ในยามนี้ เขาเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่เท่าไร แต่หยางอี้ติดตามเขามาหลายปี ฝีมือไม่เลว จัดการทุกอย่างได้มิดชิด และยังทำอะไรหลายอย่างเพื่อเขาเขาไปตกอยู่ในมือเย่เทียนหยู่ได้ยังไงกันแต่ก็เพียงชั่วครู่ ชายอีกคนก็ถูกนำตัวเข้ามาเขาเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหยางอี้ คนขับรถของเขาหลี่ว์ซิงเหอหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างโมโห “เย่เทียนหยู่ ตกลงคุณต้องการอะไร คุณอยากโยนความผิดให้ผมมากถึงกับไม่เลือกวิธีการเลยรึไง?”“ได้ยังไงกันล่ะ คุณต่างหากโมโหขนาดนี้ หรือจะกลัวซะแล้ว”“ล้อเล่นกันรึไง ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกลัวด้วย”หลี่ว์ซิงเหอปฏิเสธทันทีและพูดเสียงดัง “หยางอี้ ถึงคุณจะเป็นคนขับรถของผม แต่คุณก็เป็นแค่คนขับ ระวังคำพูดคำจาหน่อย ถ้ากล้าใส่ร้ายผมละก็ อย่ามาโทษที่ผมต้องหยาบคายนะ”“โอ้โห ตอนนี้คุณเริ่มข่มขู่กันแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่ล้อเลียนเบาๆ“ข่มขู่อะไร? ผมก็แค่เตือนเขา”“ไม่ต้องเตือนหรอกครับ”หยางอี้ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ประธานหลี่ว์ เขารู้ทุกหมดอย่างแล้ว คุณยอมรับเถอะนะ”“หยางอี้ หุบปากซะ!” หลี่ว์ซิงเหอโกรธมากหยางอี้ไม่โกรธ เขาเพียงแค่ส่ายหน้าและพูดอ
เมื่อสิ้นคำพูด อย่าว่าแต่หลินหว่านหรูที่โมโห แม้แต่คนอื่นๆ ต่างก็หมดคำจะพูดเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ความจริงทุกคนต่างก็มองออกได้อย่างชัดเจนแล้วว่าทั้งหมดนี่หลี่ว์ซิงเหอเป็นคนทำแต่เขาก็ยังยืนหยัดที่จะปฏิเสธประเด็นไม่ใช่แค่พวกเขา แต่คนที่อยู่ด้านนอกต่างก็โมโหกันแทบคลั่งอย่างนี้เองสินะ ที่แท้ไอ้คนชั่วนี่กำลังทำเรื่องเลวทรามทำร้ายพวกเขา ทำเอาหน้าของพวกเขามีจุดด่างดำยิ่งกว่านั้นพวกเขาไปหาหมอมาแล้ว และตอนนี้ยังไม่มีหนทางรักษาให้หายขาดแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะสัญญาให้พวกเขารออย่างอดทน และเขาจะสามารถช่วยพวกเขาจัดการกับจุดด่างดำบนใบหน้า ซึ่งจะช่วยได้จริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจถ้าหากไม่สามารถกำจัดจุดด่างดำบนหน้าได้ล่ะ?ในขณะนี้ พวกเขาเกือบจะพุ่งเข้าไปกระทืบหลี่ว์ซิงเหออยู่รำไรหลี่ว์ซิงเหอไม่รับรู้เรื่องราวเลย เขาคิดว่าการถ่ายทอดสดบนหน้าจอขนาดใหญ่ด้านนอกถูกตัดขาดไปแล้วแน่นอนว่าการถ่ายทอดสดบนหน้าจอขนาดใหญ่ด้านนอกเมื่อครู่ถูกตัดการเชื่อมต่อไปจริงๆ แต่หลังจากที่ซูเหวินฮุยจากไปไม่นานก็กลับมาเชื่อมต่ออีกครั้ง เพราะหากไม่เชื่อต่อ พวกเขาก็ไม่อาจต้านความดาดเดือลของผู้คนภายนอกไว้ได้หลินหว่านหรู
“ฟ้องผมเหรอ?”“เหอะๆ ยังจะปากแข็งอีก ถ้าอย่างนั้นคุณลองดูสิว่านั่นใคร”ภายใต้คำสั่งของเย่เทียนหยู่ ที่หน้าประตูก็ปรากฏร่างของคนคนหนึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่หลังจากหลี่ว์ซิงเหอเห็นเธอใบหน้าเขาก็เปลี่ยนไป ไม่อาจรักษาความสงบนิ่งได้อีกแล้ว “สวีหลิน คุณมาทำอะไรที่นี่!” เขาพูดด้วยความโมโหสุดขีดสวีหลินไม่ได้ตอบกลับ เธอค่อยๆ เดินไปข้างหน้าสายตาของผู้คนจับจ้องไปที่เธอ ถ้าเป็นคนก่อนหน้าพวกเขาอาจไม่ค่อยรู้จัก แต่ผู้หญิงตรงหน้าเป็นสาวผู้ช่วยคนสนิทของประธานหลี่ว์ ซึ่งทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีไม่ว่าเธอจะเดินไปที่นี่ก็เท่ากับเป็นตัวแทนของประธานหลี่ว์ และประธานหลี่ว์ไว้ใจเธออย่างมาก“สวีหลิน ผมให้คุณได้ทุกอย่างแต่ก็พรากทุกอย่างไปจากคุณได้เหมือนกัน คุณพูดจาอะไรก็ระวังหน่อย”ในเวลานี้ หลี่ว์ซิงเหอคิดอะไรเกินไปไม่ได้อีกแล้ว เขาข่มขู่ออกมาอย่างเปิดเผยสำหรับเขาตอนนี้ มันไม่เกี่ยวกับว่าเขายังต้องการชื่อเสียงหรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าให้เย่เทียนหยู่จับหลักฐานได้ ที่เหลือคนอื่นจะคิดยังไงก็ได้สวีหลินส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ประธานหลี่ว์ ฉันขอโทษ ฉันสารภาพทุกอย่างไปแล้วค่ะ”“คุณพูดอะไร!”หล
จางเหยียนสีหน้าไม่สู้ดีนัก เพราะสิ่งที่เธอทำ แค่การไล่ออกยังถือว่าเป็นเรื่องเล็ก กลัวก็แต่จะถูกเรียกร้องให้รับผิดชอบ เธอจึงเอ่ยปากขอวอนโดยไม่รู้ตัว:“ซือซือ ขอร้องล่ะ คุณช่วยหน่อยนะ ถ้าคุณไม่ช่วยฉัน ฉันตายแน่เลย”ในขณะนี้เธอไม่มีความเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปไม่ต้องเอ่ยถึงแต่ก่อนที่เธอเอาแต่บอกว่า อยากจัดการกับเย่เทียนหยู่เลยหลิวซือซือส่ายหน้าและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันช่วยคุณเรื่องนี้ไม่ได้หรอก เพราะความสัมพันธ์ของฉันกับหัวหน้าทีมเย่ไม่ค่อยดีนัก และความผิดที่คุณทำนั้นร้ายแรงมาก”ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ เธอก็ตกใจเล็กน้อยและพูดว่า “ทำไมวิดีโอถึงหายไปอีกแล้วล่ะ”แน่นอน วิดีโอถูกตัดขาดไปอีกครั้งผู้คนด้านนอกเองก็ดูได้ถึงตรงนี้ก็มองไม่เห็นอะไรอีก แต่มาถึงจุดนี้พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้นอีกแล้วเพราะถึงยังไง เรื่องราวก็คลี่คลายความจริงแล้วต่อจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการกับผลที่ตามมา การแก้ไขปัญหาและการชดเชยเงินมีคนตั้งมากมายกำลังมองดู อีกทั้งยังมีนักข่าว พวกเขาจะต้องชดเชยให้ไม่น้อยแน่การตัดขาดการติดต่อจากคนภายนอกแบบนี้ แน่นอนว่าเย่เทียนหยู่เป็
“เฮ้อ มาถึงตรงนี้แล้ว คุณก็ยังไม่สำนึกถึงความใจดีของประธานหลินอีก”“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องฟังประธานหลินแล้วเอาตามที่ผมว่า แจ้งตำรวจซะเลยตอนนี้แล้วให้คนของสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์เข้าแทรกแซงตรวจสอบ คนที่ควรติดคุกก็ติดซะ ที่ควรโดนปรับก็ปรับไป”เย่เทียนหยู่เอ่ยเสียงเรียบ ระหว่างที่พูดเขาก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาทันที “ผมจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้” เขาพูดเรื่องนี้ทำเอาผู้คนจ้องเขม็งไปที่โทรศัพท์ของเขาโดยไม่รู้ตัวแม้แต่หลินหว่านหรูเองก็ด้วย ตัวเธอไปมีแผนอะไรตั้งแต่เมื่อไรยังถึงบอกว่าไม่ฟังเธอ แต่ว่าเรื่องนี้หลินหว่านหรูไม่ค่อยอยากแจ้งตำรวจจริงๆ จนแทบอดห้ามเขาไว้ไม่อยู่เพียงแต่หลี่ว์ซิงเหอเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียก่อน เขานึกว่าเห็นแก่ที่เขาเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัทจะไม่ทำกับเขาขนาดนั้น แต่ใครจะไปคิดว่าจะเจอคนบ้าแบบเย่เทียนหยู่เขารีบพูดขึ้นทันที “ถ้ายังไงก็ลองฟังแผนของประธานหลินดูก่อน”“ไม่ดีกว่า ผมว่าคุณไม่อยากรับความเมตตา” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ลองฟังก่อนสิ ถ้ายังไว้หน้ากันบ้างผมรับแน่” หลี่ว์ซิงเหอรีบพูด ตอนนี้เขากลัวเข้าแล้วจริงๆหลินหว่านหรูมองไปที่ท่าทางที่ซีดเซียวและวิตกกังวลของ
เมื่อได้ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นปกติแล้ว การซื้อหุ้นของหลี่ว์ซิงเหอในราคาห้าร้อยล้านจะถูกมาก แต่ปัญหาคือตอนนี้เธอไม่มีเงินห้าร้อยล้านแล้วเย่เทียนหยู่ไม่ได้ถามเธอด้วยซ้ำว่าเธอมีเงินมากขนาดนั้นหรือไม่ยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมาก และจะมีปัญหาที่ใหญ่กว่านี้รออยู่ข้างหน้าในเวลานี้ การใช้จ่ายห้าร้อยล้านเพื่อซื้อหุ้นของหลี่ว์ซิงเหอ อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีแต่ในขณะนี้ เธอไม่จะออกมาทำลายแผนไม่ได้คำพูดของเย่เทียนหยู่ทำให้หลี่ว์ซิงเหอพูดไม่ออกแน่นอนว่าการปฏิรูปครั้งใหญ่ของหลินหว่านหรูทำให้มีระยะที่ยากลำบากอยู่บ้างแต่ก็ผ่านกันมาได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ที่บริษัทได้เข้าร่วมหอการค้าหลงเถิงจากนั้นจึงร่วมมือกับนายน้อยซูในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางปัวเรต์ เมื่อประกอบกับความร่วมมือของธนาคาร ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่ว่า คงต้องอดทนผ่านช่วงเวลาที่การเงินถูกจำกัดเพราะการขยายตัวแบบนี้ไปก่อน โดยเฉพาะครั้งที่แล้วเขาถูกหลิวเจี๋ยหลอก ทำให้เงินทุนของบริษัทหลายสิบล้านได้รับความเสียหายแต่หลี่ว์ซิงเหอกล่าวอย่างรวดเร็
“ให้เงินเข้าบัญชีตอนนี้คงทำไม่ได้ ให้เวลาเราสามวัน ภายในสามวัน เงินห้าร้อยล้านจะถึงมือ”“จริงสิ ประธานหลินร่างสัญญาไว้ให้คุณแล้ว คุณลองดูก่อน”เย่เทียนหยู่รับเอกสารสัญญาสองฉบับมาจากคนทื่ยืนอยู่ข้างๆ ระหว่างที่เขากำลังพูด จากนั้นก็ยื่นออกไป ฉบับหนึ่งให้หลี่ว์ซิงเหอ อีกฉบับให้หลินหว่านหรูหลี่ว์ซิงเหอตกตะลึงพร้อมกับรับสัญญา เขาทำสีหน้าขมขื่นระหว่างอ่านเนื้อหาบนสัญญาที่แท้ เขาถูกกำหนดให้พ่ายแพ้มาแต่แรกไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะเตรียมเอาไว้แม้แต่สัญญาซื้อกิจการได้ยังไงกัน นี่หมายความว่า เรื่องทั้งหมดอยู่ในแผนการของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้วทุกคนมองดูฉากด้วยหัวใจสั่นระรัวที่แท้ทุกอย่างอยู่ในแผนการของประธานหลิน ที่แท้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ประธานหลินวางหมากไว้ส่วนพวกเขากลับเป็นคนโง่ ที่คิดว่าประธานหลินกำลังจะจบเห่ ถึงขั้นไล่เธอลงจากตำแหน่งในยามนี้ ภายในใจของคนที่อยากจะไล่หลินหว่านหรูออกจากต่างก็กำลังหวาดหวั่นและตึงเครียดถึงที่สุดในยามนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วในที่สุดประธานหลินเป็นจูกัดเหลียงร่างผู้หญิงตอนนี้แม้แต่หลี่ว์หรงก็ยังตกตะลึง เขาพูดอย่างเหลือเชื่อว่า “พี่ใหญ่ เรื่องทั้งหมดหว่าน
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหลี่ว์ซิงเหอก็เปลี่ยนไปหลี่ว์ซิงเหอหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ“ฉันต้องบอกว่าสัญญานี้ดีมาก มันทำให้ฉันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าร่วมในหลินซื่อกรุ๊ปหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมัน”“แต่มันยังทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยด้วย เพราะปัญหาที่ตามมาทั้งหมดของหลินซื่อกรุ๊ปไม่เกี่ยวข้องกับฉัน แม้ว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่ก็ตาม”หลี่ว์ซิงเหอเยาะเย้ย“คุณหมายความว่ายังไง” หลินว่านหรูรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และมักจะรู้สึกว่าต้องมีการฉ้อโกงเกิดขึ้น มิฉะนั้น หลี่ว์ซิงเหอคงไม่มีทัศนคติเช่นนี้ในเวลานี้“คุณจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรเร็วๆ นี้ ฉันอยากรู้ว่าประธานหลินจะดำเนินการอย่างไรต่อไปหลังจากที่เขากำจัดฉัน” หลี่ว์ซิงเหอ หัวเราะเบา ๆหลินหว่านหรูรู้ได้อย่างไรว่าแผนคืออะไร ตอนนี้เธอสับสนอย่างสิ้นเชิงและไม่รู้อะไรเลย ทุกอย่างนำโดยเย่เทียนหยู่หลังจากที่หลี่ว์ซิงเหอถาม ทุกคนก็มองไปที่หลินว่านหรูคราวนี้ หลี่ว์ซิงเหอ จ้องไปที่หลี่ว์ซิงเหออย่างใกล้ชิดแน่นอนว่าหลี่ว์ซิงเหอดูไม่ได้เตรียมตัวมาเลยและเย่เทียนหยู่ก็พูดอีกครั้งเป็นอย่างนี้นี่เองภายในใจของหลี่ว์ซิงเหอพรั่นพรึงอย
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป