ไค ไคเรย์ นักมวยเถื่อนประจำค่ายมวยแห่งหนึ่ง เขาไร้ตัวตน ไม่มีที่มาที่ไป แต่หน้าตาดีและฝีมือเยี่ยม จึงได้เป็นนักมวยประจำค่ายที่ฝีมือดีที่สุด และการชกของเขาก็คือสังเวียนเถื่อน ที่เอาเงินมาวางเดิมพันกับชีวิตของคน ถ้ารอดก็ได้เงิน ถ้าแพ้ก็ตาย เขาไม่เคยคิดที่จะมีความรัก จนกระทั่งได้เจอกับเธอคนนี้ แตงกวา ลูกสาวแม่ค้าอาหารตามสั่ง เธอสวยหน้าตาดี และมีความสดใสตามวัย ความรักมันก่อเกิดขึ้น หลังจากที่เธอเริ่มมาส่งข้าวที่ค่ายมวยบ่อยขึ้น
View More...หนึ่งปีก่อนหน้านั้น
หญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้นกุดเดินก้าวเข้ามาในสนามมวย ความสวยของเธอมันเตะตาซะจนถูกมองเป็นจุดเดียวราวกับแสงไฟที่กำลังลอยมาในความมืด เธอเดินตรงไปยังชายคนนึงที่กำลังหันหลังยืนทำอะไรสักอย่างอยู่ ปลายนิ้วจิ้มสะกิดที่ไหล่ของชายคนนั้นให้หันมา และยื่นถุงกล่องข้าวที่เธอถือมาให้กับชายคนนั้นทันที
ฟึ่บ!!
"อ่ะ ข้าวกล่องที่สั่ง"
"อ้าว นึกว่ายังมาไม่ถึง"
"ถ้ายังมาไม่ถึงจะเห็นมั้ย ถามโง่ๆ"
"โอ้โหแตงกวา! มึงนี่ปากร้ายเหมือนเดิมเลยนะ สวยซะเปล่าพูดออกมาแต่ละคำกูนึกว่าป้าข้างบ้าน"
"อย่าปากดี เอาตังค์มาจะกลับแล้ว"
"เออๆ"
"คราวหน้าจะขึ้นราคารวมค่าส่งด้วยนะ"
"เอ้า ทำไมวะ นึกว่าส่งฟรี"
"เสียเวลาไง ร้อนก็ร้อนเนี่ย ถ้าผิวฉันดำกร้านขึ้นมารับผิดชอบได้หรือไง ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไร แทนที่จะไปนั่งกินที่ร้านเอง"
"บ่นกูเป็นแม่เลยนะแตงกวา เดี๋ยวกูจะบอกน้ากลอยว่ามึงปฏิบัติกับลูกค้าประจำแบบนี้"
"ไม่พอใจก็ไปกินร้านอื่นดิ ฉันจะได้บอกลุงเสมว่าพี่ติดสาวที่..อุ๊บ!!"
หญิงสาวถูกปิดปากแน่นจนเธอพูดไม่ได้อีก เพราะอีกฝ่ายนั้นไม่ยอมให้เธอพูด ขืนมีคนได้ยินแล้วเอาไปบอกพ่อตัวเองมีหวังเป็นเรื่องราวใหญ่โตแน่
"เออแม่ง มึงนี่ชนะกูได้ตลอดเลยนะ"
"แหงสิ สวยขนาดนี้" พูดจบก็เอามือสะบัดผมตัวเองแบบสวยๆ เชิ่ดๆ
"อะค่าข้าวสามสิบ ติ๊บยี่สิบ" เหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจให้ แต่ก็ต้องให้ เพราะต้องปิดปากเอาไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวเรื่องแดงขึ้นมาแน่
"แบบนี้ค่อยน่าคุยกันหน่อย"
"อย่าพูดไปเรื่อยนะมึง พ่อกูรู้ขึ้นมาเป็นเรื่องแน่ๆ"
"เออๆ รู้แล้ว"
*************
...แตงกวา สาวสวยที่สุดแล้วในย่านนี้ (มั้ง5555) เป็นลูกสาวเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง สวยเก่งแถมหุ่นดีใครๆ ก็ชอบ แต่เธอไม่ค่อยสนใจใครเท่าไร เคยมีแฟนมาเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร แค่คบผ่านๆ คุยเล่นๆ เบื่อกันก็เลิกแค่นั้น
ลูกค้าประจำของร้านเธอคือลูกชายของเจ้าของสนามมวยที่นี่ ถึงอายุจะห่างกันอยู่หลายปี แต่ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เธอยังเด็กๆ นับถือกันเหมือนพี่ชายคนนึง ถึงจะด่ากันทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็เถอะ
"แตงกวา!"
"???"
ร่างบางหยุดชะงัก ก่อนจะหันมองไปตามเสียงที่ดังขึ้นมา เธอเห็นเจ้าของเสียงแต่ยังงงเพราะไม่รู้ว่าเขาคือใครแล้วทำไมถึงรู้จักเธอ
"พี่เป็นใคร รู้จักฉันได้ไงอ่ะ?"
"เป็นเด็กในค่ายเนี่ยแหละ ก็เห็นเรามาส่งข้าวแทบทุกวัน"
"อ๋อ มีอะไรหรือเปล่า?"
"อ่า ถ้าพี่จะสั่งข้าว แล้วให้เอามาส่งพร้อมกับที่เอามาแทบทุกวันด้วยเลย จะได้หรือเปล่า?"
"มันก็ได้สิ จะเอาอะไรกินอะไรโทรไปสั่งแม่ฉันไว้ก็แล้วกัน แล้วก็บอกว่าจะให้เอามาส่งที่ไหน เดี๋ยวฉันเอามาส่งเอง"
"ครับ"
เธอมองเขาก่อนจะแบมือขออะไรสักอย่างจากเขา เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับงงกับการกระทำของเธอ
"อะไรเหรอ?"
"เอาโทรศัพท์มาสิ ฉันจะพิมพ์เบอร์ร้านไว้ให้ แล้วก็บันทึกไว้เอง อยากกินอะไรก็โทรไปสั่ง แต่ร้านหยุดทุกวันพุธนะ"
"อ๋อ ได้ครับๆ"
"พี่มาใหม่หรือไง ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลย"
"เปล่าหรอก มาอยู่ได้สักพักแล้วล่ะ แค่ไม่ค่อยได้ออกมาเพ่นพ่านก็เท่านั้นเอง"
"อ้อ.."
"เอ้า! นึกว่ากลับไปซะแล้ว ยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?" พี่ชายที่เธอเอาข้าวไปส่งให้ก่อนหน้านี้ทักทายขึ้น เพราะเห็นเธอยังยืนอยู่ที่หน้าค่าย
"คุยกับลูกค้าน่ะ"
"อย่าเผลอไปโดดกัดคอเขาเข้าล่ะ"
"ไอ้บ้า! ฉันไม่ใช่หมานะ!"
"ฮ่ะฮ่ะ นายเองก็ระวังนะ พิษแรงนะบอกก่อน อย่าเผลอโดนกัดเข้าล่ะ"
"อะ ไอ้พี่สอง! เดี๋ยวเถอะนะ!"
"ฮ่ะฮ่ะ"
"หัวเราะอะไร มันน่าตลกขนาดนั้นเลยหรือไง?"
"ปะ เปล่า ก็เห็นว่ามันน่ารักดี"
"ว่าแต่พี่ชื่อไรอ่ะ"
"ไค"
"ก็พี่ไง ฉันถามว่าพี่ชื่ออะไร ยังจะมาถามอีกว่าใคร"
"ก็ไคไง"
"ห๊ะ?"
"ไค พี่ชื่อไค ไม่ได้พูดว่าใคร ไคที่เป็นสระไอไม้มลาย แล้วก็คอควาย"
"หึ้ย! หลอกด่าป่ะเนี่ย"
"เปล่าๆ ก็แค่อธิบายไง กลัวเราไม่เข้าใจน่ะ"
"อือๆ ไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่มั้ย ฉันจะกลับแล้ว ออกมานานเดี๋ยวแม่บ่น"
"ครับ ไม่มีอะไรแล้ว"
แตงกวาคว้ารถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของตัวเองแล้วบิดกลับไป เธอต้องไปช่วยงานแม่ที่ร้านต่อ ถึงร้านจะไม่ได้ใหญ่โตแต่ลูกค้าก็แน่นร้านอยู่ทุกวัน
**********
...เวลาต่อมา
เอี๊ยด!!
"น้องแตงจ๋า..."
รถมอเตอร์ไซค์ของเธอนั้นเบรคกะทันหัน จะไม่เบรคก็ไม่ได้ เพราะมันมีคนมายืนขวางหน้ารถของเธอ จะชนให้แม่งขาหักแขนหักไปเดี๋ยวก็เป็นเรื่องเป็นราว ทำให้แม่ของเธอหนักใจไปอีก
"หลีกไปดิ๊ จะมาขวางทำห่าอะไร"
"พูดดีๆ กับพี่หน่อยสิ"
"ทำไมต้องพูดดี กับพวกอันธพาลแบบพวกมึง"
"แหมน้องแตง แบบนั้นมันก็พูดเกินไป พวกพี่ออกแนวนักเลงก็จริง แต่ก็ไม่เคยเป็นอันธพาลไปรังแกคนอื่นนะ"
"จะหลีกไปดีๆ มั้ย ไม่งั้นชนนะ"
"ถ้าจะชน ขอหัวใจของเรามาชนกันได้หรือเปล่า"
"ฮิ้วว!!~"
"แหวะ!!"
"ไปดูหนังกับพี่มั้ย เดี๋ยวออกค่าตั๋วให้ แล้วเดี๋ยวพาไปกินไอติมด้วย"
"หลีกไป..." แตงกวาพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง คนกำลังอารมณ์ดีแท้ๆ กลับต้องมาอารมณ์เสียเพราะไอ้พวกนี้ซะได้
"ไม่เอาแบบนี้สิน้องแตง ดับรถแล้วคุยกับพี่ก่อนนะ"
"อ๊ะ!? มึงเอากุญแจรถกูคืนมาเดี๋ยวนี้!"
อันธพาลยังไงมันก็ยังเป็นอันธพาลอยู่วันยังค่ำสินะ รังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิง ถึงจะปฏิเสธว่าแบบนี้ไม่ใช่การรังแก แต่มันจะไปต่างอะไรกันล่ะ
"พูดกับพี่ดีๆ ก่อน"
"....."
"อะๆ ขอแค่น้องแตงกวา ยอมไปดูหนังกับพี่ เดี๋ยวพี่คืนกุญแจรถให้เดี๋ยวนี้เลย"
สีหน้าของมันยังคงกวนอารมณ์ของเธอไม่หยุด เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย เกลียดการกระทำแบบนี้มากด้วยซ้ำ
"ขอร้อง อย่าทำแบบนี้" พยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุดแล้ว ถึงในใจมันจะร้อนระอุแล้วก็เถอะ
"ว้าวๆ ๆ น้องแตงกวาขอร้องพี่เหรอเนี่ย"
"จะคืนดีๆ มั้ย ถามเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่พูดดี"
"พี่ก็บอกแล้วไง ว่าให้ตกลงไปเที่ยวกับพี่ก่อน แล้วพี่จะคืนกุญแจให้"
"ไอ้เวรนี่! กวนอารมณ์สักจริงเลย หมั่นไส้ว่ะ!!"
โป๊ก!!
"โอ๊ย!!"
ถึงจะอายุมากกว่า แถมเป็นลูกหลานคนใหญ่โตในหมู่บ้าน แต่เธอก็ไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้นหรอก มาทำตัวแบบนี้เธอไม่ถีบตกข้างถนนก็บุญเท่าไหร่แล้ว ตบหัวแค่นี้ก็แค่การเตือนแหละ
"อีแตง!"
"เฮ้ยๆ มีเรื่องอะไรกัน?"
"จำเอาไว้เลยนะ สักวันกูจะเอามึงมาทำเมียให้ได้!"
มันพูดแค่นั้นก่อนที่จะทิ้งกุญแจรถแล้วออกไปพร้อมกับพวกลูกสมุน รีบพากันขับรถออกไปราวกับว่าคนที่เข้ามาใหม่นั้นดูน่ากลัวมากๆ
น่ากลัวเหรอ? ไม่นะ หล่อจะตายไป เป็นพี่ชายที่เธอเจอในค่ายมวยเมื่อตอนกลางวัน พี่ไค
"เป็นอะไรหรือเปล่า?"
"ไม่เป็นอะไร ขอบคุณนะ"
"แล้วนี่ไปไหนมา ทำไมกลับบ้านเอาค่ำเลย"
"ไปตลาดมา"
"อ๋อ..."
"แล้วมาทำอะไรแถวนี้?"
"มาวิ่งออกกำลังกายน่ะ ใกล้จะได้ขึ้นชกแล้ว ต้องวอร์มร่างกายเอาไว้ ช่วงนี้ฝึกหนักเลย"
"อ่อ..."
"พี่ไปส่งมั้ย"
"จะไปยังไง พี่วิ่งมาไม่ใช่หรือไง"
"ก็ใช่ไง เดี๋ยวพี่วิ่งตามรถไป ส่วนเราก็ขับมอเตอร์ไซค์ไป ดีออกพี่จะได้ออกกำลังกายด้วย"
"......" เธอไม่รู้จะปฏิเสธยังไง นอกจากพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเดินไปขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไป ถึงจะขี่อยู่ในความเร็วปกติของเธอ ซึ่งไม่ใช่คนขับรถเร็วอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังวิ่งเร็วตีคู่มากับรถของเธอได้ ดูสภาพเหมือนคนไม่เหนื่อยเลย
"ซ่าเหมือนกันนะเรา ไปหาเรื่องไอ้พวกนั้นน่ะ"
"เปล่านะ พวกมันมาหาเรื่องฉันก่อนต่างหาก แล้วใครจะไปยอมให้พวกมันมารังแกล่ะ"
"ผู้ชายทั้งกลุ่ม ตัวเองเป็นผู้หญิงคนเดียว ไม่กลัวบ้างหรือไง"
"พวกมันนักเลงปอดแหก มีอะไรให้กลัวล่ะ ตบให้หัวคว่ำเลย"
"หึหึ เก่งดีนะเราเนี่ย ดูไม่กลัวอะไรเลย"
"ก็...ไม่รู้สิ ทำไมต้องไปกลัวพวกอันธพาลพวกนั้นด้วยล่ะ ยิ่งกลัวพวกมันยิ่งได้ใจ"
"ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้บ้าง เราเป็นผู้หญิง"
"......"
เธอขี่รถมาเรื่อยๆ พร้อมกับเขาที่วิ่งตีคู่กับรถมอเตอร์ไซค์ของเธอมา ไม่นานนักก็มาถึงทางแยก ซึ่งมันเป็นทางแยกที่เธอต้องแยกกับเขา เพราะมันคนละทางกันเลย
"ใกล้ถึงบ้านแล้ว ขับรถดีๆ ล่ะ"
"อื้อ ขอบคุณนะที่มาช่วยเมื่อกี้ แล้วก็ขอบคุณที่วิ่งมาเป็นเพื่อน"
"อื้ม คราวหน้าก็ระวังตัวด้วย"
"งั้น...เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาข้าวไปส่งให้ เอ่อ...ไม่คิดตังค์นะ ถือว่าเป็นคำขอบคุณ อยากกินอะไรล่ะ?"
"อะไรก็ได้ พี่ไม่เรื่องมากหรอก"
"โอเคๆ เดี๋ยวทำไปให้"
"ขอบคุณครับ"
เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้สนิทกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะรู้จักกันเพียงวันเดียว ปกติเธอไม่ค่อยสุงสิงกับใครสักเท่าไร และคนที่เธอสนิทด้วย พูดคุยด้วยมากๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ น้อยนักที่เธอจะคุยเล่นหรือคุยกับคนที่เพิ่งจะรู้จักนานๆ
ดูเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ กลับกัน ดูเหมือนคนซื่อๆ ด้วยซ้ำ สวนทางกับหน้าตา แล้วก็หุ่นของเขาเลยแฮะ
สมกับเป็นนักมวย หน้าตาก็ดี แถมหุ่นก็ดีอีกต่างหาก ถ้าได้มาเป็นแฟนก็คงดีไม่น้อยเลยล่ะ แต่มันก็เป็นเรื่องของอนาคต ยังไม่เคยมีแฟนเป็นนักมวยเลยสักครั้งเลย สงสัยต้องลองบ้างแล้ว
@หนึ่งปีต่อมา “ยิ้มอะไร หืม ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตรงหน้า ที่นั่งอมยิ้มอยู่ไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจว่าเธอน่ะกำลังยิ้มเพราะเรื่องอะไรอยู่ แตงกวามองหน้าเจ้าของคำถามก่อนจะยิ้มให้เขาอีกครั้ง “พี่ยังจำเมื่อหลายปีก่อนได้ไหม ตอนที่พี่ไปชกมวยมาแล้วหน้าก็มีแต่แผลช้ำไปหมด ฉันก็ต้องมานั่งทำแผลให้พี่ ฉันคิดถึงตอนนั้นน่ะ” “จะว่าไป เวลามันก็ผ่านไปเร็วมากเลยนะ” “นั่นสิ ผ่านไปเร็วมากจริง ๆ” “ถ้ามันไม่เกิดเรื่องขึ้น พี่ก็คงชกมวยหาเงินอยู่ แล้วตอนนี้ก็คงนั่งให้แตงทายาให้อยู่ ไม่ใช่ทาครีมแบบนี้” “พอมาคิดดูแล้ว ฉันว่ามันก็ดี ( มั้ง ) พี่จะได้ไม่ต้องชกมวย หาเรื่องเจ็บตัวอีก” เธอเองก็ไม่แน่ใจกับประโยคที่ตัวเองพูด มันดีแต่ก็ดีไม่สุด มันแย่แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดีตรงที่เขาไม่ต้องเจ็บตัว แต่มันก็แย่เพราะเขาหายไปจากชีวิตเธอเป็นปี ๆ เลย “ทำไมต้องมั้งด้วย” “ฉันไม่แน่ใจ พี่ก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร” “พี่ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา” “เลิกขอโทษได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นแล้ว” เธอไม่ได้โกรธ เกลียด หรือรู้สึกแย่กับเขาแล้ว ที่พูดแบบนั้นก็เพราะมันคือเรื่องจริง มันอยู่ตรงกลางของความรู้สึกดีและแย่ และในเวลาเ
@หลายเดือนต่อมา หลังจากที่กลับจากญี่ปุ่นทั้งสองก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิมเหมือนที่เคยเป็น แม้จะเป็นคนมีเงิน แต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สบาย ๆ เธอก็เป็นแม่บ้านที่ทำหน้าที่ภรรยา ส่วนเขาก็ทำหน้าที่ของสามีที่มีหน้าที่ทำงานนอกบ้าน เหมือนจะดูไม่น่าตื่นเต้นอะไร หรือดูไม่มีสีสันของความสุข แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตที่สงบสุขแบบนี้แหละ มันคือความสุขที่สุดแล้ว “กลิ่นหอมมาแต่ไกลเลย วันนี้ภรรยาพี่ทำอะไรให้เหล่ากงกินน้า” ไคโรเอ่ยทักขึ้น เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารฝีมือภรรยา เล่นเอาชายหนุ่มที่หิ้วท้องรอกลับมากินข้าวตอนเย็นพร้อมภรรยาถึงกับท้องร้องโครก ๆ เลยทีเดียว“กลับมาละเหรอพี่ไค กับข้าวใกล้เสร็จแล้วค่ะ” แตงกวาหันมองผู้เป็นสามีแว๊บนึงก่อนจะรีบเตรียมอาหารต่อ ฟึ่บ ~ “แตงทำอาหารอยู่นะ เดี๋ยวแขนก็โดนเตาหรอก” “กอดเอวไม่ได้กอดเตานะ จะโดนได้ยังไงครับ” “จะเสร็จแล้วค่ะ พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิคะ ลงมาก็จะได้กินข้าวกัน หิวหรือเปล่า ?” “มาก ๆ ครับ วันนี้ประชุมทั้งวันเลย พี่ไม่ได้กินข้าวกลางวัน รอกลับมากินพร้อมกับภรรยาของพี่” “บอกแล้วไงคะว่าอย่าอด หิวให้กิน ไม่งั้นจะปวดท้อง” “ค้าบ จ
@เวลาต่อมา เกือบสามเดือนที่แตงกวาและไคโรได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ได้เที่ยวหลายที่ ได้พักผ่อน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ สำหรับเธอ และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนลืมไปเลยว่ามันผ่านไปกี่วันหรือเท่าไหร่แล้ว “ที่นี่หรือคะ ?” “ที่นี่แหละ” “สุสานที่นี่มัน..” “เป็นสุสานของตระกูลพี่เองแหละ ตามพี่มาสิ” ไคโรพาภรรยาสาวมาที่สุสานที่แม่ของเขาอยู่ ตามที่เคยบอกไว้ว่าจะมาเธอมา ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก็เจอกับป้ายชื่อของคนมากมายเรียงรายกันอยู่เป็นแถว จนกระทั่งถึงป้ายชื่อที่เขียนไว้เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า あいみい ( ไอมิเอะ ) และมีรูปของแม่เขาแปะอยู่ด้วย เธอจำได้เพราะไคโรเคยเอาให้ดูก่อนหน้าแล้ว แตงกวาเอาดอกไม้วางลงซ้อนกับดอกไม้สีขาวที่ถูกใครบางคนนำมาวางไว้ก่อนหน้านี้ เหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันครบรอบที่แม่ของไคโรจากไป “แม่พี่สวยมากเลยนะ” ท่านยังดูสาว ๆ อยู่เลย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะตอนที่ท่านจากไปยังอายุไม่มากเลย “ทั้งสวย แล้วก็ใจดีมากเลย” ไคโรตอบ เพราะผู้เป็นแม่จากไปตั้งแต่ที่เขายังเด็ก ๆ นั่นก็แปลว่าแม่ของเขายังสาวอยู่เลย แต่ต้องมาจากไปเพราะความรุนแรงที่เรียกว่า วงการมาเฟีย วงการนี้มันดำมืด มีแต่ความโหดร้าย รุนแร
@วันถัดมา - บ้านพักที่ญี่ปุ่น “ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยนะคะ” “ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ก็รู้ว่าฉันชอบบรรยากาศแบบนี้จะตายไป” “เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” “อื้อ” คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับสามี ที่นี่เป็นบ้านพักทั่ว ๆ ไปที่เธอคิดว่ามันก็คล้าย ๆ กันแทบทุกที่ แต่ก็แตกต่างกันไปตามจังหวัด ภูมิประเทศ บลา ๆ“ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ถามจัง บอกชอบก็คือชอบ” “หืม !! ” ถูกเขาหันกลับมาหยิกแก้มแบบแรงมาก ๆ เนื้อหลุดติดนิ้วไปแล้วมั้งนั่น “โอ๊ยเจ็บ” “พูดมากดีนัก” “เดี๋ยวเหอะ พี่ไค ! ” เธอและเขาเดินสำรวจห้องต่าง ๆ จนกระทั่งได้ถอดเสื้อผ้ามานอนแช่น้ำที่อ่างออนเซ็นด้วยกัน ด้านหน้าเป็นคล้ายกับภูเขาที่มีต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมด ไหนจะฝนที่กำลังตกพรำ ๆ อีกต่างหาก มันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ เลย “บรรยากาศดีจัง เฮ้อ สบายมาก อากาศเย็น ๆ ได้นอนแช่น้ำอุ่นดูภูเขาสวย ๆ มีความสุขที่สุด” นี่มันชีวิตที่เธอฝันถึงมาตลอดเลย ฝันว่าได้มีโอกาสมาเที่ยวต่างประเทศ ได้สัมผัสกับรสชาติของอากาศแบบนี้ ได้เข้าถึงอะไรแบบนี้ “พี่ว่าเราจะมีความสุขกันมากกว่านี้อีกนะ” “หือ..” เธอหันมองสามีที่พูดประโยคคลุมเครื
@ประเทศญี่ปุ่น "แต่ก่อนพี่อยู่ที่นี่เหรอ" แตงกวามองไปรอบ ๆ ตัวเอง บรรยากาศบ้านของไคโรที่ญี่ปุ่นมันดีมาก ๆ เลย ต้นไม้ บ้านเรือน ต่างจากบ้านของเธอลิบลับ แต่กลับเงียบสงบลมพัดเย็นสบาย ฝนตกพรำ ๆ ตลอดทั้งวันเลย "ใช่" คนที่ยืนกอดอกพิงกับขอบประตูอยู่ทางด้านหลังตอบ "อากาศดีจังเลย" เอามือยื่นออกไปรองน้ำฝนที่กำลังรินลงมาจากหลังคา "ระวังไม่สบายนะ อย่าออกไปตากฝน" "รู้แล้ว ๆ ฉันมันเด็กบ้านนอกเข้าเมืองนะ แค่นี้ไม่ทำให้ฉันเจ็บป่วยง่าย ๆ หรอก" "วันนี้อยากไปเที่ยวไหน ?" "อยากอยู่บ้าน..มากกว่าค่ะ" พูดจบก็มองไปข้างหน้าของตัวเอง ชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยจริง ๆ ต่างประเทศมันดีอย่างนี้เองสินะ ใครต่อใครถึงอยากมาเที่ยวกัน "คุณคิเรย์ คุณเอมิโกะ อาหารเช้าเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ" แม่บ้านของที่นี่เอ่ยขึ้น พ่อของไคโรเคยบอกเอาไว้ว่าคนที่นี่เขาจะเรียกชื่อของเธอในภาษาญี่ปุ่น เลยต้องมีชื่อนี้อีกเหมือนกัน ตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้เธอได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ในฐานะสะใภ้ของนายท่านเคย์จิ อนาคตนายหญิงของที่นี่ “หิวหรือยัง” ไคโรถาม “ไปกันเถอะค่ะ” เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา ได้แต่ยิ้มพ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งแตงกวากับไคโรนั้นแต่งงานกันมาได้ครึ่งปีแล้ว ทั้งสองยังอยู่ด้วยกันดี และแตงกวาก็ยังไม่ได้ปล่อยท้อง ใช้ชีวิตดั่งสามีภรรยาทั่ว ๆ ไป มีทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ตามประสาไคโรที่ชอบพูดจายียวนกวนโอ๊ยให้ต้องถูกด่า วันนี้ที่บ้านของแตงกวามีงานสำคัญ ที่ลูกสาวอย่างเธอนั้นจะไม่มาไม่ได้เลย นั่นก็คืองานกินดองผูกข้อไม้ข้อมือระหว่างแม่ของเธอและเสี่ยเสมบดีเจ้าของค่ายมวยที่ตามจีบกันมาตั้งนานนมเนแล้ว นี่ถ้าแม่ของเธอยอมตั้งแต่คราวนั้นนะ ป่านนี้คงได้มีน้องคลานตามกันออกมาคนสองคนแล้ว ชาวบ้านที่เป็นญาติกันก็ดี คนบ้านใกล้กันก็ดี ต่างก็มาร่วมงานตามประสาคนรู้จักกัน และก็ไม่ได้มีใครพูดไม่ดีถึงเรื่องงานผูกข้อไม้ข้อมือนี้ เพราะทั้งสองต่างก็เป็นหม้ายผัวตายเมียทิ้งด้วยกันทั้งนั้น รักกันชอบกันจะแต่งงานกันก็ไม่แปลก "เฮ้อ ในที่สุดเราสองคน ก็ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ แล้วสินะ" สองพูดอยู่ข้าง ๆ ขณะที่กำลังยืนมองญาติผู้ใหญ่ที่พากันต่อแถวเข้ามาผูกข้อมือให้กับบ่าวสาวอยู่ "เหลือพี่แล้วนะ" "อะไร ?" "เมื่อไหร่จะได้เมียกับเขา หรือว่าคิดจะครองโสดไม่ยอมถูกเปิดซิงไปตลอดชีวิต" "อะ อะ ไอ้แตง ห่านี่ ! มีอยู่แ
Comments