@ค่ายมวยเสมบดี
เสียงดังที่หน้าค่ายมวยทำให้นักมวยที่อยู่ในค่ายนั้นเริ่มพากันออกไปดู รวมถึงเสี่ยเสมเจ้าของค่ายด้วย
พอเดินออกไปก็เห็นผู้ใหญ่หลีพร้อมกับชาวบ้านจำนวนนึงยืนหน้าถมึงทึงกันอยู่ และในนั้นก็มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้ใหญ่หลีอยู่ในอาการที่ค่อนข้างสะบักสะบอม ไม่เว้นแม้แต่ลูกสมุน
"มีอะไรกันผู้ใหญ่ ถึงได้มาเสียงดังที่หน้าค่ายฉัน"
"เด็กในค่ายเสี่ยซ้อมลูกชายฉันปางตาย ฉันต้องการเอาเรื่องมัน!"
"หึหึ ใครล่ะ?"
"ไอ้เด็กที่ชื่อว่าไคนั่นน่ะ"
"อ๋อ"
ไคโรยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไร เพราะเสียงดังที่หน้าค่าย ก็ทำให้เขาออกมาดูเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น
"เข้าใจนะ ว่าเสี่ยเปิดค่ายมวย แต่การที่เด็กของเสี่ยมาซ้อมลูกชายของฉันแบบนี้ มันไม่ใช่เลยนะ"
"เป็นนักมวยซะเปล่า เค้าเรียนเอาไว้ป้องกันตัว ไม่ได้เรียนไว้เพื่อรังแกคนอื่น" คนที่มากับผู้ใหญ่หลีพูดขึ้น
"เข้าใจนะ ว่าผู้ใหญ่ก็รักลูกของผู้ใหญ่ แต่ลองฟังความทั้งสองฝ่ายก่อนไหม ฉันเองก็เชื่อว่าคนของฉัน ทำไปเพราะมีเหตุผล"
"เหตุผลอะไร เหตุผลที่ซ้อมคนปางตายมีด้วยรึเสี่ยเสม!" ผู้ใหญ่หลีพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
"ไคโร ไหนลองพูดซิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
เสี่ยเสมก็ไม่ใช่คนที่จะเข้าข้างคนของตัวเองโดยไม่ลืมหูลืมตาหรอก แต่ก็ไม่ได้อยากจะลงโทษโดยที่ไม่ถามไถ่ความเป็นมา เพราะถ้าคนของตัวเองไม่ได้ผิด และมันมีอะไรมากกว่านั้น ลูกชายของผู้ใหญ่ก็สมควรโดน
"ไอ้แหลมมันไปลวนลามแตงกวาแฟนผม ไปวุ่นวายที่ร้านของแม่แตงกวา ไปหาเรื่องจนลูกค้าไม่กล้ามานั่งกินข้าวครับ"
"อ๋อ ที่แท้ลูกชายผู้ใหญ่ก็เกเรก่อนนี่เอง"
"แล้วมันใช่เรื่อง ที่จะต้องมาซ้อมกันขนาดนี้ไหม"
"ผู้ใหญ่ก็น่าจะรู้ดีนะครับ ว่าลูกชายของผู้ใหญ่เกเรแค่ไหน ถามชาวบ้านในละแวกนี้ดูก็ได้ ทั้งเป็นอันธพาล ทั้งเกเรคนอื่น"
"ถึงยังไง เสี่ยก็คงต้องเข้าข้างคนของตัวเองอยู่แล้วสินะ"
"ถ้าคนของฉันผิดจริง ฉันก็จะลงโทษให้เอง แต่นี่คนของฉันไม่ได้เป็นคนเริ่ม ลูกชายของผู้ใหญ่ต่างหาก ที่เป็นคนมาล้ำเส้นก่อน ฉันเชื่อว่าคนของฉันไม่เคยหาเรื่องใครก่อนอยู่แล้ว"
"เฮอะ! เบื้องหน้าเปิดค่ายมวยขาวสะอาด แต่ลับหลังก็เลี้ยงนักเลงดีๆ นี่เอง"
"พูดดีๆ นะครับผู้ใหญ่ คนเค้าอยู่กันดีๆ มีแต่ลูกชายของผู้ใหญ่นั่นแหละที่เป็นอันธพาลหาเรื่องคนอื่น" สองพูดช่วยผู้เป็นพ่อ บอกว่าเสี่ยเสมเข้าข้างคนของตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ผิด เพราะไคโรไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน และมันก็ไม่แปลกที่คนในค่ายจะปกป้องเสี่ยเสมกลับ ไม่ใช่แค่ลูกชายอย่างสอง
"จะเอาก็ได้นะครับผู้ใหญ่ แต่นับดูดีๆ ว่าที่นี่มีตีนนักมวยกี่ตีน อยากนอนจมกองตีนก็เปิดมาครับ"
"ไอ้พวกเด็กนรก!"
"กลับไปเถอะผู้ใหญ่ อย่ามาเสียเวลาหาเรื่องให้ยากเลย ลูกของผู้ใหญ่ผิดก่อนเอง ผู้ใหญ่ควรจะสั่งสอนลูกตัวเองบ้างไม่ใช่ถือหางกันแบบนี้ แล้วก็อย่าคิดจะวัดกับคนอย่างฉัน ถ้าเส้นสายฉันไม่หนาจริง ฉันคงไม่เปิดค่ายมวยได้จนขนาดนี้หรอก เส้นสายกระจอกๆ อย่างผู้ใหญ่...มันอ่อน"
"ฮึ้ย! ไอ้แหลมกลับ กูฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึง!"
ผู้ใหญ่หลีเสียหน้าจนต้องรีบกลับ เพราะถูกหักหน้าต่อหน้าคนอื่น ความเป็นจริงเสี่ยเสมและผู้ใหญ่หลีก็ไม่ลงรอยกันมาสักพักแล้ว เรื่องอิทธิพลในพื้นที่แหละ เพราะต้องการวางอำนาจ เบ่งใส่ให้คนอื่นยอมก้มหัว แต่เสี่ยเสมไม่ได้กลัวและไม่ได้ยอม มันเลยเกิดการเขม่นกัน และไม่กินเส้นกันมาตั้งแต่ตอนนั้น
"ไค.."
"ครับ"
"ฉันว่านาย ควรเอาหนักกว่านี้นะ เบาไปนิดนึง รอบหน้าขอเป็นนอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้วกัน"
"ผมแค่สั่งสอนครับ"
"หึ! แค่สั่งสอน แต่น่วมเลย" สองพูดขึ้น
ทุกคนที่นี่ต่างรู้ฝีมือของไคโรเป็นอย่างดี เขาหมัดหนักมาก แค่สั่งสอนหรือแค่นิดๆ หน่อยๆ ก็ถือว่าหนักแล้วล่ะ ในสนามที่เขาลงแข่งขันจริงๆ มันหนักหน่วงมากกว่านี้อีก เขาแค่ต้องการสั่งสอนให้หลาบจำ ไม่ได้ต้องการทำร้ายใครหรือเอาชีวิตใคร แต่ถ้าเตือนแล้วไม่ยอมฟัง ครั้งต่อไปอาจไม่ใจดี
สาเหตุของเรื่องนี้ เป็นเพราะไอ้แหลมไม่ยอมเลิกยุ่ง และเริ่มลวนลามมากขึ้น วุ่นวายกับแตงกวาและแม่มากขึ้น เขาทำในฐานะแฟนคนนึง ที่อยากจะปกป้องแฟนของตัวเอง จากการถูกพวกอันธพาลเกเร
#เวลาต่อมา
#บ้านแตงกวา
"ห๊ะ!? ผู้ใหญ่ไปเอาเรื่องพี่เหรอ?"
"อืม.."
"แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง ลุงเสมว่ายังไง พี่โดนดุหรือเปล่า?"
"ไม่หรอก พี่ไม่ใช่คนเริ่มก่อนนี่ พี่บอกแค่ว่าพี่ปกป้องแฟนของพี่ จากลูกชายของผู้ใหญ่ที่มาเกเร"
"เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะฉันแท้ๆ ฉันขอโทษนะ พี่เลยต้องวุ่นวายเลย"
"ขอโทษทำไม เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย พี่ก็แค่ปกป้องแฟนของพี่เอง"
"ต่อไปฉันจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้นะ"
"ไอ้แหลมคงเข็ดไปสักพัก แต่ถ้าผู้ใหญ่ยังให้ท้ายลูกชายของตัวเองอยู่ พอมันหายดี มันก็คงกลับมาทำแบบเดิมอีก เผลอๆ คงหนักกว่าเดิม"
"ฉันจะพยายามไม่ยุ่งกับมันนะ"
"เสี่ยบอกว่า คราวหน้าถ้ามันมายุ่งอีก ก็เล่นให้มันนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปเลย"
"ฉันกลัวน่ะสิ ถ้าเรื่องถึงตำรวจขึ้นมา พี่เองนั่นแหละจะเดือดร้อน"
"อะไรมันก็ยอมกันได้นะ แต่เรื่องศักดิ์ศรี ผู้ชายมันยอมกันไม่ได้หรอก พี่ไม่ยอมให้ใครมาหยามพี่เด็ดขาด พี่ขอแค่แฟนของพี่ปลอดภัย พี่ก็พอใจแล้ว"
"พี่ไค.."
"หืม?"
แตงกวาโน้มหน้าลงไปจูบปากแฟนหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าของตัวเอง เธอไม่มีคำจะพูด ไม่รู้จะต้องพูดยังไง ทั้งดีใจ ทั้งตื้นตันกับความรักของเขาที่มีให้ ไม่รู้จะต้องตอบแทนยังไง มันถึงจะสาสมกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำให้
"ตะ แตงกวา"
"ฉันไม่รู้จะขอบคุณพี่ยังไง ฉันรักพี่นะ ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่มอบให้"
เธอจูบเขาแบบไม่เป็นเลย เพราะนี่เป็นจูบแรกของเธอ ที่ผ่านมามีแฟนก็จริง แต่ก็คุยกันแค่ออนไลน์เท่านั้น ไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวเลย
"มานี่มา"
"อุ๊บอื้อ!!"
คราวนี้แตงกวาถูกดึงเข้าไปจูบอีกครั้ง เป็นจูบที่มีการสอดใส่ลิ้นเข้ามาในปากของเธอ ก่อนที่เธอนั้นจะเผลอเอาลิ้นของตัวเองออกไปสัมผัสกับเขา มันเป็นของมันไปเอง เหมือนเป็นสัญชาตญาณอะไรซักอย่าง นี่น่ะเหรอ ที่เขาเรียกว่าจูบจริงๆ แบบที่ทำเมื่อกี้คงไม่ได้เรียกว่าจูบสินะ
"อื้อ..."
"อืม"
ทั้งสองจูบกันอยู่เนิ่นนาน จนร่างกายของแตงกวานั้นอ่อนระทวยไปหมดแล้ว เธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเขา แต่ถึงจะมีเธอก็ไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
ไคโรค่อยๆ ผละตัวออก ก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาของแฟนสาวเป็นการตบท้าย
"พี่รักแตงนะ"
"ฉันก็รักพี่นะ พี่ไค"
"ปากหวานจังเลย"
"อื้อ ไอ้พี่ไคบ้า อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันเขินนะ!"
"สงสัยพี่คงต้องพูดบ่อยๆ เราจะได้ไม่เขิน"
"บะ บ้า! จะมาพูดบ่อยทำไมเล่า"
"เป็นแฟนกัน บอกรักกัน ทำไมจะพูดบ่อยไม่ได้"
"กะ ก็ฉันเขินนี่"
"หึหึ หน้าแดงเชียว แต่ก็น่ารัก"
"....." นับวันเขายิ่งปากหวาน เธอเริ่มตามเขาไม่ทันแล้ว ไม่รู้ว่าไปหัดพูดจาเอาใจผู้หญิงแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเธอจะได้ยินบ่อย แต่ก็ใช่ว่าจะชิน
"เย็นนี้พี่ขออยู่กินข้าวเย็นด้วยคนสิ"
"เอาสิ อีกสักพักแม่ก็คงจะกลับมาแล้ว"
"งั้นพี่ขอเป็นลูกมือทำกับข้าวด้วยคนได้ป่าว?"
"เอาจริงดิพี่ไค พี่เคยทำอ่อ?"
"ก็เคยสิ ตอนอยู่คนเดียวนะ"
"แล้วอร่อยไหม?"
"ก็อร่อยน้อยกว่าฝีมือของแฟนพี่แหละ"
"หืม ปากหวาน"
"จูบแล้วนี่ หวานจริงมั้ย?"
"พี่ไค!"
"ฮ่ะฮ่ะ" เขาหัวเราะชอบใจ
"หยุดพูดเรื่องนี้เลยนะ ไม่งั้นฉันงอนจริงด้วย"
"ค้าบๆ ไม่พูดแล้ว"
@หนึ่งปีต่อมา “ยิ้มอะไร หืม ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตรงหน้า ที่นั่งอมยิ้มอยู่ไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจว่าเธอน่ะกำลังยิ้มเพราะเรื่องอะไรอยู่ แตงกวามองหน้าเจ้าของคำถามก่อนจะยิ้มให้เขาอีกครั้ง “พี่ยังจำเมื่อหลายปีก่อนได้ไหม ตอนที่พี่ไปชกมวยมาแล้วหน้าก็มีแต่แผลช้ำไปหมด ฉันก็ต้องมานั่งทำแผลให้พี่ ฉันคิดถึงตอนนั้นน่ะ” “จะว่าไป เวลามันก็ผ่านไปเร็วมากเลยนะ” “นั่นสิ ผ่านไปเร็วมากจริง ๆ” “ถ้ามันไม่เกิดเรื่องขึ้น พี่ก็คงชกมวยหาเงินอยู่ แล้วตอนนี้ก็คงนั่งให้แตงทายาให้อยู่ ไม่ใช่ทาครีมแบบนี้” “พอมาคิดดูแล้ว ฉันว่ามันก็ดี ( มั้ง ) พี่จะได้ไม่ต้องชกมวย หาเรื่องเจ็บตัวอีก” เธอเองก็ไม่แน่ใจกับประโยคที่ตัวเองพูด มันดีแต่ก็ดีไม่สุด มันแย่แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดีตรงที่เขาไม่ต้องเจ็บตัว แต่มันก็แย่เพราะเขาหายไปจากชีวิตเธอเป็นปี ๆ เลย “ทำไมต้องมั้งด้วย” “ฉันไม่แน่ใจ พี่ก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร” “พี่ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา” “เลิกขอโทษได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นแล้ว” เธอไม่ได้โกรธ เกลียด หรือรู้สึกแย่กับเขาแล้ว ที่พูดแบบนั้นก็เพราะมันคือเรื่องจริง มันอยู่ตรงกลางของความรู้สึกดีและแย่ และในเวลาเ
@หลายเดือนต่อมา หลังจากที่กลับจากญี่ปุ่นทั้งสองก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิมเหมือนที่เคยเป็น แม้จะเป็นคนมีเงิน แต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สบาย ๆ เธอก็เป็นแม่บ้านที่ทำหน้าที่ภรรยา ส่วนเขาก็ทำหน้าที่ของสามีที่มีหน้าที่ทำงานนอกบ้าน เหมือนจะดูไม่น่าตื่นเต้นอะไร หรือดูไม่มีสีสันของความสุข แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตที่สงบสุขแบบนี้แหละ มันคือความสุขที่สุดแล้ว “กลิ่นหอมมาแต่ไกลเลย วันนี้ภรรยาพี่ทำอะไรให้เหล่ากงกินน้า” ไคโรเอ่ยทักขึ้น เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารฝีมือภรรยา เล่นเอาชายหนุ่มที่หิ้วท้องรอกลับมากินข้าวตอนเย็นพร้อมภรรยาถึงกับท้องร้องโครก ๆ เลยทีเดียว“กลับมาละเหรอพี่ไค กับข้าวใกล้เสร็จแล้วค่ะ” แตงกวาหันมองผู้เป็นสามีแว๊บนึงก่อนจะรีบเตรียมอาหารต่อ ฟึ่บ ~ “แตงทำอาหารอยู่นะ เดี๋ยวแขนก็โดนเตาหรอก” “กอดเอวไม่ได้กอดเตานะ จะโดนได้ยังไงครับ” “จะเสร็จแล้วค่ะ พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิคะ ลงมาก็จะได้กินข้าวกัน หิวหรือเปล่า ?” “มาก ๆ ครับ วันนี้ประชุมทั้งวันเลย พี่ไม่ได้กินข้าวกลางวัน รอกลับมากินพร้อมกับภรรยาของพี่” “บอกแล้วไงคะว่าอย่าอด หิวให้กิน ไม่งั้นจะปวดท้อง” “ค้าบ จ
@เวลาต่อมา เกือบสามเดือนที่แตงกวาและไคโรได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ได้เที่ยวหลายที่ ได้พักผ่อน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ สำหรับเธอ และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนลืมไปเลยว่ามันผ่านไปกี่วันหรือเท่าไหร่แล้ว “ที่นี่หรือคะ ?” “ที่นี่แหละ” “สุสานที่นี่มัน..” “เป็นสุสานของตระกูลพี่เองแหละ ตามพี่มาสิ” ไคโรพาภรรยาสาวมาที่สุสานที่แม่ของเขาอยู่ ตามที่เคยบอกไว้ว่าจะมาเธอมา ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก็เจอกับป้ายชื่อของคนมากมายเรียงรายกันอยู่เป็นแถว จนกระทั่งถึงป้ายชื่อที่เขียนไว้เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า あいみい ( ไอมิเอะ ) และมีรูปของแม่เขาแปะอยู่ด้วย เธอจำได้เพราะไคโรเคยเอาให้ดูก่อนหน้าแล้ว แตงกวาเอาดอกไม้วางลงซ้อนกับดอกไม้สีขาวที่ถูกใครบางคนนำมาวางไว้ก่อนหน้านี้ เหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันครบรอบที่แม่ของไคโรจากไป “แม่พี่สวยมากเลยนะ” ท่านยังดูสาว ๆ อยู่เลย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะตอนที่ท่านจากไปยังอายุไม่มากเลย “ทั้งสวย แล้วก็ใจดีมากเลย” ไคโรตอบ เพราะผู้เป็นแม่จากไปตั้งแต่ที่เขายังเด็ก ๆ นั่นก็แปลว่าแม่ของเขายังสาวอยู่เลย แต่ต้องมาจากไปเพราะความรุนแรงที่เรียกว่า วงการมาเฟีย วงการนี้มันดำมืด มีแต่ความโหดร้าย รุนแร
@วันถัดมา - บ้านพักที่ญี่ปุ่น “ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยนะคะ” “ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ก็รู้ว่าฉันชอบบรรยากาศแบบนี้จะตายไป” “เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” “อื้อ” คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับสามี ที่นี่เป็นบ้านพักทั่ว ๆ ไปที่เธอคิดว่ามันก็คล้าย ๆ กันแทบทุกที่ แต่ก็แตกต่างกันไปตามจังหวัด ภูมิประเทศ บลา ๆ“ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ถามจัง บอกชอบก็คือชอบ” “หืม !! ” ถูกเขาหันกลับมาหยิกแก้มแบบแรงมาก ๆ เนื้อหลุดติดนิ้วไปแล้วมั้งนั่น “โอ๊ยเจ็บ” “พูดมากดีนัก” “เดี๋ยวเหอะ พี่ไค ! ” เธอและเขาเดินสำรวจห้องต่าง ๆ จนกระทั่งได้ถอดเสื้อผ้ามานอนแช่น้ำที่อ่างออนเซ็นด้วยกัน ด้านหน้าเป็นคล้ายกับภูเขาที่มีต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมด ไหนจะฝนที่กำลังตกพรำ ๆ อีกต่างหาก มันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ เลย “บรรยากาศดีจัง เฮ้อ สบายมาก อากาศเย็น ๆ ได้นอนแช่น้ำอุ่นดูภูเขาสวย ๆ มีความสุขที่สุด” นี่มันชีวิตที่เธอฝันถึงมาตลอดเลย ฝันว่าได้มีโอกาสมาเที่ยวต่างประเทศ ได้สัมผัสกับรสชาติของอากาศแบบนี้ ได้เข้าถึงอะไรแบบนี้ “พี่ว่าเราจะมีความสุขกันมากกว่านี้อีกนะ” “หือ..” เธอหันมองสามีที่พูดประโยคคลุมเครื
@ประเทศญี่ปุ่น "แต่ก่อนพี่อยู่ที่นี่เหรอ" แตงกวามองไปรอบ ๆ ตัวเอง บรรยากาศบ้านของไคโรที่ญี่ปุ่นมันดีมาก ๆ เลย ต้นไม้ บ้านเรือน ต่างจากบ้านของเธอลิบลับ แต่กลับเงียบสงบลมพัดเย็นสบาย ฝนตกพรำ ๆ ตลอดทั้งวันเลย "ใช่" คนที่ยืนกอดอกพิงกับขอบประตูอยู่ทางด้านหลังตอบ "อากาศดีจังเลย" เอามือยื่นออกไปรองน้ำฝนที่กำลังรินลงมาจากหลังคา "ระวังไม่สบายนะ อย่าออกไปตากฝน" "รู้แล้ว ๆ ฉันมันเด็กบ้านนอกเข้าเมืองนะ แค่นี้ไม่ทำให้ฉันเจ็บป่วยง่าย ๆ หรอก" "วันนี้อยากไปเที่ยวไหน ?" "อยากอยู่บ้าน..มากกว่าค่ะ" พูดจบก็มองไปข้างหน้าของตัวเอง ชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยจริง ๆ ต่างประเทศมันดีอย่างนี้เองสินะ ใครต่อใครถึงอยากมาเที่ยวกัน "คุณคิเรย์ คุณเอมิโกะ อาหารเช้าเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ" แม่บ้านของที่นี่เอ่ยขึ้น พ่อของไคโรเคยบอกเอาไว้ว่าคนที่นี่เขาจะเรียกชื่อของเธอในภาษาญี่ปุ่น เลยต้องมีชื่อนี้อีกเหมือนกัน ตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้เธอได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ในฐานะสะใภ้ของนายท่านเคย์จิ อนาคตนายหญิงของที่นี่ “หิวหรือยัง” ไคโรถาม “ไปกันเถอะค่ะ” เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา ได้แต่ยิ้มพ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งแตงกวากับไคโรนั้นแต่งงานกันมาได้ครึ่งปีแล้ว ทั้งสองยังอยู่ด้วยกันดี และแตงกวาก็ยังไม่ได้ปล่อยท้อง ใช้ชีวิตดั่งสามีภรรยาทั่ว ๆ ไป มีทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ตามประสาไคโรที่ชอบพูดจายียวนกวนโอ๊ยให้ต้องถูกด่า วันนี้ที่บ้านของแตงกวามีงานสำคัญ ที่ลูกสาวอย่างเธอนั้นจะไม่มาไม่ได้เลย นั่นก็คืองานกินดองผูกข้อไม้ข้อมือระหว่างแม่ของเธอและเสี่ยเสมบดีเจ้าของค่ายมวยที่ตามจีบกันมาตั้งนานนมเนแล้ว นี่ถ้าแม่ของเธอยอมตั้งแต่คราวนั้นนะ ป่านนี้คงได้มีน้องคลานตามกันออกมาคนสองคนแล้ว ชาวบ้านที่เป็นญาติกันก็ดี คนบ้านใกล้กันก็ดี ต่างก็มาร่วมงานตามประสาคนรู้จักกัน และก็ไม่ได้มีใครพูดไม่ดีถึงเรื่องงานผูกข้อไม้ข้อมือนี้ เพราะทั้งสองต่างก็เป็นหม้ายผัวตายเมียทิ้งด้วยกันทั้งนั้น รักกันชอบกันจะแต่งงานกันก็ไม่แปลก "เฮ้อ ในที่สุดเราสองคน ก็ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ แล้วสินะ" สองพูดอยู่ข้าง ๆ ขณะที่กำลังยืนมองญาติผู้ใหญ่ที่พากันต่อแถวเข้ามาผูกข้อมือให้กับบ่าวสาวอยู่ "เหลือพี่แล้วนะ" "อะไร ?" "เมื่อไหร่จะได้เมียกับเขา หรือว่าคิดจะครองโสดไม่ยอมถูกเปิดซิงไปตลอดชีวิต" "อะ อะ ไอ้แตง ห่านี่ ! มีอยู่แ