วันรุ่งขึ้น
ดารินทร์ มาร์คอสและพราวมุกนั่งประจำที่บนโต๊ะอาหารช่วงเช้าของวัน เช้านี้ป้าจันทร์เตรียมอาหารเช้าเป็นขนมปังปิ้ง ออมเล็ต เบคอนกับน้ำส้มคันไว้สี่ที่ แต่ก็เป็นอีกวันที่มาร์วินไม่ตื่นมาทานอาหารเช้าร่วมกับทุกคน
“ไปตามมาร์วินมาทานอาหารเช้าหน่อย” เสียงของมาดามบอกกับเหล่าคนใช้ที่ยืนเรียงรายอยู่ ทำให้สาวใช้คนหนึ่งก้มหัวให้มาดามหนึ่งครั้งก่อนจะตั้งท่าเตรียมเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน มุก..ไปตามพี่เขามาทานอาหารเช้าให้พ่อหน่อยได้ไหมลูก” มาร์คอสเอ่ยขึ้นมา
เพราะเรื่องเมื่อวานจึงทำให้เขาครุ่นคิดหาวิธีที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องดีขึ้นกว่านี้ เขาอยากให้มาร์วินรักและเอ็นดูพราวมุกเหมือนน้องแท้ๆ สักที
“เอ่ออ..ได้ค่ะคุณพ่อ”
พราวมุกในชุดนักศึกษาตอบกลับน้ำเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้และเดินตรงไปยังคฤหาสน์ส่วนตัวของมาร์วินอย่างรวดเร็ว
“มาทำอะไรครับคุณหนู” บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านเอ่ยถาม
“คุณพ่อให้มาตามพี่มาร์วินไปทานอาหารเช้าค่ะ คุณขึ้นไปตามเขาให้หน่อยได้ไหมคะ” พราวมุกตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“คุณหนูไปตามเองดีกว่านะครับ ผมขึ้นไปน่าจะโดนไล่ตะเพิดออกมาแน่ๆ” เขาก็ไม่กล้าที่จะไปปลุกเจ้านายของเขาเหมือนกันเพราะนอกจากโจฮันแล้วก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในคฤหาสน์ถ้าเจ้านายไม่ได้เรียกใช้เลยสักคน แล้วโจฮันก็เพิ่งจะพาคนออกไปดูพื้นที่เมื่อสักพักนี่เอง
“งะ..งั้นก็ได้ค่ะ”
ชายชุดดำเปิดประตูให้หญิงสาว พราวมุกก้าวเดินเข้าไปในคฤหาสน์ของมาร์วินอย่างกล้าๆ กลัวๆ การตกแต่งภายในที่ดูมืดหม่นมันบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของผู้อยู่อาศัยจริงๆ
“ขึ้นไปชั้นสองห้องที่สองขวามือนะครับ”
พราวมุกพยักหน้าให้บอดี้การ์ดเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินเข้ามาเรื่อยๆ และเดินขึ้นไปยังชั้นสอง เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาในบ้านของพี่ชายบุญธรรมหน้านิ่งเลย
ร่างแบบบางเดินมาจนถึงหน้าห้องที่บอดี้การ์ดคนนั้นบอกเอาไว้ เธอชั่งใจอยู่ชั่วครู่จากนั้นมือบางก็ยกขึ้นมาเคาะประตูห้องเสียงดัง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่มาร์วินคะ คุณพ่อให้มาตามไปทานอาหารเช้าค่ะ พี่มาร์วิน” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่ม แต่ทว่าก็ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาเลย พราวมุกจึงเคาะประตูห้องและตะโกนเรียกอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่มาร์วินคะ อยู่ไหมคะ”
เอาไงดีละเนี่ย
พราวมุกครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หากเธอกลับไปแล้วบอกว่าไม่รู้ว่าชายหนุ่มอยู่ที่ไหน มาร์วินก็คงจะโดนพ่อแม่ดุว่าอีกว่าไม่กลับบ้าน ฉะนั้นเธอก็ดูให้แน่ใจก่อนว่าชายหนุ่มอยู่หรือไม่อยู่จริงๆ
มือบางเอื้อมไปบิดลูกบิดประตูห้องนอนของชายหนุ่ม เธอพบว่ามันไม่ได้ล็อก ร่างบางถือวิสาวะเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที
ดวงตากลมโตมองไปที่เตียงนอนสีดำสนิทกลางห้อง เธอเห็นร่างกำยำท่อนบนเปลือยเปล่ากำลังนอนฟุบหน้าลงกับหมอนเผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างขาวเนียนโผล่พ้นผ้าห่มผืนใหญ่ออกมา
“พี่มาร์วินคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” หญิงสาวทำเป็นใจดีสู้เสือ
“พี่มาร์วิน” พราวมุกเรียกชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับมือบางเอื้อมไปสะกิดไหล่กว้างของชายหนุ่ม
สัญชาตญาณของชายหนุ่มเมื่อโดนรบกวนการนอนหลับ เขาจึงพลิกตัวหันหน้ากลับมาพร้อมกับดึงรั้งร่างเล็กลงมานอนบนเตียงพร้อมกับกอดรัดร่างเล็กเอาไว้
“กรี๊ดดดด ปล่อยนะพี่มาร์วิน” พราวมุกกรีดร้องเสียงดังเมื่อโดนกอดรัดอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอไม่เคยได้ใกล้ชิดกับผู้ชายมากขนาดนี้ กลิ่นหอมของร่างกำยำปะทะเข้ามาที่จมูกของหญิงสาว
“รำคาญ!!” มาร์วินตะโกนเสียงดังลั่นทั้งๆ ที่ดวงตาคมกริบยังคงหลับอยู่เหมือนเดิม
“พี่มาร์วินลืมตาขึ้นมาดูก่อนสิคะ นี่มุกเอง” พราวมุกยกมือขึ้นมาพยายามดันอกแกร่งเอาไว้ไม่ให้ใกล้ชิดเธอไปมากกว่านี้
มาร์วินไม่รอช้า เขาจับล็อกคอร่างแบบบางเอาไว้พร้อมกับประกบจูบลงริมฝีปากเรียวเล็กอย่างรวดเร็วด้วยสัญชาตญาณและความช่ำชอง
“อื้ออออ”
พราวมุกเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ อยู่ดีๆ เธอก็หูอื้อตาลายขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ เธอไม่เคยโดนจูบเลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา พราวมุกสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของริมฝีปากหยักหนาและกลิ่นสาบของบุรุศเพศ
ลิ้นสากร้อนค่อยๆ ส่งเข้าไปในโพรงปากเล็กแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมเปิดปากให้เขาได้เข้าไปล่วงล้ำ ชายหนุ่มรู้สึกขัดใจจึงขบกัดริมฝีปากล่างของร่างบางเบาๆ
หวานจัง ชายหนุ่มรู้สึกถึงความหอมหวานแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน
“อ๊ะ! อื้ออออ”
พราวมุกสะดุ้งโหยงเมื่อโดนจู่โจมอย่างหนัก ลิ้นร้อนส่งเข้ามาเกี่ยวพันลิ้นเรียวเล็กตวัดไปมาอย่างเอาแต่ใจ เขาตักตวงช่วงชิงความหวานของลิ้นเล็กจนหญิงสาวรู้สึกวูบวาบที่ท้องน้อย ใจดวงน้อยเต้นโครมครามแทบจะหลุดออกมาจากอก มือบางดันและทุบอกแกร่งรัวๆ เพื่อให้ชายหนุ่มได้สติ
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาวอย่างจาบจ้วง จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าอกหน้าใหญ่ที่ใหญ่เกินตัวของเธอ ลิ้นสากร้อนยังคงไล่ต้อนลิ้นเล็กอยู่ในอุ้งปาก ชายหนุ่มบีบเคล้นอกอวบอิ่มอย่างหื่นกระหาย นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวดีดดิ้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงผละออกจากริมฝีปากเล็ก ก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับลืมตาตื่นขึ้นมามองหญิงสาวตรงหน้า
“จะดิ้นทำไมหนักหนาวะ!!”
“พราวมุก..”
ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ เขาทำแบบนี้ก็เพราะความเคยชินตอนที่มีสาวๆ มานอนด้วยที่เพนท์เฮาส์ พอมีร่างกายสาวนุ่มนิ่มอยู่ข้างๆ กายตอนเช้าแบบนี้เขาก็ต้องจับพวกเธอกดเพื่อรีดน้ำออกให้สบายตัว แต่เขากลับหลงลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่เพนท์เฮาส์ของเขา
หญิงสาวรีบดันอกแกร่งออกจากร่างของเธอทันที ร่างบางรีบลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงพร้อมกับก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย
“เข้ามาทำไม” เสียงทุ้มมีเสน่ห์ของมาร์วินเอ่ยถาม
“คุณพ่อให้มาตามไปกินข้าวค่ะ พี่รีบลงไปนะคะพวกท่านรออยู่”
พูดจบพราวมุกไม่รอให้ชายหนุ่มตอบกลับ เธอรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
มาร์วินยันกายลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับยกมือหนาขึ้นมาขยี้ผมแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ความหวานล้ำยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากหนาของเขา กลิ่นหอมของกายสาวยังคงตลบอบอวลอยู่ภายในห้องนอนกับที่นอนของชายหนุ่ม
ท่อนเอ็นใหญ่ขยายพองตัวจนปวดไปทั้งลำอยู่ใต้ผ้าห่มสีดำเทา แล้วแบบนี้เขาจะลุกไปได้ยังไงละเนี่ย
ชายหนุ่มนั่งสงบอารมณ์อยู่ชั่วครู่ เมื่อท่อนเอ็นใหญ่เริ่มสงบลงเขาก็ลุกขึ้นเดินโทงเทงไปหยิบเสื้อยืดคอกลมสีดำกับกางเกงขายาวสีเข้ากันในห้องแต่งตัวขึ้นมาสวมใส่อย่างลวกๆ มาร์วินเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำอยู่สักพัก
มาร์วินเดินตรงมายังคฤหาสน์หลักใหญ่ของบิดาและมารดา เขารีบก้าวยาวๆ ไปที่ห้องอาหารอย่างรวดเร็ว เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าพราวมุกจะมีอาการยังไง
“มาแล้วเหรอลูก” ดารินทร์เอ่ย
มาร์วินเดินมาหยุดอยู่โต๊ะอาหารตัวใหญ่พลางตวัดสายตามองร่างเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าก้มหน้า
“รีบมานั่งกินมื้อเช้าด้วยกันเร็วๆ สิลูก” มารดาเร่งชายหนุ่มอีกครั้ง
ชายหนุ่มร่างกำยำไม่ตอบกลับอะไร มือหนาเอื้อมไปดึงเก้าอี้ข้างๆ พราวมุกเลื่อนออกมาและนั่งลงไปอย่างช้าๆ
“ขอกาแฟดำ” มาร์วินหันไปสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ค่ะนายท่าน” สาวใช้รีบเดินไปชงกาแฟดำให้กับเจ้านายหน้านิ่งทันที
“มุก ไปเรียนกี่โมงเหรอลูก” มาดามของบ้านเอ่ยขึ้นเสียงนุ่มนวล
“เก้าโมงค่ะแม่”
พราวมุกค่อยๆ หยิบมีดกับส้อมขึ้นมาหั่นเบคอนอย่างช้าๆ
“นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเอง” ดารินทร์มองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่
“รอฉันอาบน้ำก่อน เดี๋ยวออกไปพร้อมกัน” เสียงทุ้มทรงพลังของมาร์วินเอ่ยขึ้น
“คะ..ค่ะ”
หนึ่งปีต่อมาร่างอรชรของพราวมุกกำลังนั่งอุ้มเด็กทารกเพศหญิงวัยสามเดือนอยู่ในอ้อมแขนบนเตียงนอนใหญ่กลางห้องนอนในคฤหาสน์ส่วนตัวของมาร์วิน โดยมีป้าจันทร์นั่งอยู่ข้างๆ กำลังใช้มือเหี่ยวย่นโยกเปลนอนสีชมพูที่มีทารกเพศหญิงอีกหนึ่งคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ในเปล พราวมุกกับจันทรัศม์นั่งมองเด็กทารกแรกเกิดทั้งสองคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข มือบางของพราวมุกโอบกอดเด็กน้อยในอ้อมแขนที่กำลังดูดนมในขวดกินอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตากลมโตใสแป๋วของเด็กทารกมองหน้ามารดาของตัวเองในขณะที่กำลังดูดขวดนมกินอยู่ เหมือนกับว่าเด็กน้อยกำลังเริ่มจดจำใบหน้าของมารดาตัวเอง พราวมุกจับขวดนมให้เด็กทารกดูดขวดนม ส่วนมือบางอีกข้างที่โอบกอดเด็กน้อยอยู่ก็ลูบไล้แขนเล็กขาวเนียนของผิวเด็กอย่างแผ่วเบาด้วยความรักใคร่และหวงแหน“มีญ่า กินนมเก่งมากเลยค่ะป้าจันทร์” พราวมุกเอ่ยขึ้นมาพลางส่งยิ้มให้กับเด็กทารกวัยสามเดือนเพศหญิงมีญ่า เด็กทารกวัยสามเดือนแฝดพี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของพราวมุกกำลังดูดนมกินอย่างไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุดกินง่ายๆ“ใช่ค่ะ แต่คุณหนูมีอาไม่ค่อยกินเอาแต่นอน นอนเก่งมากๆ เลยค่ะ” จันทรัศม์ตอบกลับพลางมองไปที่เด็กทารกเพศหญิงแฝดน้องที
สามปีต่อมา@มหาวิทยาลัยร่างอรชรของพราวมุกสวมชุดครุยของนักศึกษาจบใหม่กำลังถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และอาจารย์ที่ปรึกษาในคณะกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขโดยมีนินิวเพื่อนสนิทของเธอยืนยิ้มหวานอยู่ข้างๆ พราวมุก บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยในตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วและเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขกับวันที่ดีของเหล่าบรรดานักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้ารับใบปริญญากันจบพิธีไปหมาดๆ เมื่อสักครู่นี้ หลังจากจบพิธีรับใบประกาศนียบัตร เหล่าบรรดานักศึกษาก็ออกมาถ่ายรูปกันตรงหน้าคณะของตัวเองหรือตามจุดต่างๆ ที่อาจารย์จัดเตรียมไว้ให้เพื่อให้ บัณฑิตและครอบครัวมีมุมถ่ายภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกใบหน้าหวานของพราวมุกถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงทำให้วันนี้หญิงสาวดูสวยหวานมากกว่าปกติ ส่วนนินิวก็แต่งหน้าสวยเข้มตามสไตล์สาวเปรี้ยวของเธอเองในขณะที่เหล่าบัณฑิตกำลังใช้เวลาร่วมกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้นก็มีรุ่นน้องในชุดนักศึกษาคนหนึ่งเดินตรงมาหาพราวมุกพร้อมกับเอ่ยทักทายหญิงสาว“พี่พราวมุกหรือเปล่าคะ”“ใช่จ้ะ” พราวมุกหันหน้าไปมองด้วยความสงสัยก่อนจะตอบกลับไป“พี่ตามหนูมาหน่อยได้ไหมคะ” เด็กสาวเอ่ย“มีอะไ
มาร์วินและพราวมุกคู่หมั้นป้ายแดงเดินในงานเลี้ยงฉลองที่มีแขกเหรื่อกำลังดื่มกินกันอยู่ ชายหญิงเดินจูงมือกันเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาเดินมาถึงตรงที่พงศ์ดนัยและลูกสาวทั้งสองคนที่ยืนถือแก้วแชมเปญอยู่ข้างๆ บิดา สายตาของพวกเธอดูอ่อนลงไปมากจากครั้งที่แล้วถึงมันจะไม่ได้ดูเป็นมิตรสักเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าพวกเธอจะเริ่มลดอคติกับพราวมุกลงไปบ้างแล้ว“ขอบคุณนะคะพี่กานพี่ภา ที่สละเวลามางานหมั้นของมุกกับพี่มาร์วิน” พราวมุกเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขา“อือ/อือ” ศิรประภาและศิรกานดายืนเม้มปากแน่นขานรับในลำคอด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนไม่รู้จะทำตัวยังไง ส่วนพราวมุกก็ยืนส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับพวกเธอทั้งสองคนจนศิรกานดาสบตากับพราวมุกก่อนที่เจ้าหล่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงละอายใจ“เธอไม่โกรธพวกฉันเลยหรือไง” “ไม่เลยค่ะ” พราวมุกตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ไว้เจอกันที่โรงพยาบาลนะคะพี่กานพี่ภา” “พราวมุก พวกฉันขอโทษนะที่เคยทำตัวไม่ดีกับเธอมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว” แฝดน้องอย่างศิรประภาเอ่ยต่อด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อพราวมุกอยู่เต็มอก“เรื่องมันผ่านมาแล้วค่ะมุกไม่เคยโกรธเคืองพวกพี่เลยสักนิด ต
หลายวันต่อมามาร์คอสและดารินทร์กลับมาจากต่างประเทศเมื่อวานนี้ สองสามีภรรยาไม่เห็นมาร์วินกับพราวมุกอยู่ที่คฤหาสน์จึงเดาได้ทันทีว่าทั้งสองคนต้องอยู่ที่เพนท์เฮาส์ของมาร์วินอย่างแน่นอน พวกเขาจึงโทรตามให้มาร์วินพาพราวมุกกลับมาที่คฤหาสน์เพราะดารินทร์กับสามีต้องการที่จะคุยกับพวกเขาเรื่องการหมั้นหมายพราวมุกเอาไว้ก่อนและพอหญิงสาวเรียนจบพวกเขาก็จะรีบจัดงานแต่งให้มาร์วินกับพราวมุกทันทีเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง มาร์วินเดินโอบไหล่แบบบางของพราวมุกเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ที่มีมาร์คอสและดารินทร์นั่งรอพวกเขาอยู่ตรงโซฟาใหญ่กลางห้อง“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” พราวมุกยกมือขึ้นมาไหว้มาร์คอสและดารินทร์พลางส่งยิ้มหวานไปให้พวกท่าน“สวัสดีจ้าลูกสาวคนสวยของแม่” มารดาตอบกลับ“มาร์วิน ลูกไม่คิดจะพาน้องกลับมาบ้านบ้างเลยหรือไง” มาร์คอสบ่นอุบ“ไม่ครับ” “ทำไม” บิดาเอ่ยถามต่อ“เอามาบ้านแล้วผมไม่ได้นอนกอดมุกอยู่ดี”“เฮ้ออ เอาล่ะๆ นั่งลงก่อน” สุดท้ายมาร์คอสก็ต้องยอมคนเอาแต่ใจอย่างมาร์วินเพราะเขาไม่อยากที่จะต่อล้อต่อเถียงให้มันมากความมาร์วินรั้งไหล่บางให้เดินมานั่งลงบนโซฟาใหญ่ตรงข้ามกับบิดามารดา “พ่อจะคุยกับมาร์วินเรื่
จากนั้นมือหนาของมาร์วินก็เลื่อนไปกำรอบท่อนเอ็นใหญ่เอาไว้ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาดันท่อนลำลึงค์เข้าไปในร่องสาวเปียกชุ่มจนสุดลำโคนพรวดเดียวจนปลายหัวหยักชนเข้ากับพนังมดลูกด้านในสุด ทำให้หญิงสาวที่กำลังหันหลังกระดกก้นงอนงามให้ชายหนุ่มอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความจุกเสียดพรวดดด“อ๊ะ! พี่มาร์วิน! เบาๆ หน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานร้องออกมาเสียงดัง“เจ็บเหรอมุก” มาร์วินเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล“จุกค่ะ”“พี่ขอโทษนะ แต่พี่ทนไม่ไหวจริงๆ”สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เอวหนาก็ดึงแท่งรักใหญ่ยาวออกมาจนเกือบหลุดและดันกลับเข้าไปจนปลายหัวลำลึงค์ชนเข้ากับมดลูกอีกครั้งหนึ่งตับ! “อึก!”มาร์วินเริ่มขยับเอวสอบเข้าออกอย่างหนักหน่วง เขาไม่รอให้หญิงสาวได้ปรับตัวก่อนเลยสักนิด ชายหนุ่มเลือดร้อนตอกอัดใส่รูเล็กรัวๆ จนร่างบางหัวสั่นหัวคลอนตับ! ตับ! ตับ! “อ๊ะ อ๊ะ อาา”“ซี๊ดด แน่นเหมือนเดิม อืออ”สองร่างครางกระเส่าใส่กันและเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง ร่องสวาทสาวบีบรัดท่อนเอ็นใหญ่รัวๆ ความเปียกแฉะนุ่มนิ่มภายในกายสาวทำให้ชายหนุ่มแทบจะทนไม่ไหว มือหนาจับตรึงเอวคอดกิ่งเอาไว้แน่น ปลายหัวหยักกระทุ้งมดลูกของหญิงสาวจนพราวมุกรู้สึกจุกเกร็ง
หลังจากที่มาร์วินและพราวมุกทานอาหารกันจนเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็รีบพาหญิงสาวกลับมาที่เพนท์เฮ้าส์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมาร์วินมีงานเอกสารที่ต้องสะสางนิดหน่อยเขาจึงขอตัวแยกไปห้องทำงานก่อน ส่วนพราวมุกก็เข้ามาในห้องนอนและตรงไปอาบน้ำชำระร่างกายทันทีจวบจนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ร่างอรชรสวมชุดนอนผ้าซาตินบางเบาสีดำแขนยาวขายาวก็ก้าวเดินออกจากห้องน้ำมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มาร์วินเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนสีดำเทาพอดี“เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ” มาร์วินก้าวเดินมากอดร่างเล็กไว้จากทางด้านหลัง“ค่ะ” “ตัวหอมจัง…เดี๋ยวพี่รีบไปอาบน้ำก่อนนะ”จุ๊บ!ชายหนุ่มร่างกำยำเอียงใบหน้าหล่อเหลาไปจูบลงบนแก้มขาวเนียนพร้อมกับสูดดมกลิ่นกายของ คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยความหลงใหลมาร์วินผละออกจากร่างเล็กและเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จวบจนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงร่างกำยำที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอวสอบเอาไว้ก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำ เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก พราวมุกที่กำลังนั่งเอนกายอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนใหญ่สีดำเทาก็หันหน้ามามองร่างกำยำที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆดวงตากลมโ