เมียเด็กหมอมาเฟีย

เมียเด็กหมอมาเฟีย

last updateTerakhir Diperbarui : 2025-10-24
Bahasa: Thai
goodnovel18goodnovel
Belum ada penilaian
36Bab
539Dibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

"เมื่อไหร่จะหยุดอ่อยพี่สักที หนูก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบเด็ก" "ปากบอกไม่ชอบเด็ก...แต่กระแทกจี้เต็มแรงเลยนะคะพี่หมอ"

Lihat lebih banyak

Bab 1

บทที่ 1

หญิงสาวใบหน้าสวยหวาน ดวงตาโต ผมยาวสีน้ำตาลเข้ามัดผมอย่างลวกๆ เธออยู่ในชุดกางเกงยีนสั้นสีน้ำเงิน หน้าอกใหญ่เกินตัวถูกบดบังด้วยเสื้อโอเวอร์ไซต์สีน้ำตาลไหม้ที่เจ้าตัวชอบใส่เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของบรรดาเสือ สิงห์ทั้งหลาย มือหนึ่งกำลังลากกระเป๋ากระสอบใบใหญ่ขึ้นไปยังห้องของเธอซึ่งอยู่ชั้นห้า

แฮ่กๆๆๆๆๆๆ

Rrrrr

ควักเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ขณะที่เจ้าตัวยังอยู่ตรงชั้นพักบันได ไอ้ลิฟต์เจ้ากรรมก็ดันมาเสียเอาวันที่สินค้ามาส่งเสียนี่ สุดท้ายจารวีต้องลงไปเอาพร้อมกับลากมันขึ้นมาด้วยอย่างยากลำบาก หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อว่ามีใครโทรเข้ามา ก่อนที่นิ้วเรียวจะกดรับสาย

“จ้ะแม่”

(ทำอะไรอยู่ลูก)

“จี้ลงมาเอาของน่ะแม่”

(หยุดไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มาหาแม่บ้างล่ะ)

ปลายสายส่งเสียงตัดพ้อ ทำให้จารวีถอนหายใจแรงพร้อมกับทิ้งถุงแสนหนักอึ้งลงบนพื้น

“งั้นแม่มาหาจี้ที่หอเถอะ เดี๋ยวจี้โอนค่าแท็กซี่ให้”

(ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้วันเกิดคุณท่าน เขาถามหาลูกด้วยนะ)

ปลายสายพูดเสียงเบา ทำไมจารวีจะไม่รู้ว่าแม่คงแอบมาคุยข้างนอกเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน

“แต่จี้ไม่อยากไปเหยียบบ้านนั้นแม่ก็รู้” จารวีตอบตามตรง “แม่ออกมาเถอะ จี้เลี้ยงดูแม่ได้ ตอนนี้จี้ขายของออนไลน์พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง”

(แล้วพ่อล่ะ จี้ไม่ห่วงพ่อบ้างหรือไง ท่านจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพวกเรา)

ทุกครั้งที่ชวนแม่ออกมาอยู่ข้างนอก แม่จะหยิบยกเรื่องนี้มาอ้างตลอด

“คุณท่านเขามีครอบครัวแล้ว เราคือส่วนเกินนะแม่”

จารวีพูดย้ำ เธอเชื่อว่าต่อให้มีพวกเธออยู่ พ่อของเธอก็อยู่ที่บ้านหลังนั้นได้

ตั้งแต่เด็กจนโตจารวีถูกทุกคนกล่าวหาว่าเป็นลูกเมียน้อยมาโดยตลอด ในตอนนั้นเธอไม่เคยเข้าใจความหมายพวกนี้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แต่พอโตขึ้นเธอเข้าใจแล้วว่ามันความรักรูปแบบหนึ่ง แต่มันผิดศีลธรรมของศาสนาที่ถือคติผัวเดียวเมียเดียว

(ฮึก แม่ขอโทษที่ทำให้จี้ลำบากใจ ฮึก)

ปลายสายสะอื้นเสียงสั่น เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่จารวีหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แม่ของเธอก็จะบีบน้ำตาจนจารวียอมใจอ่อนทุกครั้งไป

“งั้นก็ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวอีกชั่วโมงจี้ไปหา แต่จี้ขอไม่อยู่ที่นั่นนานนะคะ”

(จ้ะๆ เดี๋ยวแม่บอกคุณท่านให้นะว่าลูกจะมา ท่านคงดีใจที่ได้เจอหน้าลูก)

จารวีถอนหายใจยาวเมื่อวางสายไปแล้ว ก่อนที่เธอจะกลับมาลากกระเป๋ากระสอบขึ้นไปเก็บบนห้องให้แล้วเสร็จ

จารวี จันทร์จิระสกุลกาล หรือ จี้ ในวัยยี่สิบปี หญิงสาวตัวเล็กสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซน ดวงกลมโตที่เป็นเอกลักษณ์ ผมยาวหน้าม้าย้อมผมสีน้ำตาลดูน่ารักราวกับตุ๊กตา ใครจะรู้ว่าภายใต้นามสกุลดังเธอเป็นเพียงลูกนอกสมรสเท่านั้นเอง

เพราะจารวีเติบโตมากับคำดูถูก มันทำให้เด็กสาวคนนึงโตมาอย่างแข็งแกร่งและทนกับคำดูถูกพวกนั้นได้ดี เธอมีความฝันว่าอยากจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆกันสองคนแม่ลูก เพราะมีความฝันอันยิ่งใหญ่ทำให้จารวีต้องต่อสู้ทำงานตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย พอจบมอปลายเธอก็ย้ายออกมาอยู่ที่หอพักเพื่อตัดความรำคาญของสองแม่ลูกคู่นั้น

“เฮ้อ...สงสัยต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่อีกแล้วสินะ”

เสียงแหลมเล็กของใครบางคนทำให้จารวีต้องหยุดชะงักฟัง

“แต่งตัวอย่างกับเด็กใจแตก สงสารแต่พ่อเรานั่นแหละ อุตส่าห์เสียเงินเสียทองส่งมันเรียนแท้ๆ”

คุยกันอยู่สองคนแต่ในการสนทนาจารวีรู้ได้ทันทีว่าสองแม่ลูกกำลังพูดแขวะเธออยู่ ด้วยนิสัยไม่ยอมใครทำให้เธอตัดสินใจที่จะแวะทักทาย สองแม่ลูกเสียหน่อย

“สวัสดีค่ะคุณนายฟ้ารุ่งกับคุณฟ้าใส ไม่เจอกันนาน ปากยังเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย”

จารวีเอ่ยทักสองแม่ลูกที่นั่งเม้าท์อยู่ตรงโซฟา ทำเอาคนทั้งคู่ถึงกับย่นคิ้ว

“กูก็นึกว่าเสนียดจะหลุดออกจากบ้านกูไปแล้ว นี่อะไรอยู่ๆก็โผล่มา เงินหมดหรือยังไง หรือว่าท้องไม่มีพ่อต้องซมซานกลับบ้าน บอกเลยว่ากูไม่เอาหรอกนะ”

คุณนายฟ้ารุ่งพูดพร้อมกับเชิดหน้าปรายตามองคนที่เธอแสนชัง เด็กอะไรไร้มารยาทสิ้นดี

“คุณนายดูละครหลังข่าวมากเกินไปหรือเปล่าคะ เพลาๆ บ้างนะคะจี้เป็นห่วง”

จารวีเอามือกอดอก ก็รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายไม่ชอบหน้าแต่จะให้เธออยู่เฉยๆ โดนด่าฟรีๆ ก็คงไม่ใช่จารวี

“อีจี้มึงด่าแม่กูเหรอ”

ฟ้าใสที่ได้ยินก็ลุกขึ้นด้วยความเดือดดาล ก่อนจะชี้หน้าคนที่ยืนไม่รู้ร้อนรู้หนาว จารวีเบะปากคว่ำกลอกตาขึ้นบน ก็เพราะแบบนี้ไงเธอถึงไม่อยากมาเหยียบที่นี่เลย

“จำได้ว่าไม่มีคำไหนด่าแม่ของคุณเลยนะคะ ถ้ามีหูไว้ขั้น 'สมอง' อย่างเดียว จี้ว่าไม้แคะหูอันละไม่กี่บาทก็คงซื้อได้”

“กรี๊ด อีจี้ อีเวรตะไล”

“แม่ขอได้ไหมจี้ อย่ามีเรื่องกับพวกเขาเลย พ่อรู้จะลำบากใจซะเปล่าๆ นะ”

ดวงใจเอ่ยกับลูกสาวหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปะทะคารมสองแม่ลูกนั้นเสร็จ สุดท้ายแล้วก็เป็นดวงใจที่ต้องเข้าไปห้ามศึกไม่ให้เรื่องมันบานปลายก่อนสามีของเธอจะกลับมา

ตอนนี้ทั้งสองมาคุยกันที่เรือนหลังเล็กซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหลังใหญ่ บ้านไม้สองชั้นที่จารวีอยู่มาแต่อ้อนแต่ออกบัดนี้เริ่มทรุดโทรมไม่ได้รับการรีโนเวทเลย รอบบ้านรายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่เจ้าของเรือนตั้งใจปลูกให้ร่มรื่น บ้านช่องดูสะอาดสะอ้านตาเพราะเจ้าของดูแลเรือนเป็นอย่างดี

“แม่ห่วงแต่ความรู้สึกพ่อ แล้วจี้ล่ะ...แม่เห็นเป็นห่วงความรู้สึกของจี้บ้างหรือเปล่า”

เพราะอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นอยู่ทำให้จารวีเผลอขึ้นเสียงใส่มารดา ทว่าดวงใจไม่ได้โกรธเคืองลูกสาวเลยหนำซ้ำยังคว้ามือเล็กมากุมไว้

“แม่ขอโทษที่ทำให้จี้ลำบากใจนะ แต่แค่เวลานี้เท่านั้น ลูกช่วยมาที่บ้านบ่อยๆ ให้คุณท่านเห็นหน้าได้ไหมลูก”

ดวงใจพูดเกลี้ยกล่อม ขอเพียงแค่ช่วงนี้เท่านั้นที่เธออยากให้จารวีกลับบ้าน ท่าทางของจารวีเองก็ลำบากใจ เธอไม่อยากมาที่นี่ให้ใครมาเหยียบย้ำศักดิ์ศรีเธออีกแล้ว

“ทำไมแม่อยากให้จี้มาที่นี่คะ แม่ก็รู้ว่าจี้ไม่ชอบให้ใครมาดูถูก ลำพังแค่สิบกว่าปีที่ทนมามันยังไม่พออีกหรือไง”

หญิงสาวพูดอย่างเหลืออด ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ว่าทำไมแม่ถึงต้องทนอยู่ให้คนอื่นมาเหยียบย้ำศักดิ์ศรีถึงเพียงนี้ หากนั่นคือความรักของแม่มันไม่ควรเอาเธอมาเกี่ยวข้อง เธออายุยี่สิบปีบรรลุนิติภาวะแล้ว จารวีควรชีวิตเป็นของเธอเอง

“จี้ฟังแม่นะ”

“...”

“พ่อของเรากำลังจะตาย”

หญิงวัยกลางคนน้ำตาคลอเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ อันที่จริงเธอรู้มาได้สักพักแล้วว่าสามีกำลังป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย แม้นว่าพฤกษ์สามีของเธอจะขอไม่ให้บอกใคร แต่เธอก็ต้องบอกเรื่องนี้ให้จารวีได้รับรู้

แม้ว่าภายนอกพฤกษ์จะดูแข็งแรงแต่นั่นมันก็แค่การแสดงละครเพื่อไม่ให้ทุกคนขวัญเสียเพราะกำลังจะขาดหัวเรือใหญ่ไป ร่างกายที่เคยมีกล้ามเนื้อเหลือเพียงแต่กระดูก ทว่าคุณนายฟ้ารุ่งผู้เป็นภรรยากลับมองข้ามเรื่องนี้ไป อีกฝ่ายเป็นเมียตบเมียแต่งที่เขาไม่ได้รัก ส่วนคนที่รักกลับมีฐานะต่ำต้อยจนมิอาจจะอยู่ร่วมกัน สุดท้ายคนเห็นแก่ตัวนั้นก็คือพฤกษ์ที่ยังรั้งให้ดวงใจอยู่กับเขาจนถึงวันนี้

“มะ แม่ว่าไงนะ”

ดวงใจถอนหายใจแรงก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องอาการป่วยของสามี ขณะที่จารวีได้ฟังเธอก็รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยว่าคนที่รักษาสุขภาพตัวเองมาโดยตลอดกลับป่วยหนักขึ้นมาดื้อๆ

“แม่ขอล่ะจี้ ฮึก ถือว่าทำบุญเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้”

ดวงใจพูดขอร้องลูกสาวเสียงสะอื้น เมื่อนึกถึงเรื่องการป่วยของสามี จารวีเห็นผู้เป็นแม่เสียใจก็อดที่จะเข้าไปปลอบเสียมิได้ เธอรู้ว่าดวงใจรักสามีของเธอมาก ก็เหมือนที่เธอก็รักพ่อของเธอมากเช่นกัน

“จี้จะพยายามแล้วกัน”

ทางด้านอีกฝั่งเจ้าของดวงตาคมกริบ ใบหน้าคมคราม คิ้วดก ริมฝีปากหนา กำลังเอานิ้วเคาะที่โต๊ะพร้อมกับจ้องมองเอกสารตรงหน้า เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือหรูเป็นพักๆ ก่อนจะตัดสินใจปิดแฟ้มงานลงพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ราคาแพงคว้าเอาเสื้อกาวน์สีขาวแล้วรีบเดินออกไปจากห้องอย่างรีบเร่ง

“คนไข้ของผมวันนี้หมดแล้วใช่ไหมครับ”

ภวินท์เดินออกมาถามกับธเนศ เลขาหน้าห้องที่เขาจ้างมาดูแลทั้งงานโรงพยาบาลและงานอื่นๆ ชายหนุ่มกวาดตาที่จอโน้ตบุ๊กมั่นใจแล้วว่าวันนี้คงไม่มีเคสด่วนเข้ามากะทันหันจึงเอ่ยกับนายออกไป

“ครับ...แต่ว่าวันนี้คุณวินมีนัดทานข้าวกับคุณไมเคิลตอนสองทุ่มที่ร้านอาหาร XXX นะครับ”

ธเนศพูดบอกเจ้านาย ก่อนที่ร่างสูงจะพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปขึ้นรถที่มาจอดรออยู่ที่หน้าตึกทำงานของเขาแล้ว

ภวินท์ พิพัฒน์ชานนท์ หรือที่ใครๆ เรียกเขาว่า หมอวิน ลูกเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ ทว่าเบื้องหลังกลับเปิดรักษาให้บรรดาพวกมาเฟีย กอบโกยรายได้เดือนๆ หนึ่งมากกว่าการเปิดโรงพยาบาลหลายสิบเท่า

“มาเที่ยวทำไมทำหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะไอ้วิน”

ไมเคิลเอ่ยถามภวินท์หลังจากที่ลอบสังเกตว่าหมอหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งย่านกลางกรุง ไมเคิลเป็นคนอังกฤษและเป็นหมอเหมือนกับวิน เขาตัดสินใจลาพักร้อนเพื่อมาเที่ยวที่ไทยเพราะเห็นรีวิวในเพจต่างๆ ว่าเมืองไทยเป็นประเทศที่น่าเที่ยวมีแหล่งท่องเที่ยวเกือบทุกจังหวัด

“ไม่ให้เครียดได้ไงวะ แม่กูบอกว่า ถ้ากูไม่แต่งงานภายในปีนี้ เขาจะเลือกเจ้าสาวให้กูเอง”

ไมเคิลที่กำลังยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแทบสำลัก ดวงตาสีน้ำทะเลมองเพื่อนร่างสูงด้วยความไม่เข้าใจในความหมาย ทำไมแม่ของภวินท์ต้องบังคับให้เขาแต่งงานทั้งที่เขาไม่ได้เต็มใจ

“ทำไมเป็นงั้น”

“ก็บ่นอยากเห็นกูสร้างครอบครัว แต่ไม่ถามความคิดเห็นกูสักคำ”

“กูไม่เข้าใจ ประเทศนี้ยังมีการคลุมถุงชนอีกงั้นเหรอ?”

ไมเคิลเอ่ยถามไม่อยากเชื่อหู ประเพณีที่แสนคร่ำครึใช่ว่าประเทศของตัวเองจะไม่มี มันหมดยุคหมดสมัยการคลุมถุงชนไปนานแล้ว

“ไม่มีแล้ว”

“งั้นจะแคร์ทำไมวะ มึงไม่ทำตามซะอย่าง”

ก็จริงอย่างที่ไมเคิลพูด ภวินท์ไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมีใคร แต่ตอนนี้สิ่งที่ภวินท์สนใจอย่างเดียวก็คือการทำงาน เขายังสนุกกับชีวิตโสด แต่เขาก็ไม่อยากให้ผู้เป็นแม่เสียใจ

“แต่กูไม่อยากเห็นเขาเสียใจ”

“งั้นก็แค่ใช่เงินตัดสินปัญหาสิวะ”

ไมเคิลออกความคิดพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ขณะที่ภวินท์มีสีหน้าเรียบนิ่ง คิดอยู่ชั่วครู่ เขารู้ว่าที่ไมเคิลพูดมาเมื่อสักครู่หมายความว่าอย่างไร

“น่าสนใจ”
Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Bab Lainnya
Tidak ada komentar
36 Bab
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status