เช้าวันใหม่...วันพฤหัสบดีที่ค่อนข้างมัวหม่น ท้องฟ้าอึมครึมด้วยเมฆสีคล้ำ
อรนุชรู้สึกเบื่อและเซ็งจนไม่มีแรงจะลุกจากเตียงนอนเพื่อไปโรงเรียนเลย
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะอรนุช” เธออวยพรวันเกิดให้ตัวเองอย่างนึกตลกขบขัน ขณะลงมือเช็ดรอยคราบเลือดที่หยดเปื้อนเต็มพื้นกระเบื้องเย็นเยือบตั้งแต่ประตูห้องนอนของแม่ จึงถึงประตูหน้าบ้าน
“วันเกิดปีนี้ของฉันก็คงจะต้อง...อยู่คนเดียวเหมือนเดิม เหมือนปีที่แล้วนั่นแหละ”
เธอจำได้ไม่ลืมเลยล่ะ วันเกิดของเธอเมื่อปีที่แล้ว เธอได้ของขวัญชิ้นใหญ่เป็นพ่อเลี้ยงตัวใหญ่กล้ามโต ผู้ชายที่แม่หิ้วเข้าบ้านมาอย่างภาคภูมิใจและหลงใหลคลั่งไคล้จนโงหัวไม่ขึ้น หลังจากเลิกรากับพ่อของเธอได้สามเดือนกว่าๆเท่านั้น แม่ผู้มูฟออนไวราวแสง
ดูเหมือนแม่จะเป็นชู้กับลุงช้าง ก่อนที่แม่จะหย่ากับพ่อของเธอนะ ส่วนพ่อของเธอน่ะเหรอ ตอนนี้ก็มีเมียใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมียสาวรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวของตัวเองนั่นล่ะ ต่างฝ่ายต่างวิ่งหาความสุขให้ตัวเองโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“อ่า.. เลือดออกเยอะเชียว ท่าทางจะหนักนะเนี่ย จะเป็นไรมากมั้ยนะ?”
เธอยอมรับว่าแอบกังวลนิดหน่อย เพราะพ่อเลี้ยงกล้ามโตไม่ยอมส่งข่าวมาบอกเลยว่าอาการของแม่เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากหอบหิ้วแบบทุลักทุเลกันออกไปโรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา...
“ทำไมไม่โทรมาเลย” เขาควรจะโทรมาบอกเธอบ้างนะ แต่โทรศัพท์ของเธอไม่ได้สัญญาณจากเขาเลย “จะปล่อยให้เราเป็นห่วงแบบนี้เหรอ ใจดำชะมัด หรือเห็นเราไม่มีความหมายอะไร เป็นแค่คนใช้งี้เหรอ???”
“อ้าวหนูอร...ยังไม่ไปโรงเรียนเหรอ??”
เสียงทักจากด้านหลังทำเธอสะดุ้งโหยง ตกใจหันขวับไปมองคนที่เธอกำลังนินทาอยู่..
“อุ๊ย ลุงช้าง! ตกใจหมดเลย!”
เขาโผล่มาด้วยสีหน้าท่าทางไร้กังวล สายตาพราวระยิบเหมือนมีเรื่องชอบใจอีกต่างหาก !
พ่อเลี้ยงกลับมาที่บ้านเพียงลำพัง พร้อมกับแจ้งข่าวสำคัญ...
“ทำไมยังไม่ไปเรียน”
เขาถามย้ำ
“เอ่อ รอฟังข่าวแม่อยู่ค่ะ ตกลงเป็นไงคะ แม่เป็นอะไรมากรึเปล่า” แต่ดูจากสีหน้าท่าทางของเขา เดาได้ว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว
“แม่ของหนูท้องได้สองเดือนละ”
“โอว งั้นเลือดก็...แท้งหรือคะ???”
“เปล่า แค่ตกเลือดนิดหน่อย แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วล่ะ หมอให้นอนพักโรงพยาบาลก่อนสักสองสามคืน เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิดน่ะ”
งั้นก็แสดงว่าของขวัญวันเกิดปีนี้ของเธอก็คือแม่ท้องลูกใหม่สินะ มันช่างเป็นอะไรที่เซอร์ไพรซ์สุดๆ และมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเข้าไปทุกที
เมื่อไหร่ก็ตามที่แม่มีลูกใหม่กับพ่อเลี้ยง แม่จะต้องรักหลงและเอาใจใส่ลูกคนใหม่จนลืมลูกสาวคนโตอย่างเธอไปเลยล่ะ เธอควรเริ่มมองหาเส้นทางชีวิตใหม่ได้แล้วนะ การออกจากบ้านไปใช้ชีวิตตามลำพังน่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะกับเธอมากที่สุดแล้วล่ะ
“ฉันขอโทษด้วย ฉันเลวเอง” เธอสตาร์ตเครื่อง ออกรถอย่างช้าๆ แต่ไม่ทันจะออกจากลานจอดรถดี เธอต้องเบรกกะทันหันเพราะชายหนุ่มเข้ามายืนขวางหน้ารถไว้เสียก่อน “อะไรของเขาอีก”ชายหนุ่มเดินมาเคาะกระจกรถสองสามครั้ง หญิงสาวทำใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนกระจกลงอย่างเสียมิได้“จะไปไหน”“กลับบ้านสิคะ จะไปไหนได้”“ลงจากรถ ลงมา อย่าดื้อ แล้วไปทำงานเดี๋ยวนี้”“คุณไล่ฉันออกแล้วนะ จำไม่ได้หรือคะ”“ฮึ่มม ผมพูดสักคำรึยังว่าไล่ออก อย่าคิดไปเองสิ ลงจากรถเดี๋ยวนี้ อย่าให้ต้องพูดมาก เร็ว!!”“ไม่ค่ะ ฉันขอปฏิเสธ ฉันจะไม่เป็นเลขาคุณ” ไม่เด็ดขาด...เขาก้มหน้าลงมา จ้องเธออย่างเอาเรื่อง “คุณโกรธอะไรผม?”เธอหัวเราะนิดๆ แอบเจ็บกับคำถามของเขา...“ฉันจะไปโกรธอะไรคุณ คุณไม่ได้ทำผิดอะไรนี่นา”“ถ้าไม่ได้โกรธ แล้วทำไมทำหน้าบึ้งตึงใส่ผม ทำไมไม่ยอมเป็นเลขาให้ผม ทำไม...”“ก็แล้วทำไมคุณไม่กลับขึ้นไปทำงานล่ะคะท่านซีอีโอ ไปสิคะ อย่าเอาชื่อเสียงมาแปดเปื้อนเพราะคนอย่างฉันเลยค่ะ มันไม่คุ้มหรอก”ลืมเธอไปซะที..“ใครบอกไม่คุ้ม” เขายิ้มหน้าดุ “อยู่กับผมเถอะ แล้วคุณจะให้คุณทุกอย่าง”“ในฐานะอะไรคะ”“เลขา”“เลขาอย่างฉันต้องทำอะไรบ้างคะ เอากับเ
“ฮะแฮ่ม!” วิษณุทำเก๊ก ก้มหน้านิดๆแล้วยิ้มมุมปาก ไม่รู้ฟ้าเป็นใจรึเปล่า ที่อยู่ๆคนที่หนีไปก็มาปรากฏตัวตรงหน้า ในฐานะลูกจ้างที่ถูดจัดสรรมาให้โดยผู้ช่วยแสนดีของเขา“คุณเล็กค่ะ นี่เพ็ญนภา เลขาที่ดิฉันรับเข้ามา เอาเป็นว่าให้เธอทำงานในตำแหน่งเลขาไปพลางๆก่อนก็แล้วกัน จนกว่าคุณจะหาเลขาคนใหม่ได้”ใช่แล้ว เขาคิดจะปลดเลขาคนใหม่ไปทำงานในแผนกอื่น แล้วจัดการหาเลขาด้วยตัวเอง เขาต้องการสัมภาษณ์และคัดเลือกด้วยตัวเอง“ฉันจะเอาแฟ้มคนที่สมัครทั้งหมดมา...”“ไม่เป็นไร” เขาพูดแทรกอย่างเร็ว “คุณศรีไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวผมจะสั่งงานเธอหน่อย”อรุณศรีหน้าเหวอ งง ไม่เข้าใจเจ้านาย ตอนเช้ายังอาละวาดบอกว่าไมต้องการเลขาคนนี้ เพราะเขาต้องการหาคนทำงานที่เข้ามือตัวเองมากที่สุด แต่พอตอนนี้กลับเปลี่ยนท่าทีเป็นคนละคนอรุณศรีไม่ได้ถามอะไรเจ้านายหนุ่มต่อ เธอออกจากห้องไปตามคำสั่งของเจ้านาย เธอมั่นใจว่าเพ็ญนภาเก่งพอจะรับมือกับเจ้านายอารมณ์แปรปรวนได้ประตูห้องปิดสนิท หญิงสาวถึงได้สติและกลับมาหายใจได้อีกครั้ง เธอบอกตัวเองว่าเธอกำลังฝันไป นี่ไม่ใช่เรื่องจริง เธอไม่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าเขา และเขาไม่ใช่เจ้านายคนใหม่ของเธอ“คุณเพ็ญนภา”
เซ็กส์จากโซฟามาจบที่เตียงนอนนุ่มที่ผ้าปูเตียงยับยู่ยี่ราวกับผ่านการทำศึกสงครามมาอย่างหนักแน่ล่ะ เขากับเธอฟัดกันทั้งคืนชนิดไม่มีใครยอมใคร หากมันอยู่ในสภาพเรียบร้อยไร้รอยยับ ก็คงจะแปลกชายหนุ่มลืมตาขึ้น เพื่อรับแสงอ่อนสวยสีทองจากพระอาทิตย์ที่โผลพ้นขอบฟ้ามาแต่ไกล เขาสูดอากาศบริสุทธิ์เย็นฉ่ำที่ไหลเวียนรอบตัวอย่างอิ่มเอมและเป็นสุขกระนั้น กลิ่นกายจากหญิงสาวที่เขาครอบครองเรือนร่างมาทั้งคืน ก็ยังติดตรึงอยู่ทุกอณูของเตียงนุ่ม หอมกรุ่นน่าหลงใหลติดจมูกติดริมฝีปาก“เพ็ญนภา” เขาตะโกนเรียกหาเมื่อไม่เห็น เธอหายไปจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “อาบน้ำอยู่เหรอ”เขาลุกขึ้นนั่ง บิดคลายกล้ามเนื้อ ก่อนก้าวลงจากเตียง ด้วยสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เขายังรู้สึกมีความสุขจากบทรักที่ยาวนานไม่หาย จนอยากจะมีอะไรกับเธออีกหลายๆครั้งในเช้าวันนี้“เพ็ญ...อยู่ไหน” เขาเดินหาหญิงสาวไปทั่วห้อง แต่ไม่เห็นวี่แววของเธอเลย กระทั่งโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เป็นเสียงข้อความเข้าที่ถูกส่งมาจากธนาคารแห่งหนึ่ง“อะไรวะ” เขารีบกดดู ถึงได้รู้ว่าหญิงสาวได้โอนเงินจำนวนสามแสนบาทคืนให้แก่เขาทั้งหมดแล้ว เขารู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก “งี่เง่า
เขาจะขยับปากพูด แต่ไม่ทันเสียแล้ว เธอยื่นริมฝีปากขึ้นงับริมฝีปากของเขาแล้วจูบอย่างดูดดื่ม เขาตอบรับการเสนอของเธอด้วยรสจูบที่สุดแสนจะเร่าร้อน และรุนแรง ทั้งคู่ใช้ลิ้นฟัดกันนัวเนียอย่างเมามันจนลืมหายใจ ก่อนชายหนุ่มจะดึงลิ้นออกจากริมฝีปากอิ่มสวย แล้วจ้องเธออีกครั้ง“ผมแค่เล่นๆกับคุณนะ รับได้เหรอ”เธอหัวเราะเสียงใส แม้นัยน์ตาซ่อนเศร้าแผ่วบาง “ฉันรู้ตัวน่าว่าฉันเป็นอะไร และคุณเป็นอะไร ชีวิตเรามันเป็นเส้นขนานอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่านี่คือเซ็กส์ ไม่ใช่ความรัก”เขามีสีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้คิดอะไร แต่พยักหน้า “ใช่ เซ็กส์ล้วนๆ สนุกกันแค่ชั่วคราวแล้วก็จบ”“ค่ะ...จบ” เธอยิ้มให้แก่เขา แม้หัวใจจะเจ็บปวด “ขออย่างเดียว หาแฟนที่สวยกว่าฉันให้ได้ก็แล้วกัน”เขาหัวเราะ ก่อนจ้องหน้าเธอนิ่งๆ “คุณไม่ต้องคืนเงินผมหรอกนะ อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น จีน เกาหลีก็ไปเถอะ เพราะถึงยังไงคุณก็ทำงานให้ผมแล้วนี่ จริงไหม”หญิงสาวยิ้มไม่เต็มปาก “หมายถึงที่ฉันทำให้คุณตะกี้นะเหรอ”“นั่นก็ส่วนหนึ่ง” เขาพูดตรงจนเธอรู้สึกเสียใจ หากเขาจำได้เรื่องที่เธอเคยบอก เขาจะไม่พูดคำนี้ออกมา เธอบอกชัดแล้วว่าเธอไม่ขาย“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะทำให้ค
เธอก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ ร่างกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อนที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก เธอควรทำความสะอาดมันทุกซอกทุกมุม แม้แต่ในจุดซ่อนลึกซ่อนเร้น เธอต้องขัดสีฉวีวรรณจนถ้วนทั่ว เพื่อไม่ให้ไคลคราบของชายโฉดอย่างสมชัยติดเนื้อติดตัวเธออยู่“ลืมทุกอย่างในคืนนี้ซะ เข้าใจไหมเพ็ญนภา”หญิงสาวสั่งตัวเองพลางลูบไล้เรือนกายภายใต้น้ำสะอาดหอมกรุ่นอย่างมีความสุข ทว่า เสียงเคาะประตูที่ดังรัวขึ้นอย่างไร้มารยาทปลุกเธอจากความสุขนั้นเสีย เธอผละจากอ่างน้ำ คว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กมาพันตัวไว้หลวมๆ แล้วเดินมาที่ประตูใหญ่“ใครอีก” เธอมองดูคนเคาะประตูจากช่องตาแมว “วิษณุ!!!”เขายืนโงนเงนไปมา ก่อนจะกำหมัดขึ้นแล้วทุบประตูเธอไม่หยุด หญิงสาวรีบเปิดประตูให้เขา ก่อนที่เขาจะพังประตูเข้ามา“คุณมันแย่ที่สุดเลย” เขาด่าเธอทันทีที่เห็นหน้า ก่อนจะตกใจเพราะเธออยู่ในชุดที่ล่อแหลม ผ้าขนหนูผืนเล็กแทบไม่มีประโยชน์ เมื่อปกปิดร่างกายอวบอั๋นของเธอไว้ “คุณหายไปไหนมา”เขาปิดประตูดังปัง...มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาเมาพอกรึ่มๆ กลิ่นหอมๆจากกายเขาคือกลิ่นไวน์ ไม่ใช่เหล้า“คุณไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะคืนเงินทั้งหมดให้คุณ”“ผมถามว่าคุณไปไหนมา” เขาคาดคั้น พลางขยับ
“เสียงอะไรวะ” แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อรถคันงามขับออกจากจุดจอดไปด้วยความเร็ว “เฮ้ย!!!”คิดว่าเขาอาจถูกทิ้งไว้ในป่าละเมาะลำพัง เขาวิ่งมาอย่างเร็ว จนสะดุดกับร่างของสมชัยที่นอนกุมแผลฉกรรจ์ตรงโคนที่ถูกเฉือนจนเหวอะ อมรเทพล้มระเนระนาดบนร่างของสมชัยนั่นเอง“ใครวะ!!!” “ไอ้...ไอ้มร...ช่วยกูด้วย”“พี่ชัย!”“ลำกู ลำกูอยู่ไหน” “อะไรพี่” อมรเทพควานหาร่างของเพื่อนรุ่นพี่จนเจอ สมชัยร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดจนดังลั่นไปทั้งป่า “พากูไปหาหมอเร็ว” “รถพี่ไม่อยู่แล้ว” “อ๊ากกกกกกก...มึงพากูไปเร็วๆ กูจะตายอยู่แล้ว”เสียงกรีดร้องลั่นดังมาจนถึงถนนใหญ่ หญิงสาวจอดรถข้างทาง แล้วเลื่อนกระจกลง เธอยิ้มด้วยความสะใจ ก่อนโยนท่อนเนื้อที่เต็มไปด้วยเลือดลงในคูน้ำข้างทางจนน้ำกระเซ็น“ขอให้หาเจอนะ” แล้วเธอก็ขับรถไปอย่างรวดเร็ว เธอมุ่งหน้าไปยังถนนเส้นใหญ่ที่มีรถพลุกพล่านแล้วจอดรอข้างทางอีกครั้งเธอควานหามือถือของเจ้าของรถ เปิดดูหลายที่ แต่ไม่เจอมือถือ กลับเจอยาเสพติดจำนวนหลายสิบเม็ดแทน“ใช้ยา หรือขายเองเนี่ย...ถึงว่า...พลังแรงเหลือเกิน!!”ในที่สุด เธอก็เจอโทรศัพท์มือถือของอมรเทพที่ตกอยู่บนพื้นรถใต้เบาะคนขับ เธอรีบกดไปยังเบอร์