“คนรับรองคนไหน? ผมยาวหรือผมสั้นคนนั้น”
“ผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ครับ ที่หิ้วกระเป๋าจระเข้...”
“สวยดีนี่ ตาถึง แต่ว่าฉันไม่ชอบรสนิยมนั่นเท่าไร ฉันเห็นจระเข้ตัวเมียโดนเชือดก่อนกลายเป็นกระเป๋าสีขาวแสนสวยของหล่อน แล้วแต่งตัวแบบนี้น่ะ คนเขาเรียกว่า ‘เซลล์’” นายจันมองหาคนไกลด้วยดวงตาที่สามารถมองได้ไกลลิบ มากสุดคงมองได้เป็นกิโลฯ แม้ว่ามันอาจไม่ชัดเจนนักแค่เห็นว่าแต่ละคนกำลังทำอะไร
จากนัยน์ตาเป็นประกายใต้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลทรงเสน่ห์เช่นเดียวกับคนน้อง พวกเขามีใบขับขี่! ใบรับรองแพทย์ที่บ่งบอกอาการของสายตาอันเฉียบคมว่าเป็นการทำงานผิดปกติของกลุ่มแยกแยะสีในตา อาการไม่ร้ายแรง สามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป
นายจันมีเอกสารครบ ส่วนเรื่องอะไรต่อมิอะไร คนเป็นนายออกนอกบ้านมากกว่าก็จะรู้มากกว่า
“เซลล์? หมายถึง seller อะไรประมาณนั้นน่ะหรือครับ”
“ใช่ ตอนนี้เรียกเซลล์ เซลล์ขายของ พนักงานขายทำงานกันเป็นกลุ่ม ก็แล้วแต่ว่าขายอะไร ยุค ๆ นั้นก็เรียกพนักงานขายนี่แหละ แกคงยังไม่ชิน”
“จากการแต่งตัวแล้วผมพอเดาได้ว่าเธอขายอะไร เฮ้อ... คนในยุคนี้ช่างโหดร้ายทารุณ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนายคล้าวหันไปบอก “อย่าลืมนะครับว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกัน พี่เป็นสถาปนิกมารับงานที่นี่ ส่วนผมอยากมาซื้อของล็อตใหญ่ไปเปิดร้านย่านประตูน้ำ สุขุมวิท ตามนี้นะครับ”
นายจันมองหน้าน้องชายจำเป็น ไม่ทันได้ทักถามว่าร้านขายของอะไร เพราะหญิงสาวแปลกหน้าเดินมาหาพวกเขาพอดี สาวร่างอ้อนแอ้นในเชิ้ตสีขาว กระโปรงสั้นประเข่าคลุมทับไว้ด้วยสูท มือกอดแฟ้มเอกสาร นายคล้าวผุดยิ้มเต็มวงหน้า เผลอส่งเสียงดัง
“แม่แก้ว!”
“ไม่ใช่ค่ะคุณ... ฉันกัญญาวีร์ เป็นหัวหน้าเซลล์ที่ฟาร์มนี้ ฟาร์มเรามีโชว์จระเข้ข้างใน มีโรงงานจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย...”
“โรงงาน...?” นายจันแทรกถามขึ้นมา สาวสวยฉีกยิ้มแฉ่ง ผายมือออกกว้างด้วยท่าทีแสนภาคภูมิใจ
“ใช่ค่ะ! โรงงานผลิตหนังจระเข้อย่างดี หนังจระเข้ของฟาร์มเราเป็นแบรนด์ใหญ่ติดตลาดทั้งกระเป๋ารองเท้า เราส่งสินค้าให้ร้านค้าปลีกแม้แต่งานขึ้นห้าง งานส่งนอก เรามีโรงงานผลิตเนื้อจระเข้ตั้งอยู่ในอีกจังหวัด ได้รับใบอนุญาตขายจระเข้อย่างถูกต้องค่ะ เนื้อจระเข้เมนูดังที่นี่ก็อร่อยนะคะ ว่าแต่...” เงียบไปแล้วกลอกตาไปมาเพราะลืมตัว ลืมถามว่าใช่ลูกค้าไหม!
“คุณคลาวด์นะคะ?”
“ครับ ผมคลาวด์ครับ นี่พี่ชาร์ลพี่ชายผมเอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณกัญญาวีร์” เขาแนะนำให้พี่ชายรู้จักด้วยซึ่งนายจันได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง เมื่อหญิงสาวยกมือไหว้พวกเขา ก่อนจะปัดผมตัวเองอย่างเก้อเขิน
“เอ่อ... รู้สึกอายจัง ฉันขายของเก่งไปหน่อยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ดูคุณกัญญาวีร์สนใจงานเกี่ยวกับหนังจระเข้ดี ผมไม่ผิดหวังที่มา”
กัญญาวีร์หัวเราะแห้ง “เรียกฉันว่ากันก็ได้นะคะ ชื่อจริงฉันคงจะยาวไป ตามฉันมาทางนี้เลยค่ะ” ผายมือเชื้อเชิญ เดินนำทางสองหนุ่มพลางแนะนำสถานที่ในฟาร์มจระเข้อย่างเชี่ยวชาญ ยังเลือกใช้ทางลัดผ่านสวนหย่อมเล็ก ๆ เพื่อตรงไปยังห้องอาหาร
กัญญาวีร์เพิ่งสังเกตเห็นด้วยว่าเหล่าสาวน้อยใหญ่แต่ละนาง เหลียวคอมองตามเธอทุกย่างก้าวเดินราวกับว่าเป็นผู้โชคดี มีหนุ่มหล่อลากกระชากตับขนาบข้างทั้งซ้ายขวา! จะว่าเป็นลูกครึ่งออกไปทางจีน ฮ่องกง ผสมแขกขาวนิด ๆ หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ขณะที่ชายทั้งสองมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะผู้ชายตัวโต คิ้วเข้มหนาที่เรียบขนานเหนือดวงตาคู่คมปลาบขมวดมุ่น คร่ำเครียดตลอดเวลา
“คุณยายกันชอบเรียกกันว่าแก้วนะคะ แปลกที่คุณคลาวด์เรียกขึ้นมา แปลกมาก ๆ เลยค่ะ”
“คุณกันชื่อเล่นชื่อแก้วหรือครับ?” นายคล้าวถามแทนเจ้านายที่เงียบกริบ คงรู้ตัวแล้วล่ะว่าเขากำลังจะทำอะไร
“ชื่อกัญญาวีร์ค่ะ กันไม่ชอบชื่อแก้วเลย กันว่ามันโหลน่ะค่ะ โบร้าณณโบราณ แต่ว่ากันนี่สะกดด้วย น หนูนะคะ ถ้ากัญฯ เหมือนชื่อจริง กันนึกถึงกัญชาค่ะ” เธอยกมือป้องปากหัวเราะด้วยความเป็นคนอัธยาศัยดี อาจจะเพื่อละลายพฤติกรรมลูกค้าด้วย เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองกำลังคิดอะไร จะตกลงซื้อสินค้ากับเธอไหม
ฝั่งนายคล้าวเองก็ไม่รู้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการหรือเปล่า เขาแกล้งหัวเราะตามพอเป็นมารยาท ตามองไกล ๆ ไปทางถัดจากบ่อจระเข้ขนาดใหญ่ ความจุจระเข้นับพันตัว
ฟาร์มจระเข้นี้กว้างขวางพอสมควร ต่างคนเดินกันช้า ๆ มาถึงร้านอาหาร หน้าโต๊ะสำหรับลูกค้า VIP คลุมไว้ด้วยผ้าปูสีขาวปักด้วยลูกไม้อย่างงดงาม มันถูกจองไว้ก่อนหน้านี้ผ่านการติดต่อจากหน้าเว็บไซต์ มีการวางเงินมัดจำจำนวนหนึ่ง สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าราคาปลีกก่อนเข้ามาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย
“กันต้องขอโทษที่ให้รอด้วยนะคะ ยังไงกันขออนุญาตเลี้ยงข้าวคุณคลาวด์คุณชาร์ลสักมื้อ”
“ให้ผมจ่ายดีกว่าครับ ผู้หญิงจ่ายเงินแล้วรู้สึกไม่ดี” ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ ผู้อาวุโสสุดเงียบนานแล้วจึงไม่อยากเสียมารยาท
“เดี๋ยวพี่จ่ายเองครับน้อง ๆ พี่แก่สุดจะมาให้เด็กจ่ายได้ยังไง ทานกันให้เต็มที่เลยนะ” เขาหันไปทางหญิงสาวที่พยักหน้า ยกมือประนมก้มศีรษะอย่างนอบน้อม “ขอบคุณค่ะคุณชาร์ล งั้นไม่เกรงใจนะคะ กันทานเก่งนะ”
“ดีครับ รับปากว่าจะทาน ต้องทานเยอะ ๆ นะครับ ระดับพี่ชายผมเปย์หมดร้านไหว สบายมาก”
เสียงหัวเราะดังระคนกันไปหลังผูกมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน จู่ ๆ กัญญาวีร์กลับเอียงคอ ขมวดคิ้วนิ่วหน้าสงสัยตัวเองว่ายกมือไหว้ลูกค้าทำไม อย่างมากก็ควรจะทำแค่ขอบคุณ ฉีกยิ้มหวาน ไม่สิ... ไม่ใช่นิสัยของเธอด้วยซ้ำ
ขณะที่อีกฝั่งนั้นเริ่มจับจ้องเจ้าของใบหน้าหวานงามด้วยความรู้สึกมากมายหลายอย่าง
ใต้เครื่องสำอางอ่อนโทนสีชมพู ริมฝีปากบางกระจับงามเคลือบลิปสติกสีหวานดูยังไงก็ใช่แม่ตะเภาแก้ว เส้นผมสีน้ำตาลดัดลอนปลายตามเทรนด์แฟชั่น จากที่เคยเป็นผมสีดำขลับประสาสาวโบราณทำให้เขานึกถึงคนในอดีตอย่างตะเภาทอง
กัญญาวีร์เพียงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวทันสมัย ทว่าทรวดทรงองเอวอ้อนแอ้นและใบหน้างดงามหมดจดราวรูปปั้นสลักแกะราวกับว่าเป็นคนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
หากว่าเขาเจอคนพี่แล้วคนน้อง... คงต้องอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน นายจันควรดีใจกับข่าวดีนี้ จนได้ยิน
“น้อง... สเต๊กจระเข้สามที่...” เสียงหวานบอกพลางโบกมือเรียกพนักงานหนุ่ม เข้ามารับออเดอร์ไปพร้อมหน้าตาเหลอหลาของสองหนุ่มในฝั่งตรงกันข้าม
“สเต๊กจระเข้?”
“ค่ะ คุณชาร์ลชอบทานสุกไหมคะ? หรือจะเอาแบบมีเดียมแรร์ สุกกลาง จระเข้ที่นี่เนื้อดีมากเป็นจระเข้หนุ่ม รับรองว่าเนื้อนุ่มหอมเครื่องเทศ ฝีมือของเชฟเราระดับมิชลินสตาร์ ไม่มีเหนียวติดฟันแน่นอนค่ะ”
เมื่อผู้ชายตัวโตเป็นฝ่ายยอมปล่อยจากเรียวปากอิ่มงาม กัญญาวีร์ชนหน้าผากไว้กับหน้าผากกว้าง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับเขาไปตลอด สุดอสงไขย ณ สถานที่ไร้ห้วงเวลาแห่งนี้“หากว่าถึงเวลาของเรา สักวันหนึ่งเราจะไปด้วยกันนะคะ เราสามคน”“ไม่แค่สามครับ... อนาคตเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่แน่นอนว่าบ้านหลังนี้จะมีจระเข้แอลลิเกเตอร์มากกว่าสามตัว”นานเท่าไรก็จะไม่พรากจาก รอยยิ้มปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา กุมภิลหนุ่มเจ้าเล่ห์กำลังจินตนาการถึงลูกครึ่งจระเข้และแอลลิเกเตอร์ ลูกของเขากับแม่แก้วกัญญาส่วนหญิงสาวยังคงมองตามหยดน้ำใสที่ไหลออกมาจากดวงตาเมื่อมันกลายเป็นก้อนกลม ลอยขึ้นที่สูงแล้วสลายหายไปในอากาศ เธอผุดรอยยิ้มกว้างออกมา ยกปลายนิ้วขึ้นแตะมันที่แตกกระจายออกเป็นฟอง ไม่เลิกร้องไห้ในอ้อมกอดของกุมภิลในวังบาดาลของพญาจระเข้ใหญ่นี้ก็คงจะมีลูกหลานทายาทจระเข้มากกว่าหนึ่งตัว และจากนี้ไปคงมีเรื่องให้คนช่างอยากรู้อยากเห็นอย่างกัญญาวีร์สนุกตามคุณพ่อจระเข้อีกแน่ ๆ ------------------------------------การออกไปว่ายน้ำหาสถานที่อาบแดดเป็นอะไรที่... มีความสุขที่สุด! หากไม่เป็นเพราะว่าคุณแม่อยากลองสถานที่แปลกใหม่ คน
พญาชาละวันคงไม่มีเมตตาต่อมนุษย์เท่าเดิม เมื่อจิตวิญญาณและความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา ตาคมจรดมองร่างสั่นเทา เปียกปอนเหน็บหนาวไม่ต่างจากพรายสาว น้ำตาลูกผู้ชายก็พาลไหลชาละวันบัดนี้ไม่กลัวเกรงพญายมราชหรือใครหน้าไหน แม้ว่าเขาจะเหยียบหน้าเจ้าถิ่น ก็คิดเพียงว่าต้องพาเมียรักกลับคืน ตรงกันข้ามกับอีกคน หญิงสาวคิดว่ามันคงถึงเวลาต้องจากกัน...“ให้แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาร่วมกันเถิดค่ะ ตอนนี้กันต้องไปแล้ว ลาก่อนคุณหลวงจัน... พญาชาละวัน...”เพียงเรือลำน้อยแล่นฉลิวไปด้วยความเร็วต่างจากเมื่อครู่ หยาดน้ำใสก็เจิ่งนองเต็มสองตาเจ้าจระเข้ยักษ์ มันไม่ยอมว่ายห่างจากเรือ ยังแปลงกายครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แผงอกกว้างกำยำและสองมือเกาะติดเรือไม้อย่างแน่นหนึบ“ผมไปด้วยได้ไหม?”‘ไสหัวไป... ไอ้ตาละวัน’“ไม่ไปครับ...” ในสีหน้ายียวนกวนประสาท กุมภิลหนุ่มรู้ว่าตนจะต้องเจอกับอะไร ไม่มีใครกล้าลองดีกับท่านท้าวพญายมราช ที่ถึงจะส่งพระยมไปเก็บดวงวิญญาณ ก็สามารถสื่อสารจิตถึงกัน หากว่าเจอเรื่องราวอันเป็นอุปสรรคในเมื่อบนโลกนี้ยังมีอมนุษย์และปีศาจบางตน ปะปนแอบแฝงอยู่กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆทว่าจากเรือนผมที่เคยเป็นสีขาวยาวประเอว บัดนี้
เคียดแค้นชิงชัง โกรธในสิ่งที่เธอทำแต่ว่ายังรัก... เขายังรักเธอหมดหัวใจ‘แม่แก้ว!’ เสียงเรียกดังผ่านกระแสน้ำถึงห้วงจิต อีกเพียงนิดก็คว้าร่างของแม่สาวเอวบางได้แล้ว ทว่าเจ้าของเรือนผมสวยสีดำขลับในมินิเดรสตัวเดิม กลับว่ายขึ้นฝั่งผ่านหน้าเขาไปเสียเฉย ๆ ไม่แม้จะสนใจเขาด้วยซ้ำ‘กัญญาวีร์! รอผมก่อน จะรีบไปไหน...’เดรสลายดอกไม้ตัวนั้นเขาก็ซื้อให้ แค่เธอบอกว่าสวยคำเดียวไม่ว่ามันจะราคาเท่าไร เธอมันก็แค่ผู้หญิงเอาแต่ใจ เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง หัวสูง ทำอะไรไม่ปรึกษา ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโห!นัยน์ตาสีแดงสนิทพยายามเพ่งมองให้ชัด โทสะปะทุขึ้นในจิตใจ ร่างสีดำสนิทของจระเข้ใหญ่แหวกว่ายตามไป ก่อนจะพบว่าเป็นเพียงร่างโปร่งใสยังมีอีกคนลอยอยู่ท่ามกลางความมืด สองแขนยกขึ้นเหนือศีรษะ เส้นผมสยายกระจายตามกระแสน้ำ ดวงตาคู่สวยใสใต้เปลือกตาขาวเพียงเบิกมองข้างหน้าอย่างเคว้งคว้าง ในสถานที่แสนเงียบเชียบและหนาวเหน็บลำพัง------------------------------------ร่างไร้ลมหายใจที่หลับใหลอยู่ใต้น้ำ ราวกระชากหัวใจกุมภิลไปจากอก ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงรั้งเธอไว้ เมื่อภาพที่ตาเห็น สิ่งที่สองมือสัมผัสเป็นเพียงกายหยาบ เขากอดร่างแสนหวงแหนไม่ห่าง
ปริศนาในใจเธอได้ไขกระจ่างเมื่อไม่นานมานี้ บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาลิขิตตามพระครูว่าเธอเป็นกุญแจสำคัญ“ฉันเป็นคนขังเขา แต่ในเมื่อเขาเลิกกินเนื้อมนุษย์ไปแล้ว หมอจระเข้ก็หมดกรรมกับเขาไปแล้ว เขาควรได้รับการปลดปล่อยเสียที ฉันจะทำมันค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ได้ไปคนเดียว”“เช่นนั้นผมคงห้ามอะไรคุณกันไม่ได้ เอาเป็นว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรให้ตะโกนเรียกผมนะครับ ผมลงไปในบ่อน้ำนี้ไม่ได้”สองนายบ่าวแทบจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ หากว่าไม่เห็นกับตา ยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะลืมเรื่องบ่อน้ำเสมอ ขณะส่ายคอมองหาไปรอบ ๆ บริเวณด้านหลังบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้ารก ท้องฟ้ามืดลงเต็มที ต่างคนมองเห็นร่างโปรงใสของชายหน้าคุ้นตา ยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าบ้าน กำลังชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่าง แววตาคู่สวยแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง“ฝากด้วยนะคุณคลาวด์ อย่าให้เขามา”“ครับ คุณรีบไปจัดการธุระเสียเถอะ ถึงเจ้านายผมจะหลับ จิตเขาไม่ได้หลับไปด้วย”ได้ยินเท่านั้น เรือนร่างงามของหญิงมนุษย์ก็กลายเป็นเดรัจฉานสีขาว นัยน์ตาสีทอง สัตว์เลื้อยคลานที่มีเขี้ยวคมคลานไปด้วยสี่เท้าของมันลงบ่อไป ------------------------------------ลึก ๆ แล้วกัญญาวีร์
เขายังมีเรื่องราวแปลก ๆ เล่าให้เธอฟังอีกมากแต่เป็นเพราะว่านั่งฟังเสียงตึกตักดังมาได้สักพักจากคุณแม่และคุณลูก จึงซุกปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเข้าหาเดรสลายดอกไม้สวย สูดกลิ่นหอมเบา ๆ ให้ชื่นใจ มือเอื้อมผ่านแผ่นหลัง โอบเอวบางของคุณแม่ที่หน้าท้องใหญ่ขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างระวัง“ท้องโตขึ้นนะ คุณพ่ออยากเห็นหน้าเจ้าตัวน้อยเร็ว ๆ จัง”“คุณชาร์ลว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?”“ผู้ชาย... ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย”สัญชาตญาณลึก ๆ บอกเขาที่เชื่อในความสามารถการรับรู้ของตน คุณพ่อยังนึกซน พอกลิ่นหอมอ่อนอันมีเอกลักษณ์โชยมาแตะจมูกตามทิศทางลม ขณะที่เดรสกระโปรงยาวคงทำอะไรต่อมิอะไรได้ยากเสียหน่อย คุณแม่ยังหวงเนื้อหวงตัวเป็นพิเศษในระยะหลัง ๆ มา เป็นอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้กิน! “ตัวเล็กครับ... ก๊อก ๆ อยู่ไหมนะ... พ่อกวนแม่ได้ไหมครับ” “ไม่ได้ครับ ห้ามกวน” คุณแม่ดัดเสียงแหลมเล็กหยอกล้อ ส่งเสียงหัวเราะดังระคนกันไปนายจันเผลอคิดว่าเมียคงกลายเป็นคนขี้แกล้งอย่างเขาเสียแล้ว ขณะมือหนาค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำ เลิกกระโปรงบานพลิ้วขี้นกองเหนือหน้าขา ก่อนจะโดนตีมือดังเพี๊ยะ! ดวงตาคู่สวยใสแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ดุแ
กัญญาวีร์ดูเร่งเร้าเหลือเกิน ชายกระโปรงสีครีมหวานเขย่าไปเขย่ามา ทำเอาเจ้าของบ้านลอบยิ้มกรุ้มกริ่ม มือไขประตูอย่างไม่รีบร้อนอะไร แต่พอได้ยินเสียงหวานตะโกน“แม่อ่วม ๆ!”‘เจ้าขา... คุณผู้หญิง... อ่วมอยู่นี่เจ้าค่ะ’ คงไม่มีใครคิดว่าบ่าวผู้จงรักภักดีอย่างแม่อ่วมจะยังอยู่บ้านหลังนี้ นายจันมาที่นี่กี่ทีไม่เคยลองเรียกหล่อนดู จึงไม่รู้ว่าหล่อนยังอยู่ นั่นทำให้เขายิ่งแปลกใจ“เรียกหาบ่าวทำไม?”“คือ... กันดีใจไปหน่อย ลืมตัวค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่า กันหิวแล้ว” พูดพลันควงท่อนแขนเป็นล่ำสันกลบเกลื่อน นายจันยังมีสีหน้าสงสัย ขณะพาหญิงสาวเข้าบ้าน เพิ่งจะเห็นเธอนิ่งเงียบไปหลังส่ายคอมองไปทั่ว ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น“กันทำตัวไม่น่าไว้ใจนะครับ”“ก็ปรกตินี่คะ คุณชาร์ลคิดเองเออเองรึเปล่า?”รอยยิ้มบนวงหน้าหวานบอกว่าไม่มีอะไร เมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงจับมือเรียวเดินผ่านทางเข้าบ้านโบราณที่ตกแต่งด้วยสีขาวครีม ขอบหน้าต่างหลังคาเป็นเกล็ดขนมปังขิง ตามแบบสมัยนิยมยุคคุณหลวง มีภาพขนาดใหญ่ใส่กรอบเป็นหนุ่มหน้าตาเหมือนกับนายชรัณไม่ผิดเพี้ยนแต่ถือไม้เท้าสวมชุดราชปะแตนอยู่กลางบ้าน“คิดถึงจังเลยค่ะ กันอยากกลับบ้านหลังนี้มาน