“คนโน้นแซ่บเว่อร์ ดูขาสิ สวยชิบเป๋ง” หรือไม่ก็ “คนนั้นงานดีว่ะ หุ่นเผ็ดมาก” หรือแม้แต่ “คนนี้ขาวสวยหมวยเอกซ์สุดๆ ฉันจอง!”
สิ่งเดียวที่เขากำลังรอคอยไม่ใช่ว่าพริตตีสาวแสนสวยบนเวทีคนไหนจะคว้ามงกุฎไปครองได้ แต่กลับเป็นการปรากฏกายของใครคนหนึ่งต่างหาก ป่านนี้เจ้าของรอยลิปสติกที่แก้มเขาอยู่ที่ไหนนะ อยากรู้จังว่าพอเธอแต่งตัวแล้วจะออกมาสวยแค่ไหน แล้วเด็กกะโปโลแบบนั้นจะสู้คนอื่นได้ยังไง ช่างน่าลุ้นระทึกเหลือเกิน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าคนที่เขาคิดถึงกำลังยืนขาสั่นพั่บๆ ด้วยความตื่นเต้น ดวงตากลมโตสดใสเหลือบมองเพื่อนร่วมชะตากรรมรอบๆ ตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ เธอไม่คิดเลยว่าเวทีประกวดพริตตีจะมีการแข่งขันดุเดือดขนาดนี้
ปีนี้ทุกค่ายต่างจัดเต็มชนิดไม่มีใครยอมแพ้ใครเลยจริงๆ ทั้งความสวย เซ็กซี่ ความสามารถรอบด้าน ดีกรีการศึกษา ดีกรีด้านภาษาต่างประเทศ หรือแม้แต่เสื้อผ้าหน้าผม ใครจะว่าพริตตีเป็นพวกสวยใสไร้สมองนั้นคงต้องลองกลับไปคิดดูใหม่ เพราะคนที่ยืนอยู่บนเวทีนี้ได้ต้องมีคุณสมบัติครบเครื่องเกินกว่าจะดูถูกได้ง่ายๆ ทีเดียว
ภีรดาแอบปรายตามองเด็กในสังกัดคู่อาฆาตของประกายดาว ซึ่งได้หมายเลขก่อนเธอหนึ่งลำดับ จีน่า พริตตีสาวสายแบ๊วหน้าเด้งพิมพ์นิยมเกาหลี ผู้มีดีกรีเทพีมังคุดหวานการันตีความสามารถ หากทำใจให้เป็นกลางละก็เจ้าหล่อนผู้นั้นได้รับการเทรนมาไม่เลวเลยทีเดียว
“กระแดะ!”
ภีรดาถึงกับสะดุ้งก่อนหันขวับไปมอง แล้วถอนหายใจโล่งอกที่คนโดนว่าไม่ใช่ตน
ประกายดาวเบ้ปากใส่คนบนเวทีอย่างหมั่นไส้ “โธ่เอ๊ย ท่อง A-Z ครบหรือเปล่ายังไม่รู้ กระแดะทำเป็นพูดไทยคำอังกฤษคำ ชิ”
พริตตีสาวอดขำคนข้างกายไม่ได้ เธอก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่มีข้อพิพาทอะไรกันมา แต่เมื่อได้ยินคนบนเวทีพูดแนะนำตัวด้วยสำเนียงแปร่งๆ ไทยคำอังกฤษคำจนน่ารำคาญมากกว่าน่าฟัง ก็แอบเห็นด้วยกับคำพูดของคนที่เป็นทั้งเจ้าของมอเดลลิงและรุ่นพี่ที่สนิทไม่ได้
คนเราหนอ แค่นทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองเพราะคิดว่าเท่ หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ทำนั่นไม่ได้เสริมให้ตนดูดีขึ้นเลย แต่ถ้าลบเรื่องการพูดไป ก็ต้องนับว่าจีน่าทำได้ดีทีเดียว เสียงปรบมือดังก้องทำให้สาวน้อยนึกประหม่า
แล้วนี่เธอจะเอาอะไรไปสู้เขาล่ะนี่ เฮ้อ...ไม่ได้จบเมืองนอกเมืองนา ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยดังๆ ภาษาก็แค่พอได้ไม่ถึงขั้นเริด แถมไม่มีตำแหน่งเทพีสารพัดผลไม้การันตีอีก ยิ่งใกล้ถึงคิวที่เธอต้องขึ้นเวทีเท่าไหร่ สาวน้อยก็ยิ่งหัวใจเต้นโครมครามมากเท่านั้น
“หมายเลข 13 สแตนด์บาย!” หญิงสาวเจ้าของหมายเลขลักกี้นัมเบอร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกความเชื่อมั่น ทั้งที่ในใจอดตงิดๆ ไม่ได้
หมายเลข 13 เนี่ยนะ? ใครเป็นคนจับฉลากเบอร์นี้ให้วะ แค่เริ่มต้นก็เป็นมงคลเกิ๊น!
“ทำให้เต็มที่นะหนูแพน เจ๊เอาใจช่วยอยู่หลังเวที สู้เขา!”
หญิงสาวหันไปพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแหยๆ ก่อนบอกกับตัวเองในใจ
สติ...สติ...ไอ้แพนเอ๊ย มีสติเข้าไว้ มาถึงนี่แล้ว ไม่ว่าเธอจะมาเป็นตัวสำรองแทนใครก็ตาม ถึงนี่จะเป็นชะตาฟ้าลิขิต หรือว่าฤทธิ์ผีผลักก็ช่างหัวมัน เมื่อโอกาสมาถึงมือแล้ว งานนี้เธอก็มีแต่ต้องลุยเต็มที่เท่านั้น
อีแพนสู้โว้ย!
พรึ่บ!
ทันทีที่แสงสปอร์ตไลต์สาดส่องไปยังเรือนร่างสูงโปร่งระหงของพริตตีสาวเจ้าของหมายเลข 13 ที่ปรากฏตัวบนเวที เธอก็โพสต์ท่าที่คิดว่าสยบทุกสายตาได้อยู่หมัด เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้ไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ชมเพศชายบางคนถึงกับเป่าปากกับทรวดทรงอะร้าอร่ามยั่วยวนตาของคนบนเวที แสงแฟลซสะท้อนวูบวาบชวนให้แสบตาทีเดียว
ภีรดาสูดหายใจก่อนคลี่ยิ้มหวานกระชากวิญญาณที่เธอเพียรซ้อมหน้ากระจกจนช่ำชอง ไม้ตายที่หนึ่ง...รอยยิ้มสะกดกรรมการ
หญิงสาวก้าวเดินสะบัดสะโพกอวดส่วนเว้าส่วนโค้งของรูปร่างด้วยท่วงท่าสง่างามมั่นใจไปยังหน้าเวทีที่มีไมโครโฟนตั้งอยู่ตามคิวที่ซ้อมไว้ก่อนหน้า แสงไฟเจิดจ้าแยงตาทำให้มองสรรพสิ่งหน้าเวทีไม่เห็น แต่เธอก็ทำใจสู้ ค้อมศีรษะพร้อมกับกระพุ่มมือไหว้อย่างงดงาม แต่พอเงยหน้าขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่แสงไฟหรี่ลงจนมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนขึ้น
สิ่งแรกที่ได้เห็นคือโต๊ะกรรมการหน้าเวทีที่มีใครคนหนึ่งกำลังมองขึ้นมาด้วยประกายตาวิบวับ เมื่อตามองสบกัน หัวใจเธอก็พลันร่วงไปกองที่ตาตุ่ม
ตุ้บ!
อีตาลุงนั่น! ไปนั่งทำอะไรที่โต๊ะกรรมการคะท่านผู้โชมมม...ดูเหอะ จ้องเธอยังกับไม่เคยเห็นคนสวย อีตาบ้า!
“หมายเลข 13 ช่วยแนะนำตัวด้วยค่ะ”
เสียงพิธีกรที่ดังขึ้นเตือนสติทำให้สาวน้อยรีบระงับความสงสัย และปั้นหน้าสวย พยายามทำเมินไม่มองดวงตาคมกริบคู่นั้นให้เสียสมาธิ
“สวัสดีค่ะ หมายเลข 13 นางสาวภีรดา ผกาสุวรรณ ชื่อเล่น น้องแพนด้า ค่ะ...” ว่าจะไม่มองแล้วเชียว แต่ก็แอบเห็นชายหนุ่มที่นั่งหลังป้ายกรรมการกิตติมศักดิ์คนนั้นไอขลุกๆ คล้ายกำลังสะกดกลั้นอารมณ์อย่างหนักก็อดนึกฉุนไม่ได้
ทำไมยะ ชื่อแพนด้ามันน่าขำตรงไหนฟระ!
“อายุ 23 ปี สัดส่วน 36-24-38 สูง 165 เซนติเมตร เป็นตัวแทนจากบริษัทราฟาเอล เรซซิ่ง จำกัด คติประจำใจ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่นค่ะ...”
ชิ้ง!...ก๊า...กา...!
หลังจากพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่มาร่วมอวยพรและทำพิธีต่างๆ จนเสร็จและทยอยออกจากห้องหอไปจนหมด เหลือเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวตามลำพัง ภีรดาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พลางหันไปมองใบหน้าหล่อเข้มของผู้ชายที่เธอเพิ่งตีตราจอง ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเจ้าของเขาอย่างเป็นทางการแบบไม่อยากจะเชื่อในวาสนา ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงโก๊ะกังธรรมดาๆ อย่างเธอจะมีโอกาสได้เจอคู่ครองที่แสนจะเพียบพร้อมอย่างบุรุษตรงหน้าภีรดาคิดเพลินๆ จู่ๆ ดวงตาคมที่เจือประกายวับหวานก็เลื่อนมาสบตาพอดี“มองแบบนี้ไม่กลัวว่าผมจะอดใจไม่ได้บ้างเหรอ”“ถ้ากลัวคงไม่มองหรอกค่ะ” หญิงสาวทำปากดี ก่อนประคองใบหน้าคมสันที่แสนจะมีเสน่ห์ของเขาขึ้นมา “อา...เจ้าบ่าวของฉันหล่อจัง”รวินรุตม์มองคนตรงหน้าอย่างแสนรัก แต่บางสิ่งบางอย่างที่คอยรบกวนจิตใจทำให้เขาเผลอตัวถอนหายใจออกมาเบาๆ“เป็นอะไรไปคะ ทำไมคุณทำหน้าเครียดจัง เหนื่อยกับงานเหรอคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “คุณมีอะไรในใจอยากบอกฉันหรือเปล่า อย่าบอกนะว่า...มาคิดเสียใจตอนนี้”“ผมไม่เคยเสียใจที่รักคุณ แต่...” คนพูดมีอาการอึกอัก ท่าทีเหมือนกำลังอยากจะบอกอะไรแต่แล้วก็เงียบไปดื้อๆ จนภีรดาชักเอะใจสงสัย และเธอก็ไ
“ที่พูดเมื่อกี้คุณพูดจริงใช่ไหม” เมื่อได้อยู่กันสองต่อสองในห้องพัก รวินรุตม์ก็หันมาถามหญิงสาวที่ทำหน้าตึง พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจฟังแต่แอบทำปากขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่างอยู่ก็นึกแปลกใจ“นั่นกำลังสวดภาณยักษ์ให้ใครอยู่เหรอ”นั่นแหละ ภีรดาจึงยอมเงยหน้ามา“เปล่าค่ะ...กำลังแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์และเจ้ากรรมนายเวร!”จากที่กำลังเครียด ชายหนุ่มก็เผลอหัวเราะพรวดออกมาทันใด“ขำอะไรคะ” ดวงตาเขียวปั๊ดตวัดมาอย่างเอาเรื่อง“อย่าบอกนะว่าคุณสวดให้รียาเขา”“ถ้าใช่แล้วจะทำไมคะ” สะบัดเสียงใส่นิดๆ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าทำเกินไป จึงหันมาพูดเสียงอ่อยลง “ฉันขอโทษค่ะ พอดีอินไปหน่อย แล้วนี่คุณจะทำยังไงต่อคะ จะไม่ลงไปช่วยคุณชารียาเขาจริงๆ เหรอคะ”รวินรุตม์ยื่นมือไปดึงร่างอรชรลงมานั่งเคียงข้างเขาบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วโอบกอดเธอเข้ามาชิดใกล้“ไม่ละ ผมบอกแล้วว่าจะช่วยเท่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะช่วยได้”“แล้วคุณไม่สงสารเธอเหรอ โดนสามีทำร้ายขนาดนั้น เธอคงหวังพึ่งคุณนะคะ แต่คุณดันหนีขึ้นห้องมากับฉันแบบนี้”“อย่าห่วงเลยแพน คนอย่างรียาเขาไม่ได้สิ้นไร้หนทางขนาดนั้น อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวเขา ถ้าผมขืนเข้าไปยุ่งมันก็จะไม่
“เอ่อ...คือรียาอยาก...ขอค้างที่นี่สักคืนได้ไหมคะ ตอนนี้เขาให้คนไปเฝ้าที่คอนโดที่รียาเช่าอยู่ เข้าไปเมื่อไหร่ดลก็จะรู้ทันที รียากลัวเขาจะลงไม้ลงมืออีกค่ะ” เสียงสะท้านด้วยแรงสะอื้น“ผมคงให้คุณค้างที่นี่ด้วยไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมต้องให้เกียรติคู่หมั้นของผมด้วย แต่เดี๋ยวผมจะลองถามนายเต้ให้ว่าที่โรงแรมเขาพอจะมีห้องว่างคืนนี้ไหม ผมจะได้ให้คุณไปพักที่นั่นก่อน”“ราล์ฟ!” ชารียาเบิกตาค้าง หน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นว่าผิดแผนที่วางไว้ หางตาแลไปทางผู้หญิงที่สังเกตการณ์เงียบๆ ข้างกายเขาอย่างไม่พอใจ“ทำไมคุณถึงใจร้ายกับรียานัก คุณเคยขอรียาแต่งงานตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไม...” ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอามารยาเข้าสู้ ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างเธอจะแพ้นังเด็กกะโปโลนี่“ผมจำได้...แต่คุณต่างหากที่ลืมว่าคุณได้ปฏิเสธโอกาสนั้นอย่างไม่ไยดีเอง เพียงเพราะรู้ว่าผมอาจจะต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต”“เอ่อ...คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะราล์ฟ ที่จริงตอนนั้นรียากำลังเครียดๆ เพราะเป็นห่วงคุณมาก ก็เลยเผลอพูดออกไปแบบนั้น แต่ตอนนี้รียาสำนึกได้แล้วว่าทำผิดต่อคุณ และต่อให้คุณเป็นอัมพาตตลอดชีวิตจริงๆ รียาก็จะไม่ทิ้งคุณอีก
พวงแก้มใสซับโลหิตระเรื่อ หายใจไม่ทั่วท้อง แอบรู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆ เมื่อต้องเป็นฝ่ายคุมเกม“อ๊ะ...” มือใหม่หัดขับสะดุ้งนิดๆ ยามที่ร่างกายสอดประสานรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ความใหญ่โตที่แทรกผ่านเข้ามาสร้างความอึดอัดให้หญิงสาวไม่น้อย“อย่าเกร็ง ปล่อยตัวตามสบายที่รัก อย่างนั้น อืม...เก่งมาก!” นักแข่งรถมือทองบอกอย่างใจเย็น ทั้งที่ร่างกายเขาร้อนจนแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อยู่ร่อมร่อแล้ว มือหนาประคองบั้นท้ายกลมกลึงช่วยคุมจังหวะ แต่มันไม่ง่ายเลยเมื่อโดนความคับแน่นที่แสนนุ่มละมุนโอบรัดรึงตัวตนของเขาไว้เช่นนี้“ราล์ฟคะ...พะ...แพน...” เสียงหวานกรีดร้องลั่นแทบไม่เป็นภาษาด้วยความรัญจวน สมองปั่นป่วนขาวโพลนด้วยแรงปรารถนาลึกล้ำทุกคราวที่ขยับกายเข้าหาความใหญ่โตนั้น แต่เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินและปรับตัวได้ ภีรดาก็เริ่มควบทะยานบิ๊กไบก์คู่ใจคันงามด้วยความเร็วแรงถึงใจ จนกระทั่งควงแขนเขาไปสู่จุดหมายปลายทางความสุขและเข้าเส้นชัยพร้อมกันได้อย่างสวยสดงดงาม“แพนรักคุณ...รักที่สุดเลย!” เสียงหวานกระซิบที่ข้างหูราวกับละเมอ ก่อนที่ร่างบางจะซวนซบลงที่อกแกร่ง หอบหายใจถี่กระชั้นอย่างหมดแรงคำที่เป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมห
ดวงหน้าใสแดงซ่าน เมื่อยามที่มือได้สัมผัสของรักของหวงชิ้นสำคัญของคนรักแบบเอกซ์คลูซีฟสุดๆ เมื่อเห็นเขามีปฏิกิริยากัดฟันเหมือนกำลังอดกลั้นอารมณ์อย่างหนักยามที่เธอเริ่มขยับมือขึ้นลงทักทายเจ้านกเขาขี้เซาตัวนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนมันเริ่มมีทีท่าว่าจะแข็งขึงขึ้นมาทีละนิดๆ ดวงตากลมโตซุกซนก็ทอประกายวาวเพราะรู้ว่าตนมาถูกทาง ยิ่งเห็นคนตัวโตมีอาการหายใจสะดุด และสูดปากหนักขึ้นก็เริ่มย่ามใจ ขุดบทเรียนสยิวกิ้วที่เขาเคยสอนให้ออกมาใช้เต็มเหนี่ยวร่างแกร่งถึงกับผวาสะท้าน เกร็งเยือกไปทั้งร่าง เมื่อจุดอ่อนไหวถูกสัมผัสด้วยความชุ่มชื้นจากปลายชิวหาอันอ่อนนุ่มเบาๆ เลือดในกายหนุ่มก็เดือดพล่าน“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่”“ชอบไหมคะ” ไม่ทันได้คำตอบ มือใหญ่ก็เผลอขยุ้มเส้นผมสวยและกดศีรษะอีกฝ่ายเข้าหากายแกร่งอย่างลืมตัว ภีรดาช้อนสายตาหวานฉ่ำมองคนรักหนุ่มรูปงามด้วยอารมณ์หวามไหวรัญจวน เธออยากทำให้เขามีความสุขที่สุดให้สมกับความรักที่เขามอบให้“พะ...พอก่อนที่รัก ผมจะมะ...ไม่ไหวแล้ว” เสียงกระเส่าเซ็กซี่ขาดเป็นห้วงๆ บอกถึงความทรมานของคนพูด“ไม่ไหวแล้วจะทำไมคะ...” จอมซนทำใจกล้าถามยั่วอย่างก๋ากั๋น ดวงตาใสแจ๋วฉายรอยเจ้าเล่ห์ยา
ตอนนี้อะไรๆ ก็พ่อราล์ฟลูกแม่ๆ ส่วนลูกสาวตัวจริงอย่างเธอน่ะเหรอ ก็ตกกระป๋องเป็นแพนด้าหัวเน่าไปตามระเบียบน่ะสิ แตะว่าที่ลูกเขยคนโปรดนิดแม่ก็คำรามใส่ฮึ่มๆ แล้ว ไม่ต้องพูดถึงยมุนาพี่สาวเธอ ขานั้นนิยมคนหล่อเป็นชีวิตจิตใจ เอะอะก็ว่าที่น้องเขยๆ ยิ่งตอนไปอัลตราซาวนด์แล้วรู้ว่าลูกในท้องเป็นผู้ชายด้วยแล้ว พี่สาวเธอก็แทบจะนั่งจ้องหน้าว่าที่น้องเขยอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อซึมซับความหล่อวัวตายหล่อควายล้มทางสายตาให้ลูกชายในท้องกันเลยทีเดียว“อ้อนเข้าไปๆ ตอนนี้ลูกแท้ๆ จะไม่มีที่ยืนอยู่แล้วนะคะ”“ก็ไม่ต้องยืนสิ คุณก็นอนแทน ถ้าไม่มีที่นอนไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเจียดเตียงผมให้ครึ่งนึง ไม่ได้กอดคุณตั้งนานจนผมใกล้จะลงแดงตายแล้วเนี่ย” ดวงตาคมๆ แพรวพราวอ้อนอย่างเจ้าเล่ห์ “เราเลื่อนกำหนดงานแต่งเป็นพรุ่งนี้เลยดีไหม”วาบ! แก้มใสๆ แดงเห่อจนถึงกกหู เขินจนอยากจะเอาหัวมุดใต้โต๊ะ ทำไมเขาถึงพูดจาน่าตบด้วยปากแบบนี้ล่ะ แค่นี้เธอก็ตกบ่วงจนตะกายขึ้นมาจากหลุมไม่ได้แล้ว แล้วดูนั่น ยังมีหน้ามาส่งยิ้มหวานกระชากใจให้อีก อย่ารอพรุ่งนี้เลย หอบผ้าหอบผ่อนหนีตามกันไปอยู่ด้วยซะวันนี้เลยเหอะ!“อย่ามาตลกค่ะ การ์ดแจกไปหมดแล้วเปลี่ยนทันที่