@ มหาวิทยาลัยแห่งนึง ตอนรถยนต์คันหรูจอดเทียบริมฟุตบาทหน้ารั้วสถาบันศึกษา ช่วงเวลาเช้ามืดยังไม่ทันสว่างดี เหตุที่ต้องรีบมาก่อนเพราะเธอกับเพื่อนสาว ยังเหลือส่งโครงงานของเทอมที่แล้วค้างไว้ เนื่องด้วยอาจารย์คนสั่งติดเดินไปต่างประเทศ จึงนำมาส่งก่อนเวลาเข้าเรียน"วันนี้มีคนขอมาดูคอนโด ผมอาจจะมารับช้าหน่อยนะครับ" ขณะหญิงสาวรีบหยิบสัมภาระเตรียมลง ทว่าพลขับผู้หวังดีเอ่ยบอกซะก่อนโมอาตัดสินใจปล่อยคอนโดเช่าชั่วคราว เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน แถมยังไม่มีเวลากลับอยู่ ดีกว่าปล่อยทรุดโทรมลงเรื่อยๆ"ไม่ต้องห่วงโมหรอก วันนี้ว่าจะบอกพี่เดย์อยู่แล้วว่าคงกลับเย็น ไหนจะเคลียร์เอกสารฝึกงานอีก" น้ำเสียงใสตอบ ชายหนุ่มทำอย่างกับว่าเธอไม่เคยขึ้นรถสาธารณะ ตอนนั้นยังแอบหนีเที่ยวกับเมลล์เลย"ยังไงก็ระวังตัวหน่อยก็ดีนะครับ เรารู้อยู่แล้วว่าพวกนั้นคือใคร" เดโม่เอ่ยบอกอย่างเป็นห่วงในฐานะคนปกป้อง เดาได้ไม่ยากเลยว่าฝีมือใครก่อเหตุช่วงค่ำ"คงไม่ทำอะไรในมหาลัยหรอก แล้วอีกอย่างพวกนั้นไม่มีทางจับเราไปฆ่าแน่ๆ" คนบอกรีบแสดงนิสัยดื้อดึง พลางเอื้อมหยิบกระดาษสีม้วนใหญ่ยกกอดไว้"ครับ""อ้อ..ถ้าเช็คประวัติคนเช่าได้ พ
@ บ้านซิลค์ รถยนต์คันหรูรีบแล่นจอดเข้าโรงเก็บ เมื่อเดโม่ได้รับข้อความของบอดี้การ์ดที่เฝ้าบ้าน ว่ามีครอบครัวของโมอาเดินทางมาเยี่ยม เป็นการกดดันให้เธอต้องเผชิญหน้าครั้งแรก หลังเกิดเรื่องจากวันนั้นสองเท้าเรียวแทบจะยกก้าวไม่ขึ้น ด้วยความคิดแง่ลบพลุ่งพล่านไปไกล จนองครักษ์พยักหน้าให้สัญญาณ ร่างอรชรสูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนมุ่งเข้าทางหน้าบ้าน"ท่านแม่!พี่มาร์!" น้ำเสียงหวานหลุดร้องแสดงความดีใจ ยามเห็นทั้งสองนั่งบนโซฟา สีหน้ายิ้มแย้มยามเจอกัน เธอรีบพุ่งไปกอดให้หายคิดถึง ละลายความรู้สึกหม่นหมองของวันที่จากลา"เบาๆหน่อยเจ้าโม เดี๋ยวแม่ท่านก็หายใจไม่ออก" มาร์แชลล์ส่งเสียงปรามนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจดีว่าทั้งหมดมาจากอาการคิดถึง พวกเขาแต่งกายอย่างคนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้ถือตัวอวดเบ่งกับกลุ่มลูกน้องของมาเฟียหนุ่มเลยเดโม่รีบก้มเคารพเช่นกัน เมื่อบุคคลทั้งสองยอมเดินทางมาถึงที่นี่ เกิดรอยยิ้มมุมปากนิดๆราวสบายใจขึ้นมา"คนมันคิดถึงแม่หนิ" ร่างอรชรยังสวมกอดมารดาราวเป็นลูกตัวน้อยๆ ยิ่งคนถูกกอดลูบผมสลวย นิสัยออดอ้อนยิ่งทวีคูณ ยามอยู่ต่างแดนทั้งบุพการีและตัวเธอไม่นิยมใช้คำสรรพนาม เพื่อให้ดูกลมกลืนกับคนทั่วไป"ที
@ชั่วโมงต่อมา เมื่อถึงช่วงเวลาพลบค่ำ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านรีบลงมานั่งคอยบนโซฟา ตรงข้างๆมุมรับประทานอาหาร ปล่อยหญิงสาวคลุกกับมารดาในครัว บรรยากาศเริ่มครึกครื้นเพราะเสียงหัวเราะทั้งสองฝ่ายดังเล็ดรอดออกมา ฝ่ามือหนาเลือกวางแฟ้มเอกสารลง ทำอย่างว่ามันไร้ความหมาย พอเหลือบเห็นเดโม่และลูกน้องคนสนิท ลอบสังเกตุทางหลังบ้านเป็นระยะ นัยน์ตาคมเลยหรี่เพ่งจนทั้งคู่ละไปทำหน้าที่ตัวเอง"อาหารเสร็จแล้วค่ะคุณ" น้ำเสียงใสพยามอ่อนหวานกว่าเดิม ยามมีมารดาอยู่ในบริเวณนั้น เธอรีบเรียกสามีชั่วคราวเพื่อให้ไปช่วยท่านยกจานจัดเรียงขึ้นโต๊ะรอ"อืม" คนตัวสูงพยักหน้ารับเล็กน้อย ให้ร่างอรชรเดินข้างหน้าประหนึ่งว่าสามารถนำเขาได้ คงเก็บกดจากเมื่อคืนได้ทีเอาใหญ่สั่งอย่างเดียวร่างสูงเริ่มมีท่าทางเงอะงะ ตั้งแต่มีบ้านส่วนตัวพึ่งเข้ามาในห้องนี้ไม่กี่ครั้ง ยิ่งดูแม่ครัวทำอาหารกำลังวุ่นวาย จะขยับนิดหน่อยยังเกรงว่าเป็นส่วนเกิน"รบกวนคุณช่วยยัยโมถือจานนี้ที ระวังร้อนหน่อยนะ" น้ำเสียงอ่อนโยนบอก ระหว่างดันถ้วยมีไอร้อนโชยซึ่งใช้จานรองอีกชั้นนึงแล้ว ท่านไม่ได้วางท่าทางรังเกียจ แค่เห็นความเป็นอยู่ลูกสาวดีก็เพียงพอ"ครับ" ซิลค์รีบถือ
"ตะแต่ว่า...." หญิงสาวกลับรู้สึกกระด้างอาย ยังยืนตัวแข็งทื่อสองมือบางยึดบ่ากว้างทรงตัว เอียงใบหน้าสวยหลบยามถูกมองด้วยสายตาหื่นกระหาย ความสูงระดับใต้คางสากทำให้จมูกใหญ่คลอเคลียผมสลวย แค่ลมหายใจร้อนวาบหวิวกระทบหน้าผากมน ทำร่างอรชรสยิวขนไรอ่อนลุกชันทั่วกาย เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ทุกครั้งยามใกล้ชิดกัน"เลือกเอาจะนอนครางอย่างเดียว หรือขึ้นขย่มเอง" เขาค่อยๆเชยคางมนขึ้นสบตาระยะใกล้ ปลายจมูกชนถูไถกันและกัน เมื่อความต้องการพลั่งพลู ฝ่ามือหนาเริ่มล้วงเข้าใต้เสื้อนอนลูบแผ่นหลังบาง"คุณ..อื้มมม" คนตัวสูงเลื่อนใบหน้าแนบปากประกบจูบ พยามเนิบนาบหว่านล้อมหญิงสาว แค่เพียงลิ้นสากตวัดทักทายในโพรงนุ่ม ร่างอรชรอ่อนระทวยแทบเสียการทรงตัวเรียวแขนเล็กตวัดคล้องคอหนา เมื่อปล่อยความรู้สึกนำพามากกว่าอาการกระด้างอายสาว จูบตอบแบบเงอะงะไม่ชำนาญ ยิ่งทำให้ผู้คุมเกมส์พอใจ"......." ซิลค์ยอมถอนจูบออกราวเสียดาย ตวัดปลายลิ้นเลียรอบปากหยักเก็บคราบน้ำหวาน ดวงตาสองคู่ยังจ้องมองอย่างเห่อร้อน ท่อนแขนแกร่งช้อนร่างอรชรอุ้มขึ้นมาวางบนเตียง"แล้วผ้าที่เปื้อนไปอยู่ไหนคะ" เกิดความสงสัยรีบแสร้งถามกักเก็บอาการเขิน หากเขาใช้พวกบอดี้
วันรุ่งขึ้น__"ยังไงก็ฝากคุณไปส่งยัยโมด้วยนะ" น้ำเสียงโทนอ่อนโยนเอ่ยบอก ตอนกำลังส่งบุตรสาวขึ้นรถยนต์คันหรูพร้อมออกจากบ้านไปกับสามีในนาม ร่างชุดนักศึกษาสาวพุ่งสวมกอดมารดาจนอิ่มเอม ก้มใบหน้าสวยพรมจูบแก้มเหี่ยวย่นสองข้างเมื่อเข้าสู่วัยชรา"ครับ" ซิลค์ตอบกลับผ่านน้ำเสียงสุภาพ หากเป็นลูกน้องคนสนิทคงได้รู้ว่าเขาจะประพฤติเช่นนี้สำหรับบุพการีเท่านั้น ร่างสูงสวมเสื้อเชิ๊ตขาวกับกางเกงสแลคดำเรียบกริบทุกมุมตามนิสัยเจ้าระเบียบ ผายมือเล็กน้อยให้เกียรติภรรยาในนาม เนื่องจากวันนี้ดันมีบุคคลคอยจ้องจับพิรุธทั้งคู่"เดี๋ยวโมจะรีบกลับมาให้ทันพี่มาร์นะคะ" หญิงสาวยังส่งเสียงใสบอก แม้ว่าก้าวขาขึ้นไปนั่งในรถยนต์เรียบร้อยแล้ว นั่นยิ่งทำให้คนตัวสูงด้านข้าง ต้องพิงหลังปล่อยพื้นที่เบื้องหน้าให้โมอาแทรกแซง พอมารดาของเธอเห็นว่าสมควรแก่เวลา จึงพยักให้เตโชปิดประตูพร้อมไปส่งเจ้านายได้ เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นสู่ถนนหลัก หญิงสาวข้างกายดันชะโงกหน้ามองกระจกหลัง วางฝ่ามือเรียวเกาะบ่า ยิ่งทำให้คนถูกกระทำเริ่มไปสบอารมณ์"หยุดได้หรือยัง" โครงหน้าคมคายเอียงมองฝ่ามือบนบ่า ราวกับส่งนัยนะว่าเธอล่วงล้ำจนเกินงาม ไม่รู้ว่าครั้ง
@ บ้านซิลค์"ว๊ายยยย" คนตัวเล็กถึงกลับหลุดร้องเสียงตกใจ ไม่คิดว่าซิลค์จะกลับมาก่อนเวลา พุ่งเข้ามาในห้องส่วนตัวแถมยืนแทรกตรงกลางตู้เสื้อผ้า ขณะร่างอรชรสวมเพียงบาร์เซียและเพนตี้ตัวบาง โชว์สัดส่วนโค้งเว้าล่อแหลม เธออุตส่าห์เลือกช่วงที่มารดาเผลอหวังเปลี่ยนชุดสวยๆใส่ ไปล่องเรือดื่มดำบรรยากาศกลางแม่น้ำ"คน!" น้ำเสียงเข้มจริงจังบอก วางฝ่ามือประคองแผ่นหลังบางดันประชิดลำตัวกำยำ โดยเขาหันเลือกเครื่องแต่งกายเอง"แล้วคุณจะเข้ามาทำไมเล่า" พอจะพยามคว้าเอาชุดคลุมใส่ปกปิด ก็โดนคนตัวสูงแกล้งยืนบัง ปล่อยสองเต้าอวบถูไถแผงอกกว้าง ทำโมอาลอบสูดดมกลิ่นน้ำหอมชายสู้กับอาการวาบหวิบตรงยอดประทุมถัน"ไม่บอกก่อนล่ะว่ามีผู้ชายคนอื่นไปด้วย" ซิลค์ยังค้างมือจับราวแขวนเสื้อผ้า ใช้ร่างกายดันคนตัวเล็กชิดด้านใน ก้มลงประทับรอยจูบบนไหล่มน"อื้อ...นะหนูรีบ" ชายหนุ่มกลับกลั่นแกล้งด้วยการไล่ขยับปลายจมูกใหญ่คลอเคลียซอกคอระหง แล้วเหมือนมีช่วงจังหวะนึง ขบเม้มปากใส่ผิวขาวละเอียด พอได้ร่องรอยพอใจ ถึงยอมขยับออกอย่างเสียดาย เธอไม่เข้าใจความหมายของคนตัวสูงบอกสักเท่าไหร่ คนอื่นที่ว่าคงเป็นกลุ่มองครักษ์เองหรือเปล่า ไม่แปลกหากเขาไม่เค
@ บนเรือท่ามกลางบรรยากาศบนเรือลำใหญ่กำลังแล่นบนแม่น้ำยามค่ำคืน มีแสงไฟสีเหลืองนวลสอดส่องสองข้างทาง เปิดเพลงบรรเลงคลอเบาๆ ชวนผู้คนรื่นรมย์ผ่อนคลาย"เอากุ้งไปยัยโม" มาร์แชลล์ใช้ช้อนกับส้อมตักกุ้งตัวใหญ่ใส่จานให้น้องสาวที่กำลังนั่งฝั่งตรงข้ามกับอองตวน ปล่อยมารดานั่งข้างบุตรสาว เพราะทั้งสองชอบสนใจแต่เรื่องกิน บนโต๊ะมีอาหารมากมายโดยเน้นฝีมือของเชฟโรงแรมดัง"แล้วก็ว่าน้องอ้วน" น้ำเสียงหวานตอบ แกล้งยู้หน้าสวยให้มารดาหมั่นเขี้ยว แม้ว่ามือจับช้อนส้อมจิ้มชิ้นเนื้อกุ้งใส่ปากรับประทาน ฉีกยิ้มหวานกว้างบามลิ้มรสอาหารสดถูกปาก"แต่เราว่าโมอ้วนขึ้นจริงๆนะ" อองตวนเอ่ยแซวเสริม ขณะหั่นสเต็กเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ ตามด้วยถือถ้วยซอสราดเติมนิดหน่อย"ตามวัยดีกว่าอองตวน คนมันกำลังโต" หญิงสาวแกล้งตามหลักวิชา ที่สรีระร่างกายย่อมเปลี่ยนตามวัย พอชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามจิ้มชิ้นเนื้อเตรียมป้อนแบบเมื่อก่อน เธอย่อมไม่ขัดให้เสียน้ำใจ ค่อยๆโน้มลำตัวบอบบางไปเตรียมอ้าปากกว้างฟิ้ว~~"เอ้ย..เปลื้อนเลย มาเราเช็ดให้" ก่อนที่โมอาจะได้ชิมดันมีสายลมพัดทำผมสลวยปลิวฟลุ้ง แถมเปลื้อนน้ำซอสราดสเต็ก อองตวนรีบหยิบทิชชู่เอื้อมไปหมายจะทำความสะ
@ เช้าวันใหม่บ้านซิลค์_"มึงจะรีบมาหาเฮียทำไมแต่เช้าว่ะ" ฮาเกนบ่นพึมพำให้เอเดนตามประสาคนตื่นสายโดนปลุกก่อนเวลา เพราะเมื่อคืนลูกตัวน้อยก่อกวน แต่ผู้ถูกนัดกลับไปรับเขาจากบ้านไม่บอกกล่าวล่วงหน้า พอลงรถสปอร์ตคันหรูลูกน้องเจ้าของบ้านรีบวิ่งมารับกุญแจ อาสาขับไปจอดตรงลานกว้างอย่างคุ้นเคย"ก็ตอนบ่ายกูมีประชุม แค่เลื่อนมาเช้าหน่อยทำทีจะตาย" จริงๆคนนัดก่อนคือฮาเกน ด้วยความรักษาคำพูดเขาเลยอุตส่าห์ชิ่งรถไปรับตัดหน้า จนลืมโทรแจ้งตัวรุ่นพี่หนุ่มเป้าหมายก่อนมาถึง"รีบๆนำไปเลยมึง" เขาไม่ลืมถือกระเป๋าสีดำขนาดเล็กแต่สร้างจากเหล็กชั้นดีแสดงความคงทน ข้างในคืออาวุธชนิดคุณภาพร้ายแรง"เออ.....""......." พอทั้งสองชายหนุ่มจะมุ่งเดินเข้าบ้าน ดันสะดุดกับหญิงสาวใบหน้าสวย ร่างอรชรในชุดเดรสสีแดงใส่สายเดี่ยวเผยผิวขาว ยิ่งแสงแดดอ่อนกระทบยิ่งเพิ่มออร่าความสวยงาม กำลังก้มๆเงยๆเก็บดอกไม้ตรงสวน ด้วยนิสัยคาสโนว่าจึงอมยิ้มหยุดมอง"มึงเห็นแบบกูไหมว่ะ" ฮาเกนใช้ปลายรองเท้าหนังสะกิดเพื่อนรัก ไม่เชื่อว่าสถานที่หวงห้ามมีสตรีใบหน้าสวย แถมเธอยังดูอ่อนกว่าเขาอีกหลายปี"ไอเชี้ย!นางฟ้าชัดๆ" เอเดนยกมือลูบคางสากดั่งราชสีห์เห็นเ
"อื้ม...อ้าขาสิเด็กดีย์" ซิลค์ยังคงคลอกับเรียวปากบาง จูบบดขยี้เร่าร้อนแถมยังรัวระเรงนิ้วใส่ร่องคับแคบ จนร่างอรชรระทวยอ่อน ผลักนอนลงเบาๆบนโขดหิน จับยกขาเรียวข้างนึงแนบเอวสอบ เตรียมจ่อช่องทางรักเชื่อมต่อประสาน"แค่รอบเดียวใช่ไหม" ดวงตากลมเหลือบเห็นแก่นกายขนาดใหญ่กว่าข้อมือ กำลังถูกชักรูดเตรียมเปิดศึกรักทรหด ก้อนใจดวงน้อยแทบล่วงอยู่ตาตุ่ม หลังขาดหายเรื่องอย่างว่าไปหลายวัน"ฉันพูดแบบนั้นเหรอ?"สวบ~"อื้อ..คะคุณซิลค์....อื้อออ" คนตัวเล็กถึงกับร้องเสียงหลง ผวากอดร่างกำยำแนบกายแน่น ยามแก่นกายเกินมาตรฐานกระแทกใส่โพรงสวาทในรอบเดียว ทำผนังนุ่มขยายกว้างโอบรัดความเป็นชายยากขยับ จุกระบมอ่อนทั่วท้องน้อยปล่อยน้ำเมือกใสอีกละลอกตอบสนอง"อย่าเกร็ง..ซื๊ดด" แม้แต่เขาเองยังปวดหนึบไม่น้อย ร่องนุ่มนิ่มแทบดูดกลืนท่อนเอ็นอุ่นสุดลำโคน ซุกใบหน้าหล่อเหลาคลุกคลีตรงซอกคอขาว ขบเม้มเลียกลิ่นสาวหอมละมุน ใช้สะโพกแกร่งสอบเข้าออก เพียงแค่พึ่งเริ่มก็เสียวซ่านปลุกอารมณ์ดิบตั่บ! ตั่บ! ตั่บ!"บะเบาก่อน...อื้อ..ฉันจะจุก...อื้อ..." ไม่ใช่อาการเจ็บแผ่นหลังยามถูไถกับโขดหิน เพราะมีน้ำและตะไคร่ช่วยเสริมให้ลื่นไหล พาลร่างอรชรกระเ
หลายวันผ่านไป_"ใครจะคิดล่ะว่ามันจะยากขนาดนี้...คนไม่มีหัวใจ!" ถ้อยคำตัดพ้อพอๆกับความรู้สึกตัวเอง น้ำเสียงหวานไม่อาจปรับอารมณ์ได้ทัน นั่งทิ้งกายอยู่บนโขดหินตำแหน่งเก่า หลังเธอแอบหนีเพื่อนสาวออกมากลางดึก เพราะไม่อยากรบกวนเวลานอนซึ่งเธอไม่มีอาการง่วงเลย เหลืออีกไม่กี่วันจะถึงกำหนดการประเทศแล้ว ปล่อยเดโม่ยืนชะเง้อเฝ้าอยู่ระยะไกล ซึ่งไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาองครักษ์ได้ เขาจะพักผ่อนช่วงเวลากลางวันตอนที่เธอสอนหนังสือ เพราะยามดึกคือความอันตรายเผื่อแฝงตัวมา"ถ้าฉันเป็นแบบนั้นบ้างคงดีสินะ" ก้อนหินถูกโยนใส่สายน้ำต่อเนื่ิอง ร่างอรชรนั่งกอดเข่าแน่นพลางก้มหน้าซุกระบายน้ำตา ใครจะรู้ว่าฉากเบื้องหลังเธออ่อนแอได้เช่นนี้ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดยิ่งทำความรู้สึกดิ่งจมลึกหมับ!"คุณ!!" พอฝ่ามือเรียวบางจะหยิบหินก้อนใหม่ ดันถูกฝ่ามือหนาจับรั้งไว้ ก่อนที่ซิลค์จะทิ้งกายลงด้านข้าง ใบหน้าเรียบเฉยจนคนมองรู้สึกโมโห เขาไม่ได้สะทกสะท้านแถมยังกล้ามาเจอกันอีก ร่างอรชรเตรียมลุกหนีไม่อยากพบเจอฟังคำอธิบาย"นั่งลง" น้ำเสียงเข้มเอ่ยบอก จับข้อมือเล็กกระตุกลงบนตักแกร่ง หันสองขาเรียวไปฝั่งเดียวกัน ยิ่งโมอาดีดดิ้นท
@ แคมป์พยาบาล"เสร็จแน่!!!" ร่างอรชรไม่รอให้เตโชเข้ารายงานเจ้านาย ปานมีเรื่องร้อยพันอารมณ์จะซักถาม สองเท้าเรียวสวยเร่งก้าวรวดเร็วยิ่งกว่ามีเรื่องร้อนใจ หลังเขาทำเหมือนหลบหน้ากัน จะปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมาอยู่แบบรวนเรได้ยังไง"มีอะไร?" น้ำเสียงเข้มเจ้าของห้องพูดขึ้น เขาจำเสียงจังหวะฝีเท้าก้าวเดินได้ดี แค่ไม่เงยมองดูก็รู้ว่าใครเยื้องกายเข้ามา ร่างสูงยอมวางปากกาเซ็นเอกสารลง เหลือบนัยน์ตาคมไร้ความหมายจ้องอีกฝ่าย"คุณก็รู้หนูมาเรื่องอะไร!" คนตัวเล็กรีบทิ้งสะโพกมนนั่งบนเก้าอี้ของผู้ป่วย ประจันหน้าเอาเรื่องหมอหนุ่ม ผ่านแววตาจริงจังคล้ายลูกแมวขู่ฟ่อ~ก้อนใจดวงน้อยยิ่งกว่าล่วงหล่นใส่ตาตุ่ม เมื่อสัมผัสบรรยากาศไร้อารมณ์ของซิลค์ได้~"ฉันบอกไปหมดแล้ว" น้ำเสียงเข้มบอก ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงอย่างไม่เคยเป็น โชยกลิ่นสารนิโคตินคละคลุ้งดั่งคนสูบมาอย่างหนัก"แต่สำหรับหนูมันไม่หมด! ไหนคุณว่าหนูเป็นเมียไง แล้วจะยอมให้หนูกลับไปทำไม" โมอาโวยวายจริงจัง ซึ่งกลุ่มบอดี้การ์ดข้างนอกยังได้ยินชัดเจน ฝ่ามือเรียวบางจะเอื้อมจับคนเบื้องหน้า ร่างสูงกลับหมุนเก้าอี้เชิงรำคาญ ยิ่งตอกย้ำสถานะความสัมพันธ์"แค่อารมณ์พาไป" เขาบ
เช้าวันใหม่_"แกโอเคไหมยัยโม" ผู้เป็นเพื่อนสาวต้องรีบถามเพราะความเป็นห่วง ใบหน้าใสคนข้างกายดูหมองเศร้า เหมือนคนอดนอนมาตลอดคืน หลังพวกเธอพึ่งจัดของพร้อมออกไปสอนหนังสือ ทว่าโอมาดูไม่มีกะจิตกะใจเหมือนทุกวัน"ช่างเถอะน่า วันนี้เราว่าจะสอนหลายวิชาไม่ใช่เหรอ" น้ำเสียงหวานตอบให้คนฟังคลายกังวล เมื่อวานนี้ต้องรีบส่งนักเรียน จึงเอาชั่วโมงว่างของวันสอนชดเชยต่อ คงทิ้งความคิดถึงใครบางคนไว้ชั่วคราว เพราะเธอรออยู่ที่เดิมทั้งคืนไร้รี่แวว นั่นเป็นคำตอบแทนการอยากรู้ในใจดี"ก็ใช่น่ะสิ แกรับบทภาษาต่างประเทศด้วยอย่าลืมเชียว" คนบอกทำสีหน้ากึ่งขยาด เธอไม่มั่นใจเสียเวลากลัวออกเสียงผิดๆ ครั้งนึงเคยโดนอาจารย์ประจำภาควิชาตำหนิ เกรงว่าอาจสืบทอดความรู้ผิดต้นตอ"ไม่ลืมหรอก แกหน่ะหัดมั่นใจตัวเองบ้าง""ขอเวลาอีกนิดนะ ของจริงกับตอนเรียนมันต่างกันนี่หน่า" เบลล์บอกน้ำเสียงอ่อน"จะต่างยังไงมันก็เหมือนกันทุกอย่างนั่นแหละ" เธอกับคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาเสียดื้อๆ เผลอจิกผมเช็ดตัวในมือใกล้ฉีกขาด"อาชีพครูต้องอย่าเอาเรื่องอะไรมาปะปนนะแกอย่าลืมดิ" เบลล์บอกเตือน หากครูผู้สอนไม่สามารถส่งอารมณ์ให้นักเรียนได้ แล้วคนฟังจะไปรู้สึกสนุก
@ ช่วงเย็น ภายในสถานที่พักส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม นั่งตรงข้ามกับหญิงสาวก้มหน้าอย่างรับผิด เมื่อโดนพี่ชายตำหนิผ่านแววตาจริงจังจนโมอาไม่กล้าสู้มอง บรรยากาศตึงเครียดแม้แต่องครักษ์ด้านนอกยังรู้สึกกดดัน ต่างคนต่างมองกันเลิกลักแม้ว่าไม่เคยเจอรู้จักมาก่อน"เราขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องจริงทั้งหมดแล้ว เราคงต้องพาโมอากลับบ้าน...สถานที่ของเธอจริงๆ" มาร์แชลล์พูดน้ำเสียงเข้ม จ้องมองคู่สนทนาอย่างไม่ลดหรี่ เขาต้องการพาเธอกลับสู่ครอบครัวจริง ที่นั่นเหมาะสมกับโมอาสุดแล้ว"ตะแต่...." คนตัวเล็กแทบไม่มีถ้อยคำโต้แย้ง เธอรู้ดีว่าพี่ชายเก็บอารมณ์โมโหไว้ก้นบึ้งลึกขนาดไหน คงไม่ต้องอธิบายถึงบุพการี ถ้ากลับไปรับโทษโดนบทสูงสุด สั่งกักขังหรือตัดอิสระอยู่สักพักนึงเขียว"....." ซิลค์เอาแต่มองใบหน้าสวย อายุจวนเจียนใกล้สามสิบวางท่าทางสุขุม แม้อีกฝ่ายเอ่ยคำไม่ต้องการได้ยิน ฝ่ามือหนากำพนักเก้าอี้เกร็งจนเส้นเลือดปูด นัยน์ตาดำนิ่งกริบไม่บ่งบอกความหมาย"คุณคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ ในเมื่อแผนนี้น้องสาวเราเป็นคนคิดเอง" ทุกถ้อยคำที่เขาพยามพูดออกมา มันสื่อความหมายอีกอย่างว่า โมอาต้นคิดแผนการณ์เรื่องบ้านั่นคนเ
@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ
อีกด้านนึง"ผมว่าต้องเป็นสัญญาลักษณ์ที่คุณโมทิ้งไว้แน่เลยครับ" เดโม่ออกความคิดเห็น เขาหยิบดินสอทุกแท่งที่ล่วงอยู่กลางป่า ไม่น่าใช่ความบังเอิญในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายช่วยกันตามหาโมอาในป่าทึบ แม้เตโชคุ้นชินสถานที่นี้ดีเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะสามารถหาได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยกิ่งไม้มีต้นหญ้าขึ้นสูง อาจเป็นที่หลบพลางของสัตว์ร้าย"แต่มันสิ้นสุดตรงนี้นะเว้ย แล้วคุณโมจะหายไปได้ไง?" เตโชพูดขึ้น ถ้าค้นหาตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายได้ ก็ควรเจอเธอได้แล้ว ท้องยามค้ำคืนมืดมิดจนไม่เห็นดาว พวกเขาต้องหรี่ไฟฉายเกรงศัตรูสังเกตุเจอ"ตามมา" ซิลค์เอ่ยบอก เมื่อเขาคิดอะไรได้ สองขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวไปตรงข้างริมลำธาร ซึ่งช่วงนี้เป็นปลายทางสายน้ำคาดว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เจอถนนหลัก แต่พวกคนนิรนามอาจหลบซ่อนในแถบนี้ก่อน กันสายสืบของเขาจับได้"......" แล้วทุกอย่างก็เป็นดั่งที่มาเฟียหนุ่มคาดคิด แสงไฟสลัวตรงเชิงเขาดูมีพิรุธ ทันใดนั้นยันต์ตาคมกริบเล็งเห็นร่างบอบบาง ถูกมัดใส่ต้นไม้ใหญ่สภาพสะบักสะบอม สองฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด อารมณ์เดือดดาลทำงานหนักริอาจทรมานภรรยาสาว"เอ
_ เวลาค่ำ"เมื่อไหร่เราจะถึงบ้านข้าวนึ่งคะ" โมอาเอ่ยถาม จากความรู้สึกเป็นห่วงเด็กชาย เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นทันที แถมโยนแท่งดินสอในมือจนหมดแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย ท้องฟ้าในป่ามืดครึ้มไว ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มี"โมคิดว่าพี่จะพามาหาเด็กนั่นจริงเหรอ" จู่จู่น้ำเสียงสุภาพเปลี่ยนจากเมื่อกี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังยามถึงจุดนัดพบกับเจ้านายเขาเอง อิฐล้วงเอาไฟฉายส่องกดแสงกระพริบส่งสัญญาณให้คนซุ่มอยู่รีบออกมาต้อนรับ"จะทำอะไร??" ร่างอรชรหันซ้ายขวาดวงใจน้อยแทบช่วงหล่น มีชายนิรนามจำนวนมากเดินวนรอบตัวเธอ แต่สัญญาลักษณ์บางอย่างทำให้นึกถึงคนเคยสนิทขึ้นมา"จริงๆถ้าวันนั้นโมไม่ปฏิเสธพี่ พี่คงไม่พาเรามาส่งให้คนอื่นหรอก""มาส่ง??ส่งอะไร??" แม้เกิดความกลัวแต่นิสัยกล้าหาญกลับส่งเสียงตะเบ่งกลับ ทำกำปั้นเล็กชูขึ้นขู่ทั้งสองข้าง ร่างอรชรยังค่อยๆหมุนคอยระวังรอบตัว เกรงว่าคนร้ายจะใช้ช่วงทีเผลอประชิดกาย"เราไงโมอา ลืมเพื่อนรักคนนี้ไปแล้วหรือยัง?" อองตวนปรากฏตัวขึ้น ดึงสายตากลมหันมอง ใบหน้าหล่อเหลือร้ายจนหญิงสาวเกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างไม่เคยเป็น ชายนิรนามคนอื่นยอมหยุดฝีเท้า ถอยหลังเล็กน้อยให้เจ้านายยืนเ