ดีไม่ดี อาจจะมาเพื่อประกาศตัดลูกชายออกจากกองมรดกต่อหน้าทุกคนความเงียบเข้าปกคลุมในงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด แม้แต่เสียงเพลงรักหวานซึ้งของนักร้องชื่อดังยังต้องหยุดเอาไว้เมื่อพ่อกับลูกเผชิญหน้ากันพิธารู้ว่าในใจของอัจจิมาตอนนี้รู้สึกอย่างไร กับการที่พ่อของเขามางานทั้งที่ไม่ยอมรับเธอเป็นสะใภ้ของวงศ์ตระกูล เขาจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอ สายตาสื่อความหมายลึกซึ้งต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เขาก็จะแต่งงานกับเธอและจะไม่ยอมปล่อยมือนี้ไปเด็ดขาดให้ความมั่นใจกับเธอแล้วเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับคุณนิพนธ์อีกครั้งผู้ใหญ่ในงานคนหนึ่งซึ่งสนิทกับคุณนิพนธ์พอสมควรตัดสินใจลุกออกจากโต๊ะเพื่อจะเข้าไปช่วยพูดไม่ให้คนเป็นพ่อทำเสียฤกษ์หรือพูดอะไรที่จะเป็นการหักหาญน้ำใจเจ้าบ่าวเจ้าสาวผู้ใหญ่คนดังกล่าวไม่ทันจะได้พูดอะไร อดีตนายแพทย์นิพนธ์ก็ยกมือขึ้นห้าม สายตามองไปยังเวที บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันใด“แกแต่งงานแต่ไม่คิดจะเชิญฉัน ยังเห็นฉันเป็นพ่ออยู่ไหม” แม้จะฟังดูเป็นการต่อว่าต่อขาน หากแต่ทุกคนก็มองออกว่าคุณนิพนธ์ไม่ได้จะมาพังงานแต่งลูกชายอย่างที่พากันกังวล หรือกระทำการใดที่บ่งบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงา
ในที่สุดความอดทนในการเฝ้ารอให้ถึงวันที่เขาจะได้แต่งงานกับอัจจิมาก็จบลง เมื่อฤกษ์มงคลที่ประสิทธิ์ได้มาจากหลวงพ่อวัดดังย่านหนึ่งแล้วก็ขอให้เขารอมาอีกสามเดือน ในที่สุดก็ถึงวันนี้แล้วขณะที่แขกเหรื่อกำลังทยอยกันมาร่วมงาน บ่าวสาวยังอยู่บนห้องรับรอง อัจจิมาที่ตื่นแต่เช้ามืดถูกช่างแต่งหน้าชื่อดังทั้งหมดสามคนรุมแปลงโฉมเป็นเจ้าสาว ด้านเจ้าบ่าวแต่งตัวอยู่อีกห้องหนึ่งชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวเรียบหรูยืนรออยู่หน้ากระจกบานใหญ่เกือบเท่าความสูงของชายหนุ่ม สายตาคมปลาบมองสำรวจตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว จัดเนกไทเส้นแพงหลายครั้ง ไม่ยอมให้มีจุดไหนบกพร่องเล็ดลอดสายตา เมื่อวันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา“มึงจะดูอะไรนักหนาวะ” เห็นเพื่อนพิถีพิถันกับการแต่งตัวแล้วเคืองลูกกะตาหมอธนาจึงแซวขึ้น พลอยให้ช่างแต่งหน้าสาวสวยมองแล้วยิ้มตาม“มึงไม่เคยแต่งงานมึงไม่รู้หรอก” อยากอ้าปากเถียงให้หายหมั่นไส้ในความขี้อวด แต่หนุ่มมาดเจ้าชู้ก็ดันเถียงไม่ออก เจ้าบ่าวสายเห่อเดินไปหย่อนกายลงบนโซฟาอย่างคนอารมณ์ดี หลังจากตรวจทานความเรียบร้อยของตัวเองจนพอใจแล้ว“เชิญมึงแต่งไปคนเดียวเหอะ ส่วนกูขออยู่เป็นโสดแบบนี้ดีกว่า” คนนั่งไขว่ห้างกร
“เร็วสิ ภิมน้อยมันอยากให้คุณสัมผัสจะแย่แล้ว” ช้อนตามองบอกเสียงนุ่มปนแหบพร่าเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่แกล้งให้เขาทรมาน“แบบนี้ไม่น้อยแล้วค่ะ” อัจจิมาพูดเย้าหยอกหากก็เป็นความจริง ก่อนจะหลุบตาลงมองแผ่นท้องเครียดครัดด้วยมัดกล้ามของคุณหมอเห็นไรขนสีเข้มประปรายเลื้อยต่ำลงไปในขอบกางเกง แล้วจัดการถอดหัวเข็มขัดเส้นแพงออก นิ้วเนียนนุ่มเลื่อนลงไปปลดตะขอทันทีกางเกงเนื้อดีเลื่อนลงจากสะโพกเพรียวตามด้วยบ็อกเซอร์ตัวเล็ก เผยให้เห็นลำเอ็นอวบใหญ่ที่เริ่มจะแข็งขึงขึ้นมาจนน่ากลัวแม้จะยังขยายขนาดไม่เต็มที่เธอลูบไล้เนื้อตัวของเขาโดยปราศจากความเหนียมอาย มือเล็กนุ่มเคลื่อนต่ำลงไปจนถึงกึ่งกลางกาย คว้าจับท่อนเนื้อแข็งร้อนเอาไว้แล้วรูดรึงลำเอ็นขึ้นลงจนมันโป่งพองขยายขนาด รู้สึกได้ถึงเส้นเลือดขรุขระที่ปูดโปนบนลำยาวเขากดไหล่เธอให้นั่งลงบนขอบอ่างด้านหลังโดยที่เขายังอยู่ในท่ายืน มือข้างหนึ่งกุมมือเธอรอบท่อนเนื้ออวบใหญ่ของตนเอง อีกข้างรวบกำเส้นผมยาวสลวย ตรึงเธอไว้ให้มั่น ก่อนที่มือข้างหนึ่งนั้นจะเคลื่อนต่ำลงไปหาจุดอ่อนไหวของเธอนิ้วเรียวยาวเสียดสีกับยอดเกสร ส่งกระแสซาบซ่านไปทั่วร่างกาย หญิงสาวรู้สึกถึงความฉ่ำชื้นที่ซ
หลังจากผลการตรวจแน่ชัดว่าอัจจิมาตั้งครรภ์ พิธาก็ขออนุญาตประสิทธิ์ให้เธอมาอยู่ที่เพ้นท์เฮาส์ในช่วงนี้เพื่อที่เขาจะได้สะดวกในการดูแลเธอเริ่มต้นเดือนแห่งความรักท้องฟ้าแจ่มใสตลอดทั้งวัน อัจจิมาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นเพราะได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งเธอก็หันไปมองข้างกาย กลับพบแต่ร่องรอยที่บ่งบอกว่าเมื่อคืนนี้มีคนนอนอยู่ด้วยอัจจิมาลุกขึ้นจากเตียงหนานุ่ม เปิดประตูออกไปจากห้อง พลันได้กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก ชวนให้คนเพิ่งตื่นนอนรู้สึกหิวขึ้นมาทันที และเมื่อเดินเข้าไปใกล้กับส่วนของเคาน์เตอร์ เธอก็เห็นใครบางคนกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อเช้าพิธาอยู่ในชุดไปรเวทสบาย ๆ หากก็ยังดูดี เขาผูกกันเปื้อนสีน้ำตาลเข้ม ท่าทางดูคล่องแคล่ว เห็นแล้วอัจจิมาก็อดยิ้มไม่ได้กับภาพตรงหน้าเธอไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอจะมีคนตื่นมาทำกับข้าวให้ทาน แถมเขายังตื่นนอนก่อนเธอทุกวันแม้ว่าจะเลิกงานกลับมาดึกดื่น และพิธาก็ปฏิบัติกับเธอแบบนี้ตั้งแต่วันที่สารภาพความรู้สึกอัจจิมาค่อย ๆ ย่องเข้าไปด้านหลังของชายหนุ่ม สวมกอดเขาไว้เพียงหลวม ๆ แหงนหน้าขึ้นไปถามคนตัวสูง “ทำอะไรกินคะ หอมจัง”“ข้าวต้มหมู คุณหิ
สองเดือนต่อมาอัจจิมาไม่ได้ไปทำงานเพราะเธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย เมื่อวานที่บริษัทก็หน้ามืดไปครั้งหนึ่ง วันนี้เจ้านายเลยอนุญาตให้เธอหยุดพักผ่อนอยู่บ้าน“ไปหาหมอหน่อยไหม จะได้รู้ว่าเป็นอะไร” ประสิทธิ์เห็นลูกไม่ได้ไปทำงานก็อดเป็นห่วงไม่ได้“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูซื้อยามากินแล้ว นอนพักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น” เจ้าของใบหน้าอ่อนเพลียเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อก่อนจะนั่งลงทานข้าวต้มร้อน ๆ ที่ประสิทธิ์เพิ่งจะยกออกมาให้“คงไม่ใช่ว่าท้องหรอกนะ” เพ็ญพักตร์พูดขึ้นลอย ๆ แต่มันก็ทำให้เธอฉุกคิด…ช่วงนี้ที่บริษัทงานยุ่ง บางวันอัจจิมาถึงกับต้องเอางานกลับมาทำต่อที่บ้าน เธอจึงลืมไปเสียสนิทว่าเดือนนี้ประจำเดือนยังไม่มา แต่นอกจากอาการหน้ามืดซึ่งเธอคิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอก็ไม่มีอาการอื่นประสิทธิ์มองหน้าหญิงสาว จะว่าไปแล้วสมัยที่บังอรตั้งท้องเธอก็หน้ามืดแบบนี้“ไปโรง’บาลเถอะ เป็นอะไรจะได้รู้”“ไปก็ไปค่ะ แต่วันหลังนะคะ วันนี้หนูไปไม่ไหว”“แล้วทำไมไม่ให้คุณหมอมารับล่ะ” สองสัปดาห์ให้หลังมานี้อัจจิมากลับมานอนที่บ้านทุกวัน อีกทั้งยังไม่เห็นพิธาขับรถมาส่งลูกเหมือนช่วงแรก ๆ ประสิทธิ์จึงถามไถ่ถึงว่าที่ลูกเขย“ช่วงนี้เขางานยุ
ร่างบางในชุดนอนตัวโคร่งขดอยู่ใต้ผ้าห่มกำลังหลับสนิท ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนเข้ามาในห้องกลางดึก ผ้าห่มหนานุ่มถูกดึงเลื่อนลงจากตัวทีละน้อยหญิงสาวขดตัวเข้าหันกันเมื่อผิวเนื้อปะทะกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ฝ่ามือเรียวยาวของชายหนุ่มกุมเท้านุ่มนิ่มข้างหนึ่งของเธอเอาไว้ลูบคลำขึ้นมาถึงปลีน่องนวลเนียน ปลายนิ้วลูบโลมสูงขึ้นไปจนถึงด้านในขาอ่อนใต้ร่มผ้า ลากไล้เนินเนื้อที่กึ่งกลางกายสาวผ่านชุดนอน ‘ไม่ได้นอน’ สุดวาบหวิวที่อัจจิมาเพิ่งจะถอยมาวันนี้ทว่าการเคลื่อนไหวนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อคนหลับตาอยู่ส่งเสียงงึมงำออกมา “อื้ออ”“ไหนว่าจะรอผมไง” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ริมหู อัจจิมาลืมตาขึ้นในความมืดสลัว มองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดนัก หากก็รู้ว่าเจ้าของมือซุกซนคือเจ้าของหัวใจและร่างกายของเธอ“กี่โมงแล้วคะ”“ตีหนึ่ง” เขากระซิบข้างหูพลางรู้สึกผิดขึ้นมาที่บอกให้เธอรอแต่ตัวเองดันกลับดึกเพราะมีเคสผ่าตัดเร่งด่วนเข้ามา แถมการผ่าตัดใหญ่ยังลากยาวกว่ากำหนด ขนาดว่าเขารีบบึ่งรถกลับมาแล้วอัจจิมายันตัวลุกขึ้นนั่ง พิธาโน้มศีรษะซุกหน้าลงกับเรือนผมสีน้ำตาลประกายทอง กลิ่นโรงพยาบาลคละเคล้ากับกลิ่นโคโลญจน์จากตัวชายหนุ่ม เธ
“ถ้าฉันท้องล่ะคะจะเกิดอะไรขึ้น” ก่อนหน้านี้เขาเคยขอเธอเรื่องที่จะไม่ใช้ถุงยางอนามัยเวลาที่มีอะไรกัน แถมยังสั่งไม่ให้เธอกินยาคุมกำเนิด แต่ที่เธอถามออกไปแบบนี้ เพราะเธอยังไม่ได้รับการยอมรับจากคุณนิพนธ์ จึงกลัวว่าถ้าเกิดตั้งท้องขึ้นมาอาจจะเพิ่มปัญหาให้เขา“ผมก็พาคุณไปฝากครรภ์ไง”“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย” เธอมองค้อนที่เหมือนเขาเห็นเรื่องตั้งครรภ์เป็นเรื่องเล็ก ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับลูกผู้หญิง“คุณกลัวผมจะไม่รับผิดชอบเหรอ” สายตาคมเข้มจริงจังขึ้นมาทันทีเธอหลุบสายตามองต่ำ ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้เป็นกังวลเรื่องนี้ก็ดูจะเป็นการโกหก ถ้าเธอต้องปล่อยให้ตัวเองท้องเธอก็ต้องแน่ใจในอะไรหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือเขาเธออยากรู้ว่าเขาพร้อมจะเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วเหรอ เพราะการจะเป็นพ่อคน ไม่ใช่ต้องการแค่เงินทอง แต่ยังต้องมีความรับผิดชอบสูง พร้อมเสียสละเวลาส่วนตัว และพร้อมที่จะดูแลอีกหนึ่งชีวิตด้วยหัวใจ“คุณฟังผมนะ ผมไม่ใช่เด็กแล้ว แล้วผมก็ไม่ใช่คนไม่มีความรับผิดชอบ ที่ผมบอกว่าอยากมีลูกก็แปลว่าผมพร้อม แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง แต่ผมพร้อมจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ ผมอยากมีเด็กวิ่งเล่นอยู่ในบ้าน อ
“ผมชอบที่คุณพูดแบบนี้ ฟังแล้วมันได้อารมณ์” เสียงของชายหนุ่มต่ำพร่าลง นัยน์ตาวาววับแต่ไม่ได้เยือกเย็นเหมือนเมื่อก่อนก้มลงลิ้มเลียยอดถันข้างที่เหลือ บีบคลำเต้าทรวงผ่องในอุ้งมืออย่างคนตะกละตะกลามอัจจิมาครางไม่เป็นภาษาอยู่บนโต๊ะทานข้าวตัวหรู ท่อนขาเรียวงามโอบรัดสะโพกอีกฝ่าย ก่อนจะแอ่นเอวเข้าหาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เสียดสีกึ่งกลางลำตัวกับหน้าขากำยำท่อนเนื้อที่บดเบียดกับเนินนุ่มของหญิงสาวผ่านกางเกงเนื้อดีเริ่มแข็งขึงขึ้นมา ไม่รู้เป็นเพราะท่าทางยั่วยวนของเธอหรือเป็นเพราะอารมณ์ดิบในตัวของเขาเอง ที่ทำให้อารมณ์ใคร่ปรารถนาของเขาพลุ่งพล่านอย่างรวดเร็วเมื่อก่อนในโลกนี้สำหรับเขาสำคัญอยู่แค่สองเรื่อง นั่นคือเซ็กซ์กับมีดผ่าตัดแต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป แม้ว่าการมีเซ็กซ์จะยังจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเขา แต่หากเขาไม่มีเธออยู่ข้างกาย ชีวิตต่อจากนี้ของเขาก็ไม่ต่างจากสิ่งของไร้ค่าชายหนุ่มขยับออกมายืนข้างโต๊ะทานข้าวเรียบหรู ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกอย่างใจเย็นแล้วรวบเอวดึงร่างขาวผ่องของหญิงสาวคนรักให้ขยับมาที่ขอบโต๊ะ เลื่อนมือไปลูบไล้กลีบอิ่มนูน หยาดน้ำที่เอ่อล้นออกมาฉ่ำเยิ้มจนมองเห็นความเปียกชุ่ม
อัจจิมารู้สึกตัวเพราะแสงแดดที่สาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาในช่วงสาย ศีรษะและร่างกายของเธอหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงทับด้วยภูเขาหิน ลำคอแห้งผาก กว่าจะขยับตัวได้ก็ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งพอลืมตาสิ่งแรกที่เห็นคือปลายคางแข็งแรงมองเห็นเป็นปื้นสีเขียวจางของศัลยแพทย์หนุ่ม ซึ่งเธอกำลังนอนแนบชิดซบอยู่ที่อกอุ่น ท่อนแขนข้างหนึ่งของเขาโอบเอวเธอไว้หลวม ๆ มือใหญ่วางอยู่บนบั้นท้ายเปลือยเปล่าจากการร่วมรักกันเมื่อคืนนี้ทุกคนที่บริษัทเข้าใจว่าเมื่อวานนี้เธอได้หยุดพักผ่อนหนึ่งวันเต็ม ๆ แต่หารู้ไม่ว่าเป็นวันลาพักผ่อนที่สูบเอาเรี่ยวแรงของเธอไปจนแทบจะไม่หลงเหลือถ้าเธอรู้ว่าเขาจะเป็นคนกระหายในรักได้ทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ เธอคงจะไม่หลวมตัวคบคุณหมอ ‘เซ็กซ์จัด’ เป็นแฟนอย่างแน่นอนคิดมาถึงตรงนี้ริมฝีปากได้รูปก็ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวที่รุ้งรวีเล่าให้ฟังไม่กี่วันมานี้‘พิธาพึงพอใจในตัวเธอมานานแล้ว’ นี่คือประโยคแรกที่รุ้งรวีบอกเล่า สิ่งที่เขาทำให้เธอก็คงเป็นอย่างที่ใครหลายคนอาจเรียกว่า ‘ปิดทองหลังพระ’ เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า ครั้งนี้หัวใจเธอเลือกรักคนไม่ผิดอัจจิมาไม่ได้