หลังจากทุกคนทานอาหารเสร็จสรรพ มาร์วินก็เดินกลับไปที่คฤหาสน์เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที ส่วนพราวมุกก็ให้ป้าจันทร์ไปเอาเสื้อคลุมของรุ่นพี่เมื่อวานมาให้เธอและเดินไปยืนรอพี่ชายหน้านิ่งอยู่ตรงลานจอดรถ
ร่างกำยำสวมชุดสูทสีกรมเข้มเสื้อเชิ้ตด้านในสีดำกำลังย่างกรายมาที่ลานจอดรถของคฤหาสน์ พราวมุกมองชายหนุ่มอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่น
มาร์วินจ้องมองชุดนักศึกษาของเธอที่มันดูจะรัดรูปเกินไป ไหนจะกระโปรงสั้นสีดำผ่าหน้านั่นอีก ตั้งแต่หญิงสาวเข้ามหาลัยเขาก็เริ่มรู้สึกเธอจะแต่งตัวล่อเสื้อล่อจระเข้น่าดูเลย
“นี่แน่ใจว่าแต่งตัวไปเรียน?”
“ทะ..ทำไมคะ” ร่างบางตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“คิดว่าจะไปหาผัว” ชายหนุ่มเน้นคำว่า ‘ผัว’ กระแทกใส่หญิงสาว
“พี่มาร์วิน ทำไมต้องพูดกับมุกแบบนี้ด้วยค่ะ”
พราวมุกตอบกลับชายหนุ่มน้ำเสียงแผ่วเบา ถึงปกติชายหนุ่มจะชอบพูดจาไม่ดีกับเธออยู่ตลอดเวลาก็เถอะ แต่ช่วงหลังๆ มานี้เขายิ่งเป็นหนักกว่าเมื่อก่อนมากๆ จนคำบางคำเธอรู้สึกว่ามันรุนแรงเกินไปจริงๆ
“ขึ้นรถ”
มาร์วินสั่งหญิงสาวเสียงดัง บอดี้การ์ดร่างกำยำที่ยืนอยู่ข้างๆ รถจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูรอเจ้านาย
“เชิญครับคุณหนู”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณชายชุดดำและเดินไปขึ้นรถเบาะหลังของรถคันหรูสีดำเงาอย่างช้าๆ มาร์วินก้าวตามมาขึ้นรถด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากนั้นรถคันหรูสีดำเงาก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่ช้าๆ
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้..” เสียงทุ้มของมาร์วินเอ่ยขึ้นมา
“มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ มุกรู้ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ต้องพูดถึงมันหรอกค่ะ”
เสียงนั้นทำให้หญิงสาวที่กำลังมองข้างทางผ่านกระจกรถอยู่หันกลับมาหาชายหนุ่ม พราวมุกตัดบทชายหนุ่มเสียก่อนที่เขาจะพูดจบ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเธอหรอก ชายหนุ่มอาจจะแค่ละเมอหรือฝันก็เท่านั้นเพราะมาร์วินไม่เกลียดเธอยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
“รู้ก็ดีแล้วล่ะ เพราะฉันไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวเธอเลยสักนิด”
“ค่ะ มุกรู้ดีข้อนี้ดีค่ะ”
สิ้นเสียงของพราวมุก เธอก็ส่งยิ้มอบอุ่นให้ชายหนุ่มและหันไปมองที่ข้างทางเหมือนเดิม
มาร์วินตวัดสายตาลอบมองใบหน้าหวานครึ่งเสี้ยวพร้อมกับเลื่อนสายตาไปสำรวจจมูก ปาก คางของหญิงสาว ความรู้สึกและสัมผัสจากเมื่อเช้าทำให้เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ทำไมเขาต้องมาอดทนกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยนะ ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดและความรู้สึกของตัวเองออกไป
บรรยากาศภายในรถเงียบกริบมาตลอดทาง เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงรถคันหรูก็มาจอดที่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง
“ขอบคุณที่แวะมาส่งนะคะ สวัสดีค่ะ”
พราวมุกยกมือขึ้นมาประนมกลางอกไหว้ชายหนุ่มอย่างนอบน้อมและกระชับกระเป๋าสะพายสีดำก่อนจะลงจากรถหรูทันที
ร่างอรชรย่างกรายเข้าไปในมหาวิทยาลัยช้าๆ ดวงตาคมกริบมองตามร่างเล็กไปเรื่อยๆ และยังกวาดสายตามองไปรอบตัวหญิงสาว เหล่าบรรดาชายหญิงต่างพากันจับจ้องมองพราวมุกตาเป็นมัน
“อย่าเพิ่งออกรถ”
“ครับนาย”
ชายหนุ่มนั่งมองร่างบางผ่านกระจกรถด้วยสีหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
พราวมุกเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยอย่างช้าๆ เธอกำลังจะเดินตรงไปยังคณะของตัวเอง แต่ทว่าก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมาเสียก่อน เธอจึงหันหลังกลับไปมอง
“สวัสดีครับน้องมุก”
“พี่ติณณ์ สวัสดีค่ะ” ร่างบางยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่มหน้าตาดีที่ช่วยเธอเอาไว้เมื่อวาน
“เข้าเรียนสายเหรอวันนี้”
“ค่ะ วันนี้มีเรียนตอนเก้าโมงค่ะ”
“พอดีเลยค่ะ..นี่ค่ะเสื้อคลุมของพี่ มุกซักให้เรียบร้อยแล้วนะคะ” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับยื่นถุงเสื้อให้รุ่นพี่
“จริงๆ แล้วพี่ก็มายืนรอเรานี่แหละ” ติณณ์เอ่ยด้วยท่าทางเขินอาย
“ทำไมถึงมายืนรอล่ะคะ”
“พี่ไม่อยากให้มุกไปที่คณะ”
“ทำไมคะ”
“ที่คณะผู้ชายเยอะนะสิ”
ติณณ์จ้องตาและส่งยิ้มอบอุ่นให้พราวมุก ทั้งสองคนสบตากันอยู่ชั่วครู่ จนสุดท้ายพราวมุกก็ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาชายหนุ่มก่อน
คนรอบข้างต่างพากันซุบซิบนินทากันใหญ่ที่สองคนยืนคุยกันแบบนี้ เพราะคนหนึ่งก็คือสาวสวยประจำคณะนิเทศศาสตร์ที่มีแต่ชายหนุ่มหมายปอง ส่วนอีกคนก็คือลูกชายคนเดียวของผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจเพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
“มุกไปเรียนก่อนนะคะ” เสียงหวานเอ่ย
“ครับ ตั้งใจเรียนนะเด็กน้อย”
“มุกไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ”
“เด็กสิ ตัวเล็กนิดเดียวเอง” ชายหนุ่มเผลอตัวยกมือขึ้นไปลูบหัวร่างบางแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู
“พี่ตัวใหญ่ต่างหาก” หญิงสาวบ่นไม่ได้จริงจังมากนัก
“ฮ่าๆๆ โอเคๆ พี่ตัวใหญ่เองแหละ”
ชายหนุ่มในชุดนักศึกษายืนยิ้มกว้างให้หญิงสาวก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไปเรียนเถอะครับ เดี๋ยวสาย”
“ค่ะ”
หลังจากนั้นพราวมุกก็เดินตรงไปยังคณะของตัวเองทันที ติณณ์มองตามหลังหญิงสาวที่เดินไกลออกไป รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าหล่อเหลาปรากฎขึ้น เขาอยากจะรู้จักพราวมุกให้มากกว่านี้จริงๆ
“หึ ยัยเด็กใจแตก” มาร์วินนั่งมองพวกเขาอยู่บนรถพลางแค่นหัวเราะเบาๆ
“ออกรถ” เสียงทุ้มทรงพลังสั่งลูกน้องอย่างหนักแน่น
@บริษัท วอล์กเกอร์พัฒนา กรุ๊ป
ใช้เวลาไม่นานรถคันสีดำเงาก็เข้ามาจอดสนิทลงที่ลานจอดรถบนตึกหรูหราใหญ่โตของบริษัทตระกูลวอล์กเกอร์ ที่เป็นตึกสูงถึง 20 ชั้น ดีไซน์สไตล์โมเดิร์นทันสมัย ห้องทำงานของมาร์วินอยู่ชั้นบนสุดของตึกเพราะชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครเดินข้ามหัวเขาไปมา
ร่างกำยำเดินเข้ามาจากลานจอดรถส่วนตัวบนชั้นนี้และตรงมายังห้องทำงานที่มีเลขาสาวสวมเสื้อเชิ้ตรัดรูปสีดำกับกระโปรงสั้นสีเข้ากันกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องทำงานของมาร์วิน
“สวัสดีค่ะนายท่าน” เลขาสาวยืนขึ้นพร้อมกับเอ่ยทักทายเจ้านายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“อือ” มาร์วินตอบกลับสั้นๆ
“รับเครื่องดื่มอะไรก่อนไหมคะ เดี๋ยวริต้าไปชงให้ค่ะ”
“ไม่ต้อง เตรียมเอกสารที่จะประชุมช่วงบ่ายนี้ให้พร้อม”
“ค่ะท่าน”
ริต้า เลขาสาวหุ่นดีหน้าอกหน้าใจล้นทะลักแทบจะหลุดออกมาจากเสื้อเชิ้ต เธอเข้ามาทำงานเป็นเลขาให้มาร์วินยังไม่ถึงปี ช่วงเดือนแรกที่เธอเข้ามาพวกเขาก็เริ่มมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน แต่มาร์วินก็เคยพูดกับเธอชัดเจนไปแล้วว่าห้ามล้ำเส้นและทำอะไรเกินหน้าที่ไม่งั้นเธอจะโดนไล่ออกจากบริษัทไปอย่างแน่นอน ซึ่งหญิงสาวก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด
มาร์วินสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงก้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองด้วยท่าทางดุดันน่าเกรงขาม ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ตรงโต๊ะทำงาน ส่วนบอดี้การ์ดทั้งหลายก็แยกย้ายกันไปประจำตามจุดต่างๆ ทั้งประตูหน้าห้องและทางเดิน
ร่างกำยำใช้เวลาอยู่ในห้องทำงานเกือบทั้งวัน ช่วงบ่ายเขาออกไปประชุมที่ห้องประชุมของชั้นนี้และเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมเขาก็กลับมาที่ห้องทำงานเขาเหมือนเดิม
ส่วนเลขาสาวก็เข้ามาแค่เอาเอกสารให้ชายหนุ่มเซ็นแล้วก็ออกไปทำงานของเธอต่อ
เวลาผ่านพ้นไปจวบจนห้าโมงเย็น บอดี้การ์ดร่างกำยำเคาะประตูห้องชายหนุ่มเสียงดัง ทำให้มาร์วินที่ใจจดใจจ่ออยู่กับแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นายครับ ขออนุญาตเข้าไปได้ไหมครับ” เสียงของบอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยขึ้นมาหน้าประตูห้อง
“เข้ามา” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงราบเรียบ
ชายชุดดำแง้มเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายอย่างช้าๆ
“มีอะไร” มาร์วินเอนกายพิงพนักของเก้าอี้ตัวใหญ่พลางเอ่ยถาม
“นายครับ คุณโมนามารอนายอยู่ข้างล่างครับ จะให้เธอขึ้นมาไหมครับ”
“โมนา..”
“ครับ”
“เออ ให้ขึ้นมาแล้วมึงโทรไปยกเลิกนัดกับผู้หญิงที่ชื่อเจนนี่ด้วย”
“ครับนาย”
หนึ่งปีต่อมาร่างอรชรของพราวมุกกำลังนั่งอุ้มเด็กทารกเพศหญิงวัยสามเดือนอยู่ในอ้อมแขนบนเตียงนอนใหญ่กลางห้องนอนในคฤหาสน์ส่วนตัวของมาร์วิน โดยมีป้าจันทร์นั่งอยู่ข้างๆ กำลังใช้มือเหี่ยวย่นโยกเปลนอนสีชมพูที่มีทารกเพศหญิงอีกหนึ่งคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ในเปล พราวมุกกับจันทรัศม์นั่งมองเด็กทารกแรกเกิดทั้งสองคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข มือบางของพราวมุกโอบกอดเด็กน้อยในอ้อมแขนที่กำลังดูดนมในขวดกินอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตากลมโตใสแป๋วของเด็กทารกมองหน้ามารดาของตัวเองในขณะที่กำลังดูดขวดนมกินอยู่ เหมือนกับว่าเด็กน้อยกำลังเริ่มจดจำใบหน้าของมารดาตัวเอง พราวมุกจับขวดนมให้เด็กทารกดูดขวดนม ส่วนมือบางอีกข้างที่โอบกอดเด็กน้อยอยู่ก็ลูบไล้แขนเล็กขาวเนียนของผิวเด็กอย่างแผ่วเบาด้วยความรักใคร่และหวงแหน“มีญ่า กินนมเก่งมากเลยค่ะป้าจันทร์” พราวมุกเอ่ยขึ้นมาพลางส่งยิ้มให้กับเด็กทารกวัยสามเดือนเพศหญิงมีญ่า เด็กทารกวัยสามเดือนแฝดพี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของพราวมุกกำลังดูดนมกินอย่างไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุดกินง่ายๆ“ใช่ค่ะ แต่คุณหนูมีอาไม่ค่อยกินเอาแต่นอน นอนเก่งมากๆ เลยค่ะ” จันทรัศม์ตอบกลับพลางมองไปที่เด็กทารกเพศหญิงแฝดน้องที
สามปีต่อมา@มหาวิทยาลัยร่างอรชรของพราวมุกสวมชุดครุยของนักศึกษาจบใหม่กำลังถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และอาจารย์ที่ปรึกษาในคณะกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขโดยมีนินิวเพื่อนสนิทของเธอยืนยิ้มหวานอยู่ข้างๆ พราวมุก บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยในตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วและเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขกับวันที่ดีของเหล่าบรรดานักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้ารับใบปริญญากันจบพิธีไปหมาดๆ เมื่อสักครู่นี้ หลังจากจบพิธีรับใบประกาศนียบัตร เหล่าบรรดานักศึกษาก็ออกมาถ่ายรูปกันตรงหน้าคณะของตัวเองหรือตามจุดต่างๆ ที่อาจารย์จัดเตรียมไว้ให้เพื่อให้ บัณฑิตและครอบครัวมีมุมถ่ายภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกใบหน้าหวานของพราวมุกถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงทำให้วันนี้หญิงสาวดูสวยหวานมากกว่าปกติ ส่วนนินิวก็แต่งหน้าสวยเข้มตามสไตล์สาวเปรี้ยวของเธอเองในขณะที่เหล่าบัณฑิตกำลังใช้เวลาร่วมกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้นก็มีรุ่นน้องในชุดนักศึกษาคนหนึ่งเดินตรงมาหาพราวมุกพร้อมกับเอ่ยทักทายหญิงสาว“พี่พราวมุกหรือเปล่าคะ”“ใช่จ้ะ” พราวมุกหันหน้าไปมองด้วยความสงสัยก่อนจะตอบกลับไป“พี่ตามหนูมาหน่อยได้ไหมคะ” เด็กสาวเอ่ย“มีอะไ
มาร์วินและพราวมุกคู่หมั้นป้ายแดงเดินในงานเลี้ยงฉลองที่มีแขกเหรื่อกำลังดื่มกินกันอยู่ ชายหญิงเดินจูงมือกันเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาเดินมาถึงตรงที่พงศ์ดนัยและลูกสาวทั้งสองคนที่ยืนถือแก้วแชมเปญอยู่ข้างๆ บิดา สายตาของพวกเธอดูอ่อนลงไปมากจากครั้งที่แล้วถึงมันจะไม่ได้ดูเป็นมิตรสักเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าพวกเธอจะเริ่มลดอคติกับพราวมุกลงไปบ้างแล้ว“ขอบคุณนะคะพี่กานพี่ภา ที่สละเวลามางานหมั้นของมุกกับพี่มาร์วิน” พราวมุกเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขา“อือ/อือ” ศิรประภาและศิรกานดายืนเม้มปากแน่นขานรับในลำคอด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนไม่รู้จะทำตัวยังไง ส่วนพราวมุกก็ยืนส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับพวกเธอทั้งสองคนจนศิรกานดาสบตากับพราวมุกก่อนที่เจ้าหล่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงละอายใจ“เธอไม่โกรธพวกฉันเลยหรือไง” “ไม่เลยค่ะ” พราวมุกตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ไว้เจอกันที่โรงพยาบาลนะคะพี่กานพี่ภา” “พราวมุก พวกฉันขอโทษนะที่เคยทำตัวไม่ดีกับเธอมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว” แฝดน้องอย่างศิรประภาเอ่ยต่อด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อพราวมุกอยู่เต็มอก“เรื่องมันผ่านมาแล้วค่ะมุกไม่เคยโกรธเคืองพวกพี่เลยสักนิด ต
หลายวันต่อมามาร์คอสและดารินทร์กลับมาจากต่างประเทศเมื่อวานนี้ สองสามีภรรยาไม่เห็นมาร์วินกับพราวมุกอยู่ที่คฤหาสน์จึงเดาได้ทันทีว่าทั้งสองคนต้องอยู่ที่เพนท์เฮาส์ของมาร์วินอย่างแน่นอน พวกเขาจึงโทรตามให้มาร์วินพาพราวมุกกลับมาที่คฤหาสน์เพราะดารินทร์กับสามีต้องการที่จะคุยกับพวกเขาเรื่องการหมั้นหมายพราวมุกเอาไว้ก่อนและพอหญิงสาวเรียนจบพวกเขาก็จะรีบจัดงานแต่งให้มาร์วินกับพราวมุกทันทีเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง มาร์วินเดินโอบไหล่แบบบางของพราวมุกเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ที่มีมาร์คอสและดารินทร์นั่งรอพวกเขาอยู่ตรงโซฟาใหญ่กลางห้อง“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” พราวมุกยกมือขึ้นมาไหว้มาร์คอสและดารินทร์พลางส่งยิ้มหวานไปให้พวกท่าน“สวัสดีจ้าลูกสาวคนสวยของแม่” มารดาตอบกลับ“มาร์วิน ลูกไม่คิดจะพาน้องกลับมาบ้านบ้างเลยหรือไง” มาร์คอสบ่นอุบ“ไม่ครับ” “ทำไม” บิดาเอ่ยถามต่อ“เอามาบ้านแล้วผมไม่ได้นอนกอดมุกอยู่ดี”“เฮ้ออ เอาล่ะๆ นั่งลงก่อน” สุดท้ายมาร์คอสก็ต้องยอมคนเอาแต่ใจอย่างมาร์วินเพราะเขาไม่อยากที่จะต่อล้อต่อเถียงให้มันมากความมาร์วินรั้งไหล่บางให้เดินมานั่งลงบนโซฟาใหญ่ตรงข้ามกับบิดามารดา “พ่อจะคุยกับมาร์วินเรื่
จากนั้นมือหนาของมาร์วินก็เลื่อนไปกำรอบท่อนเอ็นใหญ่เอาไว้ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาดันท่อนลำลึงค์เข้าไปในร่องสาวเปียกชุ่มจนสุดลำโคนพรวดเดียวจนปลายหัวหยักชนเข้ากับพนังมดลูกด้านในสุด ทำให้หญิงสาวที่กำลังหันหลังกระดกก้นงอนงามให้ชายหนุ่มอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความจุกเสียดพรวดดด“อ๊ะ! พี่มาร์วิน! เบาๆ หน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานร้องออกมาเสียงดัง“เจ็บเหรอมุก” มาร์วินเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล“จุกค่ะ”“พี่ขอโทษนะ แต่พี่ทนไม่ไหวจริงๆ”สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เอวหนาก็ดึงแท่งรักใหญ่ยาวออกมาจนเกือบหลุดและดันกลับเข้าไปจนปลายหัวลำลึงค์ชนเข้ากับมดลูกอีกครั้งหนึ่งตับ! “อึก!”มาร์วินเริ่มขยับเอวสอบเข้าออกอย่างหนักหน่วง เขาไม่รอให้หญิงสาวได้ปรับตัวก่อนเลยสักนิด ชายหนุ่มเลือดร้อนตอกอัดใส่รูเล็กรัวๆ จนร่างบางหัวสั่นหัวคลอนตับ! ตับ! ตับ! “อ๊ะ อ๊ะ อาา”“ซี๊ดด แน่นเหมือนเดิม อืออ”สองร่างครางกระเส่าใส่กันและเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง ร่องสวาทสาวบีบรัดท่อนเอ็นใหญ่รัวๆ ความเปียกแฉะนุ่มนิ่มภายในกายสาวทำให้ชายหนุ่มแทบจะทนไม่ไหว มือหนาจับตรึงเอวคอดกิ่งเอาไว้แน่น ปลายหัวหยักกระทุ้งมดลูกของหญิงสาวจนพราวมุกรู้สึกจุกเกร็ง
หลังจากที่มาร์วินและพราวมุกทานอาหารกันจนเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็รีบพาหญิงสาวกลับมาที่เพนท์เฮ้าส์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมาร์วินมีงานเอกสารที่ต้องสะสางนิดหน่อยเขาจึงขอตัวแยกไปห้องทำงานก่อน ส่วนพราวมุกก็เข้ามาในห้องนอนและตรงไปอาบน้ำชำระร่างกายทันทีจวบจนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ร่างอรชรสวมชุดนอนผ้าซาตินบางเบาสีดำแขนยาวขายาวก็ก้าวเดินออกจากห้องน้ำมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มาร์วินเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนสีดำเทาพอดี“เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ” มาร์วินก้าวเดินมากอดร่างเล็กไว้จากทางด้านหลัง“ค่ะ” “ตัวหอมจัง…เดี๋ยวพี่รีบไปอาบน้ำก่อนนะ”จุ๊บ!ชายหนุ่มร่างกำยำเอียงใบหน้าหล่อเหลาไปจูบลงบนแก้มขาวเนียนพร้อมกับสูดดมกลิ่นกายของ คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยความหลงใหลมาร์วินผละออกจากร่างเล็กและเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จวบจนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงร่างกำยำที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอวสอบเอาไว้ก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำ เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก พราวมุกที่กำลังนั่งเอนกายอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนใหญ่สีดำเทาก็หันหน้ามามองร่างกำยำที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆดวงตากลมโ