เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว

เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว

By:  เล่อเอินUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
64Chapters
9views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

[เริ่มแรกโหดร้าย ภายหลังหวานแหวว + ฌาปนสถาน + ผู้มีอำนาจก้มหน้า + วางแผนการไว้นานแล้ว] ปีที่สามของการแต่งงานกับโจวอวี้ชวน ในที่สุดเวินซ่งก็รู้แล้วว่าคนที่อยู่ในใจเขาคือใคร ...พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาไงละ ในคืนที่พี่ชายคนโตของเขาจากไป โจวอวี้ชวนเข้าไปขวางการตบหน้าให้พี่สะใภ้ใหญ่อย่างแน่วแน่ โดยไม่สนเลยสักนิดว่าเวินซ่งที่เป็นภรรยาคนนี้ก็อยู่ข้าง ๆ เวินซ่งเข้าใจดี ที่โจวอวี้ชวนแต่งงานกับเธอเพียงเพราะว่าเธอเชื่อฟังและรู้ประสา ซึ่งความเป็นจริงก็เป็นเครื่องยืนยัน ว่าเธอรู้ประสามากจริง ๆ รู้ประสากระทั่งถึงคราวหย่า เธอก็ไม่ได้ไปวุ่นวายกับโจวอวี้ชวนเลยแม้แต่น้อย โจวอวี้ชวนไม่รู้ ว่าเธอได้รับทะเบียนหย่าแล้ว โจวอวี้ชวนไม่รู้ ว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว วันที่เธอค้นคว้ายารักษาโรคมะเร็งที่ได้ผลดีเป็นพิเศษสำเร็จ ทั่วโลกต่างแซ่ซ้องเธอ มีเพียงแค่โจวอวี้ชวนคนเดียวเท่านั้นที่คุกเข่าลง อ้อนวอนให้เธอให้อภัยด้วยดวงตาแดงก่ำ “เสี่ยวเวินซ่ง ฉันผิดไปแล้ว เธอหันกลับมามองฉันหน่อยได้ไหม?” เขาเป็นสุภาพบุรุษผู้สงบเสงี่ยม จะไปทำผิดได้ยังไง เวินซ่งถอยหลังหนึ่งก้าว คุณชายผู้ซึ่งเล่าลือกันว่าสูงส่งจนไม่อาจเอื้อมถึง ยื่นมือออกมาโอบเอวเธอไว้ แล้วประกาศความเป็นเจ้าของอย่างแข็งกร้าว “ต้องขอโทษด้วย เธอจะแต่งงานแล้ว แต่งกับฉัน”

View More

Chapter 1

บทที่ 1

Rumah Sakit

Jenny POV

Terbangun dengan kepala yang serasa akan meledak, luka dan lebam di seluruh tubuh, membuatku hanya sanggup menggerakkan jemari tangan dan membuka mata.

Seorang wanita paruh baya dan laki-laki yang kutebak adalah suaminya, menggenggam tanganku dengan hangat, berteriak memanggil dokter saat aku membuka mata.

Dibantu dengan perawat, Dokter memeriksa kondisiku, sayup kudengar ia sampaikan bahwa aku berhasil melewati masa kritis. Kulihat wanita paruh baya dan suaminya saling berpelukan dan mengucapkan syukur tak lupa mengucapkan terima kasih kepada dokter.

Walaupun dokter mengatakan keadaanku akan membaik dalam beberapa hari, namun satu hal yang mengganjal dalam benak ku, ini sudah pasti di rumah sakit, namun siapa aku? Siapa mereka? Satu hal yang pasti, aku kehilangan ingatanku, sulit bagiku mengingat memori yang pernah terekam di otakku.

Wanita paruh baya di hadapanku memelukku erat sambil terus memanggil manggil Jenny, sepertinya itu adalah namaku.

*

Markas Besar Obsidian

Tim Obsidian tim terbaik di negara ini, identitas mereka adalah top secret, Bayangkan 1 orang anggota tim Obsidian memiliki skill setara dengan 120 pasukan. Mengintai, menembak, beladiri, strategi taktis dan IQ diatas rata-rata adalah hal yang wajib dimiliki setiap anggotanya. Mereka berlatih dengan keras dan bahkan mengancam nyawa.

“Kapten, apakah kita akan menerima Tugas Liburan ini?” Tanya Gerrald anggota termuda tim Obsidian.

Adrius, Kapten yang baru saja dilantik hanya melirik Gerrald dengan tatapan tidak suka.

“Adrius, tolong berpikir jernih sudah 1 bulan berlalu, di tim ini masih ada Gerrald, Brian dan Aku, jangan tenggelam dengan kesedihanmu, di antara kita semua tidak ada yang tidak berduka atas insiden yang merenggut Alcie” Tambah Varro.

“Cukup!!” Potong Adrius.

“Dalam misi Tarantula kemarin, kau hampir saja membahayakan tim dengan perilaku gegabahmu, apa kau berencana bunuh diri dalam misi??” Brian menimpali.

Adrius merenung, semenjak Alcie dinyatakan gugur dalam misi, dia kehilangan fokus, mungkin ini saat yang tepat untuk menerima tugas liburan.

“Baiklah, hanya 1 bulan” Putus Adrius akhirnya.

Yang disebut Tugas Liburan adalah melakukan misi yang tidak berbahaya, hanya menjaga perbatasan, membantu warga dan lain lain.

“Aku harap Adrius segera melupakan Alcie” Lirih Gerrald.

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
64 Chapters
บทที่ 1
ปีที่สามของการแต่งงาน ตอนที่พี่ชายคนโตของโจวอวี้ชวนจากไป เวินซ่งพูดเรื่องหย่ากับเขาโจวอวี้ชวนขมวดคิ้ว เผยสีหน้าไม่เข้าใจ “แค่เพราะว่าฉันยอมถูกตบหน้าแทนหมิงถังเนี่ยนะ?”หมิงถัง เรียกกันเสียสนิทสนมจริง ๆ นะแต่ว่า ทั้งที่เสิ่นหมิงถังเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาแท้ ๆเวินซ่งขยับริมฝีปาก “ใช่ เป็นเพราะเรื่องนี้”สิ่งที่ทำลายชีวิตการแต่งงาน มันจะเป็นเพราะเรื่องแค่นี้ได้ยังไงรอยแดงจากการถูกตบฉาดนั้นที่โรงพยาบาล มันชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของโจวอวี้ชวนตอนนั้น คนตระกูลโจวล้วนประหลาดใจกับการที่เขาปกป้องเสิ่นหมิงถังแบบนั้นมีเพียงแค่เวินซ่งเท่านั้น ที่ไม่มีความประหลาดใจเลยสักนิดเดียวเมื่อสามวันก่อน เป็นวันครบรอบการแต่งงานของเธอกับโจวอวี้ชวนเธอตระเตรียมการเซอร์ไพรส์ไว้เป็นอย่างดี นั่งเครื่องบินไปถึงเมืองที่เขาไปดูงาน ทว่ากลับได้ยินคำพูดระหว่างเขากับเพื่อนสองเสียก่อน“อวี้ชวน ฉันไม่ได้จะว่านายนะ วันครบรอบแต่งงานนายจะหลบออกมาทุกปีแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเลย นายทำแบบนี้มันผิดต่อความตั้งใจจริงของเสี่ยวเวินซ่ง” ชายหนุ่มที่ปกติแล้วมักอ่อนโยนและสง่างาม นึกไม่ถึงเลยว่าในดวงตาเขาจะดูว้า
Read more
บทที่ 2
“?”หัวสมองของถงอู้ถึงกับเกิดเสียงดังอื้ออึงเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเวินซ่งที่เป็นคนสงบเสงี่ยมเสมอมา จะพูดคำนี้ออกมาได้แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ ผู้ชายเฮงซวยอย่างโจวอวี้ชวนจะเป็นคนน่าอดสูได้ถึงขนาดนี้ถงอู้ด่าหยาบ ๆ คาย ๆ ออกมาด้วยเสียงเบา ๆ แล้วว่า “ไม่ต้องเรียกแกร็บแล้ว ฉันจะไปส่งให้เธอเอง พอส่งเสร็จค่อยกลับมาทำโอที”แกร็บที่เป็นรถสองล้อ จะมาวิ่งได้ไวกว่ารถสี่ล้อของเธอได้ยังไงเมื่อวางสายโทรศัพท์ เวินซ่งก็นึกไม่ถึงว่าตนเองจะพูดออกไปตรง ๆ ได้ง่ายดายขนาดนั้นอาจจะเป็นเพราะความอัดอั้นนี้ มันติดอยู่ในใจเธอมาตลอดมันติดค้างจนทำให้ทั้งกายทั้งใจของเธออึดอัดไปเสียทุกที่ อึดอัดจนแทบบ้าก็เหมือนกับที่โจวอวี้ชวนพูดอยู่ในคลับคืนนั้น เขาไม่เคยแตะต้องเธอเลยสักครั้งหากพูดออกไปอาจจะไม่มีใครเชื่อ แต่งงานมาสามปีแล้ว ทว่าเธอยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่องแรก ๆ เธอเคยคิดว่า โจวอวี้ชวนมีปัญหาในเรื่องนั้นหรือเปล่าทว่าต่อมา ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เธอเห็นโจวอวี้ชวนกอดอัลบั้มรูปอัลบั้มหนึ่งไว้พลางช่วยตัวเองอยู่ในห้องทำงานชายหนุ่มส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ ๆมันเหมือนกับมีคนสะบัดฝ่ามือฟาดใส่หน้
Read more
บทที่ 3
วันต่อมาเวินซ่งตื่นขึ้นมาตามความเคยชิน เมื่อเปิดผ้าม่านหน้าต่าง ก็เห็นข้างนอกขาวโพลนไปหมด พยากรณ์อากาศไม่ได้พยากรณ์ไว้ทว่าหิมะแรกครั้งนี้ตกมาไม่เบาเลยแม้จะมีกระจกขวางกั้น ทว่าเวินซ่งก็ดูเหมือนว่าจะสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นเธอเปลี่ยนไปใส่เดรสไหมพรม ขณะที่กำลังล้างหน้าล้างตาอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากระเบียงทางเดินอึกทึกไม่เบาหนวกหูชะมัดใครไม่รู้ ต้องคิดว่ามีช่างซ่อมแซมเข้ามาทำงานแน่“ป้าอู๋ เกิดอะไรขึ้น...”เวินซ่งรวบผมยาวขึ้นอย่างลวก ๆ เปิดประตูห้องออก ทว่ายังไม่ทันพูดจบ เจ้าตัวก็ตะลึงตาค้างไปแล้วไม่ใช่ช่างซ่อมที่เข้ามาทำงาน ทว่าเป็นศัตรูเข้ามาในบ้านต่างหากเมื่อก่อน ในบ้านล้วนสะอาดสะอ้านเรียบร้อยตอนนี้ เละเทะไปหมดแล้วหมอนข้างที่แต่เดิมอยู่บนโซฟาชั้นล่าง ดันมาโผล่อยู่ที่ประตูห้องของเธอ แถมด้านบนยังมีขี้โคลนสีน้ำตาลอะไรไม่รู้ติดอยู่ด้วยแจกันดอกไม้ที่ตกแตกกลิ้งอยู่บนพื้นรวมถึงภาพสีน้ำมันราคาห้าล้านที่แขวนอยู่บนผนังระเบียงทางเดินเองก็ถูกทำพังเช่นกันสรุปว่า ทำให้รู้สึกเปิดโลกขึ้นมากเลยทีเดียวป้าอู๋คอยตามขอร้องอยู่ด้านหลังโจวสือคั่วไปติด ๆ “บรรพบุร
Read more
บทที่ 4
เสิ่นหมิงถังสีหน้าแข็งค้างไปทันทีเห็นรถคุ้นตาที่ด้านนอกแล้ว ในใจก็ลนลานขึ้นมาดวงตาคู่สวยของเธอจ้องถลึงใส่เวินซ่ง “เธอจงใจ? เธอจงใจใช่ไหม?!”“พี่สะใภ้ใหญ่กำลังพูดอะไรกัน ทั้งที่เมื่อกี้นี้ฉันกำลังเตรียมของขวัญให้อวี้ชวนอยู่ข้างบนแท้ ๆ ทำไมเธอยังจะมาโทษฉันอีกล่ะ...”ดวงตาทั้งสองข้างของเวินซ่งปกคลุมไปด้วยไอน้ำเห็นได้ชัดว่าได้รับความไม่เป็นธรรมไม่น้อยทันทีที่ลุงฉินผู้เป็นพ่อบ้านของบ้านใหญ่เข้ามา ก็ได้เห็นเหตุการณ์ฉากนี้เข้าแล้วพอมองไปยังวิลล่าที่เละเทะจนไม่น่ามอง เขาก็ขมวดคิ้ว มองไปทางเสิ่นหมิงถัง “สะใภ้ใหญ่ คุณหญิงใหญ่ให้ผมมาแจ้งกับคุณว่า ในเมื่ออบรมสั่งสอนบุตรไม่ถูกวิธี คุณหญิงใหญ่ที่เป็นผู้อาวุโสมีแต่ต้องอบรมคุณก่อน”เสิ่นหมิงถังเผยอปาก “อะไรนะ?”ลุงฉินผายมือเป็นสัญลักษณ์ว่า ‘เชิญ’ “เชิญคุณไปที่สวน แล้วคุกเข่าสามชั่วโมง”“ลุงฉิน...”เวินซ่งเพิ่งเปล่งเสียง ลุงฉินก็ขัดคำพูดของเธอเอาไว้เสียก่อนอย่างเข้าใจแจ่มแจ้ง ด้วยการกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน “สะใภ้รอง คุณไม่ต้องพูดขอร้องอะไรทั้งนั้น ในพิธีศพของคุณชายใหญ่เมื่อหลายวันก่อน คุณเองก็ลำบากไม่น้อย ดูแลร่างกายเยอะ ๆ ดีกว่าครับ”“.
Read more
บทที่ 5
โจวอวี้ชวนรับกล่องของขวัญไป ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกรีดลงบนหัวใจอย่างรวดเร็วบอกไม่ได้ว่ามันเจ็บปวด เพียงแต่หายใจไม่ค่อยสะดวกเท่าไรโบบนกล่องของขวัญชิ้นนั้นผูกไว้อย่างตั้งใจและประณีตเห็นได้ชัดว่าเพื่อของขวัญชิ้นนี้แล้ว เธอใส่ใจไปมาก ทั้งยังตระเตรียมไว้นานไม่น้อยทว่าตัวเขาเองกลับเป็นไอ้ระยำครบสูตร ซุกซ่อนความเห็นแก่ตัวที่ไม่อาจเปิดเผยเอาไว้ยังไม่ทันให้เขารับคำอะไร เวินซ่งก็เดินไปที่บริเวณโถงทางเดิน ใส่เสื้อคลุมผ้าขนสัตว์สีแอปริคอต แล้วก็พันผ้าพันคอไว้ จนปิดดวงหน้ารูปไข่ขนาดเท่าฝ่ามือจนหลงเหลือเพียงแค่ดวงตาที่แยกสีดำขาวชัดเจนคู่หนึ่งจากนั้นก็ออกจากบ้านไปเพียงแต่ ท่าทางการเดินของเธอนั้น ดูไม่ค่อยปกติเท่าไรนักขณะที่โจวอวี้ชวนกำลังจะถามนั้น ก็ได้ได้ยินเสียงของเสิ่นหมิงถังที่อยู่ข้าง ๆ ร้องเสียงหลง “ซี๊ด เจ็บจัง!”เขาดึงความคิดกลับมาทันที แล้วประคองเธอให้นั่งใหม่ “เจ็บหัวเข่ามากเลยเหรอ? เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล”“ฉันไม่อยากไป”เสิ่นหมิงถังเม้มปาก เหลือบมองกล่องในมือเขา พลางพึมพำว่า “ยังจะกล้าพูดอีกว่าคุณไม่หวั่นไหวกับเธอ ทั้งที่แม้แต่ของที่เธอให้ คุณก็มองมันราวกับส
Read more
บทที่ 6
ตอนที่เวินซ่งเดินออกจากบ้านใหญ่ตระกูลซางนั้น เธอเดินกะเผลกหนักยิ่งกว่าเก่าสามปีนี้ ขอแค่โจวอวี้ชวนไม่ได้กลับมากับเธอมักจะต้องเจอเข้ากับกฎตระกูลแบบนี้เธอไม่แปลกใจเลยเพียงแต่โจวอวี้ชวนไม่รู้ก็เท่านั้น ว่าทุกครั้งที่เขาต้องไปพิสูจน์ใจจริงกับคนในใจ มักจะผลักเธอไปสู่ทางตันเสมอตระกูลซางไม่ต้องการคุณหนูไร้ประโยชน์ที่คว้าหัวใจของสามีตนไว้ไม่อยู่พ่อบ้านถอนหายใจออกมา “คุณไม่เห็นต้องพูดออกไปตามตรงขนาดนั้นเลย ต่อให้ปรุงแต่งเหตุผลที่ร้ายแรงสักหน่อยขึ้นมา หลอกคุณหญิงใหญ่ไปบ้าง มันก็คงไม่ต้องเจ็บถึงขนาดนี้”“ลุงซาง”บนดวงหน้าเล็ก ๆ สะอาดสะอ้านของเวินซ่งนั้นดูว่าง่ายจนมองความคับแค้นใจไม่ออกเลยสักนิด “คุณย่ามีบุญคุณเลี้ยงดูอบรมฉันมา ฉันจะหลอกใครก็ได้ แต่ไม่มีทางหลอกผู้อาวุโสอย่างคุณย่า”“เฮ้อ”ความอ่อนโยนในดวงตาลุงซางเจือไปด้วยความจริงใจสองส่วน เขามองมือที่ถูกตีจนแดงของเธอ “อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลยครับ รีบไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลเถอะ”“ค่ะ”เวินซ่งพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรอีกลุงเฉินถูกพวกเขาไล่กลับไปนานแล้วทุกย่างก้าวของเวินซ่ง ล้วนเจ็บปวดอย่างรุนแรงตั้งแต่เด็กเธอก็สงสัยมาตลอด ว่าค
Read more
บทที่ 7
ได้ยินน้ำเสียงแผ่วเบาอันเป็นปกติของเธอแล้ว หัวใจของโจวอวี้ชวนก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างทิ่มแทงเขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ “จู่ ๆ จะทิ้งทำไมล่ะ? ปกติเธอให้ความสำคัญกับชุดแต่งงานนี้มากไม่ใช่เหรอ?”เวินซ่งไม่ปฏิเสธเมื่อสามปีก่อน เธอตั้งใจเหลือพื้นที่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไว้เป็นพิเศษ เพื่อแขวนชุดแต่งงานชุดนี้ทุกปีจะต้องส่งไปซักทำความสะอาดทว่าสาเหตุที่ทะนุถนอมมัน เป็นเพราะเธอคิดว่า ชั่วชีวิตนี้คนเราจะแต่งงานกันเพียงครั้งเดียว แน่นอนว่าจะต้องเก็บชุดแต่งงานไว้เป็นที่ระลึกตอนนี้ใกล้จะหย่าแล้วไม่แน่ว่าหลังจากนั้นโจวอวี้ชวนอาจจะแต่งคนในใจเข้ามาก็ได้ชุดแต่งงานชุดนี้ ก็เหมือนกับตัวเธอเอง ที่เป็นของที่เป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้เวินซ่งยิ้มเล็กน้อย “มันพังแล้วน่ะ ฉันเพิ่งเห็นเมื่อไม่กี่วันก่อน มันขาดเป็นรูใหญ่ทีเดียว”“แต่ก็จะทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”โจวอวี้ชวนมองท่าทางมีความสุขทั้งที่ใจระทมทุกข์ของเธอ คิดว่าเธอทำใจไม่ได้ “เอาแบบนี้ ฉันจะให้คนจากร้านชุดแต่งงานมารับไปดูว่าพอจะซ่อมได้ไหม...”“ช่างเถอะ”เวินซ่งส่ายหน้า มองโจวอวี้ชวนด้วยสายตาราบเรียบ “ของที่มันพังไปแล้ว ซ่อมไปก็ไม่ดี”ที่เ
Read more
บทที่ 8
หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงขึ้นมา ฝีเท้าเองก็ชะงักไปทันทีโจวอวี้ชวนสบตาเข้ากับดวงตากระจ่างใสของเธอ พลางเรียกชื่อเธอออกไปโดยไม่รู้ตัว “เวินซ่ง...”จู่ ๆ เวินซ่งก็ยิ้มออกมา น้ำเสียงของเธอทั้งราบเรียบทั้งเบาหวิว “เอาน่า นายจะเครียดไปทำไม ฉันรู้ว่านายกับพี่สะใภ้ใหญ่รู้จักกันมานานแล้ว จะชินกับการเรียกชื่อก็เป็นเรื่องปกติ”มองรถมายบัคสีดำเคลื่อนตัวออกไปจากสวน เวินซ่งค่อย ๆ นั่งพิงโซฟาเธอนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะหุนหันขนาดนี้ทั้งที่เธอเคยชินกับการทำตัวว่าง่ายอ่อนโยนมานานแล้ว ทั้งที่แค่จำเป็นต้องใช้ความรู้สึกผิดในใจของโจวอวี้ชวนมาอ้าง เพื่อให้หย่าได้ราบรื่นแล้วทำไมต้องถามคำถามอะไรเกินความจำเป็นแบบนั้นออกไปด้วยเธอเงยหน้ามองเพดาน ดวงตาทั้งสองข้างแห้งผากอย่างรุนแรงไม่ต้องรอให้เธอคิดจนเข้าใจ ถงอู้ก็โทรศัพท์เข้ามาแล้ว “เสี่ยวซ่งซ่ง กลางคืนออกมาดื่มกันไหม?”“เอาสิ”เวินซ่งตกปากรับคำอย่างรวดเร็ว แล้วก็ชะงักเสียงไปเล็กน้อย “แต่ต้องดึกสักหน่อยนะ ฉันมีไลฟ์ดูแลสุขภาพ ราว ๆ สิบนาทีก็เสร็จแล้ว”เป็นงานของคลินิกแพทย์แผนจีน เดิมทีมันไม่ได้อยู่ในงานของเธอหรอกทว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เพื่อนร่วมงานคนที่รับ
Read more
บทที่ 9
ป้าอู๋ก็ไม่สนใจแล้วว่าโจวสือคั่วกำลังร้องไห้อยู่ รีบสังเกตสีหน้าของเวินซ่ง “คุณนายน้อยคะ คุณยังโอเคไหม... ตอนนี้กระแสข่าวในเน็ตไม่ค่อยดี รูปพวกนี้อาจเป็นรูปตัดต่อก็ได้ค่ะ มีอะไรไว้รอคุณอวี้ชวนกลับมา แล้วค่อยถามเขาต่อหน้าอีกทีนะคะ”“ค่ะ”เวินซ่งเปิดฝาถ้วยรังนก ก้มหน้าลงดื่มอย่างช้า ๆ จะจริงหรือปลอมเมื่อคืนนี้เธอได้เห็นกับตาตัวเองแล้วไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกป้าอู๋เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ดวงตาของเธอบวมเป่งอย่างมากลังเลอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็กลับเข้าห้องไปโทรศัพท์หาที่บ้านใหญ่ “ค่ะ คุณนาย คุณนายน้อยคงจะเห็นข่าวตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ไม่ยอมลงมาทานอาหารกลางวัน แถมยังตาบวมเพราะร้องไห้อีก...” คนที่บ้านใหญ่ ไม่ค่อยได้สนใจข่าวบันเทิงเท่าไรนักพอได้ยินข่าวนี้ ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีน้องสามีกับพี่สะใภ้ม่าย!เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตระกูลโจวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยังจะเหลือชื่อเสียงอยู่อีกเหรอ!คุณหญิงใหญ่ทานยาบรรเทาอาการเจ็บหน้าอกไปสองเม็ดก็ยังไม่หาย ยังคงโมโหจนเป็นลมไปบ้านใหญ่ของตระกูลโจววุ่นวายกันไปหมดเมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว เวินซ่งกลับดูสงบนิ่งและใจเย็นเธอดื่มรังนกจนหมดอย่างไม่รีบร้
Read more
บทที่ 10
เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ความดุดันนั้นกลับค่อย ๆ ลดลง กลายเป็นความอ่อนโยน ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนคลุมเครือ“นายกลับมาแล้ว”เวินซ่งถอยหลังไปครึ่งก้าว เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนเช่นเคย “กินข้าวหรือยัง ป้าอู๋ทำกับข้าว...”“เวินซ่ง”ชายหนุ่มขัดคำพูดของเธอ เลือกใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงค่อนข้างอึดอัด “เรื่องในเน็ต มันไม่ใช่อย่างที่เธอเห็น ฉันอธิบายให้เธอฟังได้”“อืม”เวินซ่งพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย ตอบกลับอย่างใจเย็น “ฉันเชื่อนาย”โจวอวี้ชวนชะงักไปเขารู้มาตลอดว่าเวินซ่งเป็นคนว่านอนสอนง่าย แต่ครั้งนี้ เขาคาดการณ์สถานการณ์ไว้หลายรูปแบบก่อนกลับมา พวกเพื่อนฝูงแก๊งนั้นบอกกับเขาว่า เขาจบเห่แล้วผู้หญิงที่นิสัยดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางทนเรื่องสามีนอกใจได้ทว่า เวินซ่งกลับไม่สะทกสะท้านไม่ร้องไห้ ไม่อาละวาดมันแปลกมากความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างหนึ่งผุดขึ้นในใจของโจวอวี้ชวน คำว่าเชื่อใจที่หลุดออกมาจากปากของเวินซ่งอย่างง่ายดายนั้น ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบมาพากลเขาขมวดคิ้ว ในหัวปรากฏคำหนึ่งขึ้นมา...ไม่สนใจเวินซ่งไม่สนใจเลยว่าเขานอกใจหรือไม่ไม่ได้สนใจเล
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status