มาธาวีให้อธิปมารับตนเองเพราะเขายังไม่เคยไปบ้านของเธอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อยืนส่งนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเห็นรถของกิตติกรมาจอด ซึ่งปัฐวิกรใช้รถของน้องชายเขา หญิงสาวหน้าซีดทันที ขณะที่กัญญานันทักพี่ชายเสียงใส
“พี่ปัฐ”
ร่างสูงใหญ่ของปัฐวิกรเข้ามากอดน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนมาธาวีก็จำต้องยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกว่าไปรอข้างในเพราะน้องสาวกับเพื่อนยังส่งนักเรียนอยู่กับพนักงานต้อนรับ
รอไม่นานสองสาวก็กลับเข้ามาด้านในเพราะเหลือนักเรียนคนเดียวพนักงานสามารถดูแลได้ ส่งนักเรียนเรียบร้อยอีกฝ่ายก็กลับบ้านได้เลย
“มารับสองไปบ้านเหรอคะ”
กัญญานันเอ่ยถามพี่ชายทันที เธอรู้ว่าวันนี้พี่ชายจะไปบ้านเพื่อนตามคำชวนของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเพราะเขาเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ชายหนุ่มมาก็ทำงานที่คั่งค้างของกิตติกรเพิ่งจะมาหาเธอก็วันนี้
“ครับ”
มาธาวีกัดริมฝีปากล่างด้วยความลำบากใจ เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเวลานี้อธิปเองก็คงเลิกงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มออกมาหรือยัง
“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะคะ”
เธอพูดขึ้นพยายามจะเลี่ยงออกไปเพื่อโทรหาอธิป
“ไม่เป็นไร ผมเอามาแล้วนี่ไง”
ตาคู่กลมโตเหลือบมองบนโต๊ะต้อนรับเตี้ยๆ ตรงหน้าชายหนุ่มก็เห็นมีแก้วน้ำวางอยู่ ไม่คิดว่าเขาจะบริการตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“คุณจะทำอะไรอีกไหม หรือไปกันได้เลย”
ปัฐวิกรถามขึ้นเพราะการนัดกับผู้ใหญ่ควรไปถึงก่อนเวลา
“เอ่อ...ฉัน...”
มาธาวีไม่รู้จะอ้างอะไร เอาเข้าจริงเธอไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรด้วยซ้ำ เพราะไม่คิดว่าปัฐวิกรจะแวะมาที่นี่ก่อน เวลานี้หากทึ้งหัวตัวเองได้ก็คงทำไปแล้ว
“ไปเลยก็ได้นะคะ ไม่มีอะไรแล้ว”
กัญญานันเป็นคนพูดขึ้น ทำให้พี่ชายหันมาทางน้องสาว
“ว่าแต่น้องก้อยไปด้วยกันไหม”
“ก้อยว่า...”
“ไปด้วยกันดีกว่า”
มาธาวีขัดเพื่อนขึ้นมาเพราะความจริงเธอชวนอีกฝ่ายแล้วแต่กัญญานันก็เอาแต่บอกว่าเกรงใจบิดามารดาของเธอ
“ฉันชวนแล้ว แต่ก้อยก็เอาแต่ปฏิเสธค่ะ”
ปัฐวิกรถอนหายใจก่อนจะบอก
“ไปด้วยกันเถอะน้องก้อย”
เมื่อพี่ชายใหญ่ตัดสินใจให้อย่างนี้กัญญานันก็แย้งไม่ออก
ตอนนั้นเองมีเสียงแตรรถดังขึ้นหน้าโรงเรียน มาธาวีสะดุ้งนิดๆ ทันที แต่ในเมื่อกัญญานันยอมไปด้วยแล้ว เธอก็คงขึ้นรถไปกับอธิปได้ ส่วนสองพี่น้องก็ไปด้วยกัน ทุกอย่างลงตัวทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมา ทว่าเสียงเปิดประตูกระจกกับร่างโปร่งระหงที่ก้าวเข้ามาพร้อมเสียงทักทำให้มาธาวีถึงกับนิ่งงัน
“สวัสดีค่ะ เห็นรถคุณปัฐข้างนอก”
มาลินีเข้ามาพร้อมสีหน้าไม่ค่อยแช่มชื่นนัก บ่งบอกว่าการได้มาเห็นปัฐวิกรมารับน้องสาวตัวเองไม่ใช่สิ่งที่พอใจนัก
จากนั้นอธิปก็ตามเข้ามา ชายหนุ่มไหว้ปัฐวิกร แล้วก็เอ่ยเข้าเรื่องทันทีอย่างคนที่ไม่รู้ว่าเวลานี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วน
“แล้วนี่เราจะไปรถใครดีล่ะครับ”
ปัฐวิกรหรี่ตาลงอย่างสงสัยแม้ถามไม่ได้เอ่ยอะไร แต่เหมือนมาลินีจะอยากบอกเขาเอง
“ยายสองชวนอธิปไปด้วยน่ะค่ะ เขาทักฉันตอนจะกลับพอดี ฉันก็เลยมาด้วยเพราะวันนี้ให้รถที่บ้านมาส่งแล้วก็มารับ เพราะยังไงรถก็ต้องมารับยายสองด้วยอยู่แล้ว ก็เลยขี้เกียจขับรถเอง”
มาลินีบอกแล้วยักไหล่
“ตอนนี้โทรไปบอกแล้วล่ะค่ะ ว่าไม่ต้องมาแล้ว”
มาธาวีใจหายวาบเมื่อปัฐวิกรหันมามองเธอด้วยสายตาคมดุที่ดูคุกรุ่นแม้เขาจะไม่พูด เธอก็รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“เอ่อ...สองเห็นว่าวันนั้นคุณอธิปเองก็มีส่วนช่วยสอง คิดว่า ไหนๆ ที่บ้านก็ชวนคุณปัฐไปทานข้าวอยู่แล้ว ก็เลย...”
“แหม ตอนที่ฉันบอกจะเลี้ยงขอบคุณคุณปัฐ เธอยังบอกว่าไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่รู้เรื่อง แต่ก็ชวนอธิปไปเลี้ยงขอบคุณเนี่ยนะ”
พี่สาวถามขึ้นหน้าตาย ทว่าน้องสาวกลับหน้าซีด
อธิปมองสองสาวพี่น้องสลับกันไปมาอย่างไม่เข้าใจ
“คุณพ่อคุณแม่ชวนคุณปัฐเพราะอยากเจอ...ทีนี้อธิปไปด้วยจะบอกยังไง”
“คือคุณหนึ่งจะบอกว่า สรุปแล้วผมไม่ควรไป เหรอครับ?”
คนที่ไม่รู้อะไรถามขึ้นด้วยความมึนงง
“ไม่รู้สิ”
มาลินีบอกปัดพร้อมเชิดหน้ามองน้องสาวว่าอีกฝ่ายจะแก้ตัวอย่างไร ทว่ามาธาวีได้แต่ยืนเงียบ ขยับปากนิดๆ แต่พูดไม่ออก นั่นทำให้คนเป็นพี่สาวยกยิ้มมุมปากแล้วเหลือบไปทางปัฐวิกรก็เห็นชัดว่าเขากำลังโมโหน้องสาวของเธอ แต่พยายามเก็บสีหน้าเอาไว้
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นผมกลับก็ได้นะครับ”
อธิปบอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนักเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นส่วนเกินจึงค่อนข้างเกรงใจปัฐวิกร ที่สำคัญพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงจะมองเขาอย่างไรหากเขาเสนอหน้าไปโดยที่ท่านไม่ได้เชิญ
“แต่สองอยากขอบคุณคุณอธิปด้วยจริงๆ นะคะ”
มาธาวียืนยันความตั้งใจของตัวเอง
ความเงียบเกิดขึ้นในส่วนต้อนรับชั้นล่าง แต่ละคนต่างมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
“ก็ไปด้วยกันนี่แหละครับ ยังไงคุณก็ช่วยสองด้วยอยู่แล้ว”
ปัฐวิกรเอ่ยขึ้นอย่างตัดสินใจ ถึงเขาจะไม่พอใจแต่ก็เห็นด้วยว่าอย่างน้อยมาธาวีก็ควรขอบคุณอธิป และเขาก็อายุมากที่สุดในนี้ จะทำตัวไม่มีเหตุผลคงไม่เหมาะ ที่สำคัญเขาหาทางจัดการคนที่เอาแต่ใจตัวเองคิดจะดื้อกับเขาทีหลังได้
หลังจากปัฐวิกรสรุป สุดท้ายทั้งหมดก็เดินทางไปยังบ้านของพ่อเลี้ยงศราโดยมาธาวีกับมาลินีไปกับอธิป และปัฐวิกรไปกับกัญญานัน แล้วก็ตกลงกันว่าจะบอกพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงว่ามาลินีชวนอธิปมาเองเพราะชายหนุ่มค่อนข้างสนิทกับปัฐวิกรที่เป็นพี่ชายเพื่อน เพื่อปัฐวิกรจะได้ไม่เกร็งจนเกินไปนัก
ซึ่งความคิดนี้เป็นของปัฐวิกร ชายหนุ่มขอให้มาลินีช่วยพูดนั่นทำให้หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้
======
มาธาวีให้อธิปมารับตนเองเพราะเขายังไม่เคยไปบ้านของเธอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อยืนส่งนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเห็นรถของกิตติกรมาจอด ซึ่งปัฐวิกรใช้รถของน้องชายเขา หญิงสาวหน้าซีดทันที ขณะที่กัญญานันทักพี่ชายเสียงใส“พี่ปัฐ”ร่างสูงใหญ่ของปัฐวิกรเข้ามากอดน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนมาธาวีก็จำต้องยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกว่าไปรอข้างในเพราะน้องสาวกับเพื่อนยังส่งนักเรียนอยู่กับพนักงานต้อนรับรอไม่นานสองสาวก็กลับเข้ามาด้านในเพราะเหลือนักเรียนคนเดียวพนักงานสามารถดูแลได้ ส่งนักเรียนเรียบร้อยอีกฝ่ายก็กลับบ้านได้เลย“มารับสองไปบ้านเหรอคะ”กัญญานันเอ่ยถามพี่ชายทันที เธอรู้ว่าวันนี้พี่ชายจะไปบ้านเพื่อนตามคำชวนของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเพราะเขาเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ชายหนุ่มมาก็ทำงานที่คั่งค้างของกิตติกรเพิ่งจะมาหาเธอก็วันนี้“ครับ”มาธาวีกัดริมฝีปากล่างด้วยความลำบากใจ เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเวลานี้อธิปเองก็คงเลิกงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มออกมาหรือยัง“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะคะ”เธอพูดขึ้นพยายามจะเลี่ยงออกไปเพื่อโทรหาอธิป“ไม่เป็นไร ผมเอามาแล้วนี่ไง”ตาคู่กลมโตเหล
เป็นเช้าที่มาธาวีตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นเอาเสียเลย ทั้งที่บ้านเธออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศสดชื่นเย็นสบาย ปกติมานอนที่บ้านเมื่อไรหญิงสาวจะลุกขึ้นไปยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นหน้าระเบียงห้องนอนตอนเช้า ทว่าวันนี้แม้แสงแดดส่องผ่านกระจกที่ผ้าม่านเปิดแง้มเอาไว้เจ้าของร่างอรชรก็ไม่มีอารมณ์จะลุกขึ้นแต่อย่างใด ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในมือถือจึงหยิบขึ้นมาดู‘พี่ปัฐบอกให้ส่งเบอร์เขาให้สองน่ะ แล้วเขาก็ขอเบอร์สองไปด้วย เห็นว่ารับปากพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเอาไว้ตอนท่านชวนไปทานข้าวที่บ้าน เลยขอเบอร์สอง’เห็นข้อความของกัญญานันแล้วก็ได้แต่ทิ้งมือถือลงอย่างอ่อนแรง ไม่นึกอยากให้ปัฐวิกรมาที่บ้านของเธอเลยสักนิด สังหรณ์ในใจบอกเธอว่าเรื่องราวคู่หมั้นจอมปลอมจะไม่จบลงแค่ที่พี่สาวของเธอแม้แทบไม่อยากลุกจากเตียงนอนไปเผชิญหน้ากับมาลินีในเวลาอาหารเช้า แต่มาธาวีก็ต้องขยับตัวเพราะไม่อยากทำตัวให้ผิดปกติจนอีกฝ่ายหาเรื่องค่อนขอดได้อีก จึงลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายใจร่างโปร่งระหงในชุดข้าราชการเรียบร้อยเดินลงจากบันไดไปก่อน มาธาวีที่ก้าวออกมาเห็นอีกฝ่ายหยุดกึกรอให้
‘จะเอาให้ครางเอาอีกๆ ไม่หยุดเลย คอยดูสิ’‘ไอ้บ้าเอ๊ย!’มาธาวีตะโกนด่าเสียงดังอย่างรังเกียจสุดจิตสุดใจ ทั้งยังวาดมือใส่หน้าที่ซุกไซ้แก้มกับลำคอไม่หยุดสุดกำลังเท่าที่มือจะใช้แรงได้‘โอ๊ะ...’ได้ยินเสียงเข้มดังก่อนชายหนุ่มจะเข่นเขี้ยว‘ตบเหรอหา!’เพี้ยะ!!แรงกระทบหน้าหนักหน่วงทำเอามาธาวีถึงกับชาไปทั้งข้างแก้ม รู้สึกได้ถึงความเจ็บจี๊ดตรงมุมปาก เธอชะงักไปอึดใจหนึ่งเลยเดียว‘ไง หมดฤทธิ์แล้วสินะ’น้ำเสียงเยาะหยันอย่างพอใจก่อนคุณากรจะถอยออกไปถอดเสื้อของตัวเอง คงเพราะเห็นว่าเธอไม่กล้าแผลงฤทธิ์แล้ว นั่นทำให้มาธาวีรีบปัดป่ายมือควานหาของใกล้มือตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วก็เจอไอแพดกับมือถือของตัวเอง เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงหยิบมือถือปาใส่อีกฝ่าย‘โอ๊ย!’คุณากรสะดุ้ง มาธาวีรีบถอยกรูดให้ห่างอีกฝ่ายมากที่สุดทั้งยังถีบเขาไม่ยั้ง มือหนาคว้าขาเธอเอาไว้ คราวนี้หญิงสาวจึงเอาไอแพดปาใส่ซ้ำไปอีก‘โธ้เว้ย!’อีกฝ่ายสบถเสียงดังอย่างหงุดหงิด ขณะที่ร่างอรชรรีบเผ่นลงจากเตียงวิ่งไปยังประตูห้องด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงกำยำก้าวตามมา ทว่าเธอก็เปิดประตูได้พอดี กำลังจะพุ่งตัวออกไปอีกฝ่ายก็ดึงกลับมา แต่เธอทันได้สบตากับคนที่อยู่ห้
น้ำร้อนๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตาคู่กลมโต ความอึดอัดขัดใจแน่นอยู่ในอก มาธาวีรู้ว่าที่พี่สาวโวยวายเพราะกำลังเจ็บ ไม่ใช่เจ็บเพราะโกรธ แต่เจ็บที่โดนน้องอย่างเธอหักหลังมาลินีเป็นคนขี้บ่นจู้จี้จุกจิกอยู่แล้ว เธอโดนตำหนิบ่อยจนเคยชินแต่รู้ว่าที่พี่สาวมักจะเคือง ไม่พอใจ หรือบ่นเธอก็เพราะหวังดี พอมารู้ว่าถูกหลอกเรื่องผู้ชายก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะปรี๊ดขึ้นมาเธอรู้ว่าพี่สาวเสียใจกับความแห้วของตัวเองมาตั้งแต่ครั้งเปรมินทร์แล้ว แถมยังมีกิตติกรอีก แต่เพราะเป็นคนสวย เริด เชิด การศึกษาหน้าที่การงานดี มาลินีจึงมั่นใจในตัวเองว่าต้องมีคนที่ดีเหมาะสมเข้ามาในชีวิต การได้เจอปัฐวิกรในเวลาใกล้เคียงกับที่ต้องถอยห่างจากกิตติกร มาธาวีจึงไม่แปลกใจว่าหนุ่มมาดเนี้ยบหล่อโปรไฟล์หรูย่อมต้องเป็นเป้าหมายใหม่ของพี่สาวเธออย่างไม่ต้องสงสัยอีกฝ่ายหมายมั่นปั้นมือกับปัฐวิกรพอสมควร เพียงแค่ยังไม่มีเวลาได้ทำความรู้จักเพราะชายหนุ่มไม่ได้อยู่เชียงใหม่เท่านั้น นั่นทำให้คนเป็นน้องสะเทือนใจเมื่อได้ยินเสียงตัดพ้อสั่นเครือของพี่สาว จนสุดท้ายก็ต้องเอ่ยออกไปโดยไม่ได้หันไปมองด้วยไม่อาจฝืนทนเห็นอีกฝ่ายเสียใจได้ ทว่าน้ำเสียงก็เจือความสั่นไม่แพ้
“นี่หมายความว่า...”มาลินีพึมพำเสียงเบา แววตาและสีหน้ามองเขาอย่างว่างเปล่า“ใช่ครับ ผมกับสองคบกัน”ปัฐวิกรยืนยันซ้ำอีก เขาไม่อยากให้ความหวังกับมาลินีเพราะดูออกว่าหญิงสาวสนใจเขาเหมือนกับเพื่อนของเธอ“หนึ่งไม่เห็นรู้เลย”เธอถามออกไปอย่างอ่อนล้าราวกับคนพ่ายแพ้ หากน้องสาวตนเองเป็นคนพูด เธอยังเชื่อน้อยกว่าผู้ชายตรงหน้า เพราะไม่มีเหตุผลที่เขาต้องโกหกเธอ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมเธอไม่เคยระแคะระคายมาก่อน ช่วงที่ชายหนุ่มมาในตอนมีปัญหาของกิตติกรครั้งก่อน น้องสาวของเธอกับปัฐวิกรก็แทบจะไม่คุยกันเลยแล้วทั้งสองคนไปคบหากันตอนไหน“ตั้งแต่สองไปงานแต่งนายกลางเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ครับ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันก็เถอะ สองเขายังไม่กล้าจริงจัง ก็เลยยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมจริงจังเพราะอายุมากแล้ว”คำพูดของปัฐวิกรดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่มาธาวีเองก็คงหลงเชื่อไปด้วย หากคนที่เขาเอามาอ้างไม่ใช่เธอเอง“เหรอคะ”มาลินีเหมือนจะถามแต่กลับพยักหน้าเบาๆ ราวกับยอมรับส่วนปัฐวิกรเหลือบไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งเงียบ แต่แววตาคู่กลมโตกลับมองเขาอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากได้รูปสวยยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับก้าวเข้าไปหาเจ้าของร่างอรชรแบบบาง“อย่าม
‘ตาถูกชะตาคุณจังเลย อยากลองคบคุณ ได้ไหมคะ’สาวร่างอิ่มขยับขึ้นไปพูดใกล้ๆ ร่างสูงใหญ่โดยการเกาะไหล่เขาทั้งสองข้าง แล้วเขย่งตัวขึ้นนี่คือภาพที่มาลินีแอบตามเพื่อนที่ดึงปัฐวิกรออกมาแล้วเห็นเข้า เธอบอกอธิปว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนชายหนุ่มมีสายโทรศัพท์เข้ามาพอดีเขาจึงออกไปคุยด้านหน้า เพราะข้างในค่อนข้างเสียงดังแต่ถึงจะดังยังไง พรชิตาก็ไม่เห็นต้องขยับไปพูดใกล้ๆ ชายหนุ่มขนาดนั้น เพราะเธอยืนอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเลย หญิงสาวค่อนขอดเพื่อนตัวเองในใจ‘เราเพิ่งเจอกันเองนะครับ’ปัฐวิกรแย้ง แต่ก็ไม่ได้ผลักพรชิตาออก คิดว่าเขาคงไม่อยากเสียมารยาท เพราะแขนกำยำแนบข้างลำตัว ไม่โอบหรือกอดอีกฝ่ายแต่อย่างใด‘นั่นสิคะ ตาถึงได้บอกว่าถูกชะตา’พรชิตาถอยออกมาเงยหน้ามองชายหนุ่มไม่ห่างนัก ตาคู่สวยพราวหยาดเยิ้ม‘ผม...’‘อย่าบอกนะคะ ว่าคุณไม่ถูกใจตา ของแบบนี้ต้องลองก่อนสิคะ ถึงจะรู้’สาวสวยยิ้มอย่างขี้เล่นขณะพูดคนแอบฟังอย่างมาลินีได้ยินคำนี้ของเพื่อนยังถึงกับอึ้ง เธอไม่ค่อยแปลกใจหรอก เพราะรู้จักนิสัยกันดีอยู่ แต่พรชิตาเพิ่งเจอปัฐวิกรวันนี้เอง อ่อยหนักขนาดนี้หมายความว่าอยากให้เขากลับไปด้วยคืนนี้แน่ๆคิดมาถึงตรงนี้มาลินีก