สองคนมองหน้ากัน เพราะว่าถ้าพวกเขาจะไม่กิน...
‘ฉันเป็นมังสะวิรัต! ไม่กินพวกเดียวกัน แกพาฉันมาทำอะไรวะไอ้คล้าว!’
‘กิน ๆ เข้าไปเถอะครับ ผมอยากพิสูจน์อะไรหน่อย อดทนหน่อยนะพี่นะ’
“เอ่อ... มีใคร... เป็นมังสะวิรัตหรือเปล่าคะ? คือกันได้ยิน... เสียง... เหมือนคนคุยกัน”
กัญญาวีร์แน่ใจว่าเธอได้ยินเสียงสองหนุ่มชัดเจนมาก แม้เป็นเสียงก้อง ๆ คล้ายเสียงสะท้อนของลำโพง ขณะที่พวกเขาเพียงนั่งเฉย ๆ โดยที่ปากไม่ขยับ
“ไม่มีนี่ครับคุณกัน ผมกับพี่ชายขอเลือกเมนูสักครู่นะครับ”
‘ต่อให้เจอแม่แก้ว... มันมีทางเลือกเดียวคือตายกับตายใช่ไหม!?’
‘ไม่ถึงตายหรอกครับ ใจเย็น ๆ รอดูเธอก่อน เธออาจไม่ใช่คนที่เราคิดก็ได้’
‘อย่ามาเล่นลิ้นปลิ้นปล้อน หัดเป็นบ่าวขี้ปดตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันลากแกไปเฆี่ยนแล้วไอ้น้องชายจอมปลอม! ทำอะไรไม่ปรึกษาพี่สักคำ แกเอาหัวเป็นประกันไหมว่าฉันจะไม่ต้องกลายเป็นสเต๊กจระเข้ให้เธอกิน...’
‘คงไม่มั้งครับ เธอไม่รู้สักหน่อย แล้วผมว่าเธอไม่น่าจะชอบเนื้อเหนียว ๆ เคี้ยวเข็ดฟันรุ่นคุณหลวงมั้งครับ’
‘แกกำลังจะบอกว่าจระเข้หนุ่มอร่อยกว่า?’
‘ก็แน่นอนน่ะสิครับ’
‘อยากกลายเป็นสเต๊กจระเข้ตอนนี้เลยไหมวะ ไอ้คล้าว!’
สองคนเถียงกัน ไม่ได้มองหน้ากันด้วยซ้ำ คนที่กำลังตกใจตอนนี้จึงไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นหญิงสาว เธอจ้องหน้าสองหนุ่มสลับกันไป เมื่อต่างคนพลิกเปิดเมนูเหมือนเลือกไม่ถูกว่าจะทานอะไรดี
“เอ้อ ถ้าไม่ชอบทานเนื้อจระเข้ เป็นเนื้ออย่างอื่นก็มีนะคะ”
แน่ล่ะว่าไม่ชอบกิน! นายจันไม่พอใจ แต่พอบ่าวสะกิดเรียกบอกให้เขาสงบสติอารมณ์ลงหน่อย ใบหน้าหล่อเหลาจึงโค้งมุมปากละไมอย่างรักษามารยาทสุด ๆ
“คุณกันสั่งมาเลยครับ ผมกินได้หมด เอาเมนูแนะนำที่คุณบอกว่าอร่อย”
------------------------------------
พูดไปใครจะเชื่อว่าพญาจระเข้ต้องฝืนกลืนสเต๊กจระเข้จนหมดจาน มันนุ่มลิ้นสมราคาคุย สมชื่อเชฟดังที่ออกมาทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้ม ถามพวกเขาว่าอร่อยไหม สองหนุ่มคงตอบพอเป็นมารยาทว่ามันเป็นสเต๊กรสเลิศ เมื่อพวกเขาอิ่มอย่างไม่รู้รสชาติอาหาร ตรงข้ามหญิงสาวที่มีสีหน้าไม่เป็นสุข หยิบเอกสารออกจากกระเป๋ามาให้เขาเซ็นผิดถึงสองครั้ง จนต้องกลับไปเอาใหม่ที่ออฟฟิศ และบอกให้พวกเขารอ
“แกไปเจอเธอที่ไหน?” นัยน์ตาคู่คมยังไม่ละวางจากแผ่นหลังบางในชุดสูทของพนักงานขายแม้ว่าเธอจะเดินหายเข้าห้องทำงานที่ติดฟิล์มมืดดำไปได้สักพัก
“เอาเป็นว่าผมมีวิธีแล้วกันครับ ผมไม่ปล่อยให้พี่เป็นอะไรแน่”
“ตอบไม่ตรงคำถาม...”
“ลองดูไปก่อนนะครับ หากมีหนทางที่พอจะแก้ไขมนตร์ตาละวันได้ คุณหลวงก็ไม่ต้องตาย...”
บ่าวมีสีหน้าเป็นกังวลพอ ๆ กับโทสะที่ลุกโชติในใจ ยังเผลอพูดภาษาโบราณอย่างลืมตัวตามยุคสมัยที่ตนเกิด
“ไม่ต้องสงสารฉันนักหรอก ฉันอยู่ได้ มีความสุขดีกับคำสาปมนตร์นี้ด้วยซ้ำ ฉันเคยบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าต่อให้ฉันต้องตายเพราะกรรม ฉันยินดียืดอกรับอย่างลูกผู้ชาย”
“แต่ผมไม่เห็นด้วยครับ ผมไม่อยากเห็นคุณหลวงถูกเสียบด้วยหอกอาคม ยิ่งเป็นไอ้ไกร... มันเสียเชิงชายนะครับ”
ไกรทองเดิมชื่อ ‘ไกร’ บ้านอยู่ริมคลอง มีอาชีพทำสวนและคุมเรือสินค้า นำผลไม้จากสวนนนทบุรีไปขายที่เมืองพิจิตร หลายคนรู้จักดีว่าเป็นหมอจระเข้ ฝีมือเชี่ยวชาญด้านการปราบจระเข้ยิ่งนัก
ว่ากันว่า ‘จิต’ ‘วิญญาณ’ นั้นเป็นสิ่งใกล้เคียงกัน หากร่างกายยังคงเวียนว่ายตายเกิด จิตเดินทางกลับมาที่เดิมอย่างไร วิญญาณก็เป็นเช่นนั้น
พญาจระเข้ก็เช่นเดียวกัน...
เมื่อถูกฆ่าด้วยน้ำมือของหมอจระเข้ ตัวเขาซึ่งต้องคำสาปมนตร์จะต้องจบชีวิตลงอย่างเดิมตามคำทำนาย หาไม่ ก็จะต้องฆ่ากันไปฆ่ากันมาไม่จบสิ้น ตามวงล้อแห่งกรรม
“เรื่องตั้งนมนานกาเล แกยังไม่ลืมอีกนะไอ้คล้าว” พูดพลางแค่นหัวเราะ ขณะนายคล้าวยิ่งคิดยิ่งโมโหแทนนายผู้แสนดี ยืนขบกรามกรอด ๆ ว่า
“ผมจะส่งมันกลับไปขายทุเรียนแถวนนทบุรี เอาหมอนทองฟาดหน้ามันสักกิโลฯ”
“อุ๊ยขำ... ฉันได้ยินมาว่าแถวนั้นน้ำท่วมนะ รอขังมันไว้ใต้น้ำดีกว่า เดี๋ยวมันก็ขาดอากาศหายใจตายเอง”
“ผมว่าถมหน้าบ้านมันดีกว่าครับ ให้รถมันจมน้ำ ให้ทรัพย์สินมันเสียหาย ให้มันร้อนใจก่อน ถ้ามีคนจะเอาเสบียงไปให้มัน เราค่อยแปลงเป็นเข้ไม่ให้ใครเข้าไปช่วยเหลือมัน”
“เอางั้นเลยรึ?” เจ้านายถามตาโต มีความเห็นอีกอย่าง “แต่ฉันว่าขืนว่ายน้ำขู่มนุษย์ปีสองพันคงจะว่ายไม่ได้นาน กรมปศุฯ คงมาจับเราไปไว้ในสวนสัตว์ หรือไม่ก็... โดนชาวบ้านแถวนั้นจับทำสเต๊กแบบจานเมื่อกี้น่ะ อร่อยไหม?”
นายคล้าวทำหน้าแหยงเพราะไม่ชอบกินพวกเดียวกัน ยังบ่นถึงเรื่องเก่าก่อนตอนเจอจระเข้เจ้าถิ่นแถวริมแม่น้ำของตัวเมืองพิจิตร ฟัดกันเละเทะไปข้าง
คงไม่มีใครชอบมันนักหรอก เนื่องมาจากว่าพวกเขาเป็นจระเข้รักสงบ ไม่สู้รบกับใครแม้แต่งานแย่งตัวเมีย เจ้านายเองก็ด้วย ไม่ชอบทะเลาะเบาะแว้งกับตัวไหน ยิ่งจระเข้แท้ ๆ แล้วเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเดรัจฉานเหมือนพวกมัน
ไม่นานนัก หญิงสาวก็วิ่งมาพร้อมเอกสารในอ้อมแขน ผมสีน้ำตาลเป็นลอนสวยกระเซอะกระเซิง หอบหายใจเพราะเหนื่อยจนหน้าอกกระเพื่อม
“ขอโทษที่ให้รอนะคะ เจ้านายกันไปไหนไม่รู้ กันถ่ายเอกสารมาแล้วแต่ไม่มีลายเซ็นเจ้าของ เอกสารคงต้องเป็นพรุ่งนี้...”
“ได้ครับ นัดมาแล้วกันผมไม่รีบ”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ” พูดพลันก้มศีรษะยกมือประนมแนบอกไหว้ กัญญาวีร์เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อตัว แต่ไม่กล้าเสียมารยาทกับลูกค้า “เอ่อ... คือกันอาจจะพักผ่อนน้อยไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะที่พูดอะไรแปลก ๆ”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องงานไม่มีปัญหาผมก็ไม่มีปัญหา...”
“เราจะคุยเรื่องสินค้ากันต่อเมื่อไรดีคะ?”
“เป็นสักอาทิตย์หน้านะครับ ออเดอร์ตามนั้น ผมขอเป็นกระเป๋ากับรองเท้าก่อน กล่องหนังจระเข้อย่างดีสำหรับใส่เน็กไท นาฬิกา เครื่องหนังอย่างอื่นผมขอตรวจสอบยอดขายของร้าน จะมาดีลงานเพิ่มทีหลัง”
“แล้วทางคุณคลาวด์สะดวกเป็น...”
“เงินสดครับ มาเก็บเงินที่ผมแล้วกัน” คนพี่ตอบแทนน้องชายเท่านั้น หญิงสาวผุดยิ้มกว้างเต็มวงหน้า
“ขอบคุณค่ะ!”
‘เงินสด... โอนครับ’
“ขอบคุณ... ฮะ!” เธออุทาน เบิกตากว้างตะลึงหลังพูดตอบเสียงประหลาด ๆ ในหัวซึ่งเป็นเสียงของคุณชาร์ล และเธอไม่ได้คิดไปเองเพียงเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของสองพี่น้อง
เมื่อผู้ชายตัวโตเป็นฝ่ายยอมปล่อยจากเรียวปากอิ่มงาม กัญญาวีร์ชนหน้าผากไว้กับหน้าผากกว้าง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับเขาไปตลอด สุดอสงไขย ณ สถานที่ไร้ห้วงเวลาแห่งนี้“หากว่าถึงเวลาของเรา สักวันหนึ่งเราจะไปด้วยกันนะคะ เราสามคน”“ไม่แค่สามครับ... อนาคตเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่แน่นอนว่าบ้านหลังนี้จะมีจระเข้แอลลิเกเตอร์มากกว่าสามตัว”นานเท่าไรก็จะไม่พรากจาก รอยยิ้มปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา กุมภิลหนุ่มเจ้าเล่ห์กำลังจินตนาการถึงลูกครึ่งจระเข้และแอลลิเกเตอร์ ลูกของเขากับแม่แก้วกัญญาส่วนหญิงสาวยังคงมองตามหยดน้ำใสที่ไหลออกมาจากดวงตาเมื่อมันกลายเป็นก้อนกลม ลอยขึ้นที่สูงแล้วสลายหายไปในอากาศ เธอผุดรอยยิ้มกว้างออกมา ยกปลายนิ้วขึ้นแตะมันที่แตกกระจายออกเป็นฟอง ไม่เลิกร้องไห้ในอ้อมกอดของกุมภิลในวังบาดาลของพญาจระเข้ใหญ่นี้ก็คงจะมีลูกหลานทายาทจระเข้มากกว่าหนึ่งตัว และจากนี้ไปคงมีเรื่องให้คนช่างอยากรู้อยากเห็นอย่างกัญญาวีร์สนุกตามคุณพ่อจระเข้อีกแน่ ๆ ------------------------------------การออกไปว่ายน้ำหาสถานที่อาบแดดเป็นอะไรที่... มีความสุขที่สุด! หากไม่เป็นเพราะว่าคุณแม่อยากลองสถานที่แปลกใหม่ คน
พญาชาละวันคงไม่มีเมตตาต่อมนุษย์เท่าเดิม เมื่อจิตวิญญาณและความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา ตาคมจรดมองร่างสั่นเทา เปียกปอนเหน็บหนาวไม่ต่างจากพรายสาว น้ำตาลูกผู้ชายก็พาลไหลชาละวันบัดนี้ไม่กลัวเกรงพญายมราชหรือใครหน้าไหน แม้ว่าเขาจะเหยียบหน้าเจ้าถิ่น ก็คิดเพียงว่าต้องพาเมียรักกลับคืน ตรงกันข้ามกับอีกคน หญิงสาวคิดว่ามันคงถึงเวลาต้องจากกัน...“ให้แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาร่วมกันเถิดค่ะ ตอนนี้กันต้องไปแล้ว ลาก่อนคุณหลวงจัน... พญาชาละวัน...”เพียงเรือลำน้อยแล่นฉลิวไปด้วยความเร็วต่างจากเมื่อครู่ หยาดน้ำใสก็เจิ่งนองเต็มสองตาเจ้าจระเข้ยักษ์ มันไม่ยอมว่ายห่างจากเรือ ยังแปลงกายครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แผงอกกว้างกำยำและสองมือเกาะติดเรือไม้อย่างแน่นหนึบ“ผมไปด้วยได้ไหม?”‘ไสหัวไป... ไอ้ตาละวัน’“ไม่ไปครับ...” ในสีหน้ายียวนกวนประสาท กุมภิลหนุ่มรู้ว่าตนจะต้องเจอกับอะไร ไม่มีใครกล้าลองดีกับท่านท้าวพญายมราช ที่ถึงจะส่งพระยมไปเก็บดวงวิญญาณ ก็สามารถสื่อสารจิตถึงกัน หากว่าเจอเรื่องราวอันเป็นอุปสรรคในเมื่อบนโลกนี้ยังมีอมนุษย์และปีศาจบางตน ปะปนแอบแฝงอยู่กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆทว่าจากเรือนผมที่เคยเป็นสีขาวยาวประเอว บัดนี้
เคียดแค้นชิงชัง โกรธในสิ่งที่เธอทำแต่ว่ายังรัก... เขายังรักเธอหมดหัวใจ‘แม่แก้ว!’ เสียงเรียกดังผ่านกระแสน้ำถึงห้วงจิต อีกเพียงนิดก็คว้าร่างของแม่สาวเอวบางได้แล้ว ทว่าเจ้าของเรือนผมสวยสีดำขลับในมินิเดรสตัวเดิม กลับว่ายขึ้นฝั่งผ่านหน้าเขาไปเสียเฉย ๆ ไม่แม้จะสนใจเขาด้วยซ้ำ‘กัญญาวีร์! รอผมก่อน จะรีบไปไหน...’เดรสลายดอกไม้ตัวนั้นเขาก็ซื้อให้ แค่เธอบอกว่าสวยคำเดียวไม่ว่ามันจะราคาเท่าไร เธอมันก็แค่ผู้หญิงเอาแต่ใจ เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง หัวสูง ทำอะไรไม่ปรึกษา ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโห!นัยน์ตาสีแดงสนิทพยายามเพ่งมองให้ชัด โทสะปะทุขึ้นในจิตใจ ร่างสีดำสนิทของจระเข้ใหญ่แหวกว่ายตามไป ก่อนจะพบว่าเป็นเพียงร่างโปร่งใสยังมีอีกคนลอยอยู่ท่ามกลางความมืด สองแขนยกขึ้นเหนือศีรษะ เส้นผมสยายกระจายตามกระแสน้ำ ดวงตาคู่สวยใสใต้เปลือกตาขาวเพียงเบิกมองข้างหน้าอย่างเคว้งคว้าง ในสถานที่แสนเงียบเชียบและหนาวเหน็บลำพัง------------------------------------ร่างไร้ลมหายใจที่หลับใหลอยู่ใต้น้ำ ราวกระชากหัวใจกุมภิลไปจากอก ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงรั้งเธอไว้ เมื่อภาพที่ตาเห็น สิ่งที่สองมือสัมผัสเป็นเพียงกายหยาบ เขากอดร่างแสนหวงแหนไม่ห่าง
ปริศนาในใจเธอได้ไขกระจ่างเมื่อไม่นานมานี้ บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาลิขิตตามพระครูว่าเธอเป็นกุญแจสำคัญ“ฉันเป็นคนขังเขา แต่ในเมื่อเขาเลิกกินเนื้อมนุษย์ไปแล้ว หมอจระเข้ก็หมดกรรมกับเขาไปแล้ว เขาควรได้รับการปลดปล่อยเสียที ฉันจะทำมันค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ได้ไปคนเดียว”“เช่นนั้นผมคงห้ามอะไรคุณกันไม่ได้ เอาเป็นว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรให้ตะโกนเรียกผมนะครับ ผมลงไปในบ่อน้ำนี้ไม่ได้”สองนายบ่าวแทบจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ หากว่าไม่เห็นกับตา ยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะลืมเรื่องบ่อน้ำเสมอ ขณะส่ายคอมองหาไปรอบ ๆ บริเวณด้านหลังบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้ารก ท้องฟ้ามืดลงเต็มที ต่างคนมองเห็นร่างโปรงใสของชายหน้าคุ้นตา ยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าบ้าน กำลังชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่าง แววตาคู่สวยแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง“ฝากด้วยนะคุณคลาวด์ อย่าให้เขามา”“ครับ คุณรีบไปจัดการธุระเสียเถอะ ถึงเจ้านายผมจะหลับ จิตเขาไม่ได้หลับไปด้วย”ได้ยินเท่านั้น เรือนร่างงามของหญิงมนุษย์ก็กลายเป็นเดรัจฉานสีขาว นัยน์ตาสีทอง สัตว์เลื้อยคลานที่มีเขี้ยวคมคลานไปด้วยสี่เท้าของมันลงบ่อไป ------------------------------------ลึก ๆ แล้วกัญญาวีร์
เขายังมีเรื่องราวแปลก ๆ เล่าให้เธอฟังอีกมากแต่เป็นเพราะว่านั่งฟังเสียงตึกตักดังมาได้สักพักจากคุณแม่และคุณลูก จึงซุกปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเข้าหาเดรสลายดอกไม้สวย สูดกลิ่นหอมเบา ๆ ให้ชื่นใจ มือเอื้อมผ่านแผ่นหลัง โอบเอวบางของคุณแม่ที่หน้าท้องใหญ่ขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างระวัง“ท้องโตขึ้นนะ คุณพ่ออยากเห็นหน้าเจ้าตัวน้อยเร็ว ๆ จัง”“คุณชาร์ลว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?”“ผู้ชาย... ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย”สัญชาตญาณลึก ๆ บอกเขาที่เชื่อในความสามารถการรับรู้ของตน คุณพ่อยังนึกซน พอกลิ่นหอมอ่อนอันมีเอกลักษณ์โชยมาแตะจมูกตามทิศทางลม ขณะที่เดรสกระโปรงยาวคงทำอะไรต่อมิอะไรได้ยากเสียหน่อย คุณแม่ยังหวงเนื้อหวงตัวเป็นพิเศษในระยะหลัง ๆ มา เป็นอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้กิน! “ตัวเล็กครับ... ก๊อก ๆ อยู่ไหมนะ... พ่อกวนแม่ได้ไหมครับ” “ไม่ได้ครับ ห้ามกวน” คุณแม่ดัดเสียงแหลมเล็กหยอกล้อ ส่งเสียงหัวเราะดังระคนกันไปนายจันเผลอคิดว่าเมียคงกลายเป็นคนขี้แกล้งอย่างเขาเสียแล้ว ขณะมือหนาค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำ เลิกกระโปรงบานพลิ้วขี้นกองเหนือหน้าขา ก่อนจะโดนตีมือดังเพี๊ยะ! ดวงตาคู่สวยใสแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ดุแ
กัญญาวีร์ดูเร่งเร้าเหลือเกิน ชายกระโปรงสีครีมหวานเขย่าไปเขย่ามา ทำเอาเจ้าของบ้านลอบยิ้มกรุ้มกริ่ม มือไขประตูอย่างไม่รีบร้อนอะไร แต่พอได้ยินเสียงหวานตะโกน“แม่อ่วม ๆ!”‘เจ้าขา... คุณผู้หญิง... อ่วมอยู่นี่เจ้าค่ะ’ คงไม่มีใครคิดว่าบ่าวผู้จงรักภักดีอย่างแม่อ่วมจะยังอยู่บ้านหลังนี้ นายจันมาที่นี่กี่ทีไม่เคยลองเรียกหล่อนดู จึงไม่รู้ว่าหล่อนยังอยู่ นั่นทำให้เขายิ่งแปลกใจ“เรียกหาบ่าวทำไม?”“คือ... กันดีใจไปหน่อย ลืมตัวค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่า กันหิวแล้ว” พูดพลันควงท่อนแขนเป็นล่ำสันกลบเกลื่อน นายจันยังมีสีหน้าสงสัย ขณะพาหญิงสาวเข้าบ้าน เพิ่งจะเห็นเธอนิ่งเงียบไปหลังส่ายคอมองไปทั่ว ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น“กันทำตัวไม่น่าไว้ใจนะครับ”“ก็ปรกตินี่คะ คุณชาร์ลคิดเองเออเองรึเปล่า?”รอยยิ้มบนวงหน้าหวานบอกว่าไม่มีอะไร เมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงจับมือเรียวเดินผ่านทางเข้าบ้านโบราณที่ตกแต่งด้วยสีขาวครีม ขอบหน้าต่างหลังคาเป็นเกล็ดขนมปังขิง ตามแบบสมัยนิยมยุคคุณหลวง มีภาพขนาดใหญ่ใส่กรอบเป็นหนุ่มหน้าตาเหมือนกับนายชรัณไม่ผิดเพี้ยนแต่ถือไม้เท้าสวมชุดราชปะแตนอยู่กลางบ้าน“คิดถึงจังเลยค่ะ กันอยากกลับบ้านหลังนี้มาน