เช้าวันที่สดใสของอีกวัน..พะพายตื่นขึ้นมาจากการป่วยเมื่อวานที่ถูกชายหนุ่มกระทำก็มีอาการดีมากขึ้น แต่วันนี้เธอยังขอทางผู้จัดการร้านลางานหนึ่งวัน เพราะยังมีการปวดบริเวณนั้นเล็กน้อย และถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวหลังจากไม่ได้หยุดงานมาหลายวันเธอลุกขึ้นมาจากเตียงนอนและบิดขี้เกียจเล็กน้อยและก้าวเท้าลงจากเตียงเพื่อมาทำต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะตอนนี้ท้องเธอนั้นเรียกหาอาหารแล้วหลังจากที่เมื่อวานแทบไม่ได้กินอะไรเลย เพราะกลับมาถึงเธอก็โดนชายหนุ่มนั้นจับกินเสียก่อนหลังจากเธอต้มบะหมี่ทิ้งไว้ก็เดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อให้ตัวเองสดชื่นขึ้นทันที วันนี้หลังจากกินบะหมี่เสร็จ หญิงสาวจะออกไปด้านนอกสักนิดเพื่อไปหาหนังสือมาอ่านสักเล่มเธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่นานก็นุ่งผ้าขนหนูและฮึมฮัมเพลงโปรดออกมาด้านนอกอย่างสบายใจ“คุณมาร์ช” หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบกับชายหนุ่มที่จากเธอไปหลังจากที่เธอไม่ได้สติและปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่เพียงคนเดียว“หึ คงจะมีความสุขมากสินะ ที่ฉันไม่อยู่ที่นี่”“เอ่อ เปล่านะคะ พายแค่แปลกใจเล็กน้อยว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พายนึกว่าคุณไปทำงานเสียอีก” หญิงสาวก้มหน้าพูดกับชายหนุ่มที่นั่ง
ตอนนี้ชายหนุ่มหงุดหงิดอยู่ภายในใจเป็นอย่าง“เธอคิดจะมาสวมเขาให้ฉันอย่างนั้นเหรอ??”“ฮือๆ ไม่ใช่นะคะ พายไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย คุณกำลังเข้าใจพายผิด ได้โปรดฟังพายอธิบายก่อนได้ไหมคะ??”“อย่ามาโกหกฉัน เส้แสร้ง”ตับๆๆๆชายหนุ่มกระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างหนักหน่วงงจนหญิงสาวนั้นจุกที่บริเวณท้องน้อยเป็นอย่างมาก“คุณมาร์ช ได้โปรด เบาๆ หน่อยได้ไหมคะ ฮือๆ” หญิงสาวอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา“ไอ่นั้นมันเป็นใคร??”“เขาเป็น..ฮือๆ หยุดทำก่อนได้ไหม อ๊ะ ฟังพายอธิบายก่อน”“ตอนนี้ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น อืมมมม” ชายหนุ่มพลิกตัวของหญิงสาวหันหน้ามาและคร่อมร่างเธอและจับแก่นกายสอดใส่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว“ฮือๆๆ พายเจ็บค่ะ คุณฮือๆ”“เจ็บนะดีจะได้จำ ว่าตอนเป็นอยู่กับฉันห้ามไปเอาหรืออ่อยคนอื่น เข้าใจไหม??”“ฮึก เข้าใจค่ะ”“ดี”เมื่อชายหนุ่มเห็นหญิงสาวน้ำตานองไหลก็เกิดความรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย“ถ้าอยากหายเจ็บเธอต้องมีอารมณ์ร่วมกับฉัน”หญิงสาวพยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจ“ดี..งั้นจูบฉันสิ”หญิงสาวค่อยๆ เอามือคล้องคอชายหนุ่มและค่อยๆ เลือนริมฝีปากของเธอไปประกบกับริมฝีปากหนาอย่างว่าง่าย เธอไม่ต้องการทนเจ็บอีกต่อไปแล้วจึงยอมทำตา
เมื่อทั้งสองเพิ่งเสร็จจากภารกิจ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จนหญิงสาวนั้นรีบดีดตัวลุกออกจากเตียงอย่างรวดเร็วและคว้าเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ต่างจากชายหนุ่มที่ยังนอนแผ่ราบอยู่บนเตียงอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆเสียงเคาะประตูนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ รบกวนคนที่นอนพักเหนื่อยเป็นอย่างมากจนชายหนุ่มต้องคว้าผ้าขนหนูพันรอบเอวและเดินไปเปิดประตูอย่างหัวเสียแกร๊กกก!! แอ็ดดดดด!!“พี่มาร์ช…มาทำอะไรที่ห้องน้องพะพายตอนนี้ อย่าบอกนะว่ามาว่ารังแกน้องอีกแล้วใช่ไหม??”‘ปันปัน’ หมอสาวสวยและเก่งประจำโรงพยาบาลของคินน์ ที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของมาร์ชก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าห้องของหญิงสาว เพราะความเป็นห่วงเธอที่ถูกพี่ของเธอรังแกอย่างหนักเมื่อวาน แถมยังไม่สนใจใยดีหญิงสาวปล่อยให้เธอนอนหมดสติอยู่ภายในห้องเพียงคนเดียวอีก เธอจึงแวะมาหาเพื่อดูอาการก่อนจะไปทำงานที่โรงพยาบาลต่อ“มันเรื่องของพี่ แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่ ห๊ะ ยัยปันปัน มีธุระอะไร??”“หนูก็มาดูน้องพะพายสิ เห็นเมื่อวานมีคนรังแกจนน้องเป็นลม แถมยังโดนคนใจร้ายทิ้งไว้ในคนเดียวอีก คนอะไรใจดำ แถมยังทำตัวไม่น่ารักอีก เชอะ” หมอปันปันหย่นจมูกใส่ชายหนุ่มอย่าง
นี่เวลาก็ผ่านไปแล้วสองอาทิตย์แล้วที่พะพายไม่พบหน้าชายหนุ่ม ตั้งแต่วันที่กวินชวนเธอไปกินข้าวผ่านแอพพิเคชั่นไลน์ ชายหนุ่มวางช้อนกับส้อมลงกระทบจานอย่างเสียงดังและเดินออกไปไม่มีปี่มีขลุ่ย ทิ้งให้ฉัน หมอปันปันและพี่กายที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขาก็มองไปที่เขาเป็นตาเดียวกันแต่ฉันก็ยังงงกับพฤติกรรมของเขาและกังวลเป็นอย่างมากกลัวว่าเขาจะทิ้งฉันไป แต่เมื่อโทรไปหาพ่อกับแม่ของเธอก็ยังคงปกติดีแม่ของเธอยังได้รับความอนุเคราะห์กับชายหนุ่มเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือให้เงินก้อนไว้ให้พ่อของเธอใช้สอยตอนที่ต้องคอยดูแลแม่ของเธออย่างใกล้ชิดอีกแต่เธอแปลกใจที่จู่ๆ เขาก็หายไป หรือจะโกรธที่วันนั้นกวินชวนเธอไปทานข้าว แต่วันนั้นเธอก็ได้ปฏิเสธกวินไปเรียบร้อยแล้ว เหตุเพราะกลัวว่าจะมีปัญหามาตามหลัง กลัวชายหนุ่มจะไม่พอใจอีกไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์มหาวิทยาลัยของเธอก็จะเปิดเทอมแล้ว เธอจึงพยายามเลิกคิดฟุ้งซ่านและพยายามไม่คิดถึงชายหนุ่มและตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินเพื่อเป็นค่าขนมช่วงเปิดเทอมอย่างขยันขันแข็งวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอมาทำงานที่ร้านกาแฟ ในช่วงที่เธอกับจัดขนมเค้กหน้าตาหน้ากินเข้าตู้โชว์ก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเรีย
เมื่อหมอปันปันจับหญิงสาวแต่งตัวเสร็จก็ถึงกับร้องว้าวออกมาด้วยความตกใจ“น้องพาย ใส่ชุดนี้มันดูดีมากเลย พี่มาร์ชจะกินหัวพี่ไหมนะ??” หมอปันปันพูดออกมาทีเล่นทีจริงเพราะชุดหญิงสาวที่เธอจับแต่งตัวนั้นเป็นเดรสสั้นเหนือเข่าสีครีม สายโซ่คล้องคอ ที่โชว์เว้าด้านหน้าเกือบถึงหน้าอกไม่พอ ด้านหลังยังโชว์แผ่นหลีงเรียบเนียนไปเกือบถึงสะโพก ผมที่มัดไว้ก็ถูกดัดลอนปล่อยสยายให้ปกคลุมแผ่นหลังเพื่อให้หน้าค้นหามากขึ้น แถมยังใส่รองเท้าส้นสูงสีครีมกำมะหยี่ ทำให้ชุดที่เธอใส่นั้นขับผิวให้ขาวผ่องยิ่งขึ้น บวกกับแต่งหน้าเบาๆ และทาลิปกลอส ก็ทำให้รีบฝีปากดูเอิ่บอิ่มจนน่าดึงดูดเมื่อหญิงได้ยินว่ามีชื่อของเจ้าชีวิตเข้ามา ก็ทำให้เธอนั้นหน้าถอดสีออกมาด้วยความกังวล ‘แต่ในสัญญาเขาไม่ได้ห้ามเราเที่ยวนี่นา จะกังวลไปทำไม??’ เมื่อเธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หมอปันปันก็เห็นอาการกังวลของเธอได้อย่างชัดเจน“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่มาร์ชไม่เห็นหรอก อีกอย่างพี่ไม่ได้พาไปผับพี่มาร์ชด้วย”“อ๋อ โอเคค่ะ พี่ปันปัน แต่พะพายดื่มไม่เก่งนะคะ”“ไม่เป็นไร มาอยู่ที่นี่ตั้งนานไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เลิกทำหน้ากังวลได้แล้ว ป่ะ ไปกัน”“ค่ะ พี่ปันปัน”ทั้งสองขั
เมื่อหนุ่มหล่อที่เดินเข้ามาหญิงสาวเมื่อได้ยินดังนั้น ก็รีบขอโทษและขอตัวเดินออกห่างไปทันที เพราะเขานั้นรู้จักผู้ชายคนตรงหน้าดีว่าไม่ควรและด้วย และมีอิทธิพลมากขนาดไหนพะพายที่กำลังนั่งดื่มแก้วของตัวเองอยู่นั้น เมื่อเจอชายหนุ่มแปลกหน้าก็ทำให้เธอนั้นตกใจที่เขาเข้ามาเพื่อที่จะขอเลี้ยงเครื่องดื่มเธอ เมื่อเธอกำลังจะปฏิเสธออกไปนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลังเธอ เมื่อเธอหันไปทำให้เธอนั้นตกใจแทบช็อค‘เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ในเมื่อพี่ปันปันบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ผับของเขา หรือจะเป็นของเพื่อนเขากันนะ โถ่ยัยพะพายสมองอันน้อยนิดของเธอทำไมประมวลผลช้าๆ ขนาดนี้ แล้วเธอจะกลัวเขาทำไมกัน ในเมื่อเขาไม่ได้ห้ามเธอออกไปไหนสักหน่อย’เมื่อเห็นสายตาอันแข็งกร้าวของเขาเธอก็หันหลังกลับไปหาบาร์และยกเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มจนหมดแก้วรวดเดียวและรวบรวมความกล้าทั้งหมดหันหน้ากลับไปเผชิญกับเขาใช่!! เธอกลัวแววตาตอนนี้ของชายหนุ่มมาก มันแข็งกร้าวและเหมือนว่ากำลังจะลุกเป็นไฟออกจากตาเลยล่ะ“คุณมาร์ช มาทำอะไรที่นี่คะ??” หญิงสาวถามไปอย่างใจกล้า“ฉันต้องถามเธอมากกว่า ว่ามาทำอะไรที่นี่”“เออ..คือ..” ถ้าจะบอกว่าหมอปันป
“เธอกำลังทำให้ฉันหมดความอดทนนะพะพาย”ชายหนุ่มได้ยินหญิงสาวพูดดังนั้นก็ทำให้เขานั้นโมโหขึ้นมาทันที กล้าพูดได้ยังไงว่าอยู่กับผู้ชายอื่นแล้วจะมีความสุข และยังมาบอกว่าอยู่กับเขาไม่มีความสุขอีก ทั้งที่เขานั้นคอยดูแลครอบครัวของเธอ และยังส่งเธอเรียนอีก ‘ยัยนี่ต้องโดนสั่งสอนสักหน่อย’“ไอ่กาย จอดรถ!!” ชายหนามสั่งบอดี้การ์ดหยุดรถทันที“จะดีเหรอครับนาย ตรงนี้มันเปลี่ยวมากเลยนะครับ”“กูบอกให้จอด”เอี๊ยดดดด!!!“ฮีก จะ จอดตรงนี้ทำไมเหรอคะ??” เมื่อเธอมองไปรอบๆ บริเวณนี้นั้นหน้ากลัวมาก แถมยังมืดสนิทอีก ถ้าเธอลงตรงนี้มีหวังโดนฉุดแน่ๆ เมื่อเธอนึกได้ก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ‘เขาจะทิ้งเธอไว้ที่นี่จริงๆ เหรอ??’ ทางเปลี่ยวขนาดนี้จะมีรถผ่านไหมก็ไม่รู้ ถึงเธอจะเมาแต่ก็ยังมีสติอันน้อยนิดประมวลผลทันที“ลงไปสิ”“คะ??” เธอทวนคำพูดของชายหนุ่มอีกครั้ง“อยากลงไม่ใช่หรือไง ฉันก็จอดให้เธอลงแล้วไง”“แต่ว่า…ที่นี่มันเปลี่ยวมากๆ เลยนะคะ ช่วยไปส่งพายที่ห้องหน่อยไม่ได้เหรอ หรือตรงที่มีคนเยอะๆ หน่อยก็ยังดี??”“ไม่ล่ะ เสียเวลาฉัน ลงไปได้แล้ว”“ฮึก ฮืออออออ แต่พายกลัว” เธอปล่อยร้องไห้โฮ่ออกมาด้วยความกลัว“หยุดร้อง แล้วลง
พลั่ก!! ตุ้บ!!“โอ้ยยยย!!”มาร์ชเห็นร่างบางที่อยู่ตรงหน้ากำลังตกเป็นของคนอื่นก็โมโหหนักมาก และจัดการกับชายฉกรรจ์ตรงหน้าจนล้มไปกองกับพื้นแกร็ก!!เขาเอาปืนจ่อไปที่ศีรษะของชายฉกรรจ์ เมื่อชายฉกรรจ์เห็นดังนั้นก็รีบนั่งคุกเข่าขอชีวิตของตัวเองทันที“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ไว้ชีวิตฉันเถอะนะ”“กาย จัดการมันไปส่งตำรวจ”“ครับนาย” พูดจบกายก็ลากชายฉกรรจ์ออกไปหาตำรวจที่โทรเรียกให้มาก่อนหน้านี้ทันทีเมื่อจัดการชายฉกรรจ์ที่อยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว เขามองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยอารมณ์สงสารและโกรธก่อนหน้านี้ที่มันกำลังปะปนกันอยู่ด้วยการพยศของเธอตอนนี้ตามตัวของเธอมีแต่ร่องรอยเขียวช้ำจากที่โดนขืนใจ และบริเวณขาของเธอก็มีรอยถลอกและมีเลือดซึมออกมา พร้อมกับข้อเท้าของเธอที่บวมเปล่ง นอนร้องไห้กอดท้องน้อยตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวดและหมดแรง ใบหน้าของเธอนั่นมีแต่คราบน้ำตาและแววตาที่ตื่นตระหนก ตัวของเธอตอนนี้มีแต่บราปีกนกและแพนตี้ติดตัว เขาจึงรีบถอดเสื้อสูทคลุมทับตัวเธออย่างรวดเร็ว“ฮือๆ คุณมาร์ช” หญิงสาวเมื่อได้สติและเห็นคนตรงหน้าเป็นชายที่ใจร้ายกับเธอเมื่อหลายนาทีก่อน ก็ทำให้เธอนั้นอุ่นใจขึ้นมาและพุ่งตัวเข้าไปก
แอ๊ดดด!! ปัง!!“มึงมาทำเชี้ยไรอีกเนี้ยะ ไอ้โรม” ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนรักอย่างหงุดหงิดที่มารบกวนเวลานอนของเขา“หวัดดี!! กูมาดูอาการของน้องกอหญ้าครับเพื่อนรัก” หมอหนุ่มยืนโบกมือและส่งยิ้มไปหาเพื่อนรักเบาๆ“มึงไม่มีงานมีการทำหรือไง คนไข้ที่โรงพยาบาลมึงน้อยไปหรอ กูจะได้จัดการยิงคนส่งไปให้มึงรักษา”“มีครับ แต่กูไม่ทำ มึงลืมไปแล้วเหรอ ว่ากู...เป็นเจ้าของโรงพยาบาล” หมอหนุ่มยืนยักคิ้วเบาๆ ใส่ชายหนุ่ม“ไอ้เหี้ยยยย!!”“ว่าแต่มึงเถอะ สายขนาดนี้งานการไม่มีทำหรือไง กูจะได้ให้ลูกน้องไปทุบตึกโรงแรมมึงแล้วให้มึงสร้างใหม่ และปกติเนี้ยะ...กูเห็นทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรือว่ามีอะไรผิดปกติไปนะ” หมอหนุ่มยืนจ้องชายหนุ่มอย่างจับผิด“กูก็ปกติของกู แค่วันนี้กูอยากพักผ่อน”“โว้วๆ เป็นห่วงแม่สาวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงก็บอกมาเถอะ” หมอหนุ่มทำท่ามองทะลุเข้าไปในห้องของชายหนุ่ม“ไอ้โรม มึงห้ามมอง” ชายหนุ่มพยายามปิดประตูเพื่อไม่ให้หมอหนุ่มเห็นหญิงสาวในสภาพแบบนี้ แต่ก็ถูกหมอหนุ่มพยายามดันประตูเพื่อแกล้งชายหนุ่ม"แต่กูจะมอง""กูไม่ให้มอง"“หึๆ งั้นกูมีข้อตกลง”“อะไร??”“มึงต้องยกเว้นการเข้าใกล้กูกับน้องกอหญ้า”“ไม่ได้!!”“งั
“ไอ้มิกซ์ ไอ้ฟิลิป พวกมึงหายหัวไปไหนกันหมดวะ!!” ชายหนุ่มตะโกนดังลั่นคฤหาสน์บอดี้การ์ดรีบวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างตกใจเพราะตั้งแต่ทำงานกับเจ้านายไม่เคยเห็นพฤติกรรมของเจ้านายแบบนี้เลย“ครับนาย/ครับนาย”“เธอหายไปไหน??” พอชายหนุ่มกล่าวออกมาก็ทำให้บอดี้การ์ดทั้งสองรู้ทันทีว่าหมายถึงใคร“ผมเห็นเธอเดินกะเผลกขาเข้าไปในห้องรับรองครับ” ฟิลิปรีบตอบผู้เป็นนายเมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ใจชื่นขึ้นทันที“อืม พวกนายไปทำงานได้แล้ว”"ครับนาย/ครับนาย" ทั้งสองโค้งคำนับและพากันเดินออกไปทำหน้าที่ของตนณ ห้องรับรองชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องเห็นหญิงสาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงก็แทรกตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มเดียวกับเธอและดึงเธอมากอดเอาไว้“อือ...” หญิงสาวพึมพำในละคอเบาๆ เหมือนถูกใครดึงมากอดอย่างอ่อนโยนและซุกเข้าไปหาแผงอกแกร่งอย่างเบาๆ19.00 น.“อือ...” หญิงสาวลืมตาขึ้นมาก็พบว่าชายหนุ่มกำลังกอดเธอไว้ เธอก็ตกใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ เธอจองใบหน้าของเขา ปลายจมูกของเขา และริมฝีปากของเขา“ทำไมคุณใจร้ายกับกอหญ้าจังเลยนะ” หญิงสาวพูดออกมาเบาๆ นอนมองชายหนุ่มที่กอดเธอไว้และน้ำตาคลอเธอยกแขนชายหนุ่มออกจากตัวเธออย่างเบ
“ใครอยู่ข้างนอก ไปตามหมอโรมมา!!!” ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวนอนแน่นิ่งก็ทำให้เขาแทบคลั่ง"เธอจะตายไม่ได้ นี่คือคำสั่ง"เอี๊ยดดดดดดดดด!!!หมอโรมรีบวิ่งเข้ามาในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว เมื่อได้รับสายโทรศัพท์จากบอดี้การ์ดของแดเนียลว่าน้องกอหญ้าหมดสติ“ไอ้แดเนียล กูมาแล้ว”ชายหนุ่มวิ่งขึ้นไปบนห้องรับรองที่หญิงสาวพักอาศัยอยู่เมื่อแต่“ทางนี้โว้ย!! ไอ้โรม”“ห๊ะ!!” แดเนียลตะโกนเรียกหมอหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง“ทำไมน้องกอหญ้าถึงไปอยู่ห้องมึงได้??” หมอหนุ่มถามออกมาอย่างสงสัย“ก่อนจะตั้งคำถามมาถามกู มึงมาดูเธอก่อนเถอะ” หมอหนุ่มหยุดความสงสัยไว้ ณ ตอนนั้น และรีบวิ่งเข้าไปดูหญิงสาวที่ห้องของแดเนียล“ไอ้แดเนียลลล ไอ้เพื่อนเวร ทำไมมึงทำร้ายน้องเขาหนักขนาดนี้วะ”หมอหนุ่มยืนดูหญิงสาวที่ตอนนี้หมดสติอยู่ ร่างกายเธอตอนนี้บอบช้ำไปหมด ไหนจะผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ คราบเลือดเกรอะบนที่นอน ที่มาจากบริเวณขาของเธอเต็มไปด้วยรอยถลอก หมอหนุ่มเอื้อมไปแตะหน้าผากเธอก็พบอีกว่า ตัวเธอนั้นร้อนเป็นไฟ“มึงทำร้ายน้องกอหญ้าของกูแล้วใช่ไหม??” หมอหนุ่มหันหน้าไปถามชายหนุ่ม“ไม่ใช่ของมึง!!” ชายหนุ่มเถียงกลับมาอย่างลืมตัว จนห
ชายหนุ่มลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าไม่สนใจหญิงสาว มองดูคราบเลือดที่เปื้อนบนที่นอนอย่างสงสัยและแอบดีใจที่เขาเป็นคนแรกของเธอ“ฉันให้เวลาเธอแต่งตัว 15 นาที เตรียมตัวไปทำงาน”“แต่หนูเจ็บตรงนั้น หนูลุกไม่ไหว”“โดนแค่นี้ อย่ามาสำออย เธอเป็นแค่เชลย ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน”“ฮือๆ”“หยุดร้อง ฉันรำคาญ”“ฮึก!! ค่ะ”“ฉันจะไปรอข้างล่าง ถ้าช้า!!เธอโดนหนักกว่านี้แน่” แล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป“เธอต้องเข้มแข็งนะ กอหญ้า” แล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วรีบเดินไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวชายหนุ่มจะโมโหอีก15 นาทีต่อมาณ หน้าคฤหาสน์หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีครีม เธอใส่ชุดนี้ทำให้เธอดูดีเป็นอย่างมาก และเดินขากะเผลกลงมายังประตูทางเข้าคฤหาสน์ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงไม่พอใจขึ้นอีก“อ่อยเพื่อนฉันยังไม่พอ นี่ยังมาอ่อยบอดี้การ์ดของฉันอีกหรอ ห๊ะ”“หนูเปล่านะ หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” หญิงสาวถามชายหนุ่มอยากสงสัย“ก็เธอใส่ชุดนี้ลงมายังไงล่ะ”“ก็ในตู้เสื้อ..” หญิงสาวกำลังจะบอกว่าในตู้เสื้อผ้ามีแต่ชุดเดรสจะให้เธอใส่อะไร แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจคำอธิบายของเธอ“อย่ามาเถียงฉัน”“ค่ะ” หญิงสาวยืนก้มหน้าน้ำตาคลอ ไม่กล
เช้าวันต่อมา…“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้หมอหนุ่มที่เข้ามารักษาเธอ“สวัสดีครับ ผมชื่อโรม เป็นหมอประจำคฤหาสน์แห่งนี้ครับ” หมอโรมกล่าวทักทายหญิงสาว“หนูชื่อกอหญ้านะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เมื่อชายหนุ่มได้ยินชื่อหญิงสาวก็คิ้วขมวดเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าแดเนียลบอกว่าคนที่ทำร้ายพี่ชาย ชื่อว่า ข้าวฟ่าง“อ๋อ เอ่อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกอหญ้า”“เรียกกอหญ้า เฉยๆ ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มตาหยีส่งให้หมอหนุ่ม‘เชี้ยแล้วไหมล่ะ ไอ้โรม ทำไมเธอน่าตาน่ารัก น่าทะนุถนอมขนาดนี้ว่ะ’ หมอหนุ่มคิดอยู่ในใจ“เออ หมอโรมคะ อาการกอหญ้าเป็นอย่างไงบ้างคะ”“เรียกผมพี่โรมก็ได้ครับ ตอนนี้อาการน้องกอหญ้าดีขึ้นมากๆ เลยครับ นอนพักอีกสักวันน่าจะหายดีแล้วครับ”“ขอบคุณมากค่ะ พี่โรม”“ครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะครับ” หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มด้วยนัยตาเศร้าเมื่อได้ยินว่าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป“ไม่เจอกันเลยน่าจะดีกว่านะคะ ถ้าพี่โรมมาแสดงว่ากอหญ้าจะต้องป่วย กอหญ้าไม่ชอบฉีดยาค่ะ” หญิงสาวทำจมูกย่นอย่างน่าเอ็นดูหมอหนุ่มยื่นมือไปลูบศรีษะของกอหญ้าเบาๆ“หึ เด็กน้อย วันหน้าถ้าพี่ว่างพี่จะพาน้องกอหญ้าไปเที่
ณ ห้องทำงานก๊อก!! ก๊อก!!“เข้ามา”“นายครับ หมอโรม มาถึงแล้วครับ”“ให้ไปที่ห้องของเธอได้เลย”“ครับนาย”20 นาทีต่อมาแอ๊ดดด!! ปัง!!หมอโรมรักษากอหญ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยความโมโหจึงเปิดประตูเข้ามายังห้องทำงานของแดเนียลที่เจ้าตัวกำลังนั่งทำงานอยู่อย่างรวดเร็ว“ไอ้แดเนียล มึงทำอะไรของมึงเนี้ยะ”“ทำอะไร??” ชายหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของตนจะเข้ามาต่อมา“ก็มึงเอาคุณข้าวฟ่างเข้ามาในบ้านยังไงล่ะ”“แล้วจะทำไม”“นี่มันก็ผ่านมา 2 ปีแล้วนะเว้ย มึงจะจับตัวเธอมาแก้แค้นไม่ได้ ตัวเธอยิ่งเล็กๆ บอบบางอยู่ นี่ถ้ากูมาไม่ทันนะ เธออาจจะช็อคตายไปแล้วก็ได้”“มึงไม่ใช่กูจะไปรู้อะไร กูรอวันเวลานี้มานานมาก กว่าจะจับตัวเธอมาได้ และอีกอย่างนังนั่นไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบาง แต่คือ ฆาตรกร!!”“กูคงห้ามมึงไม่ได้สินะ”“ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว แล้วมึงจะถามทำไม”“งั้นก็เบาๆ กับเธอหน่อยก็แล้วกัน จากที่ฉันดูลักษณะเธอไม่น่าจะมีพิษภัยอะไร น่าเอ็นดูด้วยซ้ำไป”“กูไม่รับปาก”“ไอ้แดเนียล มึงนี่มัน!!” หมอโรมยืนชี้หน้าชายหนุ่มอย่างโมโห“ตรวจเสร็จแล้วใช่ไหม”“เออ อีก 1-2 วัน น่าจะดีขึ้น กูฉีดยาลดไข้และให้น้ำเกลือไว้แล้ว เพราะร่างกา
บรรยากาศค่ำคืนนี้เหน็บหนาวกว่าปกติ ภายนอกคฤหาสน์มีอากาศเย็นจัด และละอองน้ำบนฟ้าเกิดการจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็ง เริ่มโปรยลงมาจากท้องฟ้าลงสู่พื้นดิน นั่นคือฤดูกาลหิมะตกเข้ามาถึงแล้ว ทำให้ห้องชั้นใต้ดินอากาศเย็นกว่าปกติ ร่างบางนอนขดตัวอยู่บนพื้น ร่างกายเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะปรับตัวไม่ทัน เพราะย้ายมาจากเขตเมืองร้อนที่ประเทศไทย มายัง เขตเมืองหนาวที่ประเทศอิตาลี บวกกับเสื้อผ้าชุดนักศึกษาของเธอที่ไม่สามารถบรรเทาความหนาวให้อุ่นขึ้นมาได้เลยตอนนี้ภายในร่างกายของเธออุณหภูมิในร่างกายเริ่มสูงขึ้นอย่างเรื่อยๆ“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยหนูด้วย” เธอพยายามเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากด้านนอก“หนูหนาว ขอผ้าห่มคลุมตัวหน่อยได้ไหมคะ” แต่ไร้เสียงตอบรับจากภายนอกเหมือนเดิมหญิงสาวได้แต่พยายามข่มตัวเองและข่มตานอนเพื่อให้ถึงเช้าของอีกวันเพื่อจะได้ขอผ้าห่มหนาๆ ประทังความหนาวและข้าวอีกสักมื้อ ณ ห้องทำงานก๊อก!! ก๊อก!!“เข้ามา”“นายครับ คนที่ยืนเฝ้าหน้าประตูบอกว่า หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ เพราะอากาศหนาวครับ” ฟิลิปยืนรายงานเจ้านายของตัวเอง“นายเป็นห่วงเธอ???” ชายหนุ่มเงยหน้าออกมาจากกระดาษที่กำลังจดจ่อบริเวณด้านห
หญิงสาวกรี๊ดและหลับตาเพื่อทำใจยอมรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นแต่!!!! เสียงกระโจนเข้ามานั้นไม่โดนตัวเธอ และไม่ทำให้เธอนั้นเจ็บปวดแต่ปวดอย่างใดหงิง!! หงิง!! หงิง!! แผล่บ แผล่บ เธอสัมผัสได้ถึงน้ำลายของสัตว์ตัวนั้นโดนที่ใบหน้าของเธอเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ใช่ หมาป่า ลักษณะดุร้ายตัวนั้น กำลังเลียที่ใบหน้าของเธอ พร้อมหางกระดิกอย่างดีใจเห้อ!! เธอถอนหายใจออกมาอย่างเต็มปอด และมองจ้องหน้าสายตาอ่อนโยนไปยังหมาป่าตัวนั้น“ไง เธอคงชื่อเจ้าลูซ สินะ” หญิงสาวเอามือเรียวยาวของเธอ สัมผัสลูบเข้าไปที่ลูซหงิง!! หงิง!! หงิง!! เหมือนเจ้าลูซจะตอบรับเธอว่าใช่ ว่าตัวเองชื่อลูซ“เธอทำฉันตกใจหมดเลยนะ” ลูซยังพยายามสำรวจสำรวจตัวเธอและรับรู้ได้ว่าร่างกายเธอซูบผอม จึงใช้มือกัดที่แขนของเธอและดึงแขนเบาๆ เพื่อบอกให้เธอลุกขึ้น และลูซก็เดินมายังจานอาหารอีกจานก่อนหน้านี้ที่บอดี้การ์ดนำว่าวางไว้ให้เธอและมองหน้าเธอหงิง!! หงิง!! หงิง!!“ให้ฉันกินข้าวเหรอ”หงิง!! หงิง!! หงิง!!“ฉันไม่อยากกิน ฉันคิดถึงบ้าน” แต่ลูซก็ไม่ลดความพยายาม เดินเข้ามาดึงแขนของเธอและส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อให้เธอกินข้าว“อืม กินก็ได้ จะได้มีแรงไปสู้ก
เช้าวันใหม่“นายครับตอนนี้คุณข้าวฟ่างก็ยังไม่ทานข้าวเลยครับ”“เตรียมข้าวมาให้เธอใหม่”“ครับนาย”ณ ห้องใต้ดินหญิงสาวนอนซมอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบ รวมถึงศรีษะกระแทกพื้นอย่างแรกเมื่อวานทำให้มีแผลบริเวณหน้าผาก และไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ถูกจับตัวมา ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก บอดี้การ์ดชุดดำหลายๆ คน เดินเอาอาหารมาให้แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมกิน เพราะมั่วแต่วิตกกังวลและคิดถึงแต่บ้าน หญิงสาวพยายามนั่งคิด นอนคิดว่าทำไมถึงจับตัวมาที่นี่แต่คิดทีไรก็คิดไม่ออก แต่จากการถามชายชุดดำว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เขาบอกเธอได้แค่ว่า ที่นี่คือประเทศอิตาลี หญิงสาวพยายามคิดต่อก็นึกขึ้นได้ว่าหรืออาจจะเป็นเพราะจับมาผิดตัว เพราะพี่สาวฝาแฝดของเธออาศัยอยู่ที่อิตาลี แต่ก็นานหลายปีแล้วที่พี่สาวไม่ยอมติดต่อกลับมาหาเธอที่ทางบ้านเลย เธอพยายามติดต่อไปแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับกลับมา หรือพี่สาวของเธอทำร้ายพี่ชายของชายหนุ่มนั้น แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม เพราะเธอรักและเป็นห่วงพี่สาวของเธอมาก กลัวว่าพี่สาวของเธอจะได้รับอันตราย แต่ทันใดนั้นเองแกร๊ก!! เสียงประตูห้องเปิดออกมาอย่างช้าๆ ทำให้เธอหรี่ม่านตาลงเพราะแสงสว่างด้านนอกจ้า ทำให้เธอป