‘พันธะ’ จอมปลอมที่เขาและเธอสร้างขึ้น กลับกลายเป็นบ่วงร้อยรัดแห่ง ‘สิเน่หา’ “จูบแรก สั่งสอนที่คุณคิดจะแอบเขี่ยผมลับหลัง” ปัฐวิกรผละมากระซิบชิดปากเล็ก ลมหายใจร้อนถี่รัวต่างก็รินรดกันทำให้รู้ว่าอารมณ์ทั้งสองไม่อยู่ในอาการปกติ “ฉัน...ผิดตรงไหน” คนตัวเล็กยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับเธอ “ไม่ผิดงั้นเหรอ ดื้อนัก ต้องปราบเสียให้เข็ด” คนได้ยินคิดไปว่าอีกฝ่ายยังดื้อกับเขา ปล่อยให้หญิงสาวมีเวลาพักแค่ชั่วอึดใจชายหนุ่มก็ประทับริมฝีปากลงมาหาเธออีกครั้ง มาธาวียังหายใจไม่พอเลยด้วยซ้ำ === สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามมิให้คัดลอกเนื้อหา ดัดแปลง แก้ไข ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ในสื่อดิจิทัลและรูปแบบอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
Lihat lebih banyakฉุยฉายเอย ช่างงามขำ ช่างรำโยกย้าย
สะเอวแสนอ่อน อรชรช่วงกาย วิจิตรยิ่งลาย ที่คนประดิษฐ์
สองเนตรคมขำ แสงดำมันขลับ ชม้อยเนตรจับ ช่างสวยสุดพิศฯ
“รำฉุยฉายพราหมณ์ [1] สวยมาก ดูท่าทางนวยนาดอ่อนช้อย งดงามจริงๆ ไม่รู้แน็ตพูดถูกไหม แต่เห็นแล้วรู้สึกอย่างนั้นเลยค่ะ”
คนข้างตัวเขาขยับมากระซิบกระซาบเบาๆ ปัฐวิกรจึงเอียงหน้าไปใกล้ พยักรับเล็กน้อยพร้อมตอบรับ
“ครับ”
“เป็นการรำของตัวพระ แต่น้องที่รำเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยเชียว ขยับทีก็ดูแข็งแรง แต่เอวอ่อน สะโพกแอ่น มืออ่อนกรีดกรายสวยมาก”
เจ้าตัวยังชมไม่หยุดปากแม้การแสดงฉุยฉายพราหมณ์บนเวทีจะจบลงไปแล้ว และก็ได้รับเสียงปรบมือชื่นชมก้องพื้นที่ทำการแสดง
“เคยดูมาก่อนเหรอครับ”
ชายหนุ่มถามกลับเสียงเบาไม่แพ้กันเพราะกำลังจะมีการแสดงอื่นต่อ ทำให้บทสนทนายืดยาวดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก
“เปล่าค่ะ แน็ตไม่เคยดู ฟังจากที่เขาบรรยายสั้นๆ ก่อนแสดงก็เลยรู้สึกว่า น้องเขาถ่ายทอดความเป็นพราหมณ์หนุ่มน้อยรำได้เหมาะมากค่ะ”
คนฟังเพียงพยักหน้าก่อนจะหันไปสนใจการแสดงชุดต่อมาเพราะฉุยฉายพราหมณ์เป็นการแสดงแรก ซึ่งการแสดงนี้เป็นการแสดงนาฏศิลป์ประจำปีของนักศึกษาชั้นปีที่สี่ และกัญญานันน้องสาวของเขาก็ทำการแสดงด้วยเช่นกัน โดยเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมด้วยเพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของไทย
ปัฐวิกรเป็นตัวแทนของที่บ้านมาให้กำลังใจน้องสาว จึงชวนแฟนสาวของตัวเองมาด้วย ซึ่งอีกฝ่ายเพิ่งเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศก็เลยสนใจ
แม้ตลอดทั้งการแสดงจะเป็นรำทั้งหมด ทว่าก็นับว่าเพลิดเพลินและอิ่มเอมไม่น้อยทีเดียว ชายหนุ่มรอรับน้องสาวกลับบ้านพร้อมกัน เขาเดินเข้าไปหากัญญานัน ในมือถือดอกไม้ช่อโตพร้อมกับแฟนสาวเกาะแขนและมีดอกไม้มาด้วยอีกช่อ
น้องสาวเขายืนอยู่กับพิมพ์ปรางและผู้หญิงอีกคนที่หันหลัง ทั้งสามคนรูปร่างเท่ากัน ตัวเล็กอรชรอ้อนแอ้น ผมถูกเก็บรวบตึงเหมือนกันทำให้ดูไม่แตกต่างนัก เมื่อเขาเข้าไปถึงกัญญานันก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะไหว้ทักทายผู้หญิงข้างๆ เขา
“พี่ปัฐ”
หญิงสาวที่หันหลังอยู่หันมามองเขาทว่าชายหนุ่มไม่ได้สังเกตนัก เพราะพิมพ์ปรางก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมเหมือนทุกครั้ง เขารับไหว้คนที่เหมือนน้องสาวอีกคนด้วยความเอ็นดูก่อนจะยื่นดอกไม้ให้กัญญานัน
“สำหรับน้องก้อย นางรำคนเก่งของพี่”
ปัฐวิกรเอ่ยแล้วรับดอกไม้อีกช่อจากแฟนสาวมาส่งให้พิมพ์ปราง ความจริงเขาถือคนเดียวได้แต่อีกฝ่ายอยากถือด้วย เพราะควงแขนเขาแต่ปล่อยให้เขาถือช่อดอกไม้เต็มสองมือออกจะดูแปลกๆ
“ส่วนนี่ ของปราง เก่งมากครับ”
ชายหนุ่มชมอย่างจริงใจเพราะพิมพ์ปรางเองก็รำได้สวยมากในสายตาของเขา
พิมพ์ปรางไหว้ขอบคุณแล้วรับดอกไม้ไป ทว่าสองสาวกลับมองตากันแล้วมองไปอีกด้าน ปัฐวิกรจึงมองตาม และนึกขึ้นมาได้ว่าบรรยากาศชอบกลเพราะสองคนได้รับดอกไม้และคำชม ส่วนสาวอีกคนกลับไม่ได้รับความสนใจ
“เอ่อ สองไปรอปรางตรงม้านั่งตรงโน้นนะ”
เจ้าของดวงหน้าสวยน่ารักพูดกับเพื่อนแล้วโบกมือเบาๆ พร้อมยิ้มบาง
“บ๊ายบายจ๊ะก้อย ไว้เจอกัน”
“เอ๊ย เดี๋ยวสิสอง”
กัญญานันรั้งเพื่อนเอาไว้
“พี่ปัฐ จำสองได้ไหมคะ”
น้องสาวเอ่ยถามซึ่งชายหนุ่มก็มองหญิงสาวอีกคนอยู่ เมื่อเธอหันมามองแล้วยกมือไหว้ เขาจึงรับไหว้
“ครับ จำได้”
ปัฐวิกรพอจำได้ว่าน้องสาวเขากับพิมพ์ปรางมีเพื่อนสนิทอีกคนที่อยู่กับพิมพ์ปรางตลอดในช่วงงานศพของยายจันทร์ ถึงตอนนั้นจะไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจเค้าโครงหน้าหากก็พอนึกออกเลาๆ
“แล้วก็พี่แน็ตแฟนพี่ปัฐ”
อีกฝ่ายไหว้แฟนเขาตามคำแนะนำของกัญญานัน
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีพี่ไม่รู้ว่ามีเพื่อนอยู่กับน้องก้อยอีกคน”
ชายหนุ่มออกตัวเพราะเขาไม่มีดอกไม้ติดมือมาสำหรับเธอ
สาวหน้าใสไร้เครื่องสำอางยิ้มรับราวไม่ใส่ใจนัก
“ก็คุณไม่รู้จริงๆ นี่คะ แล้วเราก็ไม่ได้รู้จักกันถึงกับต้องมายินดีอะไรกับสอง”
ตากลมโตดำขลับมองเขาโดยไม่หลบหลีก บ่งบอกว่าเป็นคนกล้าแสดงออกและจริงใจ จากนั้นก็ขอตัวแยกไปรอพิมพ์ปรางที่ม้านั่ง
ปัฐวิกรมองตามร่างบางอรชรไล่เลี่ยกับน้องสาวของเขา ดวงหน้าสวยน่ารักยังติดตาเพราะรู้สึกคุ้น ทว่าไม่ใช่เพราะเคยเจอกันเมื่อหลายปีก่อน แล้วก็ได้ยินเสียงแฟนของตนพึมพำ
“อ๋อ คนที่รำฉุยฉายพราหมณ์”
[1] ฉุยฉายพราหมณ์ เป็นการร่ายรำที่งดงามของตัวละครพระเป็นการแสดงชุดหนึ่งในบทละครเบิกโรง เรื่องพระคเณศเสียงาบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นจากตำนานของเทพเจ้าโดยพระนารายณ์แปลงเป็นพราหมณ์น้อยไปเฝ้าพระอิศวรและพระอุมามีลีลาท่ารำของตัวพระที่มีลักษณะของความเป็นหนุ่มน้อยที่มีความงดงามและท่าที่นวยนาดกรีดกรายแต่สง่างาม แต่โบราณการรำฉุยฉายพราหมณ์จัดแสดงเฉพาะในการแสดงเบิกโรงเท่านั้นไม่นิยมนำออกมาแสดงรำเดี่ยว แต่ในปัจจุบันการรำฉุยฉายพราหมณ์เป็นที่นิยมจึงทำให้พบเห็นได้ในโอกาสงานต่างๆ โดยทั่วไป ที่มา: cuycay.blogspot.com
=====
มาธาวีให้อธิปมารับตนเองเพราะเขายังไม่เคยไปบ้านของเธอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อยืนส่งนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเห็นรถของกิตติกรมาจอด ซึ่งปัฐวิกรใช้รถของน้องชายเขา หญิงสาวหน้าซีดทันที ขณะที่กัญญานันทักพี่ชายเสียงใส“พี่ปัฐ”ร่างสูงใหญ่ของปัฐวิกรเข้ามากอดน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนมาธาวีก็จำต้องยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกว่าไปรอข้างในเพราะน้องสาวกับเพื่อนยังส่งนักเรียนอยู่กับพนักงานต้อนรับรอไม่นานสองสาวก็กลับเข้ามาด้านในเพราะเหลือนักเรียนคนเดียวพนักงานสามารถดูแลได้ ส่งนักเรียนเรียบร้อยอีกฝ่ายก็กลับบ้านได้เลย“มารับสองไปบ้านเหรอคะ”กัญญานันเอ่ยถามพี่ชายทันที เธอรู้ว่าวันนี้พี่ชายจะไปบ้านเพื่อนตามคำชวนของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเพราะเขาเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ชายหนุ่มมาก็ทำงานที่คั่งค้างของกิตติกรเพิ่งจะมาหาเธอก็วันนี้“ครับ”มาธาวีกัดริมฝีปากล่างด้วยความลำบากใจ เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเวลานี้อธิปเองก็คงเลิกงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มออกมาหรือยัง“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะคะ”เธอพูดขึ้นพยายามจะเลี่ยงออกไปเพื่อโทรหาอธิป“ไม่เป็นไร ผมเอามาแล้วนี่ไง”ตาคู่กลมโตเหล
เป็นเช้าที่มาธาวีตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นเอาเสียเลย ทั้งที่บ้านเธออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศสดชื่นเย็นสบาย ปกติมานอนที่บ้านเมื่อไรหญิงสาวจะลุกขึ้นไปยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นหน้าระเบียงห้องนอนตอนเช้า ทว่าวันนี้แม้แสงแดดส่องผ่านกระจกที่ผ้าม่านเปิดแง้มเอาไว้เจ้าของร่างอรชรก็ไม่มีอารมณ์จะลุกขึ้นแต่อย่างใด ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในมือถือจึงหยิบขึ้นมาดู‘พี่ปัฐบอกให้ส่งเบอร์เขาให้สองน่ะ แล้วเขาก็ขอเบอร์สองไปด้วย เห็นว่ารับปากพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเอาไว้ตอนท่านชวนไปทานข้าวที่บ้าน เลยขอเบอร์สอง’เห็นข้อความของกัญญานันแล้วก็ได้แต่ทิ้งมือถือลงอย่างอ่อนแรง ไม่นึกอยากให้ปัฐวิกรมาที่บ้านของเธอเลยสักนิด สังหรณ์ในใจบอกเธอว่าเรื่องราวคู่หมั้นจอมปลอมจะไม่จบลงแค่ที่พี่สาวของเธอแม้แทบไม่อยากลุกจากเตียงนอนไปเผชิญหน้ากับมาลินีในเวลาอาหารเช้า แต่มาธาวีก็ต้องขยับตัวเพราะไม่อยากทำตัวให้ผิดปกติจนอีกฝ่ายหาเรื่องค่อนขอดได้อีก จึงลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายใจร่างโปร่งระหงในชุดข้าราชการเรียบร้อยเดินลงจากบันไดไปก่อน มาธาวีที่ก้าวออกมาเห็นอีกฝ่ายหยุดกึกรอให้
‘จะเอาให้ครางเอาอีกๆ ไม่หยุดเลย คอยดูสิ’‘ไอ้บ้าเอ๊ย!’มาธาวีตะโกนด่าเสียงดังอย่างรังเกียจสุดจิตสุดใจ ทั้งยังวาดมือใส่หน้าที่ซุกไซ้แก้มกับลำคอไม่หยุดสุดกำลังเท่าที่มือจะใช้แรงได้‘โอ๊ะ...’ได้ยินเสียงเข้มดังก่อนชายหนุ่มจะเข่นเขี้ยว‘ตบเหรอหา!’เพี้ยะ!!แรงกระทบหน้าหนักหน่วงทำเอามาธาวีถึงกับชาไปทั้งข้างแก้ม รู้สึกได้ถึงความเจ็บจี๊ดตรงมุมปาก เธอชะงักไปอึดใจหนึ่งเลยเดียว‘ไง หมดฤทธิ์แล้วสินะ’น้ำเสียงเยาะหยันอย่างพอใจก่อนคุณากรจะถอยออกไปถอดเสื้อของตัวเอง คงเพราะเห็นว่าเธอไม่กล้าแผลงฤทธิ์แล้ว นั่นทำให้มาธาวีรีบปัดป่ายมือควานหาของใกล้มือตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วก็เจอไอแพดกับมือถือของตัวเอง เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงหยิบมือถือปาใส่อีกฝ่าย‘โอ๊ย!’คุณากรสะดุ้ง มาธาวีรีบถอยกรูดให้ห่างอีกฝ่ายมากที่สุดทั้งยังถีบเขาไม่ยั้ง มือหนาคว้าขาเธอเอาไว้ คราวนี้หญิงสาวจึงเอาไอแพดปาใส่ซ้ำไปอีก‘โธ้เว้ย!’อีกฝ่ายสบถเสียงดังอย่างหงุดหงิด ขณะที่ร่างอรชรรีบเผ่นลงจากเตียงวิ่งไปยังประตูห้องด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงกำยำก้าวตามมา ทว่าเธอก็เปิดประตูได้พอดี กำลังจะพุ่งตัวออกไปอีกฝ่ายก็ดึงกลับมา แต่เธอทันได้สบตากับคนที่อยู่ห้
น้ำร้อนๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตาคู่กลมโต ความอึดอัดขัดใจแน่นอยู่ในอก มาธาวีรู้ว่าที่พี่สาวโวยวายเพราะกำลังเจ็บ ไม่ใช่เจ็บเพราะโกรธ แต่เจ็บที่โดนน้องอย่างเธอหักหลังมาลินีเป็นคนขี้บ่นจู้จี้จุกจิกอยู่แล้ว เธอโดนตำหนิบ่อยจนเคยชินแต่รู้ว่าที่พี่สาวมักจะเคือง ไม่พอใจ หรือบ่นเธอก็เพราะหวังดี พอมารู้ว่าถูกหลอกเรื่องผู้ชายก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะปรี๊ดขึ้นมาเธอรู้ว่าพี่สาวเสียใจกับความแห้วของตัวเองมาตั้งแต่ครั้งเปรมินทร์แล้ว แถมยังมีกิตติกรอีก แต่เพราะเป็นคนสวย เริด เชิด การศึกษาหน้าที่การงานดี มาลินีจึงมั่นใจในตัวเองว่าต้องมีคนที่ดีเหมาะสมเข้ามาในชีวิต การได้เจอปัฐวิกรในเวลาใกล้เคียงกับที่ต้องถอยห่างจากกิตติกร มาธาวีจึงไม่แปลกใจว่าหนุ่มมาดเนี้ยบหล่อโปรไฟล์หรูย่อมต้องเป็นเป้าหมายใหม่ของพี่สาวเธออย่างไม่ต้องสงสัยอีกฝ่ายหมายมั่นปั้นมือกับปัฐวิกรพอสมควร เพียงแค่ยังไม่มีเวลาได้ทำความรู้จักเพราะชายหนุ่มไม่ได้อยู่เชียงใหม่เท่านั้น นั่นทำให้คนเป็นน้องสะเทือนใจเมื่อได้ยินเสียงตัดพ้อสั่นเครือของพี่สาว จนสุดท้ายก็ต้องเอ่ยออกไปโดยไม่ได้หันไปมองด้วยไม่อาจฝืนทนเห็นอีกฝ่ายเสียใจได้ ทว่าน้ำเสียงก็เจือความสั่นไม่แพ้
“นี่หมายความว่า...”มาลินีพึมพำเสียงเบา แววตาและสีหน้ามองเขาอย่างว่างเปล่า“ใช่ครับ ผมกับสองคบกัน”ปัฐวิกรยืนยันซ้ำอีก เขาไม่อยากให้ความหวังกับมาลินีเพราะดูออกว่าหญิงสาวสนใจเขาเหมือนกับเพื่อนของเธอ“หนึ่งไม่เห็นรู้เลย”เธอถามออกไปอย่างอ่อนล้าราวกับคนพ่ายแพ้ หากน้องสาวตนเองเป็นคนพูด เธอยังเชื่อน้อยกว่าผู้ชายตรงหน้า เพราะไม่มีเหตุผลที่เขาต้องโกหกเธอ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมเธอไม่เคยระแคะระคายมาก่อน ช่วงที่ชายหนุ่มมาในตอนมีปัญหาของกิตติกรครั้งก่อน น้องสาวของเธอกับปัฐวิกรก็แทบจะไม่คุยกันเลยแล้วทั้งสองคนไปคบหากันตอนไหน“ตั้งแต่สองไปงานแต่งนายกลางเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ครับ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันก็เถอะ สองเขายังไม่กล้าจริงจัง ก็เลยยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมจริงจังเพราะอายุมากแล้ว”คำพูดของปัฐวิกรดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่มาธาวีเองก็คงหลงเชื่อไปด้วย หากคนที่เขาเอามาอ้างไม่ใช่เธอเอง“เหรอคะ”มาลินีเหมือนจะถามแต่กลับพยักหน้าเบาๆ ราวกับยอมรับส่วนปัฐวิกรเหลือบไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งเงียบ แต่แววตาคู่กลมโตกลับมองเขาอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากได้รูปสวยยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับก้าวเข้าไปหาเจ้าของร่างอรชรแบบบาง“อย่าม
‘ตาถูกชะตาคุณจังเลย อยากลองคบคุณ ได้ไหมคะ’สาวร่างอิ่มขยับขึ้นไปพูดใกล้ๆ ร่างสูงใหญ่โดยการเกาะไหล่เขาทั้งสองข้าง แล้วเขย่งตัวขึ้นนี่คือภาพที่มาลินีแอบตามเพื่อนที่ดึงปัฐวิกรออกมาแล้วเห็นเข้า เธอบอกอธิปว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนชายหนุ่มมีสายโทรศัพท์เข้ามาพอดีเขาจึงออกไปคุยด้านหน้า เพราะข้างในค่อนข้างเสียงดังแต่ถึงจะดังยังไง พรชิตาก็ไม่เห็นต้องขยับไปพูดใกล้ๆ ชายหนุ่มขนาดนั้น เพราะเธอยืนอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเลย หญิงสาวค่อนขอดเพื่อนตัวเองในใจ‘เราเพิ่งเจอกันเองนะครับ’ปัฐวิกรแย้ง แต่ก็ไม่ได้ผลักพรชิตาออก คิดว่าเขาคงไม่อยากเสียมารยาท เพราะแขนกำยำแนบข้างลำตัว ไม่โอบหรือกอดอีกฝ่ายแต่อย่างใด‘นั่นสิคะ ตาถึงได้บอกว่าถูกชะตา’พรชิตาถอยออกมาเงยหน้ามองชายหนุ่มไม่ห่างนัก ตาคู่สวยพราวหยาดเยิ้ม‘ผม...’‘อย่าบอกนะคะ ว่าคุณไม่ถูกใจตา ของแบบนี้ต้องลองก่อนสิคะ ถึงจะรู้’สาวสวยยิ้มอย่างขี้เล่นขณะพูดคนแอบฟังอย่างมาลินีได้ยินคำนี้ของเพื่อนยังถึงกับอึ้ง เธอไม่ค่อยแปลกใจหรอก เพราะรู้จักนิสัยกันดีอยู่ แต่พรชิตาเพิ่งเจอปัฐวิกรวันนี้เอง อ่อยหนักขนาดนี้หมายความว่าอยากให้เขากลับไปด้วยคืนนี้แน่ๆคิดมาถึงตรงนี้มาลินีก
Komen