีชีพหรือ?”เฉี

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 903

    สือโถวเดินอยู่ท้ายขบวนทัพตลอด จนกระทั่งทุกคนขึ้นเขาแล้วแยกย้ายกันออกไป เขาจึงรีบตามเฉียวเนี่ยนไป“ท่านหญิงเฉียว!” สือโถวเรียกเบาๆเฉียวเนี่ยนเงยหน้ามองเขาครู่หนึ่ง แล้วก็ยังคงค้นหาใบงาขี้ม้อนในป่าต่อไป พลางยิ้มถาม “มีอะไรหรือ?”“ท่านกินข้าวเช้าหรือยัง?” สือโถวถาม เขาเห็นว่าเฉียวเนี่ยนมาอย่างเร่งรีบ คิดว่าน่าจะยังไม่ได้กินเฉียวเนี่ยนส่ายหน้า “ข้าไม่หิว”ที่จริงแล้วหิว เพียงแต่วันนี้ตื่นสาย ไม่อยากให้คนอื่นต้องรอตนเอง จึงดื้อดึงพูดไปเช่นนั้นแต่สำหรับเฉียวเนี่ยนแล้ว แค่มื้อเดียว จะกินหรือไม่กินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเมื่อตอนอยู่ในกรมซักล้าง ก็ชินกับชีวิตที่อดบ้างอิ่มบ้างอยู่แล้วใครจะคิดว่า หมั่นโถวลูกโตลูกหนึ่งจะยื่นมาตรงหน้านางยังอุ่นอยู่เล็กน้อยด้วยเฉียวเนี่ยนชะงัก รีบยืดตัวขึ้นมองไปที่สือโถว ก็เห็นเขายิ้มแหยๆ อย่างจริงใจ “ข้าแอบเก็บไว้กินตอนเที่ยงน่ะ ฮะๆ ท่านหญิงเฉียวอย่าไปบอกใครเชียวนะ ไม่อย่างนั้นข้าโดนโบยแน่!”เฉียวเนี่ยนไม่ปฏิเสธ รับหมั่นโถวมาแล้วกัดไปหนึ่งคำ “วางใจเถอะ ตอนนี้ข้ากินหมั่นโถวของเจ้าแล้ว ก็นับว่าเป็นพวกเดียวกัน ถ้าเจ้าถูกโบย ข้าก็จะรับโทษด้วย!”ได้ยิ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status